Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
13 มกราคม 2558
 
All Blogs
 

SPITI (ปี 1) สำรวจ Kaza และเรื่องทั่วไป


บันทึกการเดินทางในอินเดีย ครั้งที่ 2 : ตุลาคม 2014
(ได้เรียบเรียงเนื้อหาใหม่อีกครั้งในปี 2018)

 
 
 
 
ช่วงสายของวันถัดมา ฉันเดินทางข้ามมายังฝั่งตลาดใหม่ หรือที่เรียกว่า
new kaza (kaza soma) ก็เพื่อที่จะทำใบอนุญาตเข้าพื้นที่ upper kinnaur
ตรง
สำนักงาน ADC ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลไปจากปั๊มน้ำมัน เนื่องจากว่าฉันจะไม่ย้อน
ไปยังเส้นเดิมเพื่อกลับมะนาลีอีก 
แต่จะออกจากสปิติด้วยการเดินทางไปยัง
Reckong Peo ซึ่งอยู่คนละเขตการปกครองกัน    

 
 
 
ลานพื้นที่ด้านหน้าสำนักงาน ADC 
 
ถามว่าทำไมต้องทำ permit ด้วย?  
อาจเพราะเส้นทางที่ต้องผ่านเขต upper kinnaur นั้นอยู่ใกล้กับชายแดนทิเบต
(จีน) หรือด้วยสาเหตุอื่นใดก็ตาม 
ฉันเองก็ไม่รู้ได้...แต่ที่แน่ ๆ ในสถานะของ
ชาวต่างชาติก็จำเป็นที่จะต้องทำเรื่องแจ้ง
ต่อทางการตามกฏและระเบียบล่ะนะ
 
ขั้นตอนการเดินเรื่องก็ไม่มีอะไรมาก หลักฐานที่ต้องแนบก็มีทั้งรูปถ่าย 2 ใบ
สำเนาหนังสือเดินทางและวีซ่าแนบประกอบ ในส่วนของเจ้าหน้าที่จะเตรียม
แบบฟอร์มขนาด A4 มาให้เรากรอกข้อมูลตามตัวอย่างลงไปด้วยลายมือ  
 
 

ด้านในห้องของแผนกที่มาติดต่อ 
สำนักงานนี้จะเปิดทำการในเวลา 10 โมงเช้า และปิดในวันอาทิตย์ 
 
 
และนี่คือหน้าตาของ permit ที่ได้รับมา (ไม่มีค่าธรรมเนียม)
 
 
 
มาเฟียน้อย
 
อ้อ เกือบลืมเรื่องบางอย่างไป มันเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ฉันจดจำได้ดีเลย

ขณะที่ฉันกำลังเดินหาร้าน xerox เพื่อถ่ายสำเนาวีซ่าเพิ่มเติมแถวตลาด 
อยู่ ๆ ก็มีเด็กสองคนชาย-หญิง (พร้อมลูกสมุนหน้ามอมขนฟูอีกสองตัว) ได้วิ่ง
แจ้นมาออกมาจากบ้าน
และทำท่าดีใจเมื่อพบฉัน พวกเขาพร้อมสวมกอดอย่าง
แน่นหนาและไม่ปล่อยด้วย
ราวกับว่าได้เห็นญาติ ที่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมถิ่นเกิด
มานานแสนนาน 
 
สักพักหนึ่ง ฉันจึงรู้ว่าการที่พวกเขาสวมกอดอยู่เนี่ย 
ก็เพื่อล็อคตัวไม่ให้ฉันไปไหนอย่างแน่นหนาต่างหาก 
แต่หากอยากจะไป มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน...  
 
"ช็อคโกแลต ๆๆๆ"
 
เด็กพวกนี้ ร้องหาช็อคโกแลตดังลั่นไปหมด 
 
แม้ในเวลานั้น จะไม่มีนักท่องเที่ยวหรือใครคนอื่นผ่านมาเห็น
แต่ฉันก็รู้สึกแย่พอสมควร...ไม่ใช่ว่าทำไมถึงไม่ยอมตระเตรียมสิ่งเหล่านั้น
มาจ่ายแจกให้แก่พวกเขา 
เหมือนกับที่ใครหลายคนชอบแนะนำให้พก
ปากกา ขนมหวาน 
หรือสิ่งของมาแจกเด็ก ๆ ในถิ่นทุรกันดารเหล่านี้
 
"ไม่มีขนม ไม่ช็อคโกแลต ไม่มีปากกา"
 
ฉันพยายามทำให้พวกเขาได้เข้าใจว่ายังมี นักท่องเที่ยวประเภทนี้อยู่บนโลก
ที่ไม่ได้พกขนมมาแจกจ่ายเพื่อผูกมิตร จนดูเหมือนเป็นหนึ่งในวัฒนธรรม และ
ต้องทำ -- 
อย่างที่พวกน้องคิด หรือจำต่อ ๆ กันมา
 
ถึงเจ้ามาเฟีย(เด็ก)สองคนนี้จะน่าเอ็นดูสักแค่ไหนก็ตาม 
ฉันก็ไม่มีทางที่จะพาพวกเขาไปยังร้านขายของชำเพื่อซื้อขนม
มาเป็นค่าไถ่เปิดทางแน่นอน!
 
ฉันเชื่อว่า การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ
แต่หากเป็นในรูปแบบนี้ฉันไม่เห็นด้วย มันจะทำให้เด็ก ๆ
มีพฤติกรรมขี้ขอ และนี่คือผลกระทบของความใจดีที่ไม่
ได้
คิดตรึกตรองถึงผลลัพท์ที่จะตามมา 
 
"เอางี้ พี่ถ่ายรูปให้นะ" 
 
ไม้ตายสุดท้ายนี้ได้ผล! 
 

 
มาเฟียน้อยทั้งสอง ยอมเปิดทางให้ฉันไปอย่างโดยดี
หลังจากได้ต่อรองขอถ่ายรูปแทนที่จะเสียค่าไถ่เป็นช็อคโกแลต
 
 
จากคำว่า ช็อคโกแลต ๆๆๆ ได้เปลี่ยนไปเป็น โฟโต้ ๆๆๆๆ 
 
เจ้าเด็กสองคนนี้ยอมให้ฉันถ่ายรูปให้แทน หลังจากที่ได้เห็นภาพของตัวเอง
ในกล้องจนพอใจแล้ว พวกเขาก็ยอมปล่อยตัว
และวิ่งปร๋อกลับเข้าบ้านโดยดี
 
นี่อาจเรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
แต่ไม่ใช่เพราะเด็กพวกนี้หรอกนะ ที่เป็นตัวการและต้นเหตุ :(
 
 
 
 
........
 

หลังจากที่ได้เล่าเรื่องการเดินทาง โดยเริ่มตั้งแต่ตัวเมืองและเข้าสู่พื้นที่
หุบเขา
กึ่งทะเลทรายกันแล้ว ในครั้งนี้เราควรที่จะมาทำความรู้จัก spiti valley
กันเสียหน่อยดีกว่า ฉันจะพูดถึงภาพโดยรวมให้พอเข้าใจ แต่ไม่ถึงขั้นรู้อะไรมาก
จนถ่องแท้ได้ ...เพราะยังไงเสีย ฉันยอมรับว่ายังสำรวจพื้นที่นี้ได้ไม่ครบถ้วน
(ไม่ว่าจะเป็น Kee, Kibber, Demul, Pin valley, Dankhar และอีกสารพัด!)     
 
 

หุบเขาสปิติ หรือในอีกชื่อเรียกคือ ปิตติ (Pitti) ตั้งอยู่บนรัฐหิมาจัลประเทศ
ในเขตการปกครอง Lahaul และ Spiti โดยในที่นี้เราจะพูดถึงเพียงแต่ภาคส่วน
ท้องถิ่นฝั่งสปิติเท่านั้นนะคะ -- คำว่า สปิติ มีความหมายถึง ดินแดนใจกลาง
ซึ่งก็ตรงกับตำแหน่งใจกลางระหว่าง
อินเดียและทิเบตพอดี ส่วนแม่น้ำสายสำคัญ
ที่ไหลพาดผ่านภูมิภาคนี้ก็มีชื่อว่า
สปิติ เช่นเดียวกัน     
 
 
มีพรมแดนติดต่อกับเขตปกครองต่าง ๆ ดังนี้
 
ทิศเหนือ - Ladakh
ทิศตะวันออก - Tibet
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ - Kinnaur
ทิศใต้ - Kullu 
 
ถึงแม้ว่าหุบเขาสปิติ จะเพิ่งเปิดตัวให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้เข้ามาเยี่ยมเยือน
อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 
แต่ก็ใช่ว่าในอดีตที่ผ่านมามันจะเป็นพื้นที่
ตกสำรวจไปจากสายตาคนต่างชาติมานับศตวรรษเสียเมื่อไหร่ 
ข้อมูลบางส่วนที่
ฉันได้ค้นเจอหลังจากนั้น ก็ทำให้รู้ว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่ง 
ได้เคยมีการเก็บบันทึก
ภาพของหุบเขาสปิติเอาไว้บ้างแล้ว เมื่อปี ค.ศ.1863 
โดยช่างภาพชาวอังกฤษ
ที่ชื่อว่า
Samuel Bourne 
 
 
สะพานที่เชื่อมต่อระหว่าง เขตเก่า และ ใหม่ (kaza khas กับ kaza soma) 


 
เด็กนักเรียน กำลังเดินข้ามสะพานไปยังอีกฟากพื้นที่
 

แผนที่ของเมือง kaza  
 


อาคารบ้านเรือน เจดีย์ และวัด ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา 
 
 
Sakya Tangyud Monastery ที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง kaza
 

 
ภาพเมืองมุมสูงจากเนินเขาหลัง Sakya Tangyud Monastery 
 

 
ท่ารถขนส่งสาธารณะที่ฝั่ง kaza khas (หรือ old kaza)



ลักษณะสภาพภูมิประเทศ ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงกึ่งทะเลทราย มีอากาศ
ค่อนข้างหนาวเย็น และในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิเคยลดต่ำลงจนถึง -37 ํC
 
จำนวนตัวเลขของประชากรทั้งเขตปกครองนี้ มีอยู่ราว ๆ 3,xxx คน
โดยการตั้งถิ่นฐาน จะกระจายตัวอยู่ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ซึ่งจะมีระยะทาง
เชื่อมต่อที่ห่างไกลจากกัน บางครั้งพวกเขาก็อาศัย
ระบบขนส่งสาธารณะ
อย่างรถประจำทางที่จะมีตารางการวิ่งที่จำกัด 
แต่บางครั้งพวกเขาก็จะอาศัย
การเดินเท้าลัดเลียบไหล่เขา
ที่ตัดเส้นเป็นทางแคบไปยังหมู่บ้านอื่นได้ 
 
ฉันได้เอ่ยถึง กาซ่า จากครั้งก่อน ว่าค่อนข้างเจริญกว่าที่อื่นในย่านเดียวกัน
เพราะเป็นหัวเมืองใหญ่ของเขตการปกครองพื้นที่สปิติ ดังนั้นมันจึงมีสิ่งอำนวย
ความสะดวกขั้นพื้น
ฐานในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะร้านบริการอินเตอร์เน็ตคาเฟ่
ขนาดเล็ก (ที่มีความไวไม่ทันใจ)
,ตู้ ATM, ปั๊มน้ำมัน, ร้านอาหาร, โรงแรมที่พัก
และ
ที่ทำการธนาคาร  

ทั้งยังมี โรงพยาบาล โรงเรียน ท่ารถขนส่ง ศูนย์บริการรถรับจ้าง ที่ทำการ
ไปรษณีย์ รวมถึงร้านจำหน่ายข้าวของอุปโภคและบริโภคทั่วไป -- ผู้คนจาก
หมู่บ้านอื่นที่อยู่
ห่างไกลไปจากนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องลงมาที่กาซ่าในบางครั้ง
ก็เพื่อซื้อหาอาหาร
และเครื่องใช้ในครัวเรือนที่ผลิตเองไม่ได้  (คล้าย ๆ กับว่า
ต้องแวะมาซื้อของ หรือติดต่อธุระ ใน
ตัวเมืองนั่นแหละ)   
 
 


ร้านอาหารท้องถิ่น กับการตกแต่งร้านแบบเรียบง่ายที่มีผืนผ้ากันลมหน้าประตูทางเข้า
และมุมวางตะเกียงบูชาที่ริมผนัง ให้ความรู้สึกเหมือนทิเบตเลย แต่จะมีบางสิ่ง
ที่ดูขัด ๆ ตาไปบ้าง ก็ตรงหน้าจอโทรทัศน์ที่กำลังเปิดเพลงเต้นของอินเดียอยู่นั่นไง    



 
ปั๊มน้ำสาธารณะที่ตั้งอยู่กลางชุมชน 
 
 
 
การเดินทางในช่วงปลายเดือนตุลาคม   
มันอาจเป็นจังหวะที่ดี ที่ในเวลานี้กำลังจะย่างเข้าต้นฤดูหนาว และมีจำนวน
นักท่องเที่ยวปรากฏให้เห็นบางตาจนแทบจะนับคนได้ 
คงเป็นฤดูกาลที่เหมาะ
กับคนที่อยากมองหาความเงียบสงบ
กลางหุบเขาเช่นนี้
 
 
ในทางกลับกัน ฉันอาจจะโชคร้ายที่อดได้เห็นภาพชีวิตในยามฤดูร้อน ที่ท้องทุ่ง
แถวนี้คงจะดูเขียวชอุ่ม
ไปด้วยทุ่งหญ้า และพืชพันธุ์ที่ถูกเพาะหว่านและเติบโต
ในแปลงเกษตร เพราะอีกใจหนึ่ง
ฉันก็อยากเห็นการเพาะปลูกของพวกเขาด้วย 
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและแปลกประหลาดดีนะ...จากที่รู้มาสภาพดิน
ฟ้าอากาศแถวนี้ จะมีฝนตกลงมาให้เห็นมากสุดเพียง
แค่สองครั้งต่อปี!
 
แต่เดี๋ยวก่อน...มันไม่น่าจะมีอะไรให้ดูกังวลแทนเสียหน่อย เพราะพืชผลแถวนี้
ก็จะเพาะปลูกเพียงแต่ ข้าวบาร์เลย์ มันฝรั่ง และพืชตระกูลถั่ว และยังมีไม้พุ่ม
ท้องถิ่นที่มีผลเล็กรสเปรี้ยวอย่าง 
sea buckthorn ขึ้นให้เก็บเกี่ยวเพื่อนำเอาไป
ทำเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปขายได้อีกด้วย

 
พืชผักและธัญญหารเหล่านี้ ก็ล้วนแต่เป็นอาหารหลักประจำถิ่น 
ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพพื้นที่เช่นนี้ มีตารางเวลาเก็บเกี่ยว
กักเก็บ 
และเพาะปลูก ไปตามวิถีของพวกเขา ที่รู้จักการปรับตัวให้เข้า
กับสภาพแวดล้อมได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว   
 
ในเมื่อไม่มีฝนชุกหรือมีฤดูฝนแบบบ้านเรา เกษตรกรจะอาศัยน้ำที่เกิดจาก
การละลายตัวของหิมะบนเขา หลังสิ้นฤดูหนาวก็จะเริ่มเตรียมทำร่องน้ำขนาด-

เล็ก (kulhs) มารองรับการไหลผ่านของน้ำเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูก   
 
ส่วนเรื่องปศุสัตว์ ตามที่เห็นในกาซ่ามีเพียง แพะ แกะ และ วัว 
(ในหมู่บ้านทางตอนบนก็จะมีสัตว์จำพวกจามรี ลา และม้า ไว้ใช้แรงงานเพิ่มเติม)
 
แม้ว่าที่ตลาดจะมีไข่ไก่ วางจำหน่ายอยู่เป็นแผง แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นการเลี้ยงไก่
หรือสัตว์ปีกประเภทอื่นในกาซ่า
ไม่แน่ว่ามันอาจจะถูกขนส่งมาจากพื้นที่อื่นอย่าง
ในมะนาลี 
หรือไม่ก็เมืองอื่นจากละแวกใกล้เคียงก็เป็นได้   
 
ทั้งแกะและแพะ จะถูกเลี้ยงไว้เพื่อขายและกินเป็นอาหาร        
ส่วน วัว จะอยู่ในสถานะของสัตว์เลี้ยงสำหรับใช้แรงงาน
และ
เลี้ยงเพื่อรีดนม อย่างไรก็ตาม งานในไร่นาก็อาจมีการ
นำเครื่องยนต์อย่างรถไถ มาใช้เพื่อผ่อนแรงแทนเช่นกัน


 
หญิงชาวท้องถิ่น กำลังเดินถือกระป๋องใบโตที่มีน้ำนมวัวบรรจุอยู่
ฉันถ่ายภาพนี้ หลังจากที่เธอรีดนมจากวัว
ตัวนั้้นเสร็จสิ้นแล้ว   
 
 
ผู้คนที่นี่จะไม่บริโภคเนื้อวัว เช่นเดียวกับชาวอินเดียในภูมิภาคอื่น
ในเมนูอาหารประเภท non-veg ที่มีขายอยู่ตามร้านอาหาร ก็มักจะเป็น
"เนื้อแกะ"  
ฉันไม่แน่ใจนักว่า ในฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างเช่นหน้าร้อน 
จะมีเนื้อประเภทชนิดอื่น มาขายเพิ่มเติมไปจากนี้หรือเปล่า?
 
 
 
 
ลูกสุนัข ที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานช่วงต้นฤดูหนาว
 
 
ส่วนสุนัขที่เห็นเดินไปเดินมาอยู่ในหมู่บ้าน พวกมันไม่ได้ถูกเลี้ยงไว้อย่างสัตว์เลี้ยง
สุนัขจรจัดเหล่านี้จะ
อาศัยอยู่นอกตัวอาคารบ้านเรือนและรวมตัวกันเป็นฝูง พอถึง
ช่วงฤดูหนาว หากตัวไหนไม่แข็งแรงพอก็คงยากจะเอาชีวิตรอดได้ 

 
 
ชุดพื้นเมืองแบบดั้งเดิมของชายชาวสปิติ ที่แขวนอยู่ในมุมหนึ่งของ Deyzor hotel & restaurant
 


เจดีย์แบบทิเบต ที่ตั้งเป็นแถวเรียงยาวบริเวณด้านหน้า Sakya Tangyud Monastery

ลักษณะชาติพันธุ์ของชาวสปิติ แทบจะไม่มีความเหมือนชาวอินเดียทั่วไป
พวกเขาจะดูละม้ายไปทางทิเบต และพื้นที่ใกล้เคียงเช่น ลาดักห์ 
รวมถึงวัฒนธรรมบางอย่างที่รับอิทธิพลทางศาสนาพุทธวัชรยานแบบเต็ม ๆ   

ฉันไม่รู้ว่าภาษาถิ่นของที่นี่ จะกระเดียดคล้ายกับทิเบตมากน้อยแค่ไหน 
แต่พวกเขาก็สามารถพูดฮินดี (หนึ่งในภาษาราชการของ อินเดีย) ได้ดี
อย่างไรก็ตาม คำทักทายอย่าง  จูเล  ก็สามารถนำมาใช้กับชาวสปิติได้
ในบริบทเดียวกันกับในลาดักห์ 
ดังเช่น การทักทาย รวมไปถึงพูดขอบคุณ
และลาก่อน (อย่างไม่เป็นทางการ)

ถึงมันจะสามารถสื่อได้มากกว่าหนึ่งความหมาย 
แต่ฉันไม่อยากใช้คำ ๆ นี้ ในโอกาส จากลา เอาเสียเลย 
 
 
 
บริเวณแปลงเพาะปลูกที่ฟาก kaza khas หลังสิ้นฤดูเก็บเกี่ยว  
 

คนงานกำลังใช้เครื่องยนต์สำหรับผ่อนแรงเพื่อทำการปรับหน้าดิน
 
 
ในวันที่สภาพอากาศแปรปรวนดูครึ้มฟ้าครึ้มฝนและมีลมแรง
แต่ไม่ต้องกังวล...ยังไงก็ไม่มีฝนตกกระหน่ำลงมาหรอก!
 
 
 
กลุ่มของเณรและพระที่ออกมาเดินกันด้านนอก
กำลังวิ่งหาพื้นที่หลบกำบังจากลมที่พัดกรรโชกแรงอยู่ในขณะนั้น
 


ลมฝนน่าจะถูกพัดพาไปตกอยู่ที่ภูเขาฝั่งโน้นแทนซะแล้ว ...  
ไม่นานนัก ท้องฟ้าก็เปิดพร้อมกับมีแสงแดดส่องลงมาอีกครั้ง
 




 

Create Date : 13 มกราคม 2558
31 comments
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2566 17:29:28 น.
Counter : 708 Pageviews.

 

มาอ่านต่อจ้ะ

ขำมาเฟีย อย่างนี้คงต้องพกขนมไปบ้างนิดหน่อยสินะ

แต่กอดกันเลยทีเดียวเหรอ ถ้าไม่มีอะไรให้ทำไงเนี่ย ต้องพาพี่ไปอยู่บ้านด้วยนะ ฮาา

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 13 มกราคม 2558 17:34:40 น.  

 

หนาวโหดสุดในอินเดีย -37 องศา มีประชากรประมาณ 3 พันกว่า...ก็มีคนอยู่ แต่ไม่ใช่คนแบบพี่แน่

ถ้ามาเฟียน้อยเจอป้านะเรอะ ป้าจะจัดให้ซัก 10-20 ช็อตเลย

ก็น่าตกใจล่ะค่ะ พี่หมวกแก๊ป กลายมาเป็น "หลวงพี่"

อย่าว่าแต่ต่างประเทศเลยเนอะคุณฟ้า แม้แต่บ้านเรา ชาวเมืองพื้นถิ่นที่เค้าใช้ชีวิตเดิมๆ ปกติสุขของเค้า เค้าจะรู้มั้ยเนาะว่าที่เราดั้นด้นไปหา ไปเที่ยวแถวบ้านเค้า เพราะเราอยากดูอะไรแบบเดิมๆ ถ้ามาปรุงแต่งเยอะๆ เพื่อให้สะดวกสบายไปหมด โถ จะไปทำไม (เนอะ

เฮ้อ ธรรมชาตินะ ดูบ้านเค้า ฝนตกแค่ปีละสองหน ลำบากกว่าชนบทบ้านเราหลายร้อยพันเท่า

เวลาพี่เดินทาง ด้วยความที่ถ่ายรูปเยอะ สมัยก่อนก็จะจดบันทึกด้วย ช่วงหลังมาไม่สามารถค่ะ เลยถ่ายภาพมาละเอียดมากขึ้น เพื่อให้ภาพเล่าเรื่องเองได้ และหวังว่าตัวเองจะจำได้บ้าง จากภาพที่เห็น แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่




บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sirivinit Hobby Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Music Blog ดู Blog
ปรัซซี่ Food Blog ดู Blog
ถปรร Photo Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 13 มกราคม 2558 18:46:18 น.  

