ชวน ขนศพบ้านสิงห์ ฯ!
ศพบ้านสิงห์ฯ
ชวน ขนศพบ้านสิงห์ฯ !แขกรับเชิญ โดย... วชิระ บัวสนธ์
ได้รับเมลจาก "คุณเวียง" วชิระ บัวสนธ์ เห็นทีต้องบอกต่อให้ทราบโดยทั่วกัน เพราะชื่อ สุชาติ สวัสดิ์ศรี หรือ "สิงห์สนามหลวง" ไม่เพียงแค่เป็นเอนไซโคปีเดียเคลื่อนที่เท่านั้น เนื้อตัวของเขายังฝังไปด้วยชิพอักษรหลายล้านคำไว้ด้วย เขามุ่งมั่นทำในสิ่งที่เขารัก ขณะที่คนของบ้านเรายัง "พร่อง" เรื่องนี้อยู่มาก... จะเป็นยังไงเมื่อหนังสือที่เคยมีลมหายใจ กลับกลายเป็นซากศพในวันนี้...โปรดติดตาม!
เพื่อนพ้องน้องพี่ที่เคารพ ครับ บางท่านอาจพอทราบข่าวบ้างแล้วว่า บ้านพี่สุชาติ สวัสดิ์ศรี เป็นอีกครอบครัวหนึ่ง ซึ่งประสบอุทกภัยครั้งที่เพิ่งผ่านมาในระดับ ไม่ธรรมดา ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผมขออนุญาต เล่าความเป็นมาให้ทุกท่านทราบ โดยสังเขปดังนี้ 1. มวลน้ำเริ่มเข้าโจมตีบ้านพี่สุชาติตั้งแต่ทุ่มเศษๆ ของคืนวันที่ 21 ตุลาคม 2554 อันที่จริงก่อนหน้านั้น พี่สุชาติได้เตรียมการรับมือ โดยก่อกำแพงกั้นบริเวณประตูบ้านทุกบาน ตลอดจนตระเตรียมน้ำท่าอาหารไว้พร้อมสรรพ แต่ระดับได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
สรุปคือ คืนดังกล่าวทั้งคืน บวกกับวันที่ 22 อีกวันเต็มๆ สามพ่อแม่ลูก ทุ่มเทแรงกายขนย้ายหนังสือหนังหากันจ้าละหวั่น เพื่อนำไปยัดทะนานไว้บนชั้นสองของบ้านอีกหลัง ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ขนย้ายขึ้นไปเก็บหลายรอบแล้ว
กระทั่งพลบค่ำ ระดับน้ำก็ยังเพิ่มไม่ยอมหยุด จนพี่วรรณา สวัสดิ์ศรี (ศรีดาวเรือง) ได้ขอร้องแกมบังคับให้พี่สุชาติสละเรือน เพราะตอนนั้น พี่วรรณาเริ่มไม่แน่ใจว่าบ้านจะถล่มหรือไม่ ด้วยแลเห็นพรายน้ำผุดพลุ่งจากโคนเสาบ้านอยู่ตำตา
อย่าว่าแต่จำต้องตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย ส่งผลให้ตกอยู่ในความมืดซึ่งคาดเดาไม่ได้ว่าระดับน้ำจะทรงแค่ไหน 2. สามพ่อแม่ลูก ตัดใจสาวเชือกไนล่อน เกาะต้นกล้วย กะละมัง ออกมาในสภาพที่กล่าวได้ว่ามีแต่เสื้อผ้าติดตัว จากนั้นข้ามทางรถไฟ ไปอาศัยโทรศัพท์ร้านค้าของชาวบ้านริมถนนโลคัลโรด โทรหามิตรรุ่นน้องคนหนึ่ง ขณะอีกใจก็คิดว่า อาจต้องไปอยู่ศูนย์อพยพชั่วคราวที่วัดรังสิต 3. สามทุ่มกว่าของคืนวันที่ 22 ตุลาคม 2554 ผมอาศัยรถของบริษัททีวีบูรพา โดยการอนุเคราะห์ของเพื่อนที่ชื่อสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ไปรับครอบครัวสวัสดิ์ศรี มาพำนักพักพิงอยู่ที่ทีวีบูรพาเรื่อยมา จวบจนต้นเดือนธันวาคม พี่สุชาติจึงตัดสินใจกลับคืนรวงรังอีกครั้ง เมื่อน้ำลดระดับลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป 4. โดยข้อเท็จจริงแล้ว ในช่วงประมาณเดือนครึ่ง ที่หนีน้ำออกมาอยู่ทีวีบูรพา พี่สุชาติได้หาทางกลับบ้านไปให้อาหารสุนัขทั้งหกราวสี่ห้าหน (ช่วงนั้น น้ำท่วมกว่าสองเมตรครึ่ง) นอกเหนือจากลุงป้าคู่หนึ่งแล้ว บุคคลอีกผู้หนึ่งที่ให้ความกรุณา อาสาขับเรือรับส่ง ก็คือพี่มงคล สุระสัจจะ 5. วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2554 ผมพาพรรคพวกอีกสามไปช่วยเก็บกวาดทำความสะอาด หนึ่งในจำนวนนี้เป็นวิศวกร จึงขอให้ช่วยตรวจสอบสภาพบ้าน ว่ายังวางใจต่อการอยู่อาศัยได้มากน้อยขนาดไหน
เพื่อนผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้าง แจ้งว่าอาการน่าเป็นห่วง แต่ยังพอถูไถไปได้สักระยะ กระนั้นสิ่งที่พวกเราเป็นห่วงกันเต็มสองตา ก็คือเชื้อราที่แผ่ลามไปตามซากศพหนังสือเรือนแสน ซ้ำร้ายส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งตลบอบอวล แทบหายใจหายคอไม่ออก 6.ไม่กี่วันให้หลัง คุณอธิคม คุณาวุฒิ แห่งนิตยสาร Way พากอง บก.ไปเยี่ยมพี่สุชาติ เพื่อขอความรู้เกี่ยวกับกรรมวิธี กู้หนังสือ เนื่องเพราะทราบมาก่อนหน้านั้น ว่าเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม คณะผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมันได้เข้าไปสาธิตชี้แนะขั้นตอนถึงที่
โดยมีผู้บริหารหอศิลป์ กทม.และผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งร่วมทางไปด้วย รวมแล้วสิบกว่าชีวิต ซึ่งต่อมาพี่สุชาติได้ขอให้ผมช่วยเป็นตัวกลางในการขอรับบริจาค ตู้แช่แข็ง เพื่อนำมาใช้งานกู้หนังสือจมน้ำด้วย
กระทั่งคุณสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ทราบข่าว จึงอาสาจัดหาตู้ดังกล่าวให้เอง พร้อมเครื่องกรองน้ำ และเตาแก๊ส 7. ผลจากการไปเห็นสภาพบ้านพี่สุชาติ คุณอธิคมได้ปรารภกับผมว่า ขืนปล่อยให้พี่เชื้อทั้งสองทำความสะอาดกันเอง (มีคนงานช่วยแค่คนเดียว โมน สวัสดิ์ศรี ต้องไปทำงาน) ท่าทางจะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงถือวิสาสะ ชักชวนเพื่อนพ้องน้องนุ่ง รวมทั้งเชิญชวนอาสาสมัครจากทางบ้าน (โดยการประกาศบนหน้ากระดาน Facebook) พากันเข้าไปขนย้ายซากศพหนังสือ ตลอดจนเก็บกวาดทำความสะอาดครั้งใหญ่อยู่สองสามนัด จึงแล้วเสร็จลงด้วยดี 8. กระนั้น เราก็พบปัญหาใหม่อีกอย่าง นั่นคือ ยังมีหนังสือเหลือรอดจากการจมน้ำ บวกรวมแล้วไม่ต่ำกว่าสี่ห้าหมื่นเล่มด้วยกัน พวกมันเหล่านี้ยังไม่มีที่อยู่ที่เก็บแต่ประการใด ด้วยบรรดาชั้นเดิมที่เคยมี ต่างพังพินาศไปหมดสิ้นแล้ว ผมเล่าเรื่องราวมายืดยาว เพื่อจะกราบเรียนต่อทุกท่านว่า บัดนี้ พวกเราจำนวนหนึ่ง ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเร่งจัดสร้างชั้นหนังสือขึ้นที่บ้านพี่สุชาติ สวัสดิ์ศรี (อย่างน้อยเราจะได้ไม่ต้องเศร้าใจกันอีก หากน้ำเกิดท่วมขึ้นมาใหม่ในระดับไม่เลวร้ายกว่าครั้งนี้) แน่ละว่า งานนี้ต้องใช้สตุ้งสตางค์พอสมควร ผมจึงใคร่ขอเรียนเชิญท่านทั้งหลายร่วมกันลงขันจัดสร้างชั้นหนังสือดังกล่าว ตามแต่จิตศรัทธา หรือจะร่วมสนับสนุนด้วยการซื้อหนังสือ หนึ่งชุด รวม 7 เล่ม (ได้แก่ ความเงียบ, ความว่าง, ความรื่นรมย์ครั้งสุดท้าย, หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว, บุหงา, ซ่อนกลิ่น และ เจ้ากาเหว่าเอย โดยสามเล่มแรกเป็นผลงานของสุชาติ สวัสดิ์ศรี เล่มที่สี่คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณ และสามเล่มหลัง เป็นผลงานของ ศรีดาวเรือง)
มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,390 บาท ซึ่งสำนักพิมพ์สามัญชน ขออนุญาตขายเนื้อๆ ชุดละ 1,000 บาทถ้วน (ค่าส่ง 50 บาท) เงินทุกบาททุกสตางค์จากการนี้ ผมจะนำไปสมทบทุนทำชั้นหนังสือบ้านพี่สุชาคิครับ อนึ่ง ผมต้องขออภัยทุกท่านด้วย หากจดหมายฉบับนี้พลอยทำให้ท่านไม่สบายใจ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ด้ ว ย ค ว า ม นั บ ถื อ โ ด ย แ ท้ เวียง-วชิระ บัวสนธ์
หมายเหตุ : เข้าไปดูภาพประกอบได้ในอัลบั้ม ขนศพบ้านสิงห์ฯ บนหน้ากระดาน Facebook ในชื่อ Vieng-vachira Buason และถ้าท่านผู้ใด ประสงค์จะร่วมลงขันการนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด รบกวนติดต่อกลับมายังอีกครั้งนะครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณ คม ชัด ลึกออนไลน์ คุณวชิระ บัวสนธ์
สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ
Create Date : 09 มกราคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 9 มกราคม 2555 14:29:38 น. |
Counter : 939 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|