Group Blog
All Blog
|
ตอนที่ 2 Wildly owl เจ้าราชานกกลางคืน...งั้นเหรอ!!! วันต่อมาที่มหาลัยนักศึกษาหลายกลุ่มต่างก็พูดคุยถึงข่าวการชนะศึกของอาร์มแพร่ไปในกลุ่มคนเล่น AT ในเน็ตเองต่างก็เริ่มมีการเอ่ยถึงทีมในตำนานที่หายไปร่วม 10 ปี และคนหน้าใหม่ที่เพิ่มเริ่มเล่นเอทีแต่ก็สามารถเอาชนะกลุ่ม MamMolia ซึ่งเป็นทีมที่รู้จักกันดีในเขตกลาง “ดูเหมือนเราจะเริ่มดังกันแล้วนะ” อาร์มทำเป็นลำพองใจ “ก่อนอื่นจะต้องตั้งชื่อทีมและทำตราสัญลักษณ์เสียก่อนนะ” ลิปดาเสนอ “ฉันคิดเอาไว้แล้วล่ะ” “แฮ่...ๆๆ หวังว่าทุกคนคงชอบ อีกาเพลิง Flame crow //www. “ เสียงของอาร์มประกาศศักดา ทุกคนหันไปมอง “มันหมายความว่าไง” ทานุสงสัย “ฉันคิดว่า แม้เราจะเป็นเพียงอีกา แต่พลังของเราก็เผาไหม้คู่ต่อสู้ให้เป็นจุลได้” สายตาที่มุ่งมั่นแบบนั้น “ท่าทางหมอนั่นคงเอาจริงแล้วล่ะ” ทานุรู้ดีว่าเวลาอาร์มทำหน้าแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง “โอเค.....ก็แล้วกัน” ทุกคนสนับสนุน เมื่อทุกคนตกลงตามแผนการได้แล้ว “ต่อไปก็ต้องออกแบบเสื้อและก็ตราสัญลักษณ์” “พวกเราจะจัดการให้เองจ๊ะ” แครอลและเอมิราอาสาทันที เมื่อได้แบบเสื้อและตราสัญลักษณ์เรียบร้อยดีแล้วทุกคนก็เริ่มต้นการฝึกทันที ทุกคนไม่ได้มีพืนฐานมาก่อนการเล่นจึงเป็นไปได้ยากเย็นวันนั้นหลังเลิกเรียนทุกคนแยกย้ายกันกลับ ทานุ ซอยและแครอลบ้านอยู่ทางเดียวกันจึงกลับด้วยกัน ส่วนเอมิร่ามีรถมารับกลับไป อาร์มกับลิปดาเดินกลับด้วยกันเมื่อมาถึงทางขึ้นเขาทั้งสองจึงชวนกันเดินเล่น “เราไม่ได้มาที่นี่นานแล้วนะ” ลิปดาเอ่ยเมื่อมายืนที่หินผาที่ก่อตัวเป้นเหมือนหัวกระโหลกตั้งเด่นอยู่บนหน้าผาที่สามารถมองลงไปเบื้องล่างเห็นเมืองทั้งเมืองได้ “ฮืม.....ตอนเป็นเด็ก...เธฮชอบขึ้นมาบนนี้ทั้งที่เธอกลัว” อาร์มนึกถึงตอนเป็นเด็กที่ทั้งสองชอบมาด้วยกันลิปดาชอบปีนขึ้นมาที่นี่แต่ก็มักร้องไห้งอแงกลัวร่วงลงไปอาร์มต้องคอยพยุงจนขึ้นมาได้ “ก็เพราะฉันอยากจะเห็นน่ะสิว่าบนที่สูงมันเป็นยังไง” อาร์มล้มลงนอนมองฟ้า ลิปดานั่งลงข้างๆ “ดูนั่นสิ นกกำลังบิน” ลิปดาชี้ไปที่นกตัวใหญ่สีน้ำเงินที่กางสุดปีกถลาอยู่บนฟ้า อาร์มลุกขึ้น “ฉันก็จะบิน......” เขากางแขนออกหลับตานิ่งสายลมพัดผ่านมาต้องแสงอาทิตย์ยามเย็น ปีกสีแดงเลือดกำลังกางออกอย่างสง่าผ่าเผย ลิปดายิ้มที่มองเห็นมันที่หลังของอาร์ม “เฮ้ย.....ไอ้พวกนั้นมันทำอะไรกันน่ะ” ทานุมองเห็นนักเรียนต่างมหาลัยกำลังทำอะไรกันอยู่ที่ข้างกำแพงของมหาลัย หน้าตาแต่ละคนเหมือนนักเลงมากกว่านักเรียน “ก็กำลังระบายสีอยู่น่ะสิ” พวกมันตอบกวนๆ เมื่อร่างบึกบึนของแต่ลคนถอยออกเห็นคนที่กำลังละเลงอย่างเมามันตัวเล็กๆท่าทางติ๊งต๊องหันมายิ้มให้ “ไง....พวกแกน่ะมหาลัยกลางเหรอ” ท่าทางน่ากวนๆเอ่ย ทานุ ซอย และแครอลเห็นคำที่มันละเลงอยู่บนกำแพงถึงกับโกรธจัด “ที่นี่มันไม่ใช่ถิ่นพวกแกนะจะมาทำตามอำเภอใจแบบนี้ไม่ได้นะ” “พวกนี้มันแก๊งค์ Wildly owl ของมหาลัยใต้นิ” แครอลเอ่ย “เธอรู้จักพวกเขาด้วยเหรอ” ซอยถาม “ตั้งแต่เรารวมกลุ่มกันฉันกับลิปดาและเอมิราก็หาข่าวการเคลื่อนไหวของพวกที่เล่น AT ของเมืองเราและเมืองใกล้ๆ พวกนี้น่ะมันทีมที่แข็งแกร่งที่สุดระดับมหาลัยทางใต้เชียวนะ ชื่อของมัน wildly owl หรือเค้าแมวป่า พวกมันมีการต่อสู้ที่ดุเดือดราวกับนกเค้าแมวที่ดุร้ายในเวลากลางคืน” แครอลตอบ ทั้งสามมองชายร่างผอมสูงที่ยิ้มอย่างยั่วยุ “แต่ว่าไอ้หมอนั่นน่ะเป็นหัวหน้าทีม ทำไมมันดูติ๊งต๊องจัง” ทานุอดสงสัยไม่ได้ ซึ่งก็ทำให้พวกกลุ่มร่างใหญ่ไม่พอใจที่มาว่าหัวหน้าแบบนั้น “นั่นแหล่ะ จอร์นสัน อาร์เน๊ต ขึ้นชื่อว่าราชานกเค้าแมวไงล่ะ” ทั้งสองกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเมื่อมองสายตาที่น่ากลัวของคนที่เอ่ยถึง “ชิ....