 |
 |
 |
 |
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
 |
4 มิถุนายน 2553 |
|
 |
 |
|
 |
|
|
|
 |
 |
 |
 |
|
 |
 |
 |
 |
|
สนับสนุนโครงการทำหมันหมาแมว
โครงการทำหมันหมาแมว เพื่อลดปัญหาหมาจรในอนาคต เป็นโครงการที่ดีและหลายๆฝ่ายควรให้การสนับสนุน
แต่ยังมีคนหัวโบราณจำนวนหนึ่ง จะแฝงอยู่ในคนสมัยใหม่ที่ไม่ยอมเปิดรับข้อมูลที่updateเรื่องทำหมัน หรือ บ้านที่มีผู้ใหญ่หัวโบราณอยู่ ที่มักจะเชื่อในสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ เชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ในเรื่อง ทำหมันหมาเป็นบาป กลัวบาปซะจนหมาจรเต็มบ้านเต็มเมือง คนกลุ่นนี้แหละที่จะทำให้โครงการทำหมันหมาแมวที่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ไปถึงฝั่งฝัึน ไม่ถึงเป้าหมายสักที
ได้แต่หวังว่า ความเชื่อที่ไม่่มีประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมจะหมดไปสักที ประเทศจะได้พัฒนาไปในด้านที่ดีขึ้น ชีวิตหมาแมวก็ดีขึ้น โรคพิษสุนัขบ้าก็จะควบคุมได้
การที่ยังมีหมาจรเต็มบ้านเต็มเมือง มีผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะมีผลกระทบต่อจิตสำนึกในด้านสิทธิสัตว์
เมื่อหมาจรเต็มบ้านเต็มเมือง คนก็จะมองว่าหมาสกปรก ชีวิตมันไม่มีค่า หมาอันตราย หมามีโรค หมาไม่ควรเข้าใกล้ และจะตามมาด้วยผู้ใหญ่จะสอนเด็กๆตั้งแต่ยังเล็กๆว่า อย่าเข้าใกล้หมาเดี๋ยวหมากัด หมาสกปรก หมาน่ารังเกียจ ปลูกฝังแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ก็จะทำให้เด็กโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่รังเกียจหมา ไม่เห็นความสำคัญไม่เห็นค่าของสุนัข เด็กกลุ่มนี้โตขึ้น ถ้าไม่ได้อยู่ในสังคมที่ดี หรือ ไม่ได้ปลูกฝังเรื่องจริยธรรมมาอย่างดี ก็จะไม่รักหมา ถ้าเลี้ยงหมาแล้วเลี้ยงไม่รอด ก็จะทิ้งหมา เอาหมาไปปล่อย หรือ เลี้ยงแบบเป็นภาระให้เพื่อนบ้านต้องเดือดร้อนไปกับความไม่รับผิดชอบ หรือถ้าเขาไม่เลี้ยงหมา เขาก็จะไม่รักหมา มีแนวโน้มจะไล่เตะหมาจร หรือ แกล้งหมา ไม่ปราณีต่อหมา โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในสังคมชีิวิตที่ปากกัดตีนถีบ
ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ประเทศไร้หมาจร หมาทุกตัวก็จะมีเจ้าของ สะอาด นิสัยดี น่ารักน่าชัง เจ้าของรักสุนัข สุนัขมีบ้านซุกหัวนอน มีเจ้าของเป็นตัวเป็นตน หมาในสายตาเด็กที่มองเข้ามา ก็จะไม่น่ากลัว สะอาด ปลอดภัย ก็จะไม่มีผู้ใหญ่สอนว่าหมาเป็นสิ่งที่น่ากลัว อย่าเข้าใกล้ เด็กก็มีแนวโน้มที่จะรักหมา โตขึ้นก็จะมีแนวโน้มรักหมา ไม่ทำร้ายหมา เพราะไปทำร้ายหมาไม่ได้ เพราะหมาทุกตัวมีเจ้าของ อยู่ดีๆจะไปเตะหมาใครก็ไม่ได้ หรือ ถ้าใครทำร้ายหมา ก็จะถูกสังคมรังเกียจ ดูถูก ก็จะทำให้คนมีมารยาทในการเลี้ยงหมามากขึ้น เห็นสิทธิสัตว์มากขึ้น
