Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
1 กันยายน 2552
 
All Blogs
 

ฝนที่ตกในใจ





ผมเดินกลับมายังแค้มป์ด้วยสีหน้าหมองหม่น

หลังจากนั่งอารมณ์เสียอยู่สักพักก็ตัดสินใจที่จะฝ่าสายฝนออกไปเพื่อกลับไปเฝ้านกในเทรลนั้นอีกครั้งโดยไม่สนว่าฝนจะตกหนักเพียงใด ผมใช้เสื้อกันหนาวตัวนอกที่สามารถกันน้ำได้คลุมเลนส์และกล้องเอาไว้เพื่อไม่ให้เปียกฝนแล้วเดินออกนอกแค้มป์ไปด้วยอารมณ์บูดบึ้งในขณะที่สายฝนเริ่มลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อยๆ พ่อผมคงสังเกตดีว่าผมอารมณ์เสียอย่างรุนแรงเลยกางร่มเดินตามมา พอเดินมาได้ครึ่งทางฝนก็ยิ่งตกหนักจนเสื้อกันหนาวแทบจะต้านไม่ไหว ผมเลยเข้าไปหลบอยู่ในมุมเล็กๆใต้หน้าผาแต่ก็ใช้กันฝนไม่ได้มาก สักพักหนึ่งพ่อผมก็เดินมาถึงแล้วก็ชวนให้กลับไปที่เต็นท์ แต่ผมกลับปฏิเสธและยืนกรานที่จะนั่งรอจนกว่าฝนจะหยุดอยู่ตรงนี้ พ่อเลยเดินมานั่งข้างๆอยู่สักพัก เวลาแบบนี้พ่อผมคงรู้ดีว่าไม่ต้องพูดอะไรจะดีที่สุด พ่อเลยนั่งเงียบอยู่สักพักก่อนจะถามว่าจะเอาร่มไว้มั้ย ผมปฏิเสธอีกครั้ง พ่อเลยเดินจากไปเพื่อกลับไปยังแค้มป์ในขณะที่ผมยังคงนั่งตากฝนอยู่กลางพายุเพียงลำพัง ผมนั่งนิ่งมองสายฝนพลางนึกโกรธ เกลียดมันว่าทำไมจะต้องมาตกหนักอะไรเอาตอนนี้ด้วย เกลียดแม้กระทั่งทำไมตัวผมเองถึงต้องเดินทางมาในทริปนี้ด้วย ไหนจะดวงซวยกล้องเสียตั้งแต่วันแรกที่เหยียบแผ่นดินอินเดีย จนเดือดร้อนต้องยืมกล้องของพี่มะเดี่ยวมาใช้แทนทำให้พี่เค้าไม่ได้ใช้กล้องของตัวเอง แล้วไหนจะยังทำกล้องล้มฟาดพื้นจนแฟลชแยกของพี่เหน่อแตกอีก ทำไมมันถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อน ซวย ซวย ซวยที่สุดแบบนี้ แล้วฝนบ้านี่เมื่อไหร่จะหยุดตกเสียที ผมนั่งก้มหน้างุดอยู่กลางสายฝนที่ยังคงกระหน่ำลงมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่อย่างน้อยฝนตกหนักๆแบบนี้ก็ดีอยู่อย่างหนึ่งสินะ เพราะถ้าใครบังเอิญเดินผ่านมาก็คงจะมองไม่ออกอยู่ดีว่าน้ำตามันกำลังไหลอาบแก้มอยู่