แต่พวกเราไม่ยอมหรอกนะ จะมากร่างในถิ่นเราแบบนี้ให้อภัยไม่ได้” “ทานุ อย่านะ พวกนายสู้เขาไม่ได้หรอก” “แต่เราจะให้พวกเขามาหยามแบบนี้ ไม่ให้อภัย” ซอยเห็นด้วย “แต่พวกนายสองคนจะสู้พวกเขาได้เหรอ ตามอาร์มมาช่วยเถอะ” เชอะเจ้าหมอนั่นมันเก่งคนเดียวมาตลอดยังไงซะเราก็ต้องแสดงให้เห็นว่าเราก็เจ๊งเหมือนกัน ทานุคิดอยู่ในใจ “พวกแก...เป็นเจ้าถิ่นงั้นหรือ ก็ดีสิ มาเล่นกันหน่อย” ดวงตานกเค้าแมวจ้องมองชายร่างผอมทั้งคู่ แครอลตะลึงนิ่งมองเหตุการณ์ใจระทึกเห็นร่างของทานุและซอยล้มลงไปจมกองเลือดเธอจึงรีบหันหลังวิ่งสุดฝีเท้าของเธอ “จอร์นสัน...แม่นั่นล่ะ” “ปล่อยเธอไป” จอร์นสันพูดอย่างไม่ยีหระเมื่อจัดการกับเยื่อเรียบร้อยแล้ว อาร์มกับลิปดาเดินลงมาจากเขาพบแครอลที่วิ่งมาอย่างเหน็ดเหนื่อยจนแทบจะเป็นลม ลิปดาวิ่งเข้าไปหาเพื่อน “แครอล....เป็นอะไรน่ะ” “แย่.....แย่....แล้ว.....ทานุ...กับซอย” เธอแทบจะพูดไม่ออก “เป็นอะไร ทานุกับซอยเ เกิดอะไรขึ้น” อาร์มไม่รอฟังเขารีบวิ่งกลับโรงเรียนทันที และเมื่อมาถึงเห็นเพื่อนทั้งสองนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น กำแพงสีขาวมีรูปนกฮูกอยู่ที่นั่น Wildly owl....... เขามองดวงตาที่ฉายแววประดุจสัตว์ร้าย ลิปดามองดูชายร่างสูงโปร่งที่นั่งกุมมืออยู่หน้าห้องฉุกเฮินเขาไม่ได้เอ่ยอะไรตั้งแต่พาทั้งสองมาที่โรงพยาบาลแล้ว สายตาที่นิ่งคิดมันดุดันน่ากลัว จนกระทั่งหมอออกมาและพาคนป่วยไปที่ห้องพักฟื้น “ลิปดากลับบ้านไปก่อนเถอะมันดึกแล้ว...” เขาหันมาบอกเธอเมื่อดูแลเพื่อนทั้งสองนอนที่เตียงเรียบร้อยแล้ว “แล้วนายล่ะ” “ฉันจะอยู่เฝ้าสองคนนี้” “ฮืม....แล้วพรุ่งนี้ฉันจะแวะเอาเสื้อผ้ามาให้นะ” “ขอบใจ...” “อาร์ม....มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ” ลิปดาเอ่ยเพราะเห็นสีหน้าเป็นกังวลของอีกฝ่ายแล้วพอเข้าใจความรู้สึก “ฮืม....” “ฉันไปล่ะ” ลิปดากับแครอลจากไป อาร์มหันมามองเพื่อนทั้งสองที่ถูกพันตัวราวมัมมี่ “ทำไมพวกนายไม่เรียกฉัน.......เราเป็นเพื่อนกันนะ” น้ำตาซึมดวงตาที่แข็งกร้าวเขากำหมัดเอาไว้แน่น รุ่งเช้าลิปดาแวะมาที่โรงพยาบาลก่อนที่จะไปโรงเรียนแต่ก็ไม่พบอาร์ม ทานุกับซอยฟื้นแล้ว “พวกนายเป็นยังไงบ้าง?” “ดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบใจนะที่เป็นห่วง และก็สำหรับอาการเช้านี่ด้วย” ทานุยิ้มอย่างยินดี “ฮืม....เห็นพวกนายโอเคฉันก็สบายใจ ฉันก็ไม่อยากจะมาหาพวกนายที่โรงพยาบาลบ่อยๆหรอกนะ” เธออดเหน็บเพื่อนร่วมคณะและร่วมวันสมัยประถมไม่ได้ ทั้งทานุและซอยเป็นเพื่อนของเธอและอาร์มตั้งแต่เรียนประถม “พวกเราก็ไม่อยากเป็นแบบนี้หรอกนะ แต่ว่าสถานการณ์มันพาไปน่ะ” ซอยยิ้มแห้งๆ “แล้วนี่อาร์มไปไหนแล้วล่ะ” “อ้อ...ตายล่ะ อาร์มบอกว่าจะไปที่มหาลัยใต้นะสิ ลิปดาเธอช่วยหยุดเขาที” ลิปดาอึ้งกับข่าวที่ได้ยินเป็นอย่างมากเธอรีบวิ่งออกจากโรงพยาบาล อาร์มอย่าบอกนะว่านายคิดจะทำอะไรน่ะ อย่านะ อย่าทำอะไรบ้าๆล่ะ เธอร้องอยู่ในใจอย่างเป็นห่วง จากเมืองที่เธออยู่ไปมหาลัยใต้ต้องใช้เวลาเดินทางร่วม 2 ชั่วโมง อาร์มเพิ่งขึ้นรถไฟไปก่อนหน้าเธอประมาณ ชั่วโมงเดียวเอง ลิปดาได้แต่ภาวนาอย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น อาร์มเดินทางมาถึงมหาลัยใต้ก่อนเวลานี้ยังไม่เข้าเรียนนักเรียนเพิ่งจะเดินทางมาโรงเรียนกัน เขามองหาเป้าหมายอย่างกระหาย “รู้จัก Wildly owl ไหม?” เขาเข้าไปถามนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง “อ้อ...ไอ้พวกอันธพาลพวกนั้นเหรอ พวกมันไม่ชอบเรียนหนังสือหรอก ชอบไปจับกลุ่มกันอยู่ที่ลานข้างโรงเรียนน่ะสิ” หญิงสาวชี้มือบอกที่หมาย แล้วอาร์มก็ขอบใจเธอก่อนจะเดินไปที่นั่น เมื่อมาถึงลานแห่งนั้นมีเพียงกองซากรถเก่าที่ไม่ได้ใช้แล้วไม่ว่าจะเป็นอะไหล่รถ และรถที่ยังคงสภาพครบแต่ทรุดโทรมแล้ว เขาเห็นมีชายร่างผอมสูงนั่งอยู่บนหลังคารถเก๋งสีแดงข้างๆเขามีลูกน้องร่างใหญ่อีก 2 -3 คนนั่งอยู่บนล้อที่กองข้างๆ “พวกแกใช่ไหม Wildly owl?” เขาตะโกนถามอย่างโมโห “ฮืม...แล้วเป็นใครล่ะไอ้หน้าอ่อน” คนร่างยักษ์เอ่ยถาม “ฉัน อาร์ม โรล ไลน์ แห่งมหาลัยกลาง ฉันมาคิดบัญชีกับพวกแกที่เมื่อวานไปทำร้ายเพื่อนฉัน” “ใจเด็ดจริงนิ มาแค่คนเดียวเองเหรอ นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร” ชายร่างผอมสูงเอ่ย “ฉันจอห์นสัน อาร์ เน็ต” “คิดว่าจะสามารถเอาชนะฉันได้เหรอ” คำพูดเย้ยหยันอยู่ในที “แล้วแกคิดว่าฉันเป็นใครล่ะ” อาร์มพูดเสียงเหี้ยวเกรียม ชายเมื่อครู่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นกระโดดอย่างรวดเร็วเข้ามาหาเขาพร้อมกับกระโดดแตะที่ปลายคางส่งร่างสูงโปร่งไปนอนจมกองเลือด “ไอ้หน้าอ่อนคิดว่าจะทำอะไรฉันได้งั้นรึ” เท้าหนักๆที่ใส่ AT กระแทกลงที่หน้าชายหนุ่มอย่างแรง “อั๊ก......แก......” อาร์มรู้สึกเจ็บแค้นใจที่ทำอะไรไม่ได้ “อย่างแกจะทำอะไร พวกแกมันอ่อนแอ ก็ต้องอยู่ภายใต้คนที่แข็งแกร่งกว่า มันก็เหมือนกับนกนั่นแหล่ะ นกที่ปีกแข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะเป็นพญานกกกกก” เสียงจอร์นสันขาดห้วงไปอย่างน่าแปลกใจ เท้าที่กระแทกลงหน้าอาร์มเกร็ง สั่นสะท้าน “อ่ะ...นี่มันจิตสังหารรรรรของราชา” จอร์นสันคางออกมา เคลือบไปบนหลังคารถเก๋งสีดำที่อยู่ไม่ไกลนัก “แก.......เป็นใครกัน” เขาถามออกมาร่างกายขยับเขยื่อนไม่ได้ อาร์มตกใจกับท่าทีที่แปลกไปของอีกฝ่ายเขาลุกขึ้นมองไปทางด้านที่จอร์นสันกำลังมองอย่างตกตะลึง “หน้ากากดำ” เขาเรียกเบาๆ “ใช่แล้ว นายคิดถูกแล้วล่ะ นกปีกที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นถึงจะเป็นพญาแห่งนก...” ราวกับว่ามีปีกของนกสีน้ำเงินอันมหึมากำลังกระพืออย่างแรงส่งร่างผอมของจอร์นสันกระเด็นไป “ท่านจอร์นสัน....” ลูกน้องร้องเสียงหลงก่อนจะเข้ามารับร่างเขาไว้ “แต่นายคิดผิดไปอย่างหนึ่งนะเจ้านกเค้าแมว ไม่มีนกตัวใดในโลกนี้ที่มีปีกอ่อนแอ ยกเว้นมันไม่คิดจะกางปีกบินเท่านั้น ปีกของมันก็จะร่วงหล่นไปจนไม่สามารถบินขึ้นฟ้าได้ ปีกของนกที่แข็งแกร่งนั่นก็หมายถึงนกทุกตัวที่กางบินออกแล้วโผบินขึ้นสู่ฟ้าต่างหากล่ะ” “อั๊กก....เออ....อ้า......เจ้า...เป็นนน...ใคร....” “หน้ากากดำเธอมาทำอะไรที่นี่ แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่” อาร์มหันไปถามขัดจังหวะการสนทนา ร่างบอบบางในชุดสีดำรัดรูปดวงตาภายใต้หน้ากากดำเพ่งมองเขา “ฮืม….ก็แค่มาช่วยนาย” “ฮึๆๆๆ.....” เสียงของจอร์นสันหัวเราะออกมา “น่าสนใจนิ เป็นผู้ช่วยงั้นเหรอ 555.......” อาร์มมองจอร์นสันที่หัวเราะจนท้องแข็ง “ถ้างั้นเราก็มาแข่งกันหน่อยสิ อยากจะรู้นักว่านายน่ะเก่งขนาดไหนกัน ไอ้หน้าอ่อน” จอร์นสันลุกขึ้นยืน “อีก 7 วัน เรามาแข่ง Warfare ที่นี่ เวลา 3 ทุ่มตรง ถ้ากลัวล่ะก็ไม่ต้องมาหรอกนะ 555” “ได้......ฉันจะแข่งกับนาย” “นี่นาย.......” หน้ากากดำแทบไม่อยากจะเชื่อว่าอาร์มจะรับคำท้าเอาง่ายๆ “การเดิมพันของเรา....” จอร์นสันหันไปมองร่างอ้อนแอ้นที่อยู่อยู่บนหลังคารถ “ถ้าฉันชนะเธอต้องมาอยู่เป็นเงาของฉัน” เขาประกาศกึงก้อง ทั้งสองจ้องมองกันด้วยสายตาที่แข็งกร้าว “ชิ.....” หน้ากากดำกระโดดหนีไปทันที จอร์นสันและเพื่อนๆ ก็สลายตัวเช่นกันเหลือเพียงอาร์มที่ยืนอยู่ที่นั่นคนเดียว เสียงคนวิ่งมาที่นี่ ลิปดามองเห็นแผ่นหลังที่เธอคุ้นเคยยืนอยู่ที่สนานเก็บรถเก่าคนเดียว “อาร์ม......” อาร์มหันมาตามเสียงเรียก “เกิดอะไรขึ้น?” “อีก 7 วัน ฉันมีศึกที่นี่กับ Wildly owl “ เขาตอบเธอ “ฮ้า.....