มกราคม 2558

 
 
 
 
1
2
3
31
 
All Blog
White Pearl Metropolis : บุษยานคร part 2.2/1,000






คิดไปคิดมา
คาดว่าเรื่องพุทธทำนายนี้
น่าจะกินเวลาเป็นเดือนกันเลย  ( มั๊งนะคะ )
เพราะมีรายละเอียดเยอะๆมากๆๆๆ

ไม่อยากจะตัดส่วนไหนออกไปเลยค่ะ
เดี๋ยวนี้เวลามันผ่านไปไวจะตาย
เดี๋ยวแพ้บๆ ก็หมดวันอีกล้ะ
ดังเช่นวันนี้เป็นต้น  55555

ช่วงนี้จะขอยกเรื่องพุทธทำนาย
ที่มีเนื้อหาค่อนข้างยาว มาเปิดประเด็นกันก่อน

ความจริงมีอีกหลายแหล่ง  เช่น
จากศิลาจารึกก็มี  แต่จะเอาไว้กล่าวถึง
หลังจากจบอันนี้  เป็นอันๆ ไปแล้วกันนะคะ

พุทธทำนายในส่วนนี้  ตามที่เข้าใจ
น่าจะมาจากพระไตรปิฎกสักเล่มหนึ่ง
ชื่อของเล่มนั้นคือ

อรรถกถา เอกกนิบาตชาดก วรุณวรรค
๗. มหาสุบินชาดก ว่าด้วยมหาสุบิน

ในส่วนตัวไม่รู้ว่า  ชาดกในส่วนนี้
มีการคัดลอกกันแพร่หลายนานแล้วหรือยัง
แต่นับแต่ครั้งแรกที่ดิฉันได้อ่าน
จากหนังสือเล่มหนึ่ง
รู้สึกถูกใจ ประทับใจมาก
รีบมาหาข้อมูลเพิ่มขนานใหญ่
จึงได้รวบรวมไว้  ณ  ตรงนี้เลยค่ะ



สุบินนิมิต  16  ประการ

พุทธทำนายในที่นี้  จะกล่าวถึง
เรื่องที่พระพุทธเจ้า
ทรงทำนายพระสุบิน  ( ความฝัน )
ของพระเจ้าปเสนทิโกศล
จำนวน  16  ข้อ
ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า
เหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้น
ในยุคสมัยที่ศาสนาได้เสื่อมลง
ซึ่งหลายๆ อย่างได้เกิดขึ้นแล้ว
ในปัจจุบัน  ( พ.ศ. 2558 )
เนื้อความดังกล่าวปรากฏใน
อรรถกถาพระไตรปิฎก  มหาสุบินชาดก
เอกนิบาตชาดก  ขุททกนิกาย
มีเนื้อความพอสรุปได้ดังต่อไปนี้
........




ในสมัยพุทธกาล  ณ  ราตรีหนึ่ง
พระยาปัตเวน
หรือพระเจ้าปเสนทิโกศล
จอมกษัตริย์แห่งกรุงสาวัตถี
ได้เสด็จเข้าสู่นิทรารมย์ในราตรีกาล
ครั้นล่วงปัจฉิมยามใกล้รุ่ง
ได้ทอดพระเนตรเห็น
พระสุบินนิมิตอันใหญ่หลวง
ถึง 16 ประการ
อันเป็นพระสุบินที่แปลกประหลาด

จึงทรงตกพระทัยตื่นบรรทม
ทรงหวาดหวั่นเป็นกำลัง
และครั้นรุ่งเช้า
ก็ได้ให้พวกพราหมณ์ปุโรหิต
ประจำราชสำนักทำนาย

พวกพราหมณ์ปุโรหิต
ก็พากันทำนายว่า
เป็นพระสุบินที่ร้าย
และว่าพระองค์จะต้อง
ประสบภัยอันตราย 3 ประการ

ไม่เสียราชทรัพย์
ก็จะมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน
หรือไม่ก็ต้องสวรรคต
อย่างใดอย่างหนึ่ง

และแนะให้พระองค์
ทำพิธีบูชายัญสัตว์
เพื่อสะเดาะห์เคราะห์

เมื่อพระนางมัลลิกา  พระมเหสี
ทราบเรื่องเข้า
จึงทูลให้ไปขอคำแนะนำจากพระพุทธเจ้า
ถึงพระสุบินนิมิตอันแปลกประหลาด

จึงได้รู้ความจริงจากพระบรมศาสดาว่า
มหาสุบินนิมิต  16  ประการนั้น
จะไม่บังเกิดในขณะนั้น
และมิได้บังเกิดในรัชกาลของพระองค์
เหตุร้ายนั้นจะมีแน่นอน
เพียงแต่มิใช่เกิดแก่พระเจ้าปเสนทิโกศล
หรือแว่นแคว้นของพระองค์