เมื่อคนส่วนรวมของประเทศรักหมามากขึ้น เห็นสิทธิสัตว์มากขึ้น ก็จะเรียกร้องให้ผู้นำประเทศ และ ผู้เป็นใหญ่เป็นโต เห็นความสำคัญของสัตว์ สิทธิสัตว์เท่าเทียมกับสมาชิกในครอบครัวที่เ็ป็นมนุษย์ สามารถใช้รถสาธารณะได้ หมาเข้าห้างได้ หมาเข้าร้านอาหารได้ หมาไปไหนมาไหนกับเจ้าของได้ทุกที่ เหมือนกับต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะจิตใจและจิตสำนึกของคนในประเทศได้พัฒนาตามไปด้วย
ได้แต่หวังว่า ประเทศเรา คนไทย จิตสำนึกของคนไทย จะอ่อนโยนต่อสัตว์4ขามากกว่านี้ ไม่รู้ว่าอีกกี่สิบปี เราจะได้เห็นภาพที่หมากับคนไปด้วยกันทุกที ไม่มีใครทิ้งหมา ไม่มีใครแกล้ังหมา ไม่มีใครฟันหัวหมา เตะหมา
ได้แต่หวัง และ หวัง
ตอนนี้ที่ทำได้ ก็คือ เราผู้เลี้ยงที่มีสุนัข เลี้ยงให้ดีที่สุด ให้นิสัยดีที่สุด และอย่าปล่อยให้เป็นภาระสังคม อย่าเอาหมาไปทิ้ง และควรทำหมันหมา และปลูกฝังจิตสำนึกเ็ด็กๆให้รักหมา ไม่แกล้ังหมา พูดเกี่ยวกับหมาให้เด็กฟังแต่สิ่งที่ดีๆ เพื่อหวังว่าเด็กกลุ่มนี้เมื่อโตขึ้นเขาก็จะเลี้ยงหมาแบบมีความรับผิดชอบ และ ไม่มีความเชื่อเกี่ยวกับหมาที่ผิดๆ
เมื่อหวังคนรุ่นเก่า คนรุ่นปัจจุบันไม่ได้ ก็ต้องหวังให้เด็กรุ่นใหม่ทำหน้าที่แทน
และอีกอย่างคือ ควรมีสื่อที่เสนอเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้นเหมือนอย่างเมืองนอกที่พัฒนาแล้ว เช่น มีหนังเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงแสนรู้ ซื่อสัตย์ มากมาย มีการ์ตูนเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยวเป็นมิตรแสนดีเป็นพี่ชายแสนดีคอยดูแลเด็ก มีหนังเกี่ยวกับความผูกพันธุ์ระหว่างสัตว์เลี้ยงกับครอบครัวที่เรียกน้ำตาและรอยยิ้มจากผู้ดูหนัง เมื่อมีสื่อแบบนี้เยอะขึ้น คนก็จะตาสว่าง เห็นประโยชน์ของสัตว์มากขึ้น มากกว่าเป็นแค่สิ่งมีชีวิตสี่ขาที่น่ารังเกียจข้างถนน คนก็จะมองว่า หมาฉลาด หมาฝึกได้ หมาซื่อสัตว์ หมามีประโยชน์ไม่ไร้ค่า เด็กก็จะรักหมา เพราะหมาในการ์ตูนดี หมาในการ์ตูนน่ารัก เด็กก็จะอ่อนโยนกับสัตว์ หรือ ทำหนังให้หมาเป็นฮีโร่ อย่างกับ แลสซี่ หรือ รินตินติน เป็นต้น คนก็อยากให้หมาตัวเองเป็นหมาฮีโร่อย่างในหนัง ก็จะหมั่่นฝึกสอนให้หมาเป็นหมาที่ดี อยู่ในคำสั่ง การปลูกจิตสำนึกควรแทรกในสื่อต่างๆที่คนเปิดรับบ่อยๆ ที่เป็นบิกอิมแพก คนดูเยอะๆ ก็น่าจะช่วยได้ แต่สื่อปัจจุบันเน้นแต่เรื่องที่ทำให้สังคมตกต่ำลง ด้อยลงในเรื่องจิตใจ เน้นแต่เรื่องละครน้ำเน่า แย่งผัวแย่งเมีย ต้องสวย ต้องรวยเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น เงินเท่านั้นที่ทำให้คนนับถือ ยังสนับสนุนให้คนเชื่อในสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ เสนอแต่ในแง่ร้ายเกี่ยวกับสัตว์๋ สัตว์กัดคนตาย เป็นต้น
เมื่อไหร่คนในสังคมยังเชื่อแต่เรื่องไม่ควรเชื่อ ไหว้เสาไฟฟ้าเต้นได้ ไหว์วัวสองหัว ไหว้จิ้งจกสองหาง ขอหวย ขอให้รวย ขอให้ชีวิตดีขึ้นจากเทวดาบนฟ้า คนพวกนี้ก็หวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่คิดจะทำอะไรให้ส่วนรวม ถ้าใครเอาเงินมาให้ฟรีๆก็เอา เพราะถือว่าพระเจ้าประทานพร ประทานเงินมาให้ฟรีๆ โดยไม่ทำอะไร คนพวกนี้ก็จะไม่เคารพตัวเอง ไม่มีศักดิ์ศรีในตัวเอง เงินซื้อได้ พอมีเงินขึ้นมาก็จะมีแนวโน้มไปยัดเงินคนอื่นเพื่อใ้ห้ตนเองได้มาซึ่งประโยชน์เหนือคนอื่น นี่แหละสังคมปัจจุบัน เรื่องหมาๆแมวๆ ถึงไม่คืบหน้า เพราะคนไม่นึกถึงเรื่องคุณค่าทางจิตใจที่แตะต้องไม่ได้ เพราะมัวแต่คำนึงถึงสิ่งที่แตะต้องได้มากกว่าจิตสำนึกที่แตะต้องไม่ได้
----------------------
การทำหมันสุนัข ถือเป็นทางออกที่มีจริยธรรมสำหรับการควบคุมประชากรสุนัข และไม่ถือเป็นการทำร้ายจิตใจคนรักสัตว์ เพราะสุนัขไม่ต้องถูกฉีดยาให้หลับ (ทำให้เสียชีวิตอย่างไม่ทรมาน)
-หมาเลี้ยงทุกตัวต้องลงทะเบียนฝังชิพ มีเจ้าของเป็นตัวเป็นตน ทั่วประเทศ -ส่วนหมาจรที่เลี้ยงโดยผู้ใจดีแต่ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นเจ้้าของ หมากลุ่มนั้นถือว่าเป็นหมาจรไม่มีเจ้าของ ถูกจับทำหมันให้หมด -หมาจรทุกตัวถูกจับทำหมันให้หมด -หมาบ้านหลุดมา ไม่มีชิพ ถือว่าเป็นหมาจร ต้องถูกจับทำหมันให้หมด -หมาบ้านหลุดมามีชิพ ส่งคืนเจ้าของ และถูกปรับ
ถ้าสามารถทำหมันหมาจรได้ทุกตัว หรือหมาบ้านหลุดมาไม่ทำหมันก็จับไปทำหมัน หมาไม่มีเจ้าของก็จับทำหมัน เมื่อหมาทุกตัวที่อยู่นอกเขตบ้านคนถูกจับทำหมัน มันก็ไปสืบพันธุ์มีลูกไม่ได้ ก็จะจบที่หมารุ่นนี้เท่าันั้น คืออีก 15 ปีข้างหน้า (อายุเฉลี่ยทั่วไปของสุนัข) หลังจาก 15 ปีก็จะไม่มีหมาจร เพราะไม่เกิดลูกหมาจรอีก
สุนัขที่มีเจ้าของเป็นตัวเป็นตน ก็จะฝังชิพ หมามีลูกก็รับผิดชอบ รับเลี้ยงกันไป แต่ก็จะทำให้คนกลุ่มนี้รับผิดชอบกับลูกสุนัขที่เกิดขึ้น ถ้าเอาไปปล่อยหรือหลุดไปแล้วไม่มีชิพ ก็ถือว่าเป็นหมาจร ก็ต้องถูกจับทำหมันให้หมด