ฝนยังคงตกหนักต่อไป ผมก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ในมือกอดกล้องเอาไว้แน่นภายใต้เสื้อกันหนาวตัวหนาที่ยังคงใช้กันฝนให้กับกล้องได้ดีอยู่ ภายในหัวมีสภาพเหมือนหนูที่กำลังถีบจักรจนเหนื่อยล้า คร่ำเครียดอยู่กับเรื่องเดิมๆที่วกไปวนมาหาจุดจบไม่ได้ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันซิ แต่จนกระทั่งฝนเริ่มที่จะซาลง ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเป็นครั้งแรก ผมเหม่อมองก้อนเมฆสีเทาที่กำลังค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านไปช้าๆแบบไร้จุดหมาย สักพักหนึ่งสายฝนที่เคยตกหนักก็เหลือเพียงละอองฝนปรอยๆ พร้อมๆกันกับที่หมู่เมฆบนท้องฟ้าค่อยๆเคลื่อนตัวออก เผยให้เห็นท้องฟ้าสีฟ้าอ่อนที่กำลังระเรื่อไปด้วยสีเหลืองทองของพระอาทิตย์ยามเย็นที่ซ่อนตัวอยู่หลังกลีบเมฆมาเป็นเวลานานแสนนาน...ฟ้าหลังฝนก็เป็นอย่างนี้เองสินะ ผมจึงตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินไปยังเทรลเพื่อกลับไปเฝ้าดูฝูงนกที่มากินน้ำหวานจากดอกไม้ต่อ พอเดินไปถึงทางเข้าเทรลก็เจอพี่มะเดี่ยวกำลังเดินออกมาพอดี พี่มะเดี่ยวเองก็คงจะหาที่หลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้ในเทรลเหมือนกัน แล้วผมก็เดินเข้าไปในเทรลต่อเพียงลำพังและก็เป็นอย่างที่คาด ไม่มีนกสักตัวเดียวตรงจุดที่ผมตั้งใจจะไปเฝ้ารอ เรื่องนี้ผมพอจะเดาได้อยู่แล้วล่ะ ฝนตกหนักขนาดนี้แถมยังเย็นย่ำใกล้มืดอีก ผมหวังเพียงปาฏิหาริย์ลมๆแล้งๆที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ผมจึงค่อยๆเดินออกจากเทรลช้าๆเพื่อที่จะกลับไปยังแค้มป์ ระหว่างทางก็พบกับอาหมอหม่องกำลังดูนกต้องสงสัยตัวหนึ่งอยู่กับคนอื่นๆอีกสองสามคน ผมจึงส่องดูแล้วก็บอกว่าเป็น “Green Shrike-Babbler” แต่อาหมอหม่องยังคงสงสัยอยู่เพราะคิดว่ามันหน้าตาแปลกๆ แต่ผมก็ไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจแม้แต่นกแล้ว ผมจึงขอตัวเดินกลับมาก่อน อาหมอหม่องเองก็คงจะงงๆอยู่เหมือนกันก็ต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยละกันนะครับ แล้วผมก็เดินกลับมาถึงแค้มป์พร้อมๆกันกับที่สายหมอกเคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุมจนมิดมองไปทางไหนก็เห็นแต่สีขาวโพลนไปหมด แล้วคืนนั้นก็เป็นคืนที่ผมหลับใหลยาวที่นานที่สุดของทริปนี้



เช้าวันใหม่

ดูเหมือนว่าอาการซึมเศร้าเมื่อวานนี้ของผมจะหายไปจนหมดสิ้นแล้ว ส่วนหนึ่งคงเพราะตื่นขึ้นมาแล้วเห็นท้องฟ้าสดใสเลยชวนให้อารมณ์ดีขึ้นด้วย วันนี้พวกเราเลือกที่จะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มที่จะขึ้นไปบน Eaglenest Pass อีกครั้งกับกลุ่มที่อยากจะตื่นสาย ดื่มกาแฟ อ่านหนังสือ พักผ่อนอยู่รอบๆเต็นท์ ผมเลือกที่จะขึ้นไปบน Eaglenest Pass ประมาณหกโมงเช้าล้อก็เริ่มหมุน วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นสีฟ้าสดแตกต่างกับเมื่อวานลิบลับ ผมนั่งเปิดหน้าต่างสูดอากาศเย็นบริสุทธิ์มาตลอดทางจนเกือบจะถึง Eaglenest Pass พวกเราก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงร้องประกาศอาณาเขตของนกกะรางลายจุด (Spotted Laughingthrush) ที่พวกเรายังเห็นกันได้ไม่เต็มตาที่แมนดาลาเมื่อหลายวันก่อน คราวนี้เจ้านกยอมออกมาเกาะร้องโชว์ตัวให้ได้เห็นกันเต็มๆตา พวกเราจึงได้ดูลวดลายและสีสันสวยๆของมันก่อนที่จะโผลับเข้าไปในดงไผ่ข้างทาง บน Eaglenest Pass เราก็ยังได้เซอร์ไพรส์เป็นเก้งตัวหนึ่งที่ออกมาเดินอยู่บนถนน เป็นครั้งแรกของทริปที่เราได้เห็นสัตว์ป่าขนาดใหญ่แบบนี้นอกเหนือไปจากร่องรอยขี้ช้างที่มีอยู่เต็มไปหมดตลอดทาง นกข้างบนนี้ก็ดีเลยทีเดียว เราเจอต้นไม้กำลังออกลูกอยู่หลายต้นมีนกกะรางหน้าดำ (Black-faced Laughingthrush) เข้ามากินกันหลายตัวเต็มไปหมด นอกจากนั้นก็ยังเจอดงดอกกุหลาบพันปีที่มีนกกินปลีหางยาวเขียวและนกภูหงอนคอลายเข้ามากินน้ำหวานอีกด้วย กำลังนั่งถ่ายรูปนกภูหงอนอยู่เพลินๆก็มีนกกินปลีแดงหัวไพลิน (Fire-tailed Sunbird) ตัวผู้แสนสวยเข้ามาร่วมวงด้วยซะอย่างนั้นแต่ก็มาเร็วไปเร็วเลยพลาดไปอีกจนได้ แถมยังมีเจ้า “นกแกะถั่ว” Spotted Nutcracker ที่เราเห็นกันไกลๆที่แมนดาลาบินโผมาให้ดูใกล้ๆแถมยังส่งเสียงร้องดังลั่นอีกต่างหาก พวกเราเดินดูนกกันจนเริ่มหิวเลยนั่งรถกลับลงไปยังแค้มป์เพื่อทานอาหารเช้าร่วมกับอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ขึ้นมากัน


สุดท้ายเราก็มานั่งกินข้าวกันอยู่ตรงหน้าเทรลเพื่อที่จะได้สะดวกหากใครอยากดูนก กินเสร็จก็จะได้แยกย้ายกันเดินเข้าป่าไปดูนกได้เลย ไม่ต้องย้อนกลับไปที่แค้มป์อีก หลังอาหารผมจึงพกกล้องติดตัวเดินเข้าเทรลไปโดยมีเป้าหมายก็คือเข้าไปถ่ายรูปนกกินปลีเข้ามากินน้ำหวานเหมือนเดิม ระหว่างทางก็มีนกตัวเล็กๆออกมาให้ดูอยู่เรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นฝูงของนกมุ่นรกอกสีทอง (Golden-breasted Fulvetta) และนกมุ่นรกคอเหลือง (Yellow-throated Fulvetta) หรือนกเขนน้อยคิ้วขาว (White-browed Bush-Robin) ตัวเมียที่ออกมาเกาะตอโชว์ตัวให้ได้เก็บภาพกันใกล้ๆเลย พอเดินไปถึงดงดอกไม้ก็ไม่เสียแรงเปล่า เห็นฝูงนกกินปลีตัวเล็กๆบินกันให้ว่อนเต็มไปหมดเหมือนอยู่ในสวนสวรรค์ ผมเลยเพลิดเพลินอยู่ในนั้นเสียนานกว่าคนอื่นๆ นอกจากนกกินปลีที่หลักๆมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดได้แก่นกกินปลีหางยาวเขียว (Green-tailed Sunbird) และนกกินปลีหางยาวคอสีฟ้า (Mrs Gould’s Sunbird) แล้วก็ยังมีนกหางรำสีสวย (Beautiful Sibia) กับนกภูหงอนก้นสีส้ม (Rufous-vented Yuhina) เข้ามาร่วมแจมในดงดอกไม้อีกด้วย จะเสียใจนิดหน่อยก็ตรงที่เจ้านกเป้าหมาย นกกินปลีหางแดงหัวไพลิน (Fire-tailed Sunbird) ตัวผู้แสนสวยก็ยังคงเล่นตัว บินลับๆล่อๆอยู่แต่เฉพาะบนยอดไม้เท่านั้นทำให้เก็บภาพไม่ได้เสียที


แต่แล้วขณะที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับฝูงนกกินปลี พ่อของผมก็รีบเดินฝ่าพุ่มไม้เข้ามาพร้อมกับเรียกให้ไปดูนกตัวหนึ่งอย่างรีบร้อนที่เพียงแค่ผมได้ยินชื่อก็ถึงกับต้องอ้าปากค้างเลยทีเดียว!





















