สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 หากผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียนหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของที่นี่ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด (พี่ชายฉันเป็นทนายนะจ๊ะ) มีขู่ด้วย
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
19 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
เรื่องของกุ๊กบ้าๆบอที่โดนดีเอาไปปล่อยเกาะ (ช้าง)

เปิดครัว

“ไอ้หนู ขึ้นของครบรึยัง”
เสียงเชฟดังแหวกอากาศมากระทบโสตหูของฉันเข้าอย่างจัง
“ครับๆๆๆๆ”
ฉันรัวเสียงรับเร็วๆพอๆกับมือที่จัดของไปมาอย่างวุ่นวาย
เสียงโครมครามโป๊งเป๊งๆของทั้งเสียงเคาะกะทะเสียงไฟในเตาแก๊ซดังกังวานระคนไปกับเสียงปังตอสับลงเขียงดังขึ้นสนั่นอยู่ในครัว
เสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าตอนนี้ในครัวมีออเดอร์อาหารเข้ามาแล้ว กว่าเสียงจะเงียบก็โน่น
เมื่ออาหารต่างๆทยอยออกไปตามลำดับจนหมด
บางครั้งเสียงเหล่านี้มันก็ดังเนิ่นนานเป็นชั่วโมงๆ
แต่กับบางวันเสียงเหล่าก็แทบจะไม่ได้ยินเลยก็มี
ยิ่งเป็นหน้าฝนด้วยแล้วจะได้ยินเสียงก็เพียงแค่
3 เวลาเช้า กลางวัน เย็น เท่านั้น
ทั้งยังเป็นเสียงที่ไม่อึกทรึกครึกโครมเท่าเวลานี้อีกด้วยเพราะอาหารที่ทำนั้นเป็นอาหารพนักงาน
ก็ที่นี่มันไม่ใช่ครัวของโรงแรมรึว่าครัวของร้านอาหาร
แต่จริงๆแล้วมันเป็นครัวของรีสอร์ต
ใช่แล้ว
มันเป็นครัวของรีสอร์ตมูลค่า 100 กว่าล้านแห่งหนึ่ง
ในเกาะช้าง
แต่อย่าไปรู้ชื่อรีสอร์ตเขาเลยเพราะเราอาจจะโดนเขาฟ้องเอาก็ได้เนื่องจากเอาเรื่องของเขามาแฉ
เอาเป็นว่ามันชื่อว่ารีสอร์ต สมมุติ (แต่มันมีอยู่จริงๆนะ)
ก็แล้วกัน
นึกซะว่ามันไม่มีรีสอร์ตจริงๆแต่มันเป็นเพียงรีสอร์ตในเทพนิยายเท่านั้นเป็นพอ
แต่เทพนิยายเรื่องนี้ที่มีตัวเอกของเรื่อง
เป็นเจ้าหญิงแสนสวยนั้นเริ่มขึ้นเมื่อปี 2547นะ
เมื่อหมดออเดอร์ของแต่ละครั้ง
ฉันก็จะเดินไปนั่งลงบนลังน้ำแข็ง
เพื่อรอออเดอร์ที่จะเข้ามาใหม่เวลาที่นั่งคืดอะไรเพลินๆ ฉันมักมองไปรอบๆครัว
(จะเรียกห้องครัวมันก็ไม่มีฝาสักข้างเดียวมันเหมือนโรงทานมากกว่าอ่ะ)
ที่ฉันทำงานกับมันมาทุกวันๆฉันก็ยังสงสัยอยู่ดี
ว่าเป็นที่ทำงานของฉันเหรอนี่
ไอ้ครัวที่มันมีแค่เสาอยู่ 6 ต้นข้างฝาก็ยังไม่มีแต่ก็ยังดีที่มันมีหลังคาคลุมกันแดดกันฝนให้
ส่วนด้านที่เป็นมุมเตาทำอาหารนั้น
ท่านเจ้าของก็ยังมีเมตตาที่จะสั่งผ้าใบ
มาบังกันแดดกันลมให้ซะ 2 ด้าน
(แต่กว่าจะขอผ้าใบได้มาก็โน่นแน่ะเกือบเดือน)
วันไหนที่ฝนตกลงมาหนักๆฉันก็เสียวเป็นบ้าเป็นหลัง
ว่าจะโดนไฟดูดเอาด้วย
ค่าที่มันไม่มีทางกันฝนอะไรได้มิดเลยแล้วยิ่งเป็นฝนริมทะเลที่มันแรงกว่าฝนปกติทั่วไปด้วยแล้ว
เวลาฝนตกลงมาแบบหนักๆทีนึงนี่
แทบจะไม่มีตรงไหนของห้องครัวเลยที่มันจะไม่เปียก
ก็ที่นี่มันยังเป็นครัวชั่วคราวอยู่
