มกราคม 2558

 
 
 
 
1
2
3
31
 
All Blog
White Pearl Metropolis : บุษยานคร part 2.2.16/1,000




และแล้วพวกเรา
ก็มาถึงหัวข้อสุดท้าย
กันซะทีจ้า


จะมีตอนจบ
อันเป็นบทสรุปของพระสุบินทั้งหมด
อยู่ต่อจากสุบินข้อ  16
ด้วยนะคะ

อันเป็นเนื้อหาสำคัญเลยล่ะ
แล้วมีเนื้อเรื่องย่อยอยู่ด้วยนะ
เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
สรรหามาไม่รู้จบจริงๆ เบย

Smiley Smiley


เกริ่นต่ออีกหน่อย
เรื่องพระสุบินนี้
เป็นแค่หัวข้อที่  2  จาก 1,000
เองนะตัวเธอว์  คริๆๆ




เสือกลัวแพะ ๑



“  เชิญตรัสเล่าสุบินที่ ๑๖ ต่อไปเถิด
มหาบพิตร ”

“  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ในกาลก่อนๆ
เสือเหลืองพากันกัดกินฝูงแกะ
แต่หม่อมฉันได้เห็นฝูงแกะ
พากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง
กัดกินอยู่มุ่มม่ำๆ ทีนั้น

เสืออื่นๆ คือเสือดาว เสือโคร่ง
เห็นฝูงแกะอยู่ห่างๆ ก็สะดุ้งกลัว
ถึงความสยดสยอง

พากันวิ่งหนีหลบเข้าพุ่มไม้และป่ารก
ซุกซ่อนเพราะกลัวฝูงแกะ.

หม่อมฉันได้เห็นอย่างนี้
อะไรเป็นผลแห่งสุบินนี้ พระเจ้าข้า ? ”


“  มหาบพิตร ผลแห่งสุบินแม้นี้
ก็จักมีในรัชกาลแห่งพระราชา
ผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรมในอนาคตเหมือนกัน

ด้วยว่า   ในครั้งนั้น
พวกไม่มีสกุลจักเป็นราชวัลลภ
เป็นใหญ่เป็นโต

พวกคนมีสกุลจักอับเฉาตกยาก
ราชวัลลภเหล่านั้น
พากันยังพระราชา
ให้ทรงเชื่อถือถ้อยคำของตน

มีกำลังในสถานที่ราชการ
มีโรงศาลเป็นต้น

ก็พากันรุกเอาที่ดินไร่นาเรือกสวนเป็นต้น
อันตกทอดสืบมา
ของพวกมีสกุลทั้งหลายว่า
ที่เหล่านี้เป็นของพวกเรา

เมื่อพวกผู้มีสกุลเหล่านั้นโต้เถียงว่า
ไม่ใช่ของพวกท่าน เป็นของพวกเรา
แล้วพากันมาฟ้องร้องยังโรงศาลเป็นต้น

พวกราชวัลลภก็พากันบอก
ให้เฆี่ยนตีด้วยหวายเป็นต้น
จับคอไสออกไป

พร้อมกับข่มขู่คุกคามว่า
พ่อเจ้าไม่รู้ประมาณตน
มาหาเรื่องกับพวกเรา
เดี๋ยวจักไปทูลพระราชา
ให้ลงพระราชอาญาต่างๆ
มีตัดตีน ตัดมือ เป็นต้น

พวกผู้มีสกุลกลัวเกรงพวกราชวัลลภ
ต่างก็ยินยอมให้ที่ทางที่เป็นของตนว่า
ที่ทางเหล่านี้ ถ้าเป็นของท่าน
ก็เชิญครอบครองเถิด
แล้วพากันกลับบ้านเรือนของตน

นอนหวาดผวาไปตามๆ กัน


แม้ภิกษุผู้ชั่วช้าทั้งหลายเล่า
ก็จักพากันเบียดเบียน
ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักตามชอบใจ

พวกภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักเหล่านั้น
ไม่ได้ที่พำนัก ก็พากันเข้าป่า
แอบแฝงอยู่ในที่รกๆ

ข้อที่กุลบุตรผู้มีชาติสกุลทั้งหลาย
และภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รักทั้งหลาย
ถูกคนชาติชั่ว
และถูกภิกษุผู้ลามกทั้งหลาย
เข้าไปประทุษร้ายอย่างนี้

จักเป็นเหมือนกาลที่พวกเสือดาว
และเสือโคร่งทั้งหลาย
พากันหลบหนีเพราะกลัวฝูงแกะ ฉะนั้น.

ภัย แม้มีสุบินนี้เป็นเหตุ
ก็ยังไม่มีแก่มหาบพิตร
ด้วยสุบินนี้ที่มหาบพิตรเห็นแล้ว
ปรารภอนาคตทั้งนั้น

แต่พวกพราหมณ์มิได้ทำนายสุบินนั้น
ด้วยความจงรักภักดีในพระองค์
โดยถูกต้องเท่าที่ถูกที่ควร

ทำนายไปเพราะอาศัยการเลี้ยงชีพ
เพราะเห็นแก่อามิสว่า
พวกเราจักได้ทรัพย์กันมากๆ
ฉะนั้นแล ฯ ”

( แอบตลกนิดหนึ่งค่ะ
เรื่องทุจริต โลภโมโทสัน
มีมาทุกยุคทุกสมัยอย่างแน่นอน
ไม่เว้นแม้แต่ในยุคที่
พระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่
พวกเสนาอำมาตย์ในยุคนั้น
ยังไม่เว้นนิสัยนี้จริงๆ  55 )


................................


๑๖. กวางไล่กินเสือ


สิบหกฝันว่า เนื้อสมัน นั้นไล่เสือ
พยัคฆ์เบื่อ เบือนหน้า เข้าป่าหาย

จึงมีพุทธ บรรหาร ประทานทาย
ว่าสานุศิษย์ ทั้งหลาย จะสู้ครู

จะหักหาญ ท่านผู้ใหญ่ ให้เป็นน้อย
สำทับถ้อย ขี่ข่ม คารมขู่

ยกย่องกาย หมายประกวด อ้างอวดรู้
จะลบหลู่ ขู่ซ้ำ ด้วยคำพาล

ลูกจะกล้า ด่าทอ พ่อและแม่
มิเห็นแก่ บาปกรรม ทำร้าวฉาน

บ้างทุบติ ชี้ด่า อย่างสามานย์
บ้างประหาร มารดา บิดาตน

บ่าวจะลุก ขึ้นมา ด้วยอาฆาต
อาละวาด ปล้นแทง ทุกแห่งหน
ผู้เป็นนาย จะพ่ายพับ ลงอับจน
ภัยสังคม ท่วมท้น ไปทั้งเมือง

................................


๑๖. เสือกลัวแพะ

( คนดี ถูกคนชั่ว
ที่ได้รับอำนาจประทุษร้าย )


ทรงสุบินเห็นแพะไล่กัดกินเสือ

พระพุทธองค์โปรดให้คำทำนายว่า
ในอนาคตกาลข้างหน้าโน้น

ในยุคสมัยที่คนไร้ศีลธรรม
คนดีจะถูกคนชั่วเบียดเบียน
และจะต้องหลบหลีกซ่อนเร้นไป
เพราะความกลัว
เหมือนเสือหนีแพะฉะนั้น

ภายหน้า คนชั่ว หรือคนที่ไม่ดี
จะเรืองอำนาจ
และใช้อำนาจไม่เป็นธรรม

ทำให้คนดีถูกทำร้าย
หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม
ต้องหลบหนี ซ่อนตัวจากภัยร้ายเหล่านี้
เหมือนเสือซ่อนตัวจากแพะนั่นเอง





กวางไล่กินเสือ


สิบหกฝันว่า  เนื้อสมัน  นั้นไล่เสือ
พยัคฆ์เบื่อ  เบือนหน้า  เข้าป่าใหญ่
จึงมีพุทธ  บรรหาร  ประทานไว้
ว่าศานุ-  ศิษย์ไซร้  จะสู้ครู

จะหักหาญ  ท่านผู้ใหญ่  ให้เป็นน้อย
สำทับถ้อย  ขี่ข่ม  คารมขู่
ยกย่องกาย  หมายประกวด  อ้างอวดรู้
จะลบหลู่  ขู่ซ้ำ  ด้วยคำพาล

ลูกจะกล้า  ด่าทอ  พ่อและแม่
มิเห็นแก่  บาปกรรม  ทำร้าวฉาน
บ้างทุบตี  ชี้ด่า  อย่างสามานย์
บ้างประหาร  มารดา  บิดาตน

บ่าวจะลุก  ขึ้นมา  ด้วยอาฆาต
อาละวาด  ปล้นแทง  ทุกแห่งหน
ผู้เป็นนาย  จะพ่ายพับ  ลงอับจน
ภัยสังคม  ท่วมท้น  ไปทั้งเมือง


Smiley


คิดเหมือนกันป่าวอ่ะ
ว่าคนแต่งกลอนบทนี้
แต่งอะไรตลกๆ อีกแล้วอ่ะ

รู้เลยว่า  เป็นพวกเจ้ายศเจ้าอย่าง
ทำตัวสูงส่งเสียเหลือเกิน

ไม่สนว่า ใครจะชั่ว  ใครจะดี
ใครจะรังแก  ใครจะเดือดร้อน

สนใจอยู่อย่างเดียวว่า
ใครแค่ได้ชื่อว่า ชั้นเป็นครู
กูรูต้องถูกตลอด

ใครแค่ได้ชื่อว่า ชั้นเป็นพ่อแม่
แกรต้องบูชาชั้นตลอด

แค่ได้ชื่อว่า ชั้นเป็นนาย
เธอต้องเป็นฟายชั้นต่ำตลอด

อย่ามีหือ ห้ามส่งเสียง
ต้องโดนเหยียบเอาไว้อย่างนั้น
อย่าคิดจะมาเทียบชั้น

สมแล้วที่เป็นคนดึกดำบรรพ์
แต่ยังไม่วายแสดงนิสัยดัตจริต
ทิ้งเอาไว้ให้คนรุ่นหลัง
ได้หัวเราะเยาะ
ในความทึนทึกได้อีกนะ

( สังเกตุดูดิ  บทอื่นๆ แกแต่งกลอน
คล้องจอง สละสลวย โอเคอยู่นะ
แต่มีบทนี้  กับบท แม่โคดูดนมลูก
2  อันนี้แหละ  พี่แกจะแสดงกำพืด
ขึ้นมาทันที  อคติกับลูกและลูกศิษย์สุดๆ
ลองกลับไปอ่านดู  ขำไม่ออกเลย )


ก็ไม่มีอะไรมาก
เราก็แค่อคติทวนกระแสพี่แกไปแค่นั้นเอง
พี่แกเข้าข้างพ่อแม่ ด่าลูกๆ จนเกินเหตุ
ด่าลูกศิษย์สู้ครูอาจารย์อยู่นั่น
ก็เลยมีหมั่นไส้บ้าง อะไรบ้าง
แค่นับแกเป็น  idol ด้านแย่ๆ คนหนึ่ง
( บางหัวข้อ )
แค่นั้นเอ๊งงง
ไม่มีอะไรจริงๆ  คริๆๆ


Smiley


พรุ่งนี้อย่าลืมมาต่อกัน
ที่บทสรุปของหัวข้อพระสุบินกันนะคะ

เป็นการสรุปแบบสวยงามมากเลย

Smiley


>>>   To  Be  Continue   >>>



Create Date : 23 มกราคม 2558
Last Update : 23 มกราคม 2558 22:22:30 น.
Counter : 1228 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ไส้เดือนอเวจี
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



เมื่อเราไม่มีเวลาเพียงพอที่จะไปเรียนรู้ประสบการณ์ทุกอย่าง
ได้ด้วยตนเอง

ก็จงมีเวลารับรู้ถึงประสบการณ์ของคนอื่น

เพราะเราคงมีเวลาไม่มากพอที่จะประสบมันด้วยตนเอง
แม้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม