มังเว้ยเฮ้ย

(ภาพประกอบจากความใจดีของคุณแป๋ว SevenDaffodils ครับ)

แถวบ้านผมมีร้านขนมปังร้านนึง มาเปิดใหม่ ชื่อว่าร้าน “ปังเว้ยเฮ้ย”
เขาดังพอใช้ได้ และว่ากันว่าอร่อยจนขายดีขนาดมีสาขา

ไม่ได้จะมาชวนกินอะไรนะ แต่เห็นชื่อร้านแล้วนึกถึงเรื่องหนึ่ง
ที่มีคนถามผมในทวิตเตอร์ เขาถามว่า

ถาม: “คนที่ทานเนื้อสัตว์ที่ทำเป็นอาหารสำเร็จรูป
แล้วไม่มีส่วนรู้เห็นในการฆ่าสัตว์ จะมีส่วนร่วมบาปด้วยหรือเปล่าคะ”


ตอบ: เจตนาจะฆ่าไม่มี ก็ไม่มีเหตุของบาปอยู่ครับ

ถาม  “ตามหลักศาสนาพุทธ ห้ามทานเนื้อสัตว์หรือเปล่าคะ
เพราะศีลข้อ ๑ บอกว่าห้ามฆ่าสัตว์”


ตอบ: ท่านห้ามฆ่าแต่ไม่ห้ามกินเนื้อที่ถูกฆ่ามาแล้ว

ต้องเข้าใจก่อนว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ฉันผักอย่างเดียวนะ
กระทั่งพระ ก็ทรงอนุญาตให้รับจากชาวบ้านที่ทำสำเร็จอยู่แล้ว

ข้อปลีกย่อยก็เช่น ถ้าพระรู้ว่าเขาฆ่าสัตว์ตัวนั้นๆ
เพื่อเจาะจงเอามาถวายท่าน ท่านก็ฉันไม่ได้ 
หรือเห็นว่าเขาฆ่าเพื่อนำมาปรุงเป็นอาหารถวายท่าน ก็ฉันไม่ได้

แล้วก็มีเนื้อต้องห้ามเช่น ๑. เนื้อมนุษย์ ๒. ช้าง ๓. ม้า ๔. สุนัข ๕. งู
๖. ราชสีห์ ๗. หมี ๘. เสือโคร่ง ๙. เสือดาว ๑๐. เสือเหลือง

ที่เหลือจะฉันไม่ฉัน เป็นเรื่องความสะดวกของแต่ละบุคคล
แต่ไม่ให้ทำการฆ่าหรือไปดูเขาฆ่าเสียเอง 

ต้องเข้าใจว่า กินเจหรือมังสวิรัติ ทำได้ก็ดีต่อสุขภาพ
แต่ถ้าไม่กินเจแล้วทำทาน เจริญสติ รักษาศีล แบบนี้ดีกว่านะ

คำว่าภิกษุ มาจาก ภิกขุ แปลว่าผู้ขอ เช้ามาก็ไปบิณฑบาต
ชาวบ้านเขาทำอะไรกิน เขาอุตส่าห์แบ่งมาใส่บาตร
จะไปบอกว่าโยม อาตมาไม่ฉันเนื้อ มันดูเรื่องมากไป

แต่ถ้าลงบาตรแล้ว หรืออยู่ในสำรับ พระจะทานไม่ทานอะไร
อันนั้นก็เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่บางสายก็ให้พิจารณาว่ามันเป็นอาหาร

บุญกิริยาวัตถุมีเยอะนะ ตั้ง ๑๐ อย่าง
ถ้าเพ่งจ้องสนใจแค่เรื่องกินเนื้อสัตว์หรือไม่กิน ได้ประโยชน์น้อยนะ

เคยมีคนถามหลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง เรื่องกินเนื้อไม่กินเนื้อนี่แหละ
ว่า...ตกลงจะวางใจเชื่อฝ่ายไหนดี ท่านตอบว่า…

“เหมือนกบกับคางคกนั่นแหละ โยมว่ากบกับคางคกอย่างไหนมันดีกว่ากัน"

หลวงปู่ขยายความว่า การบริโภคอาหารเป็นสักแต่ว่า
เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงร่างกายพอให้คงอยู่ได้ 

ท่านไม่ให้ติดในรสชาติของอาหาร
ไม่ให้ติดอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง 
ให้รู้จักประมาณในการบริโภค ไม่ให้บริโภคด้วยตัณหา 

ถ้าคนกินเนื้อไปติดอยู่ในรสชาติของเนื้อ นั่นเป็นตัณหา
ถ้าคนไม่กินเนื้อ พอเห็นคนอื่นกินเนื้อก็รังเกียจและโกรธเขา
ไปด่าว่านินทาเขา นี่ก็ชื่อว่าทำไปตามอำนาจของตัณหาเหมือนกัน

หลายคนพูดว่า กินเจเพื่อเจริญเมตตาต่อสัตว์
แต่การพูดเสียดสีคนที่กินเนื้อ อันนี้ก็ขาดเมตตาแล้ว

หลวงปู่ชา ท่านสรุปไว้ว่า “แต่ทางที่ถูกนั้น ใครจะกินอะไรก็กินไป แต่ให้มีธรรมะ"

ฉะนั้น อย่าทะเลาะกัน อย่าเสียเวลาไปวุ่นวายว่า จะมังหรือไม่มัง
คนที่กินมัง ก็ระวังอย่าให้มานะอัตตามันพอง จะเป็นพวก “มังเว้ยเฮ้ย”

สุขสันต์วันที่ยังทานอาหารทางปากอยู่ครับ




Create Date : 05 กรกฎาคม 2555
Last Update : 5 กรกฎาคม 2555 15:27:17 น.
Counter : 3188 Pageviews.

4 comments
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
ประสบการณ์ ทำพาสปอร์ตที่สายใต้ใหม่ newyorknurse
(2 ม.ค. 2567 17:45:17 น.)
  
ทานเพื่อให้ร่างกายทรงอยู่ อย่ายึดติดกับรสชาติของอาหาร
โดย: ความรักสีจาง วันที่: 5 กรกฎาคม 2555 เวลา:16:04:35 น.
  


สุโค่ยยยย มั่กๆ
โดย: กิ๊บเก๋ (โอมมี่แอร๊ยยววส์ ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2555 เวลา:13:07:39 น.
  
ขอบคุณครับ คุณกิ๊บเก๋ ^^
โดย: aston27 วันที่: 4 กันยายน 2555 เวลา:23:25:05 น.
  
หะหะหะ เสียชื่อคนกินมังหมด กลับหัวกลับหางกันไปหมด การกินมังสวิรัติเป็นผลมาจากความมีเมตตาจึงเลือกไม่เบียดเบียนสัตว์... แต่คนบางคนกลับจะกินมังเพื่อให้เกิดเมตตา แล้วไปข่มคนอื่นที่กินตามปกติ.
โดย: วิเชียร IP: 223.207.19.69 วันที่: 21 ตุลาคม 2555 เวลา:15:39:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aston27.BlogGang.com

aston27
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]

บทความทั้งหมด