พวกชาวครัวทั้งหลายก็เลยก็เลยต้องทนอยู่ไปก่อน
เดี๋ยวครัวใหม่เสร็จเมื่อไหร่ทุกสิ่งทุกอย่าง
ก็เข้าที่เข้าทางเองน่ะแหละ (สาธุ)
แต่อะไรไม่ว่าฉันไม่เข้าใจว่าทำไม
เขาต้องมาสร้างห้องครัวชั่วคราว
ไว้ติดกับไอ้หลุมขี้ด้วยนี่น่ะซิ
อ่านไม่ผิดหรอกพื้นครัวกับบ่อพักขี้น่ะมันอยู่ติดกันเลย 555 นานๆทีแต่ก็ออกจะบ่อยๆไป
ที่กลิ่นขี้มันจะโชยขึ้นมาอย่างเมามันส์
ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นหลุมขี้
ฉันนึกว่ามันเป็นแค่บ่อพักธรรมดา
พอมองเห็นว่าเขาเอาท่อพลาสสติคสีฟ้ามาปักไว้
ฉันก็เลยนึกว่าได้ที่ตากผ้าใหม่แล้ว
ฉันก็เลยเอาบรรดาผ้าเช็ดมือต่างๆไปตากไว้
กว่าเชฟจะมาเห็นว่าฉันไปทำบรรลัยเข้าไปแล้ว
ก็โน่นแน่ะตอนที่ผ้าแห้งไปแล้ว
แต่ด้วยความอารมณ์ดีของของเชฟก็เลยเห็นว่าเป็นเรื่องตลกในความโง่ของฉันไป
ฉันก็เลยไม่ต้องโดนด่า
“ไอ้หนูผ้าแห้งแล้วไปเก็บมาไป”
“ครับ”
ฉันก็รีบวิ่งไปเก็บผ้ามาเพราะฉันก็ลืมไปแล้วว่าเอาผ้าไปตากไว้
“เออ เก็บมาแล้วก็ดมดูซะหน่อยล่ะว่าหอมไหม”
เชฟพูดไปก็กลั้นหัวเราะไปแต่ฉันนั้นก็ไม่ได้สังเกตุ
“ง่ะ”
ผ้าที่ฉันบรรจงซักอย่างดิบดี
ตอนนี้มันติดกลิ่นขี้มาแล้วเรียบร้อย
ครั้นจะเอาไอ้ผ้าพวกนี้มาทำเป็นผ้าเช็ดจานผ้าเช็ดเขียงต่อก็ท่าจะไม่เหมาะ
ฉันก็เลยต้องโยนไอ้ผ้าพวกนี้ลงถังขยะไปแทน
จะให้ฉันมาซักอีกมันก็กระไรอยู่
ก็ตอนนี้มันมีแต่กลิ่นขี้อยู่อย่างนี้นี่นา
“ไอ้หนูเอ๊ย นั่นบ่อพักส้วมแล้วเอาผ้าไปตากได้ยังไงล่ะนั่น”
เชฟมองมาที่ฉันอย่างเวทนาในความโง่ที่กินเข้าไปในกมลสันดานของฉันซะแล้ว
“หนูรู้หนูก็ไม่เอาไปตากหรอก”
ฉันตอบเชฟไปด้วยหน้าตาที่เซ็งสุดขีด
เมื่อชะตาสวรรค์กำหนดให้วิศวกรประจำรีสอร์ต
มาสร้างบ่อพักส้วมให้มันมาอยู่ติดกับห้องครัวแล้ว
ซ้ำร้ายบริเวณนั้นมันก็เป็นดินธรรมดาๆที่ออกไปทางแนวร่วนอยู่สักหน่อย
ฉนั้นเวลาฝนตกก็คงจะนึกภาพออกนะคะ
ว่าบริเวณนั้นมันก็จะเหลวเละเทะขนาดไหน
บางครั้งคนที่ไม่รู้ว่าไอ้บ่อขี้มันอยู่ตรงนั้น
ก็จะเดินลุยเข้ามา
อาศัยว่ามันเหมือนจะเป็นทางเดินที่เข้ามาสู่ห้องครัวได้ง่าย
แต่จริงๆแล้วคุณกำลังเหยียบขี้อยู่ (อี๋)
แล้วบางครั้งถ้าฝนมันตกลงมาเยอะๆเมื่อไหร่แล้วล่ะก็
น้ำบริเวณนั้นมันก็ไหลลงมาที่ครัวด้วย
โฮะๆๆๆ
ช่างถูกสุขอนามัยทางสาธารณสุขอะไรอย่างนี้หนอ
555
ครั้งแรกเลยตอนที่ฉันมาเห็นห้องครัวของรีสอร์ต 100กว่าล้านนั้นมัน
ก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้หรอก
มันอยู่ห่างออกไปจากที่นี่ราว 10 เมตร
ที่เดิมของมันอยู่ใต้ห้องส้วม (ส้วมอีกแล้ว)
ของห้องพักหลังหนึ่ง
ฉันไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยว่าจะมาเจอกับที่ทำงานแบบนี้
จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะมาทำงานเป็นแม่ครัวหัวยุ่งหน้ามันอย่างนี้นักหรอก
ถึงแม้ว่าฉันจะเรียนมาทางสายนี้ก็ตามเถอะ
(ความจริงแล้วฉันอยากเรียนนิเทศแต่ทางบ้านเค้าไม่สนับสนุนน่ะ)
เรื่องของเรื่องเมื่อฉันจบมาก็ตั้งนานจะเกือบปีจนจะรับปริญญาอยู่แล้วฉันก็ยังไม่ดิ้นรนกระตือรือล้นที่จะหางานทำอะไรเป็นหลักแหล่งเลย
ได้แต่นั่งๆนอนๆไปวันๆนึงจนพี่ฉันชักรำคาณและทนไม่ไหว
และพอดีกับว่าช่วงนั้นพี่ฉันเขาขึ้นมาทำธุระกิจที่เกาะช้างอยู่ออกบ่อย
จึงพอจะรู้จักกับเจ้าของรีสอร์ตทั้งหลายอยู่บ้าง
ก็เลยเมียงๆมองๆดูแล้วว่าที่รีสอร์ตแห่งนี้แหละ
ที่สมควรจะเรียกได้ว่าซวยอย่างที่สุดแล้วที่จะรับฉันเข้ามาทำงาน
คิดได้ดังนั้นแล้วพี่ฉันก็เลยเอาฉันใส่รถขึ้นที่เกาะช้างแล้วก็จัดแจงนัดเจ้าของรีสอร์ตให้มาดูตัวฉันมันที
ก็ไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตนใดสิงสู่ใจให้ทั้งท่านเจ้าของและท่านจีเอ็มรับฉันเข้ามาทำงาน
ฉันยังไม่อยากจะบอกเลยว่าวันที่สมัครทำงานนั้น
ฉันไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย
พวกเอกสารสำคัญทุกอย่างฉันลืมมันทั้งหมดไว้ที่บ้าน
ไอ้ที่ฉันหอบมามันก็มีแต่เครื่องสำอางค์กับพวกเสื้อผ้าไว้เดินเล่นริมทะเลเท่านั้น
โถ่ถัง ...แค่บอกว่าเกาะช้างฉันก็ไม่ได้คิดอะไรไปไกลกว่าไปเที่ยวหรอกน่า
ตอนหลังฉันเองก็พึ่งจะมารู้ว่าวันที่ฉันมาสัมภาษณ์นั้น
คนในรีสอร์ตที่มาทำงานอยู่ก่อนแล้วนั้น
มาแอบมองฉันกันเป็นแถวแต่ละคนก็นึกไปต่างๆนาๆ
ว่าฉันน่ะมาสมัครเป็นผู้จัดการมั่งรองผู้จัดการมั่งไ
ม่มีใครนึกสังหรณ์ใจกันแม้แต่นิดเดียวว่าอีนี่มันจะมากุ๊กบรรลัยกรรณให้กับที่นี่
สงสัยว่าโหงวเฮ้งฉันจะดีเลิศลำแสงเฮ้ากวงในตัวฉัน
ท่าทางมันส่องออกมาเต็มที่
คราวเคาระห์ครั้งนี้มาถึงคุณจีเอ็มก็มานั่งสัมภาษณ์ฉัน
ไอ้ฉันเองก็ฟอร์มเรียบร้อยสุดฤทธิ์
“ทำงานที่นี่อาจจะเหงานะทนได้เหรอ”
“ได้ค่ะ”
“ที่บ้านพักไม่มีทีวีนะนอกจากจะเอามาเอง”
“ไม่ชอบดูทีวีค่ะ ไม่ชอบละครน้ำเน่าค่ะชอบอ่านหนังสือค่ะ” (ตอนหลังก็ดันมาเขียนบทละคร)
คุณจีเอ็มมองหน้าฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อ
แต่แล้วเมื่อดูใบทรานสคิปฉันแล้วคุณจีเอ็มก็ยิ้มออกมาได้หน่อยนึง (แน่ะ)
“เกรดเอเต็มเลย เรียนเก่งนี่นา”
“ค่ะ” ฉันยิ้มรับหน้าบานกว่าเดิมอีก 3 เท่า
สัมภาษณ์กันก็แค่ 10กว่านาที
ฉันก็ระเหเร่ร่อนออกมาได้แล้วพอหลังจากนั้นฉันก็ไปเดินเล่นอยู่ริมทะเลอย่างสบายใจเฉิบไม่ได้สนใจอะไรต่อไปเลยว่าเค้าจะรับฉันรึว่าไม่รับ
แค่ได้มาเทียวเกาะช้างฉันก็ดีใจจะตายอยู่แล้ว
จะเอาอะไรกับไอ้คนอย่างฉันมากนักเล่า







Create Date : 19 มิถุนายน 2550
Last Update : 19 มิถุนายน 2550 7:41:24 น. 0 comments
Counter : 327 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมวยเคี้ยง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ตลอดค่ะ
สวยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เสมอ
Friends' blogs
[Add หมวยเคี้ยง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.