 

Create Date : 01 กันยายน 2552
12 comments
Last Update : 7 ตุลาคม 2553 19:01:43 น.
Counter : 991 Pageviews.

 

...ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาจะล่วงเลยมาถึง 3 ปีแล้ว...
แต่การเขียนกรุ๊ปบล๊อกนี้ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการตะลุยดูนกแถบหิมาลัย
ก็ยังไม่จบสิ้นเสร็จสมบูรณ์เสียที อาศัยช่วงปิดเทอมนี้ขอตะลุยเขียนต่อละกันครับ
คลิกย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆได้ตามศรัทธาและอัธยาศัย
จะเห็นว่าแม้แต่ในบล๊อกเก่าๆก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอรูปด้วยนะครับ
ไม่ทำรูปแยกเป็นเดี่ยวๆแล้ว แต่ขอเอามาต่อกันเป็นช่องๆเลียนแบบนิตยสารเอาก็แล้วกันครับ


ปล. หวังว่าจะจบได้ในปีนี้ละกันนะ

 

โดย: Unravel 1 กันยายน 2552 23:08:20 น.  

 

โหอดเจิมเลยอ่ะ (เจิมบล็อกตัวเองสไตล์เดียวกันกับพี่พรุนคนงามเลยอ่ะ ) แต่ว่า ๆ ขอแปะไว้ก่อนได้มั๊ยอ่ะ แบบว่าตอนนี้ได้เวลาเจ้าหญิงต้องกลับแล้วก่อนที่จะกลายร่างไปเป็นสาวใช้ซะก่อน ถ้าพรุ่งนี้ยังมีชีวิตรอดอยู่ก็จะมาใหม่ดีดี

ปล. ดูแต่ภาพก่อน สวยจับตาจับใจดีแท้

มีความสุขมาก ๆ และหลับฝันดีดีน๊า

ปล.ที่สอง ว่าแต่ว่าให้เราเป็นป้าหรือเป็นพี่อ่ะ ปีนี้ก็ซาวเจ็ดจะครบซาวแปด ก็ตุลานี้แล้วหละ (เหอๆๆ เราไม่หวงเรื่องอายุหรอกนะ เพราะมันเป็นแค่เพียงตัวเลข วะฮ่าฮ่า เอิ้กๆๆ ขอโทษนะหากเจอหรือได้รู้จักเพื่อนที่บ้า ๆ ต๊อง ๆ แบบเราอ่ะ 555 555)

ไปหละ

 

โดย: minporee 1 กันยายน 2552 23:52:13 น.  

 

เข้ามาดูภาพน้องนกของบ้านนี้แล้วก็ต้องอึ้งและทึ่งเสียทุกครั้งไป "นกกินปลีหางยาวเขียว" เพิ่งเคยเห็นภาพและรู้จักชื่อเป็นครั้งแรกค่ะ พูดอย่างบ้าน ๆ ตามประสาคนไม่ดูนกเลยก็คือ สีสันของเจ้าหล่อนเหมือนกับว่ากำลังนุ่งห่มอยู่ในชุดผ้าไหมหลากสี เห็นจงอยปากที่ยาวแหลมแบบนั้นแล้วแอบเสียว เพราะเคยโดนนกแก้วแอฟริกันผู้ชาญฉลาดของเพื่อนจิกเข้าที่กกหูหนหนึ่ง 555 มาเล่าแบบนี้แล้วขำได้นะ แต่ว่าตอนโดนนั้น

น้องต้นเขียนดีนะคะ ขนาดพี่ที่ไม่รู้หรือสนใจเรื่องการดูนกเลยยังอ่านซะเพลิน ขอเป็นหนึ่งเสียงสนับสนุนให้เขียนกรุ๊ปนี้ให้เสร็จค่ะ ไว้ว่าง ๆ จะเข้ามาอ่านและดูรูปในเอนทรี่เก่า อยากไปเลาะเลียบหิมาลัยกะแถบหลังคาโลกสักครั้ง ต้องหาเวลาไปลำบากตรากตรำแถวนั้นให้ได้ก่อนหมดแรง

(ปอลิงกัง) ขอขำและส่ายหัวให้กับคห.บนหัวหน่อย

 

โดย: prunelle la belle femme 2 กันยายน 2552 2:03:11 น.  

 

ตามมาดูนกแบบไม่เหนื่อย ...

....
...
..
.
น้องต้นเคยดูเรื่อง MI 3 มั้ย มีอยู่ฉากนึงตอนที่พระเอกไปเซี่ยงไฮ้น่ะ มีนกอยู่ตัวนึงในกรง พี่ว่าน่าจะใช่ Red-billed Leiothrix นะ

 

โดย: จอมมารขาวดำ 2 กันยายน 2552 13:28:20 น.  

 

เห็นรูปนกของน้องต้นทีไร
ต่อมคันรบเร้าให้พี่ก๋าซื้อเลนส์เทเล่เหลือเกินครับ 5555






 

โดย: กะว่าก๋า 3 กันยายน 2552 13:47:50 น.  

 

อ่า...ถ่ายรูปได้สวยอีกแล้ว
นกพวกนี้เนี่ยน่ารักดีนะครับ
พี่ก็อยากไปเที่ยวเก็บบรรยากาศแบบนี้บ้างเหมือนกัน
แต่คงยังไม่มีโอกาส เพราะกำลังเก็บเงินซื้อกล้องอยู่
การถ่ายรูปก็เป็นหนึ่งในของที่ชอบครับ แต่ไม่มีโอกาสได้ไปถ่ายสักที

 

โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) 3 กันยายน 2552 18:18:35 น.  

 

+ แว้กกกก! จากความตั้งใจเดิมที่พี่คิดว่าว่างเมื่อไหร่ จะกลับไปไล่ย้อนอ่านหน้าเก่าๆ ของต้นต้น นี่กลับกลายเป็นว่าพี่กลับอ่านหน้าใหม่ๆ ตามไม่ทันซะด้วยซ้ำไป ทุกวันนี้เอาเวลาไปหมดกับการเดินทางซะเยอะ (ตั้งแต่ย้ายออฟฟิศไปอยู่กลางเมือง) เซ็งจังง่ะครับ

+ อ้าว! ได้ฤกษ์อัพหน้า หิมาลายา ตอนต่อไปแล้วรึนี่ วันนี้พี่ดันมาดึกไปหน่อย เซลล์สมองเริ่มจะไม่ทำงานแล้ ขอลงชื่อไว้ก่อน เด๋วไว้มาอ่านใหม่นะคร้าบ

+ อิจฉาต้นต้นจังแฮะ ปิดเทอมทีนานเลย แถมได้กลับบ้านทุกปิดเทอมด้วย อุๆ

 

โดย: บลูยอชท์ 4 กันยายน 2552 0:35:28 น.  

 

+ อ้อ! พี่เกือบลืมขอบคุณต้นต้น ที่เป็นร่วมสนุกเล่น tag ไว้ที่บล็อกพี่นะครับ หนุกหนานดีเนาะ กิๆ

+ กว่าจะมีเวลาว่างมานั่งอ่านซะที (หัวหน้าไปประชุม) ว่าแล้วเชียวว่าพี่พลาด หิมาลายา หน้าที่แล้วไปหน้านึง เลยย้อนกลับไปอ่าน (ฟื้นความทรงจำไปในตัว จะได้ต่อกับตอนนี้ได้) เรียบร้อยแล้วนะครับ