ในต่างประเทศ กฎหมายเกี่ยวกับสิทธิสัตว์ กฎหมายเกี่ยวกับผู้เป็นเจ้าของสัตว์ ถือว่าเข้มงวดมาก การที่มีกฎหมายเข้มงวดถือเป็นการดี ถ้าหมากัดใคร เจ้าของถูกดำเนินคดี และ หมาอาจถูกทำให้หลับ ก็จะทำให้คนตั้งใจที่จะเลี้ยงหมามากขึ้น เพราะถ้าหมาเป็นอะไรไปเพราะผู้เลี้ยงไม่ดูแลไม่อบรม ความผิดก็จะอยู่ในใจผู้เลี้ยงไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นคนก็จะไม่ยอมทำพลาด
ถ้ากฎหมายหละหลวม คนก็จะหละหลวมตาม และกฎหมายไม่มีทางศักดิ์สิทธิ์
คนไทยหลายคน ยังหัวโบราณอยู่ อันนี้แก้ยาก -ทำหมันหมาเป็นบาป -เลี้่ยงไม่ไหวก็เอาไปปล่อย ถนนก็มี วัดก็มี -หมาไม่มีสิทธิ หมาไม่สะอาด หมาไร้ค่า หมาน่ากลัว
ถ้าความเชื่อเหล่านี้หายไปบ้าง โครงการทำหมันหมาก็จะเจริญรุดหน้าไปได้อีกไกล
หน้าที่ดูแลหมาจรควรเป็นหน้าที่ของรัฐ ต้องมีงบประมาณสนับสนุน มีshelterที่ดีเป็นที่ยอมรับของคนที่มองเข้ามา คนจะได้กล้าให้หมาจรไปอยู่ในนั้น เมื่อเขาไว้ใจว่าหมาในshelterจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าอยู่ท้องถนนแน่ๆ พระ หรือ คนใจดีที่เลี้ยงหมาจร ก็จะปล่อยวางได้ และยอมมอบหมาจรให้รัฐรับผิดชอบเพื่อจะได้อยู่ใน shelterที่ดีๆ
เมื่อมีshelterดีๆ คุณภาพชีวิตหมาก็จะดีกว่าอยู่ท้องถนน คนก็จะกล้าที่จะรับเลี้ยงง่ายขึ้น เหมือนมีคนรับรองคุณภาพระดับหนึ่ง แต่ข้อเสียก็คือ ต้องใช้งบประมาณสูงที่จะเลี้ยงดูปูเสื่อน้องหมาที่หน้าสงสารพวกนี้ เนื่องด้วย shelterที่จำกัด เงินจำกัด เจ้าหน้าที่จำกัด ทำให้ยากมากที่จะช่วยหมาพวกนี้ได้ตลอดอายุไขของมัน ทำให้เมืองนอกเขาถึงมีกำหนดระยะเวลาขีดเส้นตายในการให้โอกาสรอดกับสุนัขกลุ่มนี้(สำหรับ shelter ที่มีมาตรการการทำให้สุนัขหลับอย่างสงบ) ถ้ามีคนมารับหมาในเวลาที่กำหนด หมาก็จะไม่ถูกทำให้หลับ แต่ถ้าไม่มีใครมารับเลี้ยงในเวลาที่กำหนดหมาก็จะถูกทำให้หลับ เพราะฉะนั้นการ adoptหมากลุ่มนี้ก็จะเป็นที่นิยมมากสำหรับผู้เลี้ยงสุนัขในต่างประเทศ เพราะถือว่าเป็นการช่วยชีวิตหมา ช่วยจากการถูกประหารชีวิต และผลทางอ้อมที่จะได้คือ เหมือนเป็นการบังคับให้คนฝังชิพให้สุนัข ถ้าหมาไม่มีชิพจะถือว่าไม่มีเจ้าของ อาจมีโอกาสตายได้ คนก็จะเห็นความสำคัญในการลงทะเบียนเป็นเจ้าของ และ จะไม่ทำหมาหาย ไม่เอาหมาไปทิ้ง เพราะถ้าคุณทิ้งหมาเมื่อไหร่ นั้นคือคุณกำลังส่งหมาไปตาย คนก็จะมีจิตสำนึกและไม่ทิ้งหมา
---------------------
อุปสรรคตัวขัดขวางเด่นๆสำหรับประเทศไทยก็คือ คน เรื่องระบบต่างๆตั้งได้ แต่คนจะทำตามหรือไม่ ตำรวจจะเีกียร์ว่างหรือเปล่า บังคับใช้กฎหมายได้ไหม ถ้ากฎหมายบอกว่าปล่อยหมาเป็นเรื่องผิด ชาวบ้านที่ปล่อยหมาออกมาโดยไม่รับผิดชอบก็ต้องผิด ต้องดำเนินคดี จะมาใช้ระบบผ่อนปรน คนหน้าคุ้น คนเคยจุนเจือ น่าสงสารจับจิตไม่ได้ กฎก็คือกฎ ไม่มีต๋ง หรือปรับก็ต้องปรับหนัก คนจะได้ไม่กล้าทำ เหมือนกับกฎหมายจราจรเมืองนอก ขับรถความเร็วเกินที่เขากำหนด ปรับอาน แพงมาก จนไม่มีใครอยากทำผิด
ชอบความคิดคนเมืองนอกตรงที่ว่า ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ใครทำผิด ใครเห็นต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่
คนที่รักศักดิ์ศรี เคารพสิทธิ์ของตน ก็จะเคารพสิทธิ์ของผู้อื่นด้วย พวกนี้เงินซื้อยากหน่อย ถ้าเห็นใครทำผิด ก็จะรู้สึกว่ายอมไม่ได้ เมื่อฉันอยู่ในกฎ คุณก็ต้องอยู่ในกฎด้วย ถ้าใครแหกกฎถือเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ นิ่งไม่ได้ ต้องแจ้ง เมื่อคนในประเทศโดยรวมเป็นแบบนี้ กฎหมายก็ศักดิ์สิทธิ์ บังคับใช้กฎได้ง่าย
แต่ถ้าคนในประเทศ คอยมองว่าใครจะเอาเปรียบใคร ใครทำผิดกฎ ยอมไม่ได้ คุณยังทำผิดกฎได้ ฉันทำมั่ง เดี๋ยวไม่แฟร์ บ้านนั้นยังปล่อยหมามาขี้นอกบ้านได้เลย ฉันปล่อยบ้าง บ้านนั้นหมาเห่าได้ บ้านฉันหมาก็เห่าได้สิ เขาทำได้ ฉันก็ทำได้ เลยพากันแหกกฎกันเข้าไป กฎหมายก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย แถมคนที่รักษากฎก็ชอบทำผิดกฎเสียเอง นี่แหละประเทศถึงไม่ไปถึงไหน -------------------------
เรื่องฝึกสุนัขให้ทำตามสั่งพื้นฐาน นั่ง หมอบ คอย เดินในสายจูง เป็นอะไรที่เบสิกมากสำหรับผู้เลี้ยงสุนัข ตปท บ้านไหนๆก็ทำเป็น เป็นขอ้ดีคือ การที่เรา(เจ้าของ)ฝึกเอง อย่างน้อยได้ออกคำสั่งกับสุนัขบ้าง มีการควบคุมให้สุนัขทำตามสั่งเป็นระยะๆ ฝึกออกคำสั่งตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ทำให้สุนัขที่ดีๆทั่วๆไป หรือ สุนัขที่มีแนวโน้มอาจมีปัญหาในอนาคต ได้ถูกปรับให้กลายเป็นสุนัขนิสัยดีได้และไม่มีปัญหาเมื่อโตขึ้น ก็จะเหลือแต่สุนัขที่มีภาวะจ่าฝูงตัวจริง ที่อาจหลงเหลือโผล่มามีปัญหาพฤติกรรมตอนโต เจ้าของก็ไม่นิ่งนอนใจ รีบหาทางแก้ รีบปรับ รีบหาอ่านศึกษา เขาตั้งใจจริง เพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่นๆเหมือนคนไทย ถ้าหมาไม่ดีแล้วไปทำให้คนบาดเจ็บ นั้นคือ คนติดคุก สุนัขโดน put down เจ้าของถูกปรับ นั้นเอง สุนัขส่วนใหญ่ถึงดี ไม่เหมือนคนไทย ทางเลือกเยอะ แถมไม่ชอบอ่านหนังสือ ขี้เกียจ สุนัขดื้อก็ปล่อยวัด หรือ ปล่อยข้างถนน หรือให้คนอื่น คนไทยทำอะไรง่ายๆอยู่แล้ว แถมเรื่องฝึกให้ นั่ง หมอบ คอย ก็ไม่คิดจะทำ เพราะคิดว่าต้องเป็นหน้าที่ของครูฝึกเท่านั้น ก็เลยไม่คิดจะทำ สุนัขก็เลยแย่ซะส่วนใหญ่ และกฎหมายไทยไม่เข้มงวด เรื่องเกี่ยวกับสุนัขไม่มีการติดคุก ไม่มีข้อทำโทษร้ายแรง คนก็เลยไม่สนใจเรื่องพฤติกรรมสุนัข มีอะไรก็ยัดเงินสบายใจไปเลย
แถม คนเมืองนอก ใครๆก็พาเดินนอกบ้าน นั้นเองทำให้สุนัขมีแนวโน้มจะดี เพราะสุนัขที่ได้เดินนอกบ้านนานๆกับเจ้าของ สุนัขก็จะได้เติมเต็มในความเป็นสุนัข แต่เมืองไทยพาเดินไม่ได้ คนต้องทำมาหากินไม่มีเวลา รถติด สุนัขจรเยอะ ร้อนไม่เหมาะสมที่จะเดิน คนส่วนใหญ่รังเกียจสุนัข พาไปห้างก็ไม่ได้ พาไปไหนก็ไม่ได้กลายเป็นภาระเมื่อต้องพาออกนอกบ้าน สรุปสุนัขก็เลยถูกขังหลังรั้วทั้งชาติ สุนัขก็เลยนิสัยแย่ พอสุนัขนิสัยแย่ คนก็โทษสุนัข สุนัขผิดตลอด เมื่อสุนัขผิด ฝ่ายที่ต้องถูกเฉดหัวออกจากบ้านก็คือนอ้งหมาน้อยสี่ขาตาำดำๆ
แล้วที่ เมืองนอก ใครๆก็เลี้ยงสุนัขนิสัยดี ใครเลี้ยงสุนัขแล้วมีปัญหามันก็ดูน่าอาย ใครมีสุนัขมีปัญหาก็เลยต้องรีบปรับปรุงการเลี้ยงของตัวเอง เพราะจะถูกคนมองด้วยหางตา ส่วนเมืองไทย ใครๆก็เลี้ยงสุนัขไม่ค่อยรับผิดชอบ สุนัขเห่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมีข้ออ้างที่ว่า เลี้ยงสุนัขเฝ้าบ้าน แต่ขอโทษสุนัขเห่ามั่ว คนดีๆสุนัขยังเห่า ปล่อสุนัขขี้หน้าบ้านเพราะสุนัขจรก็ขี้ กลายเป็นสึมเนียนไปกับสุนัขจรเลย คนเลี้ยงสุนัขแล้วหมามีปัญหาเป็นเรื่องปกติในเมืองไทย ก็เลยไม่ค่อยมีใครร้อนตัวอยากปรับปรุงตัวเอง
Create Date : 04 มิถุนายน 2553 |
|
10 comments |
Last Update : 21 สิงหาคม 2554 8:37:13 น. |
Counter : 3568 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: Peet IP: 124.197.16.129 8 กรกฎาคม 2553 15:38:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: homebuns 9 กรกฎาคม 2553 17:40:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: แอน IP: 202.122.130.31 23 กุมภาพันธ์ 2554 14:59:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: Yoja&Jiji 23 กุมภาพันธ์ 2554 15:21:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนรักสัตว์ IP: 61.90.110.196 3 สิงหาคม 2554 18:47:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: Lattè IP: 171.4.195.96 7 เมษายน 2555 23:16:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมู IP: 58.137.88.101 21 ตุลาคม 2555 20:21:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: สำเนียง นุชบาง IP: 182.53.211.228 11 มกราคม 2560 9:51:33 น. |
|
|
|
| |
|
|
 |
 |
 |
 |
|
|