แต่เหตุร้ายเหล่านี้
จะเกิดแก่สัตว์โลกทั่วๆ ไป
และแก่พระศาสนาของพระพุทธองค์
ในภายภาคหน้า
เมื่อล่วงเลยพุทธกาลไปแล้ว 2,500 ปี

เมื่อศาสนาเสื่อมลง
( กล่าวกันว่า อายุของพุทธศาสนาในกัลป์นี้
ยืนยาวเพียง  5,000  ปี
หลังจากนั้น
ต้องรอยุคของ
พระศรีอาริยเมตตไตรย์
พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปเสด็จมาโปรดสัตว์ )

แล้วทรงแนะนำต่อว่า
ให้พระเจ้าปเสนทิโกศล
ยกเลิกพิธีจับสัตว์มาบูชายัญต์เสีย
ด้วยจะเป็นกรรมเวรสืบกันไป
และไม่บังเกิดผลดีอย่างไร
การที่พระเจ้าปเสนทิโกศล
ได้ทรงพระสุบินนิมิตเหตุประหลาด
ถึง  16  ประการนั้น

เป็นเพราะเทวดาคงจะต้องการบอกเหตุ
โดยอาศัยพระเจ้าปเสนทิโกศลเป็นสื่อ
และยังได้ดลใจให้ไปทูลถามพระพุทธองค์
จึงได้เกิดคำพยากรณ์ขึ้นเป็นวิสามัญเหตุ
และอุบัติการณ์ที่อยู่ในข่ายพระบารมี
ขององค์สมเด็จพระบรมศาสดา
จะได้ทรงตรัสคำพยากรณ์อันเป็นอมตะนี้
ให้เป็นพุทธมรดก
แก่พวกเราชาวพุทธได้รับฟัง
และร่วมกันวินิจฉัยรายละเอียดของพระสุบิน
และคำพยากรณ์
อันจะกล่าวสืบต่อจาก
เนื้อเรื่องในชาดก  ด้านล่างนี้

.......................



พระบรมศาสดา เมื่อประทับอยู่
ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภมหาสุบิน ๑๖ ข้อ
ตรัสพระธรรมเทศนานี้

มีคำเริ่มต้นว่า ลาวูนิ สีทนฺติ ดังนี้.


ดังได้สดับมา วันหนึ่ง
พระเจ้าโกศลมหาราช
เสด็จเข้าสู่นิทรารมย์ในราตรีกาล
ในปัจฉิมยาม ทอดพระเนตรเห็น
พระสุบินนิมิตรอันใหญ่หลวง ๑๖ ประการ
ทรงตระหนกพระทัยตื่นพระบรรทม
ทรงพระดำริว่า

“  เพราะเราเห็นสุบินนิมิตรเหล่านี้
จักมีอะไรแก่เราบ้างหนอ ”

เป็นผู้อันความสะดุ้ง
ต่อมรณภัยคุกคามแล้ว
ทรงประทับเหนือพระแท่นที่ไสยาสน์นั่นแล
จนล่วงราตรีกาล

ครั้นรุ่งเช้า พวกพราหมณ์ปุโรหิต
เข้าเฝ้ากราบทูลถามว่า
“  ข้าแต่พระมหาราชเจ้า
พระองค์บรรทมเป็นสุขหรือ พระเจ้าข้า ?  ”

รับสั่งตอบว่า

“ ท่านอาจารย์ทั้งหลาย
เราจักมีความสุขได้อย่างไร
เมื่อคืนนี้เวลาใกล้รุ่ง
เราเห็นสุบินนิมิตร ๑๖ ข้อ
ตั้งแต่เห็นสุบินนิมิตรเหล่านั้นแล้ว
เราถึงความหวาดกลัวเป็นกำลัง ”

เมื่อพวกปุโรหิตกราบทูลว่า

“ ข้าแต่มหาราชเจ้า
โปรดตรัสเล่าเถิดพระเจ้าข้า
พวกข้าพระองค์สดับแล้ว
จักทำนายถวายได้ ”

จึงตรัสเล่า พระสุบินที่ทรงเห็น
แล้วให้พวกพราหมณ์ฟัง แล้วตรัสว่า

“ เพราะเหตุเห็นสุบินเหล่านี้ จักมีอะไรแก่เราบ้าง ?  ”

พวกพราหมณ์พากันสลัดมือ
เมื่อรับสั่งถามว่า

“ เพราะเหตุไร พวกท่านจึงพากันสลัดมือเล่า ?  ”