+ เรื่องอารมณ์พีคสุดๆ เวลาเสียใจ ผิดหวังนั่นพี่พอเข้าใจอ่ะครับ (คงประมาณรมณ์ติสต์แตกนั่นเอง - ตอนเดะๆ พี่ก็เป็น) แต่พอเราโตขึ้น ได้มองเห็นโลกและใคร่ครวญชีวิตมากขึ้น บางทีเราก็ต้องคอยควบคุมอารมณ์พวกนี้ กักขัง "ปิศาจ" อันดุร้ายไว้ในใจ คอยให้อาหารมันอยู่เนืองๆ แต่อย่าให้มันหลุดออกมาอาละวาดยังโลกภายนอกบ่อยนักอ่ะครับ ไม่งั้นมันอาจดูไม่ค่อยงาม และพลอยให้คนรอบข้างพลอยเหนื่อยหน่ายไปกับเราด้วยอ่า

+ ดูรูปแบบใหม่แล้วเก๋ดี เหมือนดูนิตยสารเจงๆ ด้วยอ่ะครับ ส่วนหมู่นก ก็ยังงามเฉียบเช่นเคย

+ ช่วยลุ้นให้ต้นต้นปิดกรุ๊ปนี้ให้จบให้ได้ก่อนสิ้นปีนี้นะครับ ฮึบๆ (แต่จะเขียนไปอีกเรื่อยๆ นานๆ ก็ไม่มีใครว่านะฮับ ยังชอบอ่านอยู่ตลอดอ่า )

+ เด๋วย่องๆ ไปค้นหน้าเก่าๆ กรุ๊ปอื่นมาอ่านดูมั่งดีกั่ว ก่อนหัวหน้าจะออกมาจากห้องประชุม อิๆ

 

โดย: บลูยอชท์ 4 กันยายน 2552 14:33:22 น.  

 

[Mode : แซว tag ... ก่อนไป]
+ First kiss ครั้งแรกตอนอนุบาล 2 ?!? จ๊ากกกกกกกกกกก (ไหงไวไฟเยี่ยงนั้นละคร้าบ หรือว่าโดนบังคับขืนใจ ให้สมยอมอ่า คริๆ )

+ อืม ... บ้านสงบๆ บนเขาที่มีเน็ตรึ? ถ้าสร้างไว้สักหลังได้ที่ฮอกไกโดนี่ คงเหมือนบ้านพักร้อนสวรรค์เลยนะครับนั่น อุๆ

 

โดย: บลูยอชท์ 4 กันยายน 2552 14:40:30 น.  

 

ลงรูปนกชนกะบล็อกนี้ทำไมฟะตรู

 

โดย: kirofsky 4 กันยายน 2552 21:37:25 น.  

 

I just finished my Alaska book after 4 years na ka. :-)
So, take your time.


Thank you so much for the comment at my blog to get back to read Himalaya ka.

I visited your blogspot for a while, (well I would say all of them overthere) forget to login as my blogspot account so I am not your blog follower yet. (but I will definitely) So, I leave my comment that I have been wanting to write here.

"You are so amazing and very talented, doesn't matter what kind of gear you have, I think you are a great photographer and your lens is at heart."


I am not at home so I cannot type in Thai today. Thank you so much to share the world you have seen with all of us.

 

โดย: SevenDaffodils IP: 208.59.174.164 21 กันยายน 2552 3:33:55 น.  

 

โอ๊ะ เข้ามาอ่านอย่างฟลุ้ค ต้นเขียนไว้เมื่อไหร่เนี่ย ดีเทลดีจัง อีโมด้วย พี่โอ๋ไม่รู้เลยว่าต้นออกไปนั่งเสียใจกลางฝน โธ่ถัง ตอนนั้นฝนตกหนักมากๆ อ่ะ พี่โอ๋ยังเข้าไปนอนรอในเต๊นท์เลย

จำได้แม่นเลย ตอนเจอ Green Shrike-babbler พี่โอ๋ยืนงงกันอยู่กะพี่หม่องนี่หล่ะ เพราะพี่หม่องคิดว่ามันเป็น warbler แต่พี่โอ๋เชื่อว่ามันหัวโตเกินไป ก็พอดีต้นผ่านมาช่วยฟันธง อิอิ .. ไม่รู้เลยว่าบูดอยู่นะนั่น

รู้สึกผิดที่ไม่ได้ดูแลน้อง

อ่ะนะ process ของการเติบโต ฟ้าหลังฝนเนาะ

 

โดย: โป่งวิด 5 มกราคม 2553 23:04:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Unravel
Location :
Beppu, Oita Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Unravel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.