โรคอีสุกอีใส ส่วนใหญ่แล้วจะพบได้มากในช่วงฤดูหนาว เพราะอากาศเย็นลงทำให้ไวรัสอยู่ได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยลักษณะของอีสุกอีใสนั้นจะมีตุ่มหนองใสขึ้นบริเวณตามตัว แต่ทั้งนี้ปริมาณของตุ่มที่ขึ้นนั้นก็ไม่ได้บ่งบอกถึงความรุนแรงของโรค โดยบางคนอาจมีตุ่มอยู่ 40-50 ตุ่ม บางคนอาจมีถึง 200 ตุ่ม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาการจะรุนแรงแต่อย่างใด สุดท้ายก็จะหายได้เองโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น วิธีการรักษาเมื่อเป็นโรคอีสุกอีใส การรักษาส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการ เนื่องจากโรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสจึงไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะ ยกเว้นว่าจะมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน และ หากมีอาการไข้ก็ให้ทำการเช็ดตัว และ กินยาลดไข้พวกพาราเซตามอล แต่ห้ามกินยาแอสไพริน เพราะอาจจะทำให้มีภาวะแทรกซ้อนได้ ที่สำคัญหากมีอาการคันที่บริเวณผิวหนังอาจทำการทายาแก้คัน เช่น คารามาย หรือ กินยาต้าน histamine บรรเทาอาการคัน ที่สำคัญผู้ป่วยนั้นควรตัดเล็บให้สั้น และ หลีกเลี่ยงการแกะ หรือ การเกาในบริเวณตุ่มคัน เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนได้ และ ควรแยกผู้ป่วยออกจากบุคคลอื่นให้พ้นระหว่างระยะติดต่อไปจนถึงแยกข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆ ซึ่งในผู้ป่วยที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือ ผู้ป่วยที่มีอาการแทรกซ้อนก็ควรไปพบแพทย์อย่างโดยด่วน
Create Date : 18 มีนาคม 2565 |
|
0 comments |
Last Update : 18 มีนาคม 2565 16:23:22 น. |
Counter : 329 Pageviews. |
|
|
|