นายว่าไงนะ” ลิปดาตกใจกับข่าวที่เธอได้รับรู้ “นายจะสู้กับพวกเขางั้นเหรอ” “ฮืม.......” “ว่าแต่เธอมาที่นี่ทำไม” “ก็มาตามนายน่ะสิ ทานุกับซอยเขาเป็นห่วงนะ” รีบพูดแก้เก้อทันที “ฮืม...ไม่มีไรแล้วล่ะ ต่อไปนี้ฉันคงต้องเอาจริงแล้ว” สายตาที่ดูมุ่งมั่นแบบนั้นเขาคงเอาจริงอย่างที่พูด ทีม Flame crow นัดรวมกลุ่มกันเพื่อดูแบบตราสัญลักษณ์และเสื้อที่แครอลและอมิราออกแบบมาให้เมื่อได้ถูกใจแล้วก็นำไปที่ร้านรับทำตราสัญลักษณ์และทำเสื้อจัดทำตามแบบไม่กี่วันก็ได้ตามที่ต้องการ อาร์มทุ่มเทกับการฝึกฝนการเล่น AT มากกว่าเดิม “ลิปดาทำอะไรอยู่น่ะ” เขาเข้าไปในห้องนอนของลิปดาเห็นเธอกำลังยุ่งกับการทำแบบเครื่องบิน “เครื่องบินเหรอ...” “ฮืม...นายมีอะไรเหรอ” “ฉันว่าจะมาชวนไปเดินเล่นด้วยซะหน่อยนะ” “เออ....” “แต่ถ้ายุ่งก็ไม่เป็นไรหรอกนะ ฉันจะไปคนเดียว” “ไม่เป็นไร...ฉันจะไปด้วย” เธอรีบเก็บข้าวของใส่กล่องทันที ทั้งสองใส่ AT วิ่งออกจากบ้านไป “พี่คารินคะ.......ทำไมท้องฟ้าถึงกว้างจังเลยคะ” ซ้องส์หันไปถามพี่สาวคนโตหลังจากมองลิปดากับอาร์มที่กระโดดออกทางหน้าต่างไปแล้ว “ก็เพราะมันเป็นท้องฟ้าน่ะสิ” “เป็นท้องฟ้าก็ดีจังนะ ทำให้นกสามารถบินไปได้ ถึงท้องฟ้าจะกว้างแต่มันก็คงไม่เกินปีกเราจะบินไป” “ฮืม....” “สุดปลายฟ้า.....พ่อกับแม่จะอยู่ที่นั่นไหมคะ” “ไม่รู้สิ ถ้าอยากจะรู้ซ้องส์ก็ต้องบินแล้วล่ะ บินให้สุดปีกของซ้องส์เลยแล้วจะได้รู้ว่าท้องฟ้าน่ะมันกว้างขนาดไหน” คารินเอ่ยพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าเห็นนกสองตัวกำลังโบยบินไปอย่างสนุก “แล้วเรื่องสนุกก็จะกำลังรอคอยเราอยู่” “พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่เราจะทำศึกกับ Wildly owl” อาร์มพูดขณะวิ่งบนกำแพง “นายกลัวไหมล่ะ?” “อย่างฉันนี่นะจะกลัวเจ้าพวกนั้น” “ฉันก็ว่าอย่างนั้นล่ะ” “555....ตามฉันมาดีๆล่ะ ลิปดา” อาร์มวิ่งสุดกำลัง นินายวิ่งได้เร็วขนาดนั้นแล้วเหรอเนี่ย ลิปดาได้แต่แปลกใจกับสิ่งที่ได้เห็น อาร์มกระโดดเปลี่ยนเส้นทางจากทางราบขึ้นไปบนเส้นทางที่จะขึ้นไปบนเขา “อาร์ม....” ลิปดานิ่งงันเมื่อเห็นเขามาหยุดที่บันไดมังกร และเธอก็รู้ทันทีว่าเขาต้องการมาที่นี่ทำไม “ฉันมาที่นีทุกวัน เพื่อมาดูคุณเคย์เขาบิน เธอบินได้สวยมาก ฉันอยากจะบินไปกับเธอ” อาร์มเอ่ยมองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่ทอประกายความฝัน ลิปดารับรู้ได้ว่าใจของเขากำลังโบยบินหาเธอคนนั้น “เหรอ...งั้นนายก็เข้ารวมกลุ่มกับเธอสิ พวกของเธอท่าทางมีแต่คนเก่งๆนะ” “ก็เคยคิดนะ….เฮ้....นั่นเธอจะไปไหนกันน่ะลิปดา เดี๋ยวก่อนสิ” ทำไมนะทำไม เราถึงห้ามใจไม่ให้สั่นไม่ได้ ก็แค่เขาบอกว่าคิดอยากจะไปอยู่กับคุณเคย์ ลิปดาวิ่งขึ้นทางขึ้นเขาจนไปถึงหน้าผาหัวกระโหลกแต่แล้วเธอก็พลาดร่วงลง ลิปดาร้องเสียงหลงอย่างตกใจสุดชีวิตพลันมีมือของใครบางคนฉุดเอาไว้ พอใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่เงยขึ้นมามอง “ลิปดา ไม่เป็นไรนะ อย่าปล่อยมือฉันนะ” “อาร์ม.....” “ฉันจะไม่ปล่อยมือเธอเด็ดขาด ดังนั้นเชื่อใจฉันนะ อย่าปล่อยมือฉัน” น้ำตาใสๆ ไหลอาบแก้มทั้งสอง อาร์มค่อยๆดึงเธอขึ้นมาจนได้ ลิปดานั่งร้องไห้ขณะที่อาร์มโล่งอกอยู่ใกล้ๆ “ฉันตกใจแทบแย่.....” เขาหันมามองลิปดาที่ปิดหน้าร้องไห้ อาร์มดึงหัวเธอมาซุกที่อก “ยัยขี้แย เธอน่ะกลัวที่สูงขนาดนี้ก็จะอยากขึ้นมาอีกนะ” อาร์มปลอบโยนเธอ เปล่าหรอก...ฉันไม่ได้หวาดกลัวที่สูงเลยสักนิดเดียว แต่ที่ฉันกลัว มันคือการเปลี่ยนแปลงต่างหาก แต่การเปลี่ยนแปลงมันก็คงจะเป็นสิ่งที่เราไม่อาจจะหยุดยั้งมันได้สินะ “ดูสิ...ขี้มูกโป่งเลย 555...... ยัยลิปดาขี้แย ขี้มูกโป่ง” เขาล้อเลียนอย่างสนุก “อีตาบ้า” ลิปดาทุบตีเขา อาร์มจึงกระโดดหลบและลงจากหน้าผาไปอย่างรวดเร็วโดยมีลิปดาวิ่งไล่ตาม แต่เวลาเหล่านี้มันยังคงเหมือนเดิม เหมือนวันเก่าที่เคยผ่านมา อาร์มยังคงอยู่ที่นี่ ยังมีเธออยู่ ทั้งเดิน เล่นวิ่งไล่กัน ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านมา สายลมพัดผ่านมาดูเหมือนว่าศึกของ Wildly owl เจ้านกเค้าแมวแห่งมหาลัยใต้ที่โด่งดังกับเจ้าอีกาเพลิงทีมยังไม่มีอันดับจากมหาลัยกลางเป็นที่สนใจของกลุ่ม AT เหมือนกัน “เขาว่ากันว่าไอ้หน้าอ่อนนั่นน่าสนใจนะ” เสียงเหล่านัก AT ซุบซิบกัน “แล้วนิเธอก็จะไปดูด้วยเหรอเคย์” เสียงหนุ่มหล่อมาดเท่ห์ภายใต้ชุดคลุมสีดำเอ่ย “ไปสิ หรือว่านายไม่อยากไป ดูท่าทาง ลิปดาก็ไปด้วยนะ” “ฮืม.....” หนุ่มมาดเท่ห์ขยับหมวกลงปิดหน้าอันแดงระเรื่อ เมื่อถึงเวลา 3 ทุ่มตามที่นัดหมายกันไว้ ทีม Wildly owl กับ Flame crow ผู้มาเยือนจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว “เกมส์ของเราก็ง่ายมาก มีเราแค่ 2 คนเท่านั้น มันอาจจะดูป่าเถื่อนไปหน่อยนะ ถ้าฉันจะบอกว่า นายจะทำยังไงก็ได้ที่จะแย่งตราสัญลักษณ์ไปจากอกเสื้อของฉัน ฟังอาจจะดูง่าย แต่นายคงไม่ได้มีวันที่จะแตะมันได้หรอก คงต้องฉีกฉันเป็นชิ้นๆก่อนถึงจะมีโอกาสได้สัมผัสมัน” เสียงเย้ยหยันเอ่ย “ได้สิ แล้วฉันจะทำให้นายเหละเป็นโจ๊กเลย” อาร์มตอบโต้อย่างไม่เกรง “งั้นก็เข้ามาเลยไอ้หน้าอ่อน” ทั้งสองกระโจนเข้าหากัน ทั้งอาร์มและจอร์นสันต่างใช้ศิลปะป้องกันตัวสู้กันอย่างสุดกำลัง ผ่านไปร่วมครึ่งช่วงโมงแล้วที่ทั้งสองต่างก็ใช้ชั้นเชิงต่างๆในการต่อสู้ จ้องมองกันด้วยสายตาประดุจเสือร้าย “ฉันจะไม่ให้ไอ้หน้าอ่อนอย่างแกมายิ่งใหญ่กว่าหรอกรู้เอาไว้ด้วย” จอร์นสันเอ่ยอย่างโกรธแค้นที่โดนอาร์มหมุนตัวมาแตะที่หน้าจนหัน “ฉันก็ไม่ให้นกเค้าแมวอย่างแกมาจิกหัวเอาได้หรอก” “แกมันไอ้เด็กเมื่อวานซืน จะไปรู้อะไร...ว่าการที่จะได้บินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ต้องใช้อะไรบ้าง เราอาจจะต้องฝ่าอุปสรรคนานัปการ ไม่ว่าจะเป็นการหักหลังเพื่อนที่สนิทมากที่สุด การทุ่มเทเวลาและร่างกายจนต้องสูญเสียอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตไป แกคิดว่าจะทำเหรอ” เสียงสะท้อนจากความมืดอย่างทรมานดังออกมากับเสียงโหดเหี่ยมนั่นจนอาร์มสัมผัสได้ “งั้นเหรอ ฉันไม่รู้หรอกว่าการหักหลังเพื่อนมันเป็นยังไง ฉันไม่รู้หรอกว่าการต้องทุ่มเททั้งร่างกายและจิตใจ แล้วมันต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง” อาร์มหมุนตัว 180 องศาก่อนจะกระโดดจัมป์ลงกระแทกที่หัวอีกฝ่าย แต่จอร์นสันก็ไวพอที่จะหมุนตัวหลบลงนอนกับพื้น ทำให้อาร์มจัมป์ลงกับพื้นเปล่าล้มไม่เป็นท่า จอร์นส้นดีดตัวลุกขึ้นคว้าคอเสื้อเขาแล้วเหวี่ยงไปสุดชีวิตส่งร่างของอาร์มลอยไปปะทะรถเก๋งเก่าๆ ข้างสนาม “อาร์ม...” ลิปดาได้แต่ระทึกใจอยู่ข้างๆ “อาร์มอย่าเป็นไรนะ” เสียงของอเมราร้องเอาใจช่วยอย่าง่เทา ลิปดามองเพื่อนอย่างเข้าใจว่าเธอคงห่วงอาร์มมาก อาร์มลุกขึ้นยืนตัวโชคไปด้วยเลือด เช่นเดียวกับจอร์นสันที่ยืนหอบตัวโยน “ไอ้หมอนี่มันอึดจริงๆ” จอร์นสันได้แต่คิดอยู่คนเดียว “ท่านจอร์นสันจัดการมันเลยๆๆ” เสียงลูกน้องของเราตะโกนมา “ฉันน่ะไม่คิดที่จะบินบนท้องฟ้าคนเดียวหรอกนะ” อาร์มตะโกนบอกเขา เขาคิดถึงเพื่อนๆทุกคนรวมทั้งครอบครัวของเขา “ทั้งเพื่อนและคนสำคัญฉันจะพาพวกเขาไปด้วย” เสียงเขาประกาศก้อง “อาร์ม” ลิปดายืนยิ้มอย่างยินดีที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นเช่นเดียวกับเพื่อนทุกคน “555....ช่างน่าขำสิ้นดีไอ้ลูกเจี๊ยบ แกคิดว่าการจะบินได้นั้นมันต้องอาศัยอะไร.....ปีกนี่ ปีกที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะบินได้สูง อย่างแกคงบินไม่ได้แล้วล่ะเพราะฉันจะหักปีกแกเอง” จอร์นสันเอ่ยพลางกระโจนเข้าหาอาร์ม “Picky teary” เสียงอาร์มประกาศท่าไม้ตายพร้อมกับหมุนตัวอย่างรวดเร็ว AT ของเขาร้องเป็นเสียงนกเค้าแมวพลางปล่อยกงเล็บและจะงอยปากเข้ามาจิกข่วยชายหนุ่มจนร่างกระเด็นไป “อั๊กกกก” “อาร์ม......” ทุกคนร้องอย่างตกใจ “นกที่มีเขี้ยวเล็บนี่แหล่ะคือปีกของฉันนนน” อาร์มลุกขึ้นยืนชอบตัวโยนร่างกายชุ่มไปด้วยเลือด “นายก็หลงระเริงกับสิ่งที่ตัวเองมี นายใช้ปากของนายทำลายพวกเขาเพื่อที่ตัวเองจะได้ไปสู่เส้นทางที่ตัวเองต้องการ จนนายไม่เหลือใคร นายมันโง่ที่สุด.....นายถึงไม่มีใครไงล่ะ” อาร์มพูดแทงใจดำทำเอาจอร์นสันโกรธ “อย่างนายจะไปรู้อะไร อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลยไอ้หน้าอ่อน” เขากระโจนเข้ามาพร้อมกับขว่านเขาที่แขนแต่ชายหนุ่มก็หลบหลีได้ทัน “นายมันขี้แพ้ คิดว่าแค่การมีเล็บจะทำให้บินได้งั้นเหรอ นายคิดผิดแล้วล่ะ” “นายมันไม่เคยบินไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง” เขายังกระโจนเข้ามาแต่ก็ได้แต่จิกถากๆร่างของอาร์มที่เริ่มจับการโจมตีได้ เขากระโดดหลบไปอยู่บนหลังคารถ “นายเคยขึ้นไปแล้วหรือ? บนนั้นน่ะ” อาร์มชี้ขึ้นฟ้า จอร์นสันมองตาม “บนฟ้าน่ะนายเคยขึ้นไปแล้วหรือยัง? ถ้าเคยขึ้นไปนายจะรู้เองว่าจะถลาลงมายังไง” “อย่ามาอวดดีหน่อยเลย ไอ้หน้าอ่อน” จอร์นสันโกรธที่โดนสบประมาท เขากระโดดเข้ามาพร้อมกับท่าหมุนอากาศรอบตัวด้วยความเร็วสูงจนอาร์มไม่ทันได้ขยับตัวจึงโดนจิกไปเต็มๆ ส่งร่างลอยกระเด็นไปไกล แต่เขาก็ยังยืนหยัดขึ้นมาอีก “แกนี่มันทนทายาทจริงๆ” เขาอดเอ่ยชมไม่ได้ “เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่เคยคาดคิดเอาไว้จริงๆ” “ฉันไม่คิดจะล้มให้กับคนอย่างนายหรอก เพราะฉันคิดเอาไว้แล้วตั้งแต่เริ่มสู้กับนาย ฉันจะเป็นคนพานายโผบินขึ้นสู่ฟ้าเอง” เขาประกาศกร้าว “ก็เอาเลยถ้าทำได้” นกเค้าแมวมองเขาอย่างกระหายเลือดก่อนจะกระโดดจงจากรถมาหาเขา “Switching boom tunner” อาร์มเอ่ยท่าไม้ตายหลังจากหมุนตัวกลับโดยใช้ข้อมือเป็นศูนย์กลางย่อตัวลงเพื่อให้เกิดการหมุนแหว่งได้เร็วและง่ายหลบการโจมตีของอีกฝ่ายแล้วกลับมาถีบด้วยความเร็วสูงราวกับพายุส่งร่างจอร์นสันลอยละลิ้วไปตกไกลจนไม่สามารถลุกได้ “ท่านี้มัน” ลิปดามองตาค้างเป็นท่าที่เธฮเคยใช้จัดการกับซากุน อาร์มเห็นมันแค่ครั้งเดียวทำไมสามารถทำได้ “นี่เรา...เป็นอะไรไปน่ะ เราแพ้แล้วงั้นเหรอ ทำไมขยับไม่ได้เลย” จอร์นสันพูดกับตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ “ท่านจอร์นสัน” ลูกน้องของจอร์นสันร้องอย่างตกใจ คนที่ถือหางข้างอาร์มต่างร้องเฮลั่น ลูกน้องของจอร์นสันช่วยกันลงมาพยุงเขาขึ้น “ไม่อยากจะเชื่อเลยนะ เด็กคนนั้นเล่น AT มาแค่ไม่กี่อาทิตย์สามารถเอาชนะราชานกเค้าแมวได้ ไอ้หมอนั่นน่ะมันบ้าดีเดือดดีใครๆก็รู้” โทมัสเอ่ยแม้เขาเองไม่ได้ถือหางฝ่ายไหนก็ตามที “นั่นนะสิถึงจะสมกับที่เป็นคนที่ฉันสนใจ” เคย์เอ่ยแล้วยิ้มหวาน “นี่เราแพ้แล้วยังงั้นเหรอนี่” เขายังพูดอยู่ไม่อยากจะเชื่อ สายตาอันน่าขนลุกหันมามองอาร์มที่ยังยืนหอบตัวโยนอยู่ที่เดิม “ฉันแพ้ไอ้หน้าอ่อนงั้นเหรอ” เขาครางอีกครั้งก่อนจะเบิกตากว้าง เร็วเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิดจอร์นสันเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเขาง้างหมัดหมายจะต่อยอาร์มที่ยังยืนอยู่กับที่ แต่ที่เร็วกว่าเขาคือร่างของสาวน้อยที่มายืนขวางหมัดเขาเอาไว้ ดวงตาแน่นิ่งที่ประสานกับดวงตาดุเดือดของเขาอย่างไร้แววหวาดกลัวสายลมพัดผ่านมาอย่างแรงเขาได้ยินเสียงเหมือนปีกขนาดใหญ่กระพือขึ้น จอร์นสันทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้า ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่แน่นิ่ง “มันจบแล้ว นายแพ้แล้ว” เธอเอ่ยเบาๆ แล้วดึงตราของนกเค้าแมวจากอกเสื้อของจอร์นสัน “ลิปดา นี่เธอ” อาร์มเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนทุกคนว่าลิปดาจะมาอยู่ตรงหน้าเขาเขามองแผ่นหลังบอบบางที่ปกป้องเขาเอาไว้อย่างทึ่งๆ “ทำไม......ทำไม...” จอร์นสันยังจ้องมองหน้าเธอนิ่ง “”ฉันถึง.....รู้สึกหมดแรง........เธอ......ทำไม....น่ารักที่สุดเลยยยยยย” เกินที่ใครจะคาดคิดจอร์นสันกระโดดขึ้นมากอดร่างบอบบางที่ไม่ทันตั้งตัว อย่างลิงโลดใจสุดชีวิต ลิปดาร้องเสียงหลง “ไอ้บ้า....ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” อาร์มดึงมือเขาออก “ไอ้บ้า.....ไอ้ฟั่นเฟือน ฉันบอกให้ปล่อยลิปดาเดี๋ยวนี้” อาร์มทั้งแตะทั้งทึ้งจอร์นสันสุดฤทธิ์ “ช่วยด้วย .... ช่วยด้วย..... นี่มันเรื่องอะไรกัน” ลิปดาคอตกอยู่ในวงแขนของเขาที่กอดรัดราวกับงูเหลือม ส่วนอาร์มจะทุบตียังไงก็ไม่เป็นผล เฮ้อ.....ทุกคนมองเหตุการณ์ชุลมุนอย่างงงงัน “ทำไมเป็นยังงั้นล่ะ” โทมัสมองอย่างไม่เข้านัก จากศึกของวันนั้นผลการชนะของอาร์มถูกแพร่ไปทั่วอินเตอร์เน็ต ทำให้ชื่อของ Flame crow เริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป อีกทั้งการเลื่อนขั้นจาก F class เป็น E class ในทันที จอร์นสันสลายทีมตามกฏ แต่เขากลับมาเข้ารวมกลุ่มกับอาร์ม โดยให้เหตุผลว่าถึงแม้กลุ่มจะแพ้และถูกสลายไปแต่เขาในฐานะราชานกเค้าแมวยังไงก็ต้องมีภาระกิจของปีก แต่เป้าหมายที่แท้จริงของเขานั้นก็การได้ใกล้ชิดกับลิปดามากกว่า “ภาระกิจของปีกมันคืออะไรเหรอ” อาร์มถามจอร์นสันขณะนั่งคุยกันอยู่บนดาดฟ้า “ว่ากันว่า ในยุคที่เริ่มมีการก่อตั้งทีม AT มีปีกอยู่ทั้งหมด 5 ปีก เรียกปีกทั้ง 5 ว่า ราชา 5 ราชา ซึ่งก็ได้แก่ ฉันราชานกเค้าแมวมีสีประจำตัวคือสีเทา ราชากระเรียนมีสีขาว ราชานางนวลมีสีเหลือง ราชาอีกามีสีดำ ราชานกยูงมีสีแดง และเหนือกว่าราชาทั้ง 5 คือ ราชาอินทรีสีน้ำเงิน พวกเราทั้ง 6 มีหน้าที่ปกป้องเมืองของเราเอาไว้ นั่นเป็นตำนานที่พ่อฉันเล่าให้ฟัง ฉันยังไม่รู้เท่าไหร่เลยว่าราชาคนอื่นๆจะอยู่ที่ไหนบ้าง” “ทำไมล่ะ” “ก็เมื่อ 10 กว่าปีก่อนเกิดการปฎิวัติ พ่อแม่ฉันถูกฆ่าตาย เหลือพี่ชายกับฉัน ที่หนีรอดไปได้ แต่พี่ชายก็ต้องถูกทำร้ายจนขาหักข้างหนึ่ง เขาเป็นคนสอนให้ฉันเล่น AT ฉันจึงตั้งปณิธานเอาไว้ว่ายังไงซะฉันก็จะต้องทำสิ่งที่พ่อได้เหลือทิ้งเอาไว้ให้ดีที่สุด เพื่อที่จะทำให้พี่ชายของฉัน ญาติคนเดียวที่ยังเหลืออยู่เขามีชีวิตที่สุขสบาย” “ฮืม.....ไม่เลวเลยนิ” อาร์มคิด พลางคิดถึงครอบครัวเขาเช่นกัน “ฉันคิดว่านายจะเป็นราชาอีกาดำสะอีก” “ฉันน่ะอีกาเพลิงต่างหากเล่า” อาร์มแย้ง “ก็นั่นน่ะสินะเพราะถ้านายมีปีกสีดำของอีกาแล้วล่ะก็ สัญลักษณ์นั่นคงอยู่ที่คอร์ AT ของนายแล้ว” ลิปดาได้แต่มองทั้งคู่อยู่เงียบๆ “ปีกของ AT มันจะโบยบินหาเจ้าของของมันเองนะ” “งั้นเหรอ” “และฉันเองก็ได้รับการสืบทอดปีกนกเค้าแมวมาจากพี่ชายอีกที” “เป็นเรื่องที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย” อาร์มอึ้ง “อะไรกัน นายน่ะยังไม่รู้หรอกหรือ จุดมุ่งหมายของนักเล่น AT ทุกคนคืออะไร จุดสูงสุดที่พวกเขาอยากจะไปให้ถึงก็คือการได้ปีกของราชานกอินทรีสีน้ำเงินไงล่ะ” “มันสำคัญขนาดนั้นเชียวเหรอ” “การได้ปีกของอินทรีสีน้ำเงินจะนำทุกคนเดินทางสู่ท้องฟ้าที่ไม่มีใครไปถึงได้ นั่นก็คืออิสระภาพนั่นไงล่ะ” จอร์นสันชี้ขึ้นไปบนฟ้า อาร์มก็ยังไม่เข้าใจนักว่าพวกปีกทั้งหลายมันคืออะไรสำคัญขนาดไหน “เอาไว้ให้นายไปถึงจุดหนึ่งแล้วจะเข้าใจเองล่ะ” จอร์นสันตัดเรื่องคุยเพราะเหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้เขางงเข้าไปใหญ่ ลิปดาเดินถือกล่องข้าวกล่องมาให้จอร์นสันมีท่าทีดีใจจนออกนอกหน้า “คุณลิปดาช่างใจดีอะไรขนาดนี้” ลิปดายิ้มให้อย่างอ่อนโยน “การจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ ไม่ใช่แค่มีปีกอย่างเดียวหรอกนะ แต่ต้องมีแรงลมช่วยในการกระพือปีกยิ่งลมแรงเท่าไหร่ก็จะโบยบินไปได้ไกลเท่านั้น ทุกคนต่างก็ฝันที่จะบินได้ด้วยกันทั้งหมด แต่จะมีใครสามารถที่จะทำตามความฝันได้ และสิ่งที่จะช่วยในการขับเคลื่อนเราสู่ท้องฟ้าได้ มันก็คงจะเป็น AT นี่สินะ” “คุณลิปดาเท่ห์ที่สุดเลย” จอร์นสันทำตาหยาดเยิ้มใกล้ๆ “คุณจอร์นสันมาอยู่ที่นี่เองหรือคะ?” เสียงอ่อนหวานเอ่ยอย่างน้ำเสียงขึงขัง ทุกคนหันไปมองร่างบอบบางแต่อกอึมยืนมองทั้งสามด้วยสายตาที่ไม่พอใจนักที่เห็นจอร์นสันทำท่าทีชื่นชมลิปดาอยู่ “เธอคือใครกันน่ะ” อาร์มสงสัย “นาเดีย” จอร์นสันเรียกชื่อเธอ “นายรู้จักด้วยเหรอ” “รู้จักสิ ก็เธอน่ะ เป็น........” “เทพธิดาเชื่อมต่อพลังราชานกเค้าแมวว” นาเดียเอ่ย “ดูสิเนื้อตัวบอกช้ำขนาดนี้แล้วนี่ปีกของท่านหักยับเยินไปแล้วใช่ไหมก็แล้วทำไมไม่เอามาซ่อมซะล่ะคะ”ก่อนจะเข้ามาลากตัวจอร์นสันไปอย่างไม่ปราณี “ขอโทษที่มารบกวนนะคะ” เธอหันมาเอ่ยขอโทษอาร์มกับลิปดาที่นั่งเป็นลูกไก่อยู่ตรงนั้น จอร์นสันได้แต่ร้องเรียกให้ช่วยเหลือเขา อาร์มกับลิปดาได้แต่มองตามหน้าเหรอ “มันอะไรกันเหรอทั้งสองคนน่ะ” “เทพธิดาแห่งการเชื่อมต่อพลังราชากับผู้ใช้พลังนั่นไงล่ะ ว่ากันว่าราชาทั้ง 5 และราชาสูงสุดหรือราชาอินทรีสีน้ำเงินต่างก็มีเทพธิดาแห่งการเชื่อมต่อหรือการจูนซึ่งจะทำหน้าที่ซ่อมแซมปีกและจูนพลังราชาให้” อาร์มพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี “เทพธิดากับราชาต่างก็จะเข้ากันได้ดี ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ต่างก็เป็นผู้ผลักดันให้พลังราชาขับเคลื่อนไป” “ทำไม....เธอ...ถึงรู้ดีจัง” ลิปดาทำหน้าเหรอ “ฉัน...ก็อ่านมาจากเน็ตน่ะสิ” เธฮตอบเขาแต่ดูแล้วสีหน้าเหมือนคนโกหก “ฉันอาจจะไม่เข้าใจเท่าไหร่น่ะนะ แต่ว่าเทพธิดาอะไรนั่นไม่ได้จำเป็นสำหรับฉันหรอก ฉันจะบินด้วยปีกของฉันเอง คอยดูนะลิปดา” พูดแล้วก็กางปีกออกแล้วทำท่าบินไป “เธอต้องบินได้แน่ๆ อาร์ม” ลิปดาบอกตัวเองเบาๆ และยิ้มอย่างยินดีกับความคิดนั้น ลิปดากลับมาถึงบ้านเห็นคารินกำลังซ่อมประตูห้องเก็บของอยู่เสร็จแล้วก็โยนกุญแจให้กับเธอ “ล็อคเอาไว้ดีๆล่ะ อย่าให้เจ้าบ้านั่นมาเปิดอีก รู้ไหม?” “ค่ะ” “เจ้านั่นน่ะ ยังอยู่อีกไกลกว่าที่จะบินขึ้นฟ้าได้” คารินพูดแล้วก็เดินขึ้นบ้านไป ลิปดาปิดประตูลงเบาๆ มองดู AT ทั้ง 4 คู่ที่อยู่ในกล่องแก้วอย่างเรียบร้อยเหมือนเดิม แสงสะท้อนจากไฟด้านนอกกระทบกับปีกสีน้ำเงินของรองเท้าคู่สุดท้าย ลิปดามองครู่หนึ่งก่อนจะปิดมันลงและล็อคกลอน |
unitan
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] Link |