 

ชอบคุณกาเบรียล เพราะมีแต่สาระ ไม่มีเคลือบ
เก่งมากท่ีเดิทางท่องเท่ียวคนเดียว คงจะชินละ
ดินแดนหนาวอย่างนี้ อย่างเราไปไม่รอดแน่ ๆ

 

โดย: โลวหยั่น IP: 171.101.39.229 13 มกราคม 2558 20:54:42 น.  

 

ตามมาเที่ยวต่อจ้า

 

โดย: อุ้มสี 13 มกราคม 2558 21:34:04 น.  

 

thx u crab

 

โดย: Kavanich96 14 มกราคม 2558 4:42:43 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับน้องฟ้า

-37 จะหนาวขนาดไหนน้อ
ขนาด 10 กว่าองศาที่เชียงใหม่
ตอนนี้พี่ก๋ายังแทบไม่ได้ถอดเสือ้กันหนาวออกจากตัวเลยครับ 5555

แต่วิวที่นี่สวยจริงวๆนะครับ
อยากถือกล้องไปเดินถ่ายภาพที่นี่มากๆเลยครับ

โหวต Travel blog ให้น้องฟ้าด้วยนะครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 14 มกราคม 2558 6:04:58 น.  

 

มาโหวตจ้า

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 14 มกราคม 2558 9:11:12 น.  

 

กราบิเอลลลลลลลล


โหวตตตตตต


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog


มะไหร่จะพิมพ์เป็นหนังสือซักทีน้อ จะซื้อสะสม

 

โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา 14 มกราคม 2558 10:29:03 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับน้องฟ้า

ภาพพาโนรามาว่าสวยยังไง
บางครั้งก็สู้ "ศุดสายตา" ของเราไม่ได้ครับ
พี่ก๋าว่ามันบันทึกความงามได้หมดจดกว่า

 

โดย: กะว่าก๋า 14 มกราคม 2558 10:41:10 น.  

 

สวัสดีอีกรอบจ้าฟ้า

เนาะๆ ถ้าพี่ได้ไปจะมุขให้พาไปกินข้าวที่บ้านเล้ย ฮี่ๆ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 14 มกราคม 2558 11:10:18 น.  

 

แวะมาส่งกำลังใจ เปื่อยซะเว็งไม่อยากไปไหน
ขอบคุณที่ไปเยี่ยม

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
พรหมญาณี Dharma Blog ดู Blog
ALDI Food Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

 

โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) 14 มกราคม 2558 17:20:06 น.  

 

ฟาร์มแกะที่สวนผึ้ง มีเยอะมากค่ะ แต่ที่อยู่ยงคงกระพันหลายปี มีนักท่องเที่ยวเยอะตลอดก็คงเป็นที่นี่ล่ะ ซีนเนอรี่ สวรรค์ของคนชอบถ่ายรูปเลยนะ มุมน่ารักๆ เยอะไปหมด

ก็นะ ถ้าคุณฟ้า ถ่ายภาพมาเยอะด้วย แถมลงไดอารี่ด้วย กับสองมือนี้ แล้วเดินทางไกล ไม่รู้มีอะไรพะรุงพะรังเยอะแค่ไหนด้วยนะ พี่คงยิ่งนับถือยิ่งกว่านี้แน่ นี่ก็เก่งมากแล้วนะ

เขื่อนภูมิพลใหญ่โตโอฬารมาก... พี่กลัวความสูง ตอนส่องกล้องลงไปยังต้องยืนห่างๆ เลย

ดอกหญ้าแถวบ้านพี่่กลายเป็นของหายากค่ะ เลยเก็บมาทั้งสามแบบ


 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 14 มกราคม 2558 17:42:18 น.  

 

555 นี่ต้องแสดงว่า น้องฟ้าแอบไปอ่านเม้นท์ของ อ.เต๊ะ มาแหงๆ

ไม่งั้นคงไม่รู้จักชื่อโรค ตะกายดาว พราวฟ้าพาฝัน ของ อ.เต๊ะ แบบนี้หรอก ใช่มะ 555

แล้วก็ ใครห้ามก้ไม่ฟังนะเนี่ย ดื้อมาเที่ยวเมืองนี้ได้ไงนี่ หือๆๆๆๆ

เมืองที่หนาวโหดสุดในอินเดีย -37 องศา ขืน อ.เต๊ะ ร่วมทริปไปเที่ยวด้วยนี่

ต้องแข็งตายเป็นไอติม ในช่องฟรีซ แหงๆ

น้องฟ้า อย่ามาเกลี้ยกล่อมซะให้ยาก หัวเด็ดตีนขาด

เก๊าไม่ไปแน่ๆ ยิ่งอยู่ดีๆ โผล่มาเจอแก็งค์โจรฟันหลอ มาไถขนมอีกแน่ะ

ขนาดเด็กยังโหดซะขนาดนี้ โตขึ้นจะขนาดไหนเนี่ย 555


แล้วนี่ยังจะไป ตาบูอีกเหรอ ถ้าอ.เต๊ะ ไปด้วยละก้ จะขโมยตังน้องฟ้า

หนีกลับตั้งแต่ ดาลัมชาลา แล้วละ ไม่ปล่อยให้น้องฟ้าลากมาถึงนี่หรอก อิอิ

เมืองอะไรก้ไม่รู้มีแต่ฝุ่น เหง้า เหงา หุบเขาก้มีแต่ก้อนหิน ลำธารก็แห้งผาก อาหารก็ไม่อร่อย

โอ๊ยยย แสนจะ อับเฉาสิ้นดี

เก๊าจะกลับบ้าน ปล่อยเก๊าไปเถอะน้า นะๆๆๆ สงสารเก๊าเถอะ 555



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

 

โดย: multiple 14 มกราคม 2558 18:27:16 น.  

 

ทริปนี้ต้องแปะโป้งไว้อ่านพรุ่งนี้แล้วค่ะ
ยาวมาก น่าอ่าน
พรุ่งนี้ดึกๆค่อยมาใหม่ค่า

 

โดย: lovereason 15 มกราคม 2558 2:39:32 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับน้องฟ้า

 

โดย: กะว่าก๋า 15 มกราคม 2558 6:01:51 น.  

 

สวัสดีครับคุณฟ้า

ตามมาเที่ยว Middle Land ด้วยคน
เมืองกาซ่า ติดอันดับเมืองที่หนาวโหดสุดในอินเดีย ที่เคยวัดได้ต่ำสุดถึง -37 C
หนาวสุดขั้วอย่างนี้ขอบายครับ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ฟ้าใสวันใหม่ Home & Garden Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ปล.มีภาพทิวทัศน์เมืองควีนส์ทาวน์มองจากยอดเขาบ๊อบพีคมาฝากด้วยครับ

 

โดย: ทองกาญจนา 15 มกราคม 2558 10:15:25 น.  

 

เรื่องราวของคุณฟ้าไปเที่ยวแบบนี้
น่าจะเอาไปทำเป็นหนังสือ pocketbook อะไรงี้จังเลยค่ะ
บุ๊งว่าคนอ่านต้องเยอะมากแน่นอนค่ะ

 

โดย: Close To Heaven 15 มกราคม 2558 12:06:04 น.  

 

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
aphsara Technology Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
ไว้กลับมาอ่านขอรับ

 

โดย: ขุนเพชรขุนราม 15 มกราคม 2558 18:05:09 น.  

 

ออกไปในทางทิเบตแล้วนะครับสำหรับที่นี่

สภาพอากาศดูแห้งแล้งจริงๆ ครับ แต่ยังไม่เป็นทะเลทรายซะทีเดียว

เด็กๆ ที่นี่ดูน่ารักกว่าจีนนะครับ ที่จีนเจอแกะแบบนี้ไม่ยอมปล่อยเลย แต่พอเรียกตำรวจเท่านั้นแหละ วิ่งเลย

อาเป็นเพราะสภาพภูมิประเทศแบบนี้ก็ได้เลย ทำให้ติดอันดับเมืองที่หนาวโหดสุดในอินเดีย แต่-37 นี่ไม่ไหวจริงๆ นะ หนาวเกิน



+

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 15 มกราคม 2558 21:37:42 น.  

 

ตามมาอ่านต่อค่ะ
บล็อกนี้เจอมาเฟียซะแล้ว อิอิ...
น้องฟ้าก็ช่างดั้นด้นหาที่เที่ยวแบบเปิดโลกจริง ๆ เลย
พี่รู้สึกว่าเพิ่งจะได้อ่านแนวนี้จากบล็อกน้องฟ้านี่เอง
ชอบค่ะ แต่พรุ่งนี้มาส่งกำลังใจนะ
วันนี้ใช้หมดแล้ว ^__^

 

โดย: เนินน้ำ 16 มกราคม 2558 12:34:42 น.  

 

พี่ก๋าไม่ค่อยคิดถึงอดีตแล้ว
อนาคตก็ไม่คิดครับ 555

ส่วนใหญ่ความคิดจะอยู่กับปัจจุบันเป็นหลักเลย

 

โดย: กะว่าก๋า 16 มกราคม 2558 13:58:35 น.  

 

ขิบคุณที่นำเรื่องราวจากการเดินทางและภาพสวยๆมาฝากค่ะ อ่านแล้วอยากไปแบบนี้บ้าง แต่คงไม่มีโอกาส

 

โดย: ชลบุรีมามี่คลับ 16 มกราคม 2558 21:48:33 น.  

 

ทั้งแผ่นดินของอินเดียดูจะมัเสน่ห์ชวนค้นหา
ขอบคุณ จขบ. ที่นำภาพในแผ่นดินที่เข้าถึงได้ยากมาให้ชม อีกทั้งเรื่องชวนอ่านประกอบการเดินทาง
คิดว่าคงมีคนไทยน้อยคนที่จะได้รับประสบการณ์เช่นนี้ครับ

กาบริเอล Travel Blog

 

โดย: Insignia_Museum 16 มกราคม 2558 22:47:53 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับน้องฟ้า

 

โดย: กะว่าก๋า 17 มกราคม 2558 6:40:46 น.  

 

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
aphsara Technology Blog ดู Blog
ขุนเพชรขุนราม Science Blog ดู Blog
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
สุขสันต์วันหยุดจ้ะ

 

โดย: Opey 17 มกราคม 2558 9:04:22 น.  

 

เดินทางคนเดียวเก่งจริง ๆ ครับคุณฟ้า

ดูเหงามาก ๆ ฝนตกน้อย... ดีนะครับที่อากาศหนาว ไม่งั้น
เหม็นตัวเองแย่เลย

อาหารการกิน คงจะแย่จริง ๆ เจอเนื้อแพะ แหวะแล้วครับ
กล่ินฉุนจริง ๆ ผมยอมแพ้... แต่เจอแต่เส้นก็ไม่ไหว

เที่ยวลำบากแน่... แต่ได้เจอชีวิตชาวบ้านจริง ไม่แสร้ง
ทำ ก็น่าจะทำให้ อยากไปเที่ยวครับ

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 17 มกราคม 2558 20:53:31 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ยังไม่ใช้ก็ไม่เป็นไร เข้าไปดูก็ดีใจแล้ว

 

โดย: ป้าเก๋า (ชมพร ) 17 มกราคม 2558 21:20:34 น.  

 

สวัสดีวันหยุดค่ะ
รอบนี้พี่มาส่งกำลังใจจ้ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กาบริเอล Travel Blog ดู Blog

 

โดย: เนินน้ำ 18 มกราคม 2558 12:25:37 น.  

 

พี่รอติดตามชมตอนต่อไปอยู่นะ คุณฟ้า

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 18 มกราคม 2558 15:39:08 น.  

 

อยากเอาเทเลโฟโต้ไปเจาะๆ ให้หนำใจจริงๆ

 

โดย: เป็ดสวรรค์ 20 มกราคม 2558 0:18:46 น.  

 

วัวเธอมอง"ฅนที่เป็นหญิง" แม่วัวเธอนั้น คงจะคิดนึกไปว่า...
"ฅน"ทั้งมวลนั้น มันชั่งเห็นแก่ตัวจริงๆ.....น้ำนมของฉันนนนน.....

วัฒนธรรมให้สิ่งของแด่"เยาว์ชน"ที่ชนชอบมีมโนจริตกัน ผิดๆ แล้วก็มโนจริตต่อๆ... กันต่อๆๆๆไปอีกว่า " #ตัวฉันนั้น " เป็นผู้ให้ แต่กาลเป็น เป็น ว่า การให้เช่นนั้น มันเลยกลายเป็น?????......

ชีวิตที่แสนสงบนั้น ความสงบเงียบ จึงเป็น ยาอายุวัฒนะ อันแสนวิเศษยิ่ง แต่สิ่งสำคัญที่สุด เหตุนั้น #มันสอนกันไม่ได้ เสียด้วย,

บนโลกกว้างใบนี้ ยังมีสิ่งที่ น่าค้นหา ยิ่งนัก,

 

โดย: ธนู ลุงแอ็ดชวนเที่ยว (สมาชิกหมายเลข 4365762 ) 11 กุมภาพันธ์ 2562 0:45:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.