พวกพราหมณ์จึงพากันกราบทูลว่า

“ ข้าแต่พระมหาราชเจ้า
พระสุบินทั้งหลายร้ายกาจนัก ”

รับสั่งถามว่า

“ พระสุบินเหล่านั้นจักมีผลเป็นประการใด ?  ”

พวกพราหมณ์ จึงพากันกราบทูลว่า

“ จักมีอันตรายใน ๓ อย่างเหล่านี้
คือ อันตรายแก่ราชสมบัติ ๑
อันตรายคือโรคจะเบียดเบียน ๑
อันตรายแก่พระชนม์ ๑
อย่างใดอย่างหนึ่ง ”

รับสั่งถามว่า

“ พอจะแก้ไขได้ หรือแก้ไขไม่ได้ ”

พราหมณ์ทั้งหลายกราบทูลว่า

“  ขอเดชะ พระสุบินเหล่านี้
หมดทางแก้ไขเป็นแน่แท้
เพราะร้ายแรงยิ่งนัก
แต่พวกข้าพระองค์ทั้งหลาย
จักกระทำให้พอแก้ไขได้
เมื่อพวกหม่อมฉันไม่สามารถ
เพื่อจะแก้ไขพระสุบินเหล่านี้ได้แล้ว
ขึ้นชื่อว่าความเป็นผู้สำเร็จการศึกษา
จักอำนวยประโยชน์อะไร ?  ”

รับสั่งถามว่า

“  ท่านอาจารย์ทั้งหลาย
จักกระทำอย่างไรเล่าถึงจักให้คืนคลายได้ ”

พวกพราหมณ์พากันกราบทูลว่า

“  ข้าแต่มหาราชเจ้า
พวกข้าพระองค์ต้องบูชายัญ
ด้วยวัตถุอย่างละ ๔ ทุกอย่าง พระเจ้าข้า ”

พระราชาทรงสะดุ้งพระทัยตรัสว่า

“  ท่านอาจารย์ทั้งหลาย
ถ้าเช่นนั้น
เราขอมอบชีวิตไว้ในมือของพวกท่านเถิด
พวกท่านรีบกระทำความสวัสดี
แก่เราเร็วๆ เถิด ”

พวกพราหมณ์พากันร่าเริงยินดีว่า
พวกเราต้องได้ทรัพย์มาก
จักต้องได้ของเคี้ยวกินมากๆ
แล้วพากันกราบทูลปลอบพระราชาว่า

“  ข้าแต่มหาราชเจ้า
อย่าได้ทรงวิตกเลยพระเจ้าข้า ”

แล้วพากันออกจากราชนิเวศน์
จัดทำหลุมบูชายัญที่นอกพระนคร
จับฝูงสัตว์ ๔ เท้ามากเหล่า
มัดเข้าไว้ที่หลักยัญ
รวบรวมฝูงนกเข้าไว้เสร็จแล้ว
เที่ยวกันขวักไขว่ไปมา
กล่าวว่า เราควรจะได้สิ่งนี้ๆ

ครั้งนั้นแล
พระนางมัลลิกาเทวีทรงทราบเหตุนั้น
ก็เข้าเฝ้าพระราชา กราบทูลถามว่า


“  ข้าแต่มหาราชเจ้า
พวกพราหมณ์พากันเที่ยวขวักไขว่ไปมา
มีเรื่องอะไรหรือเพคะ ?  ”

พระราชาตรัสว่า

“  แน่ะนางผู้เจริญ
เธอมัวแต่สุขสบายจึงไม่รู้ว่า
อสรพิษมันสัญจรอยู่ใกล้ๆ หูของพวกเรา ”

พระนางทูลถามว่า

“  ข้าแต่มหาราช เรื่องนั้นคืออะไรเพคะ ?  ”

พระราชารับสั่งว่า

“  เราฝันร้ายถึงปานนี้
พวกพราหมณ์พากันทำนายว่า
อันตรายใน ๓ อย่าง
ไม่อย่างใดอย่างหนึ่งก็จักปรากฏ
เพื่อบำบัดอันตรายเหล่านั้น
ต้องบูชายัญ จึงต้องสัญจรไปมาอยู่บ่อยๆ ”

พระนางมัลลิกากราบทูลถามว่า

“  ข้าแต่มหาราชเจ้า
ก็ผู้ที่เป็นยอดพราหมณ์ในโลก
พร้อมทั้งเทวโลก
ทูลกระหม่อมได้ทูลถาม
ถึงการแก้ไขพระสุบินแล้วหรือเพคะ ?  ”

