มีนาคม 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
21
22
24
26
28
29
30
31
 
 
ตอนที่ 4 การต่อสู้ที่จะเริ่มต้น 2
เมื่อ 14 ปี ก่อนเกิดการปฏิวัติขึ้นกลางเมืองเหล่าทหารถูกเหล่าปฏิวัติกวาดล้างไปหมด เมืองได้ถูกแบ่งออกเป็น 5 เมือง เหนือ ตะวันออก ตะวันตก ใต้ โดยมีเมืองกลางเป็นศูนย์รวมการปกครอง กฏการคุมอำนาจทั้งหมดอยู่ที่เหล่าปฏิวัติ พวกทหารที่เหลือรดจากเหตุการณ์ครั้งนั้นต่างถูกประหารไปหมด ส่วนครอบครัวต้องคอยหลบซ่อนไม่ให้ใครรู้ว่าเคยเป็นลูกหลานของทหารมาก่อน เดิมทีครอบครัวของคารินอยู่ทางตอนใต้ติดทะเล หลังปฏิวัติได้ย้ายที่อยู่รวม 5 ครั้งก่อนตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองกลาง คารินให้เหตุผลว่า ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ครอบครัวที่มีแต่เด็กผู้หญิง 3 คน เด็กผู้ชาย 1 คน และป้าแก่ๆ 1 คน จึงดูไม่มีพิษภัยอะไรมากสำหรับคนที่ดูภายนอกแล้ว
บ้านเมืองต่างก็เปลี่ยนไปมาก กฏหมายบ้านเมืองต่างๆ ถูกกุมอำนาจเอาไว้โดยเหล่าปฏิวัติ พวกครอบครัวทหารเก่าที่คิดจะมาต่อกรกับเหล่าปฏิวัติก็จะถูกลงโทษอย่างโหดเหี้ยม มันจึงเป็นเพียงฝันร้ายสำหรับทุกคนที่ยังมีจะลุกขึ้นมาสู้ ต่อมาเหล่าปฏิวัติได้ยึดครองกระทรวงกระลาโหม กองกำลังตำรวจและทหารทั้งหมดอยู่ภายใต้อำนาจของพวกเขาแล้ว บ้านเมืองที่เคยสงบสุขมาตั้งแต่ครั้งก่อนมันจึงเป็นเพียงความฝันของหลายๆคน
...........
หลังเลิกงานวันนั้นพอลล์พาอาร์มกับลิปดาไปเลี้ยงตามสัญญาและแขกพิเศษที่ทำเอาอาร์มดีใจสุดๆก็คือเคย์ที่มาร่วมวงด้วย ซึ่งก็ทำเอาลิปดาเซ็งเล็กน้อย
เคย์ให้ความสนใจกับอาร์มจนออกนอกหน้าส่วนอาร์มเองก็พึงพอใจในตัวเธอเช่นกัน
ลิปดาขอตัวไปห้องน้ำ เคย์จึงตามไปเพื่อที่จะคุยอะไรบางอย่างด้วย
“เธอคงรู้แล้วสินะ ลิปดาว่าฉันสนใจอาร์มอยู่”
“ฮืม...” ลิปดาก้มหน้านิ่ง
“ฉันขอถามอะไรเธอหน่อยได้ไหม…..เธอน่ะเป็นอะไรกับเขากันแน่”
“ฉันเหรอ.....” ลิปดานิ่งคิดทบทวนเรื่องต่างๆมากมายตั้งแต่เล็กจนโต ครอบครัวของเธอมีกันเพียง 5 คน นั่นก็คือสามสาวพี่น้อง อาร์มและป้าอังกา เรื่องราวต่างๆ มีทั้งสุขและทุกข์แต่พวกเราก็อยู่ด้วยกันมาตลอด
“ฉันเหรอ.......” เธอยังคิดหาคำอธิบายเรื่องต่างๆเหล่านั้นไม่ได้
เคย์เข้าประชิดตัวเธอหน้าอกอันมหึมาแนบกับอกอิ่มของอีกฝ่าย
“สำหรับฉันแล้วน่ะอาร์มคือคนสำคัญนะ ฉันคิดว่ายังไงซะมันต้องมีวันนี้ที่เราจะต้องคุยกัน”
“ฉัน....”
“ฉันรู้ว่าเธอพูดอะไรไม่ได้มาก เธอเองก็ยังสับสนอยู่ใช่ไหม? แต่เรื่องนั้นแล้วล่ะก็ ถ้าเขาจะต้องขึ้นมาเป็นราชาแล้วเขาจะต้องมีผู้ผลักดันที่แข็งแกร่งที่สุด เธอก็น่าจะรู้ดีนะ”
ลิปดาจ้องมองใบหน้าหวานที่กำลังสบตาเธออยู่
“ฉันน่ะต้องการเขานะ ยังไงฉันก็ต้องเอาเขามาให้ได้ ถ้าเธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาแล้วล่ะก็ ขอฉันเถอะนะ”
เกินที่เคย์จะตั้งตัวมือนิ่มๆก็ฟาดที่แก้มซ้ายของเธอจนร่างเซไป
“เขาไม่ใช่ของๆใครนะ และเธอก็ไม่ใช่คนที่จะทำให้เขาบินได้”
“ฮิฮิ....แล้วคิดว่าเธอจะสามารถทำให้เขาบินได้งั้นเหรอ มันก็จริงอยู่ที่ว่าเธออยู่ในครอบครัวของราชา แต่ตัวเธอในตอนนี้ไม่ได้เป็นราชา...เพราะงั้นคิดว่าพลังแค่ลูกนกตัวน้อยๆจะผลักดันให้ อีกา บินได้สูงเหรออ.......”
เคย์เงยหน้ามองตะลึงกับเงาของปีกขนาดใหญ่ที่ด้านหลังของอีกฝ่ายจิตสังหารที่รุนแรงเกินที่เธอจะตั้งตัวได้
“เขาไม่จำเป็นต้องใช้ปีกของใคร เพราะเขาบินได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว เพราะงั้นเธออย่ามายุ่งกับเขาจะดีกว่า”
“คิกคิกคิก.....” เสียงหัวเราะในลำคอที่แสนยากเย็น เป็นความรู้สึกที่แสนยินดีลึกๆ
“นกน่ะมีวิถีทางของมันอยู่แล้ว......อย่างเธอคงบินได้ไม่ไกลหรอก” ลิปดาเอ่ยอย่างเยือกเย็นก่อนจะเดินผ่านร่างที่อ่อนปวกเปือกทรุดฮวบลงไปนั่งลงกับพื้น
“5555..........” เคย์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“เป็นอะไรที่วิเศษอะไรอย่างนี้ เธอเป็นใครกันลิปดา.....ฉันจะต้องรู้ให้ได้” เคย์เอ่ยด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
ลิปดากลับมาที่โต๊ะ
“ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อนแล้วค่ะ” ลิปดาเอ่ย
“อ้าว....เดี๋ยวสิ คุณเคย์.ยังไม่กลับมาเลย..” อาร์มจะเอ่ยแย้ง
“นายจะรอเธอก่อนก็ได้นะ ฉันจะกลับก่อนล่ะ” เธอหันไปบอกเขา
“ขอบคุณสำหรับมื้อนี้นะคะพี่พอลล์ แล้วพรุ่งนี้เจอกันค่ะ” เธอหันไปลาผู้สูงวัยกว่า
“งั้นก็ได้กลับบ้านดีๆล่ะ”
“ฮืมม....งั้นผมก็คงจะกลับด้วยครับ ขอบคุณครับสำหรับวันนี้ ฝากลาคุณเคยก์ด้วยครับ” อาร์มลุกตามอีกคน ลิปดามองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจนัก
“ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวฉันจะจัดการที่เหลือให้” พอลล์เอ่ย
แต่ทั้งสองก็ออกไปด้วยกัน
เคย์กลับมาที่โต๊ะด้วยสีหน้าอย่างกับคนถูกหลอน
“เป็นอะไรน่ะ” พอลล์ถามอย่างสงสัย
“ฉันว่าเรามีเรื่องสนุกทำแล้วล่ะ คิกคิกคิก”
.......
“ที่จริงนายน่าจะอยู่ต่อนะ” ลิปดาบอกเขา อาร์มหันมามองเธอแว๊บนึงก่อนจะไขว้มือบนหัวแล้วเดินนำหน้า
“แม้จะเสียดายนะที่วันนี้ได้อยู่กับคุณเคย์ไม่นาน แต่ก็ช่างเถอะโอกาสแบบนี้คงจะมีอีกเยอะ” เขาตอบ
ลิปดาเดินตามเงียบๆ จนอาร์มแปลกใจ หันกลับมามอง
“ทำไมเหรอ....เธอไม่ชอบเขาหรือไง ใช่สินะเขาสวยกว่าอกก็อึมกว่าสำหรับผู้หญิงแล้วล่ะก็คงไม่ยอมแน่” เขาทำหน้าทะเล้นใส่
“เปล่าหรอก....ฉันไม่ได้สนใจเรื่องพันธ์นั้น” เธอตอบเสียงเรียบ
“ถ้าหากเธอมาชวนนายไปรวมกลุ่มด้วย นายจะไปไหม?” เธอถามเสียงเย็น
อาร์มนิ่งมอง
“ดูๆแล้วคุณเคย์ท่าทางจะเก่งมากๆเลยล่ะ ทั้งพี่พอลล์ด้วย ฉันก็อยากจะอยู่กับคนเก่งๆแบบนั้นเหมือนกัน”
ลิปดาหน้าเศร้า แต่ก็แสร้งยิ้มให้เขา
“ก็ดีแล้ว ที่จริงนายก็เก่งนะเล่น AT ไม่ถึงเดือนแต่ก็สามารถเอาชนะทีม D Class ได้ ฉันยังอึ้งเลย”
“ฮืม.....ใช่แค่ฉันคนเดียวหรอกนะ ยังมีคนอื่นๆอีก ทานุ ซอย และเจ้านกเค้าแมวนั่นพวกเขาก็เก่ง แล้วยังผู้ช่วยหน้ากากดำนั่น เขาสุดยอดมากเลย เพราะงั้นฉันจึงคิดว่าพวกเราจะต้องเก่งขึ้นๆไปอีก”
แล้วเธอคิดจะต่อสู้ไปกับฉันไหม ลิปดาถามคำถามเขาในใจ
“ฉันจึงคิดว่าจะพยายามต่อไปโดยไม่ต้องหวังพึ่งใครไงล่ะ…..” เขายิ้มกว้าง
“และเพื่อที่จะบินให้สูงฉันก็จะเก่งขึ้นไปอีก” เขาชูมือขึ้นบนฟ้าแล้วคว้าอากาศมากำไว้ ลิปดายิ้มอย่างยินดี
“เธอก็เหมือนกันนะ”
“อะ…..”
“เธอก็ต้องเก่งขึ้นไปอีกนะ เราจะวิ่งไปด้วยกัน”
“จ๊ะ” เธอตอบเขาอย่างสุขใจที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น
“งั้นเรามาเริ่มจากตรงนี้กันเถอะ” เขาล้วงเอา AT จากในกระเป๋ามาใส่
“อ่ะ นี่นาย....”
“ตามมาสิลิปดา ฉันรู้ว่าเธอก็เอามันมาด้วยเหมือนกันนิ” เขาพูดแล้ววิ่งนำเธอไปก่อน
“ก็ได้มาดูกันว่าใครจะไปถึงบ้านก่อนกันนะ”
“ฉันไม่แพ้เธอแน่ ลิปดา”
ลิปดาออกตัวด้วยรอยยิ้ม เส้นทางนี้เพราะมีเธอฉันถึงอยากจะวิ่งไป อาร์ม.......... เพราะงั้นฉันจึงต้องเก่งให้มากขึ้นไปอีก ฉันจะไม่ยอมแพ้โดยเด็ดขาด...........
ลิปดากระโดดหมุนตัว 360 องศา บนอากาศก่อนจะวิ่งผ่านอาร์มไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
“สุดยอด นี่ลิปดาเหรอ เท่ห์จริงๆ” อาร์มตะลึงค้างก่อนจะรีบสปรีดตาม
“คิดว่าจะยอมแพ้ง่ายๆงั้นเหรอ”
.....................
“แย่แล้วๆๆ....พวกเรา” ทานุวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาที่ห้องเรียน
“ดูนี่สิ” เขาเปิดโน๊ตให้เพื่อนๆดู
เป็นภาพของนักเรียนมหาลัยกลางพิงกำแพงที่เต็มไปด้วยเลือด มีข้อความตัวมหึมาอย่ด้านหลัง Darkly blue eagle
อาร์มทุบโต๊ะอย่างหัวเสีย
“มันจะมากไปแล้วนะ พวกนี้.....”
ลิปดามองสิ่งเหล่านั้นนิ่งเงียบ
“ไหนว่าเป็นทีมในตำนานไงแล้วมาทำแบบนี้ได้ยังไง......ฉันจะไปลุยกับพวกมัน” อาร์มหุนหันออกไป
“อย่าดีกว่าน่าเรายังไม่รู้เลยว่าพวกนั้นมันเป็นยังไง ขืนนายออกไปแบบนี้มีหวังตายเปล่าๆ มันไม่สมกับเป็นนายเลยนะ” จอห์นสันเดินเข้าห้องมาพูดระงับโทสะของอีกฝ่าย
“มันก็จริงที่ว่าเราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง แต่จะปล่อยให้เพื่อนๆเราเป็นแบบนี้ไม่ได้หรอก ฉันไม่ยอม”
“ใจเย็นๆก่อนดีกว่านะอาร์ม จอห์นสันพูดก็ถูกแล้ว ถ้าขืนลุยไปแบบไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นยังไงก็อาจจะตายได้” ลิปดาพูดเตือนสติ อาร์มหันมาหาเธอใจเย็นลง
“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ” เขาถาม
“อย่างที่เรารู้ว่า Darkly blue eagle เป็นทีมในตำนานก็จริงไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นหัวหน้าและไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน ดังนั้นเราจะต้องสืบหาต้นต่อก่อนดีกว่า เรื่องเอาคืนทีหลังคงไม่สาย”
“มันก็จริงนะ” ทานุเสริม
“และที่ฉันเคยได้ยินมาทีมนี้พวกเขาไม่เคยทำร้ายใครก่อนนะ” แครอลเอ่ย
“เธอจะรู้ได้ยังไงล่ะ นี่มันก็ผ่านมาตั้ง 14 ปีแล้ว พวกเขาอาจจะอยากกลับมาเพื่อทำสิ่งที่ต้องทำให้ทุกคนช็อคก็ได้” ซอยเอ่ย
“ฉันไม่รู้นะเพราะอะไร แต่ฉันเชื่อว่าทีมนั้นคงไม่เอาชื่อของราชามาทำเรื่องพรรณนั้นแน่” ลิปดาพูดอย่างจริงจัง อาร์มสบตาเธอ
“ฮืม...ก็ได้งันเรามาแบ่งงานกัน ฉันในฐานะหัวหน้าทีม.....ฉันจะสืบว่าใครเป็นหัวหน้าพวกนี้”
“จอห์นสัน นายเป็นคนนอก ดังนั้นคอยสนับสนุนฉันข้างหลังก็พอ”
“ทานุกับแครอล พวกนายหาที่อยู่ที่คาดว่าพวกนี้กบดานอยู่”
“ซอยกับเอมิรา พวกนายช่วยหาข้อมูลว่าพวกนันชอบทำอะไรและไปที่ไหนได้บ้าง”
“และฉันจะเป็นคนล่อพวกนั้นออกมาเอง” ลิปดาเอ่ยขัด
“ไม่นะ ฉันไม่เห็นด้วย”
“ทำไมล่ะ ถ้าเราไม่ล่อเราก็ไม่รู้นะ” เธอแย้ง
“มันอันตรายเกินไปยัยบ้า เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงจะไปสู้กับทีมปีศาจในตำนานนั้นได้” เขาแทบจะตะโกนใส่หน้า
“แต่ฉันเห็นด้วยนะ ถ้าเราล่อเจ้าพวกนั้นออกมามันก็คงง่ายขึ้น” จอห์นสันเสริม
“และอีกอย่างลิปดาเองก็วิ่งเร็วจะตายถึงไม่ได้ใส่ AT ฉันว่าก็ไม่มีใครตามเธอทันแน่ จริงไหม” จอห์นสันหันมามองเธอ
“เออ.....ใช่ค่ะ” ลิปดาตอบ
ก็เพราะฉันเองก็ต้องการจัดการกับเจ้าพวกนั้นด้วยนะสิ ฉันจะไม่ปล่อยให้ใครเอาชื่อนั้นไปใช้ในทางที่ไม่ดีหรอก
ซอยกับเอมิร่าสืบข้อมูลการเกิดเหตุวิวาทในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าเหตุมักจะเกิดกับนักศึกษามหาลัยกลางบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำ ใต้สะพานเป็นที่ลับตาคนจึงทำให้ไม่มีใครเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นแถวนั้น
ทานุและแครอลดักซุ่มดูกลุ่มคนที่สันจรแถวสานจนพบกลุ่มที่น่าสงสัยที่มักจะมารวมตัวกันที่ศาลเจ้าก่อนถึงสะพานประมาณ 500 เมตร

เย็นนั้นเมื่อได้ข้อมูลเรียบร้อยลิปดาจึงปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายใส่ชุดนักศึกษามหาลัยกลางไปเดินเตร่แถวศาลเจ้า โดยมีเพื่อนๆคอยสุ่มดูอยู่ห่างๆ

ลิปดาเดินเล่นอย่างใจระทึกเธอขยับหมวกเอาไว้มั่นเมื่อได้ยินเสียงล้อ AT บดกับถนนตามหลังมา
“แฮ้.....ว่าไง”
ชายจำนวน 8 คนมายืนประจันหน้าเธอ
“ดูท่าทางจะเป็นนักศึกษาหมาลัยกลางสินะ” 1 ในนั้นท่าทางจะเป็นหัวโจกเอ่ยขึ้น ร่างสูงโปร่งผมสีดอกเลาในตาสีเทาเข้มมองเธอ
“มาแถวนี้คนเดียวไม่กลัวหรือไง” พวกมันตั้งคำถาม
ลิปดายืนนิ่งไม่ตอบโต้อะไร
“อะไรของคุณไม่ได้ยินที่ถามหรือไง” หัวโจกทำท่าโมโห

อาร์มขยับตัวทำท่าจะแสดงตัวเพราะกลัวว่าลิปดาจะมีอันตรายแต่จอห์นสันจับไหล่เอาไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ”
“พวกนั้นน่ะฉันรู้จักนะ”
“อะ...นายรู้จักงั้นเหรอ”
“พวกนั้นเป็นทีม AT ของมหาลัยใต้ อยู่ระดับ C Class เป็นทีมที่น่ากลัวมาก”
“C Class งั้นเหรอ ฉันไม่สนหรอก ฉันจะจัดการพวกนั้นให้หมอบไปเลย”
“แต่พวกนั้นเป็นทีม Potato นิ ทำไมถึงใช้ชื่อ Darkly blue eagle มันยังไงกันแน่”
“Potato งั้นเหรอ พวกมันฝรั่ง” อาร์มหยุดนิ่งดูการเคลื่อนไหวต่อไป

“คุณแน่มากนะที่กล้ามาเดินแถวนี้คนเดียว ขอบอกนะว่าที่นี่พวกผมคุมและพวกผม Darkly blue eagle พวกเรายืดที่นี่เอาไว้แล้ว” หัวโจกบอกกับลิปดา

“และเจ้านั่น เคิร์ก วีเซอราแอลเกอร์ จอมพลังของมหาลัยใต้ ว่ากันว่า AT ของเจ้านั่นน่ะสามารถบดขยี้ได้ทุกอย่างแม้จะเป็นหินที่แข็งที่สุด”
“เจ้ามันฝรั่งเนี่ยนะ”

“และขอบอกคุณด้วยว่าถ้าก้าวเข้ามาเหยียบที่นี่แล้วไม่มีทางที่จะออกไปได้ง่ายๆ”
“น่าเสียดายที่คุณจะต้องมาจบชีวิตที่นี่” มันยังพล่ามต่อแต่ลิปดาก็ยังคงนิ่ง
“มันน่าหงุดหงิดจริงๆ คุณน่ะ หน้าแบบนี้มัน” มันชักโมโหที่ลิปดายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงกิริยาอะไรตอบโต้
เจ้าหัวโจกกระแทกส้นเท้าลงพื้นพื้นตรงนั้นเกิดเป็นรอยแตกร้าวจนถึงที่ลิปดายืนอยู่และถล่มลงไปใต้ดินลิปดากระโดดตัวลอยถอยออกไป
“ชิ...ไม่เบานิ แต่ก็ยังอ่อนหัด”
เคิร์กกระโดดและกระทืบเท้าเข้ามาใกล้ลิปดากระโดดหลบไป 2-3 ที
ซึ่งก็ทำให้มันหงุดหงิดมาก
พวกนายต้องการอะไรกัน ลิปดาครุ่นคิดอยู่ในใจ
“หลบได้งั้นเหรอ คุณนี่มันกวนใจผมจริงๆ ไม่เคยมีใครเคยหลบการถล่มของผมได้มาก่อนเลยนะ ขอถามชื่อหน่อยสิ ไอ้หน้าหวาน”
แต่ลิปดาก็ยังนิ่งเฉย
“ไม่อยากบอกงั้นสิ แต่ก็ช่างเถอะผมไม่อยากรู้แล้วไอ้หน้าหวานกวนประสาท คุณจงจำชื่อของผมเอาไว้ เคิร์ก วีเซอราเอลเกอร์ ผู้ที่จะปลิดชีพคุณไปลงนรกยังไงล่ะ” มันกระโดดตูมเดียวหวังจะกระแทกลงร่างบอบบางของอีกฝ่ายแต่ก็ช้ากว่าลิปดาที่กระโดดดีดตัวกับกำแพงขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับหมุนตัว 360 องศาไปอยู่บนกิ่งไม้ เคิร์กมองอย่างตะลึง

“นี่ลิปดาทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย” จอห์นสันเองก็ตกใจ
“สมกับเป็นคนที่ฉันสนใจ” จอห์นสันทำตาลอยสวยฝันอาร์มหันมาเขกกระโหลกอย่างหมั่นไส้
“ไอ้บ้า.....”
“นายเขกหัวฉันทำไมวะ” เขาหันมาล็อคคออาร์ม
“เดี๋ยวก่อนสิ...ดูนั่น” อาร์มชี้มือให้จอห์นสันดูเหตุการณ์ต่อ

“นี่แก.....ทำเอาผมอยากจะทุบให้หัวแบะจริงๆเลยพับฝ่าสิ” เคิร์กตาลุกวาวกับสิ่งที่เห็น
เขากระโดดขึ้นไปบนต้นไม้และกระแทกเท้าใส่กิ่งไม้อย่างแรงลิปดากระโดดลงไปยืนอยู่ที่กำแพงหมวกของเธอหลุดจากหัวกระเด็นไปเผยให้เห็นผมสีชมพูยาวที่ถุกรวบเอาไว้ปลิบไสว
“อ่ะ....นี่เป็นผู้หญิงเหรอเนี่ย” เคิร์กตะลึง เขากระโดดลงมาจากต้นไม้
เท่าที่ดูท่าทางไม่ใช่คนธรรมดาแน่
“เธอเป็นใครกัน.....” เขาร้องถาม
“ฉันก็แค่มาเอาคืน”
“555.....มาเอาคืนงั้นเหรอ” เคิร์กหัวเราะชอบใจ
“เอาคืนเรื่องอะไรกันล่ะ 555......”
“ก็เรื่องที่นายทำเพื่อนๆ ฉันไว้น่ะสิ”
“เชอะ....คิดว่ามาคนเดียวแล้วจะทำอะไรได้ ถึงจะเป็นผู้หญิงก็เถอะเห็นขนาดนี้แล้วผมคงเอาจริงได้นะ”
“555.....ใครบอกว่ามาคนเดียวกันล่ะไอ้เช่อ.............” อาร์มออกจากที่ซ่อนพร้อมกับคนอื่นๆ
พวกมันหันมามอง
“มีพวกมาด้วยงั้นเหรอ”
“ไงไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เคิร์ก.....” จอห์นสันปรากฏกาย พร้อมกับเพื่อนๆ
“อ่ะ นี่นาย....มัน.....ไม่คิดมาก่อนเลยนะจะมาเจอนานที่นี่เจ้านกเค้าแมว”
“พวกนายทำไมถึงเอาชื่อคนอื่นมาแอบอ้างแบบนี้ล่ะ” จอห์นสันรุกต่อ
“มันไม่ใช่เรื่องของนาย ดูเหมือนนายจะเป็นพวกเดียวกับทีมอีกาสินะ”
“ฮืม.....ถ้าฉันยืนอยู่ที่นี่มันก็หมายความอย่างนั้น”
“น่าอายจริงๆ นี่นายก้มหัวให้มหาลัยอื่นอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่า...นายนี่มันคิดไม่เข้าท่าจริงๆ มันเป็นนายต่างหากล่ะที่เอาชื่อเสียงมหาลัยมาทำให้เสียหาย ลูกหมาชัดๆ” อาร์มทนฟังไม่ไหวเอ่ยออกไป
“นายว่าไงนะ!!” เคิร์กโมโหที่โดนด่า
“คิดอยากจะเป็นนกอยากจะบินแต่ทำเรื่องเลวๆแบบนี้ไม่น่าให้อภัยจริงๆ พวกนายคงทำได้แค่นี้สินะ” จอห์นสันว่ากล่าวเพื่อนร่วมสถาบัน
ทั้งสองทีมต่างจับจ้องกันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“งั้นคืนนี้เที่ยงคืนตรงเรามาแข่ง Warfire กัน ใครเอาสัญลักษณ์ไปติดที่ยอดเสาของสะพานได้ก่อนเป็นคนชนะ” อาร์มประกาศก้อง
“ได้.........ยอดเสาบนสะพานแค่นี้ใช่ไหม”
“แล้วพวกนายก็ออกไปจากเมืองนี้ซะ”
“ได้......” เคิร์กรับคำท้าแล้วพากันเลิกทัพกลับไป

“อาร์มเสานั่นมันสูงตั้งเกือบ 200 เมตรเชียวนะ” ทานุบอกเพื่อนเผื่ออีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
แต่อาร์มแม้จะหวั่นอยู่เหมือนกันไม่กล้าหันหน้ามาสบตากับเพื่อนๆ
“แค่ 200 เมตรสบายมาก” เขาพูดอย่าบ้าบิ่นก่อนจะหันมาฉีกยิ้มแห้งให้ทุกคน
โธ่.....
หลังแต่ละทีมแยกย้ายกันไปแล้วทีมของอาร์มมารวมกลุ่มกันที่เชิงสะพาน
“นายเอาจริงเหรอ” ซอยอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้
อาร์มนั่งมองโครงเหล็กจำนวนมากที่ยึดเสากับเชิงสะพานทั้งสองข้าง เสาใหญ่ขนาด 5 x5 สูงเด่นกลางลำน้ำด้านบนมีไฟคอยส่องแสงตอนกลางคืนเหมือนประภาคาร ไม่มีทางที่จะปีนขึ้นไปง่ายๆ ตัวเสาอาจจะมีที่จับสำหรับไต่ขึ้นไปแต่นั่นก็ไม่ใช่หนทางที่เขาคิดจะขึ้นไป เขามองโครงเหล็กที่สร้างยึดตัวสะพานทั้งสองข้างจนทำให้มองดูไกลๆเหมือนกับรูป สามเหลี่ยมยามค่ำคืนดูมันดำทมึงทึงน่ากลัวไม่น้อย
“ถ้านายเป็นนักกายกรรมก็คงไต่โครงเหล็กได้สบายสินะ” จอห์นสันนั่งลงข้างๆเขา
“ฮืม......”
“แต่ถ้านายมีปีกจริงๆก็ไม่แน่หรอกนะ อาจจะขึ้นไปถึงบนนั้นได้”
“ฮืม......”
“แต่ว่ากันว่าเมื่อ 5 ปีก่อนมีคนเคยขึ้นไปบนนนั้นมาแล้วนะ”
อาร์มหันมามองจอห์นสันอย่างสนใจกับข่าวที่ได้ยิน
“เขาเป็นใครกัน”
“ไม่รู้สิ ฉันน่ะอยู่ที่เขตใต้ไม่ค่อยรู้เรื่องของเขตอื่นมากเท่าไหร่หรอก แต่ข่าวนั่นมันก็นานมากแล้ว และคนที่เห็นเขาเป็นทหารที่บินสำรวจฟ้า เขาเจอเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่บนนั้นเด็กคนนั้น....สงสัยจะมีปีกสามารถขึ้นไปบนนั้นได้”
“ปีกงั้นเหรอ...”
ลิปดามองอาร์มอย่างเป็นกังวล
ทำไงดี อาร์มนายขึ้นไปที่สูงขนาดนั้นไม่ได้หรอก
ลิปดามองไปที่ยอดของเสากลางสะพานก็ยิ่งเป็นกังวลอย่างมาก
เวลาผ่านไปจนดึกอาร์มนั่งคิดหาทางที่จะเอาชนะทีม Potato เงียบๆ เขาเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำออกมาเจอกับลิปดาที่ยืนอยู่
“ฮืม.....ไม่ต้องทำหน้าเป็นกังวลขนาดนั้นหรอกนะ ฉันไม่เป็นไรหรอก”
“แต่มันสูงขนาดนั้น”
“อาร์ม ใช้ไอ้นี่นะ” เธอยื่น AT คู่สีดำที่แอบไว้ข้างหลังให้เขา
“อะไรน่ะ” เขามองหน้างง เขาจำได้ว่ามันเป็นคู่ที่เขาเคยขโมยไปใส่
“ถ้านายใส่คู่นี้อาจจะชนะก็ได้นะ”
“คู่ที่ฉันเคยเอาไปใส่ใช่ไหม”
“ฮืม......ฉันเชื่อว่านายต้องชนะ”
“แล้วฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง ขอบใจนะ”
อาร์มรับไปอย่างยินดี

เมื่อถึงเวลา เที่ยงคืนตรง ทั้งสองทีมมารวมกันอยู่ที่เชิงสะพาน เหล่า AT คนอื่นๆก็เริ่มทะยอยมาดูเช่นเดียวกัน
“คิดว่าจะไม่มาเสียแล้วไอ้หน้าอ่อน”
“น่าจะเป็นนายมากกว่ามั้ง ที่นี่น่ะมันบ้านฉันนะ”
“งั้นเหรอ งั้นเตรียมตัวตอกประตูฝาโลงได้เลย”
“คงต้องเป็นนายมากกว่าล่ะมั้งไอ้หัวหงอก”

เคย์กับพอลล์มาดูเช่นกัน ขณะที่โทมัสกับเจสันก็มา
“อ้าวว....คุณโทมัส...สบายดีเหรอจ๊ะ”
“สบายดีครับ แล้วคุณล่ะหมู่นี้ไม่ค่อยเห็นไปที่ร้านเลย”
“ช่วงนี้ฉันได้ AT คู่ใหม่มาค่ะเลยไม่จำเป็นต้องซ่อมอีกแล้ว”
“น่าสนใจดีนะครับ”
“ไงเจสัน....ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกนะ แผลหายดีแล้วเหรอ” พอลล์หันไปทักเจสัน
“ฮืม....ก็สามารถกางปีกได้เหมือนเดิมนั่นแหล่ะ”
“งั้นก็ดี...หวังว่าคราวหน้าเราคงได้กางปีกบินแข่งกันบ้างนะ”
“ได้สิ...ฉันจะรอ”

สิ้นเสียงนกหวีดอาร์มและเคิร์กสตาร์ทออกจากเชิงสะพานไต่โครงเหล็กขึ้นไปข้างบนกันทันที
เคิร์กดูชำนาญในการไต่ไม่ใช่น้อยเขาสามารถนำขึ้นไปอย่างรวดเร็วในขณะที่อาร์มยังทรงตัวได้ไม่ดีนัก
“เจอนี่เป็นไง” เคิร์กกระแทกส้นลงโครงเหล็กจนสะเทือนทำให้อาร์มที่ตามมาเกิดเสียหลักร่วงลงเขายังไวพอที่จะคว้าขอบโครงเหล็กเอาไว้
ทุกคนร้องอย่างระทึกขวัญ
“เจ้าบ้าเอ้ย” จอห์นสันโมโห
เคิร์กกระโดดไต่ขึ้นไปบนโครงเหล็กเส้นบนห่างอาร์มไปอีก
อาร์มใจเต้นคิดว่าตัวเองอาจจะตกลงไปก็ได้ จอห์นสันกระโดดขึ้นไปที่เชิงสะพาน
“ไอ้บ้า หมุนตัวสิ” เขาตะโกนบอก
ก่อนจะกระโดดแตะอัดแรงกับอากาศเป็นรูปจงอยปากนกเค้าแมวไปกระแทกร่างอาร์ม อาร์มหมุนตัวตามแรงอัดส่งร่างลอยละลิ้วขึ้นไปด้านบนทันที ขณะที่ดีดตัวกลางอากาศนั้นเขาคิดอะไรไม่ออก มองเห็นเคิร์กที่ค่อยๆไต่ขึ้นมาขณะที่เขาลอยนำหน้าไป
กลางอากาศแบบนี้จะทำอะไรได้ เราจะหยุดได้ไหมเขาคิด แต่แล้วก็คิดถึงสิ่งที่ลิปดาเคยสอน
“ถ้าหากเราหมุนช้าลงแรงเหวี่ยงก็จะลดลงตามลำดับ แต่ถ้าหมุนเร็วแรงเหวี่ยงก็จะเพิ่มขึ้นและจะส่งเราไปไกลมากยิ่งขึ้น”
เหวี่ยงให้ช้าลงงั้นเหรอ
เขาจับโครงเหล็กได้แล้วค่อยๆ เหวี่ยงตัวจากเร็วๆและช้าลงๆ จนในที่สุดก็สามารถกลับมายืนบนโครงเหล็กได้
“ที่นี้ล่ะ” เขาบิดข้อเท้าเพื่อที่จะเร่งความเร็ว
“ฉันจะต้องขึ้นไปให้ได้”
“หน่อย!! ไอ้ลูกกระจ๊อก คิดจะเอาชนะผมได้เหรอ” เคิร์กไต่ตามมาติดๆ แต่ระยะสูงขนาดนี้เขาเองก็ยังไม่เคยขึ้นไปถึงมาก่อนเลยในชีวิต
“แต่ผมมีวิธี...” เขาตะโกนบอกคู่ต่อสู้ก่อนจะถึงม้วนเชือกที่มีปลายติดตะขอเอาไว้ออกมา
“ใกล้จะถึงแล้ว”
เขากะระยะห่างที่คิดว่าเชือกจะไปถึงได้เคิร์กหมุนเชือกอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเกาะกับโคมไฟด้านบนเขาหันมายิ้มให้อาร์มก่นจะโหนตัวไปข้างหน้า
“เจ้านั่นมันบ้าดีเดือดจริงๆ” จอห์นสันมองตาคาง
“555......” เขาเหวี่ยงตัวไปเกาะที่ตัวเสาสำเร็จหันมายิ้มเยอะให้กับอาร์ม
“ผมชนะแล้ว” เกินที่ใครจะคาดคิดเขาหมุนตัวเองอย่างรวดเร็วเชือกนั่นก็พันเขาขึ้นไปด้านบน

“บ้าเอ้ย.....เจ้านั่น ทำแบบนั้นเองเหรอ” อาร์มสถบออกมา
และเกินที่ใครจะคาดคิดโคมไฟที่มีอายุมานานแค่ไหนไม่มีใครบอกได้มันพุพังเกินที่จะรับน้ำหนักขนาด 75 กก ของเจ้านั่นได้เกิดร่วงลงมาอย่างไม่คาดฝันท่ามกลางวามตกตะลึงของทุกคน
“อ่ะ....” อาร์มมองค้างอย่างไม่คาดคิด
ท่ามกลางผู้ชมนับ 100 คน ที่ไม่คาดคิดมาก่อน
ลิปดาตั้งสติได้ก่อนเพื่อนเธอใช้โทรโข่งตะโกนขึ้นไปบอกอาร์ม
“อาร์มย่อตัวเทน้ำหนักไปที่ล้อหลัง กระโดดสูง 20 เมตร แล้วหมุนตัว 6 รอบ สร้างอากาศหมุนเบื่องล่าง ก่อนจะถีบขา แล้วตีลังกา 1 รอบกลางอากาศ Twisting boom air fly” เธอเอ่ยท่าที่อาร์มเคยบอกว่ามันโหดสำหรับเขา แต่สำหรับลิปดาแล้วมันดูสวยงามมาก ท่านี้ส่งเธอกระโดยสูงเกือบ 100 เมตร
อาร์มทำตามที่เธอบอกทันทีการเทน้ำหนักไปที่ล้อหลังเหมือนเป็นการเปิดสวัซต์ของมอเตอร์ให้ทำงานขึ้น ชายหนุ่มถีบตัวกระโดดขึ้นฟ้าไป แล้วใช้ท่า Twisting boom air fly ที่เคยเห็นลิปดาทำอย่างสวยงามมาแล้วท่ามความตกตะลึงของผู้ชมเช่นกันการตอบสนองต่อแรงกดกระแทกปีกสีดำได้กางออกอย่างสวยงามขณะที่อาร์มหมุนตัวกลางอากาศเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะสามารถทำแบบนี้ได้ เหมือนตัวเขากำลังลอยอยู่บนอากาศได้และยังสามารถกระโดดได้สูงเกือบ 50 เมตรเลยด้วยซ้ำไป เขาสามารถคว้าปลายเชือกไว้ทันส่วนมืออีกข้างก็จับราวบรรไดเหล็กเล็กๆของเสาเอาไว้ได้

“ทำได้จริงๆ” ลิปดาเอ่ยอย่างโล่งใจ
“นั่นมัน....” เจสัน พอลล์ และจอห์นสันเอ่ยขึ้นพร้อมกันพร้อมกับการตอบสนองของ AT ของทั้งสาม

“นี่ล่ะมั้งเขาเรียกว่าเส้นทางแห่งราชา” โทมัสเอ่ย

“ช่างสวยงามจริงๆ” เคย์เอ่ยอย่างหลงไหล
จอห์นสันหันมามองลิปดาอย่างสงสัยความจริงเรื่องเมื่อครู่ทำไมเธฮถึงรู้ว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วจะสามารถกระโดดได้สูงขนาดนั้น และยัง AT ราชาอีกา คู่นั้นด้วย เธอเป็นใครกันแน่

“รีบหาทางช่วยตัวเองสิ ฉันรับน้ำหนักไม่ได้นานหรอกนะ” เขาตะโกนบอกเคิร์กที่ยังถูกเชือกมัดร่างห้อยต่องแต่งอยู่อย่างอกสั่นขวัญหาย

“ชิ...นี่นายจะทำเท่ห์ช่วยผมงั้นเหรอ” เขายังปากดีตอบโต้
“ก็แล้วอยากจะตายหรือยังไงล่ะ” เขาถาม
เคิร์กหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็วแล้วโหนตัวไปเกาะกับราวบรรไดข้างล่าง
เมื่อเห็นอีกฝ่ายปลอดภัยแล้วอาร์มเงยหน้ามองข้างบน เฮ้อ....มันอีกนิดเดียวจริงๆ เขาคิดในใจ ก่อนจะค่อยๆไต่บรรไดเหล็กขึ้นไป เขาหยิบเอาตราสัญลักษณ์ของอีกาจากอกเสื้อแปะด้านบนก่อนที่จะใช้แรงที่เหลือเหวี่ยงตัวเองขึ้นไปยืนบนยอดนั้น ทุกคนต่างก็เฮลั่นอย่างดีใจที่เขาทำสำเร็จ อาร์มลิงโลดใจที่การแข่งครั้งนี้ทำเอาเขาได้รับชัยชนะอย่างภาคภูมิแม้มันจะไม่ 100 % เท่าไหร่นัก เขามองลงมาดูเพื่อนๆที่ใช้ไฟฉายส่องขึ้นมาหาเขา ลิปดากำลังยืนยิ้มอยู่
“ขอบใจนะจอห์นสัน ลิปดา” เขาพูดกับตัวเอง
“ดูสิว่าข้างบนนี้มันมีดีอะไร” เขามองไปบนเขาหัวกระโหลกที่เขากับลิปดาชอบขึ้นไปประจำ ในความมืดอันน่าสะพรึงกลัวของค่ำคืนจันทร์เต็มตัวภาพสะท้อนจันทร์ดำมะหึมาจากยอดนั้น เขาเห็นหัวกระโหลกนั่นมีหัวและสองข้างมีปีกยื่นออกราวกับเป็นภาพของนก
“อินทรี” เขาอุทานออกมาอย่างไม่รู้ตัวมีลมพัดมาอย่างแรงส่งผลให้ร่างสูงโปร่งต้องหยุดชะงักเขาหันไปมองตราสัญลักษณ์ของตัวเองที่แปะอยู่พื้นของเสาก็ต้องตกตะลึงอย่างไม่คาดฝัน เหนือตราสัญลักษณ์ของเขามีตราสัญลักษณ์ที่เก่าซีดที่เห็นกี่ที่ก็ยังจำได้
“Darkly blue eagle” เขาเอ่ยชื่อนั้นอย่างตื่นตะลึง
“มีคนเคยขึ้นมาที่นี่จริงๆเหรอ” เขามองดูตราสัญลักษณ์และมองบนเขาอีกครั้ง มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย
นี่มันเรื่องอะไรกัน......

อาร์มกลับลงมาจากเสาอย่างสง่าผ่าเผยท่ามกลางเสียงปรบมือของคนที่เอาใจช่วย
“นายเก่งจริงๆ” ทานุเข้ามากอดเขา
“มันก็แน่อยู่แล้ว”
“ว่าแต่นายเอา AT คู่นี้มาจากไหน พวกเราเห็นนะ”
“เห็นอะไร”
“ปีกของอีกาไงล่ะ” จอห์นสันเอย
“หรือว่านายเป็นราชาอีกคน”
“ราชางั้นเหรอ...” อาร์มงงงันกับเรื่องที่ทุกคนพูด
“AT คู่นั้นเป็นของราชาอีกาจริงๆ ฉันเห็นรูปอีกาที่คอร์ของมัน และ AT ของฉันก็ตอบสนองกับมันด้วย และในที่นี่ก็ยังมีราชาคนอื่นๆที่กำลังดูอยู่ด้วยเช่นกันฉันรู้สึกอย่างนั้น” จอห์นสันบอก
“งั้นเหรอ....” อาร์มยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“เจ้านี่เป็นราชาอีกางั้นเหรอ” อาร์มก้มลงมอง AT ที่เท้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินจะเป็นเรื่องจริง

ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่นั้นสะพานอีกฝั่งที่เงียบสนิทไม่มีรถวิ่งผ่านมาก็ปรากฏกองกำลังของผู้คนจำนวนมากที่หลั่งไหลมาที่นี่เบื้องหน้าของทุกคนเป็นหญิงสาวแสนสวยและมีพอลล์เดินเคียงคู่มาด้วย
“คุณเคย์ พี่พอลล์” อาร์มเรียกทั้งสอง
“พวกคุณ...นี่มันอะไรกัน”
“พวกเรา MaxLava ขอสวามิภักดิ์ให้กับเธอ อาร์ม ผู้เป็นราชาคนที่ 5” เคย์เอ่ย
ซึ่งก็สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนเช่นเดียวกัน
“นี่มันอะไรกันน่ะ”
“MaxLava งั้นเหรอ” จอห์นสันเอ่ย
ทุกคนต่างก็หันนมามองหน้าอาร์มเป็นตาเดียว
“พวกเราเป็นทีมที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ ไม่มีทีมใดที่จะโค่นพวกเราได้ วันนี้ฉันในฐานะหัวหน้าทีมจะขอสวามิภักดิ์ให้กับเธอ” เคย์คุกเขาลงตรงหน้าอาร์ม
ลิปดาตะลึงนิ่งก้าวขาไม่ออก อาร์มเองก็เช่นเดียวกันเขาไม่คิดว่าชีวิตเขาจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาได้
“พวกเราไม่เร่งรัดนายหรอกนะเอาไปคิดก่อนก็ได้ เมื่อคิดได้เมื่อไหร่ ก็บอกพวกเราได้” พอลล์เอ่ยขึ้น
“พวกเราพร้อมที่จะเป็นปีกให้กับนาย และจะพานายบินให้สูงที่สุด”
“ฉัน.......”......อาร์มยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก
จากเหตุการณ์คืนนั้นทำให้ข่าวการแข่งของอาร์มและเคิร์กแพร่ไปทั่วเน๊ตซึ่งก็ทำให้ชื่อเสียงของเขากระจายออกไปเป็นที่สนใจของเหล่า AT อีกทั้งทีม MaxLava ยังขอสวามิภักดิ์อีกด้วยซึ่งกทำให้ไม่มีใครไม่รู้จักเขาอีกา
แต่คืนนั้นเมื่อกลับถึงบ้าน
“จ๊ากกกกกก………..” คารินกระโดดล็อคคอชายหนุ่มเอาไว้ทันทีเมื่อเปิดประตู
เพื่อนๆ ทุกคนที่มาส่งต่างก็ตกใจ
“อ๊ากกก....มันอะไรกันเนี่ย” เขาร้องโอดครวญอย่างน่าสงสาร
“พี่คาริน......” ลิปดาร้องเสียงหลง
“ใครให้แกเอา AT คู่นี้ไปใส่ หา เจ้าบ้า” คารินทุ่มเขาลงไปนอนกับพื้นขณะที่ยังล๊อคคอเอาไว้อยู่
“โอ๊ยยยยยย” เขาร้องครวญคราง
“ฉันห้ามแกแล้วใช่ไหม ทำไมแกถึงไม่ฟัง”
“ก็มันจำเป็นนิ.....ฉันน่ะเล่น AT เป็นแล้วนะ”
“ยังจะมาเถียงอีกไอ้เด็กเมื่อวานซืน” คารินยกเขาลงทุ่มกับพื้น
“อั๊กกก.....”
ทุกคนต่างหน้าซีดกับเหตุการณ์ที่เห็น
“พวกเรากลับกันล่ะนะ” ทานุ แครอล ซอย และเอมิราขอตัวทันที
ลิปดาเข้าไปห้ามทั้งสอง
“พี่คะ พอเถอะค่ะ”
“ยังไงฉันก็จะเล่น พี่คารินอย่ามาห้ามเสียให้ยากเลย” อาร์มหมุนตัวกลับมาหมายจะเล่นงานพี่สาวแต่กลับโดนคารินตบหน้าฉาดใหญ่
ลิปดา จอห์นสัน ซ้องส์ ต่างก็ตะลึง
อาร์มหน้าหันสุดแรง
“นี่มันอะไรกัน”
แต่สายตาที่คารินมองเขากลับเปื้อนไปด้วยน้ำตา เธอประคองหน้าอาร์มเอาไว้ก่อนจะโอบกอด
“ดีแล้วที่นายไม่ตายไปซะก่อน นั่นน่ะมันสูงจะตายตกลงมาล่ะก็.....ตายจริงๆแน่”
อาร์มรับรู้ถึงความรู้สึกทั้งหมดของพี่สาว
“พี่คาริน....”
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” เธอสะอื้นตัวโยนจนอาร์มเองก็เงียบลง
ทุกคนมองอย่างสลดใจ
“คุณจอห์นสันคะ....คงต้องค้างที่นี่แล้วสิ” ลิปดาหันมาถาม
จอห์นสันยิ้ม
“ที่จริงถึงไม่ชวนผมก็จะขออยู่ที่นี่สักคืนเหมือนกันครับ ไม่รู้มาก่อนเลยนะครับว่าเจ้านั่นน่ะอยู่บ้านเดียวกับคุณ” รู้อย่างนี้คงมาค้างด้วยตั้งนานแล้ว
ลิปดายิ้มให้เขา



Create Date : 23 มีนาคม 2553
Last Update : 31 มีนาคม 2553 0:16:18 น.
Counter : 673 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unitan
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]