ทรงรับสั่งถามว่า

“  นางผู้เจริญ
พระผู้เป็นยอดพราหมณ์ในโลก
พร้อมทั้งเทวโลกนั้น เป็นใครกันเล่า ? ”

 พระนางกราบทูลว่า

“  ทูลกระหม่อมไม่ทรงรู้จัก
มหาพราหมณ์โคดมผู้ตถาคต
หมดกิเลสบริสุทธิ์แล้ว
เป็นสัพพัญญู เป็นบุคคลผู้เลิศในโลก
พร้อมทั้งเทวโลก ดอกหรือเพคะ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
คงทรงทราบเหตุในพระสุบินแน่นอน
ขอเชิญทูลกระหม่อม
เสด็จพระราชดำเนิน
ไปกราบทูลถามเถิด เพคะ ”

พระราชาทรงรับสั่งว่า

“  ดีละ เทวี ”

แล้วเสด็จไปยังพระวิหาร
ถวายบังคมพระบรมศาสดา
แล้วประทับนั่งอยู่.


พระศาสดาทรงเปล่งพระสุรเสียงอันไพเราะ
ตรัสถามว่า

“  มหาบพิตร เหตุไรเล่า
บพิตรจึงเสด็จมา ดุจมีราชกิจด่วน ”

พระราชากราบทูลว่า

“ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  เมื่อใกล้รุ่ง
หม่อมฉันเห็นมหาสุบิน ๑๖ ข้อ
สะดุ้งกลัว บอกเล่าแก่พวกพราหมณ์
พวกพราหมณ์ทำนายว่า
ข้าแต่มหาราชเจ้า พระสุบินร้ายแรงนัก
เพื่อระงับสุบินเหล่านั้นต้องบูชายัญ
ด้วยยัญญวัตถุ อย่างละ ๔ ครบทุกอย่าง
แล้วพากันเตรียมบูชายัญ
ฝูงสัตว์เป็นอันมากถูกมรณภัยคุกคาม

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระองค์เป็นบุคคลผู้เลิศในโลก ทั้งเทวโลก
หาธรรมอันใดที่จะเข้าไปกำหนดอดีต
อนาคต ปัจจุบัน ที่ยังไม่มาถึงซึ่งครรลอง
ในญาณมุขของพระองค์นั้น  มิได้มีเลย

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณา
โปรดทำนายผลแห่งสุบิน
ของหม่อมฉันเหล่านั้นเถิด พระเจ้าข้า ”

พระศาสดาตรัสว่า

“  ขอถวายพระพร
เป็นเช่นนั้นทีเดียวมหาบพิตร
ในโลกทั้งเทวโลก เว้นตถาคตเสียแล้ว
ผู้อื่นที่จะได้ชื่อว่าสามารถรู้เหตุ
หรือผลของพระสุบินเหล่านี้
ไม่มีเลย

ตถาคตจักทำนายให้มหาบพิตร
ก็แต่ว่ามหาบพิตร
จงตรัสบอกพระสุบิน
ตามทำนองที่ทรงเห็นนั้นเถิด ”

พระราชาทรงรับพระพุทธดำรัสว่า
“  ดีละ พระพุทธเจ้าข้า ”

เริ่มกราบทูลพระสุบิน
ตามทำนองที่ทรงเห็นอย่างถี่ถ้วน

โดยทรงวางหัวข้อไว้ดังนี้ ว่า
1. โคอุสุภราชทั้งหลาย ๑
2. ต้นไม้ทั้งหลาย ๑
3. แม่โคทั้งหลาย ๑
4. โคทั้งหลาย ๑
5. ม้า ๑
6. ถาดทอง ๑
7. สุนัขจิ้งจอก ๑
8. ตุ่มน้ำ ๑
9. สระโบกขรณี ๑
10. ข้าวไม่สุก ๑
11. แก่นจันทน์ ๑
12. น้ำเต้าจม ๑
13. ศิลาลอย ๑
14. เขียดขยอกงู ๑
15. หงส์ทองล้อมกา ๑
16. เสือกลัวแพะ ๑

>>>  to be continue  >>>



Create Date : 07 มกราคม 2558
Last Update : 21 มกราคม 2558 9:34:45 น.
Counter : 923 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ไส้เดือนอเวจี
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



เมื่อเราไม่มีเวลาเพียงพอที่จะไปเรียนรู้ประสบการณ์ทุกอย่าง
ได้ด้วยตนเอง

ก็จงมีเวลารับรู้ถึงประสบการณ์ของคนอื่น

เพราะเราคงมีเวลาไม่มากพอที่จะประสบมันด้วยตนเอง
แม้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม