มกราคม 2558

 
 
 
 
1
2
3
31
 
All Blog
White Pearl Metropolis : บุษยานคร part 3 // 1,000




อย่างที่เมื่อวานนัดแนะกันเอาไว้
วันนี้จะมาต่อกันที่
พุทธทำนายเพิ่มเติมอีกหนึ่งฉบับ
จาก  องค์พระศากยมุนี
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
องค์พุทธกาลปัจจุบัน

ที่มีเนื้อหาเมื่อเทียบเคียงเวลากันแล้ว
มีความใกล้เคียงกับเวลาปัจจุบัน
ค่อนข้างมาก

สำหรับดิฉันแล้ว ใกล้เคียงมาก
จนค่อนข้างน่ากลัวเลยล่ะ

แต่ของแบบนี้ไม่ใช่ว่า
จะมาปลุกปั่นให้เกิดความกลัว
เพื่อความสนุกสนานแค่เพียงนั้น

แต่นำมาบอกเล่าต่อๆ กันมา
เพื่อบังเกิดสาระประโยชน์เป็นหลัก
เพื่อบังเกิดการเตรียมพร้อมรับมือเป็นหลัก
เพื่อบังเกิดการเตรียมตัวเตรียมใจ
เข้าใจในธรรมชาติความเป็นไป
ของทุกสรรพสิ่ง

ทั้งนี้ถ้าท่านใด
เป็นชาวพุทธที่แท้จริง ไม่ใช่แต่เปลือกนอก
จงมองทุกๆ พุทธโวหารของศาสดาของเรา

เป็นดั่งทองคำอันล้ำค่า

เพราะศาสดาของเรา
ที่เป็นองค์สัพภัญญู
รู้ทั่วโดยตลอดนั้น

พระองค์ได้ทิ้งมรดาเป็นพุทธโวหาร
ไว้มากมาย

แต่เคยคิดกันบ้างไหม ?

ว่าเหตุใด หลายๆ ครั้ง
ทำไมการเข้าถึงมรดกโลกอันล้ำค่านั้น

บางครั้งทำไมถึงยากเย็นนัก ?
มิใช่ว่าไม่เคยพยายาม
ไม่เคยกระเสือกกระสน
ไม่เคยไขว่คว้าหานะ

แต่หลายๆ ครั้ง
มันรู้สึกเหมือนโดนปิดบังไว้
โดนแอบซ่อนไว้
เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของใครไม่ทราบ
รึเปล่านะ ??

( อันนี้เป็นความสงสัยส่วนบุคคลอ่ะ
โปรดใช้วิจารณญาณเน้อ )

เอาล่ะ ...  บ่นๆ มาพอสังเขปล้ะ
มาเข้าเรื่องกันเลย

แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะคะ
เรื่องที่จะเล่าต่อไปข้างล่างนี้

กรุณาใช้วิจารณญาณส่วนตัว
กันให้มากๆ

มิได้มีเจตนาชี้นำใดๆ ทั้งสิ้น
โปรดเข้าใจร่วมกันก่อนว่า
สิ่งใดๆ ในโลกนี้
ล้วนเกิดขึ้น มีอยู่ ดับไป

ดังนั้น
เนื้อหาที่จะกล่าวต่อไปนี้

เป็นข้อมูลที่ดิฉันพยายามเข้าถึงอยู่
จึงได้มาเผยแพร่ต่อ

ถ้าต่อๆ ไปจะมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว
กับเนื้อหานี้ก็ตาม

ดิฉันซึ่งเป็นแค่ผู้เผยแพร่
มิได้เป็นเจ้าของที่คิดค้น
ผลิต หรือประดิษฐ์ข้อความเหล่านี้
ขึ้นมาเอง

จึงไม่ขอรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ

โอเค ...  มาอ่านกันเอาเองค่ะ
คิดเห็นกันเช่นไร

ก็นำไปถกต่อกันในแวดวงของท่าน
กันเอาเอง  ตามสบายเลยจ้า


Smiley Smiley








พุทธทำนาย

ตำนานที่เริ่มเป็นจริง


คณะธรรมทูตผู้ไปอัญเชิญ
พระบรมสารีริกธาตุและพระศรีมหาโพธิ์
ที่ประเทศอินเดีย  เมื่อปี พ.ศ. 2484

ได้คัดลอกพระพุทธพจน์ทำนาย
จากศิลาจารึก  เขตมหาวิหาร
ในสวนมฤคทายวัน  แปลได้ดังนี้


(  ปี  พ.ศ.  ในพุทธทำนายต่อไปนี้
จะต้องบวกด้วย  48  เสียก่อน
จึงจะเท่ากับปี พ.ศ.
ตามแบบที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน
ปี พ.ศ.  แบบของไทยที่ใช้อยู่นี้  เร็วเกินจริง )


สาธุ  อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงพระเมตตากรุณาแก่สัตว์โลก
ซึ่งเกิดมาล้วนแต่ลำบากยิ่งนัก

ในคราวที่พระองค์ใกล้ถึงพระชนมายุ
ย่างเข้าปรินิพพานตามกาลเวลา

จึงตรัสแก่พระอานนท์
ผู้ศิษย์อันสนิทพากเพียรพยาบาลว่า

ดูกรอานนท์  สัตว์โลกทั้งหลาย
ที่เกิดมาล้วนแต่ลำบาก

ทุกชาติ  ทุกศาสนา
ตามธรรมชาติที่หมุนเวียนของโลก
โลกหมุนไปใกล้ความแตกทำลาย

จนถึงสมัยที่
อาตมานิพพานไปแล้วได้  5,000  ปี

เมื่อโลกไปใกล้
กึ่งจำนวนที่อาตมาทำนายไว้

มนุษย์และสัตว์
จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทิศ
เสียครึ่งหนึ่ง


ในระยะ  30  ปี
สิ่งที่ศาสนิกชนไม่เคยพบเห็น


หินถูกสาปให้หลับ
ก็กลับตื่นขึ้นมาอาละวาด


ยิ่งหนักเมื่อใกล้กึ่งศาสนาของอาตมา
ก็ทวีภัยใหญ่ขึ้นทุกทิพาราตรี  


และมนุษย์นอกศานา
ก็จะมารบราฆ่าฟันกัน
ถึงเลือดนองแผ่นดิน และแผ่นน้ำ

แม้ในอากาศ
ก็มีอำนาจภัยจากฟ้าทุกทิศานุทิศ

ไฟจะลุกลามเผาผลาญมนุษย์ไม่ขาดระยะ

ต่างฝ่ายต่างทำลายกันย่อยยับ
เหมือนยักษ์กระหายเลือด


แผ่นดิน แผ่นน้ำ  จะเดือดเป็นไฟ
และตายกันไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรา

ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกัน
ตามวิสัยของยักษ์ร้ายนอกศาสนา
ซึ่งกำเนิดมาจากสัตว์ป่าอำมหิต


ส่วนศาสนิกชนผู้ขวนขวาย
ในทางบุญตามเดิมวัจนะของอาตมา

ก็จะสามารถระงับร้อนไม่รุนแรง


บ้านใดที่เคารพสักการะ
พระศรีมหาโพธิ์และกาสาวพัสตร์
จะได้รับวิบัติเบาบางลง

แต่จะหนีธรรมชาติไม่พ้น





เริ่มแต่ศาสนาอาตมาล่วงมาได้  2485  ปี
( คือปี พ.ศ. 2533 )  เป็นต้นไป

ไฟจะลุกมาทางทิศตะวันออก
ไหม้วัดวามาราม
สมณชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ

คนบ้านจะเข้าป่า  สัตว์ป่าจะเข้ากรุง
เมืองหลวงจะร้อนเป็นไฟ
ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ
เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ
มหาสมุทรจะชอกช้ำ

สงครามจะทั่วทิศ  ศึกจะติดเมือง
ทหารจะเป็นเจ้า  ข้าวจะขาดแคลน
ทั่วแคว้นจะอดอยาก

พลูหมากจะหมดเปลือง
ปราชญ์เปรื่องจะสิ้นสูญ

ราชตระกูลอำมาตย์ราษฎร
ทุกคนจะพากันถืออำนาจไม่เป็นธรรม
ไม่เคารพหลักธรรม
โดยปรวนแปร
นิยมเชื่อถือถ้อยคำของคนโกง

คนกล่าวคำเท็จ  คนประจบสอพลอ
ย่อมได้รับการเชื่อถือ
ในท่ามกลางสังคมสันนิบาต

ผู้ดีมีศีลธรรมประพฤติชอบ  ไม่มีเสียง
( อธรรมพูดจ้อ  แต่ธรรมเป็นใบ้ )


จะเกิดการจลาจลวุ่นวาย
ลูกจะพลัดแม่  แม่จะพลัดจากลูก

โคกจะเป็นน้ำ  ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง 
พระเสื้อเมืองทรงเมืองจะเข้าไพร

เทวดาจะเรียกแมลงบี้เหล็กโกฏหนึ่ง
ผีเสื้อเหล็กแสนหนึ่ง
มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ





เมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้  2507  ปี
( คือปี พ.ศ.  2555  ปีมะโรง )

คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน






ล่วงได้  2508  ปี
( คือปี พ.ศ.  2556  ปีมะเส็ง )

ตลิ่งจะพัง
แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล






ล่วงได้  2512  ปี
( คือปี พ.ศ.  2560  ปีระกา )

เมืองมนุษย์จะมืด  7  วัน  7  คืน
โลกดิ่งสู่ความหายนะ



บุคคลเจริญด้วยเมตตา  กรุณา
ไม่เบียดเบียนข่มเหงอิจฉาพยาบาท
และไม่ประทุษร้ายซึ่งกันและกัน
ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม
และยึดถือคาถาของอาตมา
จะพ้นภัยพิบัติ   ให้เจริญภาวนา  ดังนี้

“  หิตะชิราชัน  มันกะโลอังคะ
ศิลากะละสา  สาสะสะติ
โหตะถิ  โหคะหะคะเน  ”

ให้ท่องบ่นภาวนาเป็นนิจ
ให้จดอักษรใส่กระดาษ  หรือผ้าขาว
ปิดไว้หน้าบ้าน  หัวนอน  หรือพันศีรษะไว้
สารพัดภัยพินาศ  สันติประสิทธิ์


ดูกรอานนท์
อาตมาสงสารสัตว์โลกเป็นล้นพ้น
ที่มีอายุขัยอยู่ได้ใกล้ยุคนั้นๆ




ยุคเมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้  2513  ปี
( คือปี  พ.ศ.  2561  ปีจอ )

พระจันทร์จะเริ่มเปล่งแสงฉายโลก







ครั้นเมื่อล่วงได้  2515  ปี
( คือปี พ.ศ.  2563  ปีชวด )
นับพ้นระยะ  30  ปี
( ปีที่อยู่ในระยะคือปี พ.ศ.  2533 – 2563 )


พวกอธรรมคือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์
ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้น  จะหมดสิ้นไป

พวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก
อธรรมแพ้ในที่สุด

ครุฑจะบินกลับถิ่นสถาพร
คนที่จรจะกลับเข้ากรุงบำรุงธรรม

ธรรมจะชนะ  พระจะอยู่บ้านเมืองต่อไป

การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์
ซึ่งไม่ต้องเบียดเบียนแรงผู้ใด

ทุกคนจะสมบูรณ์ด้วยศีลธรรม
และชีวิตผาสุก





มหากษัตริย์ธรรมิกราช
ผู้เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง
จะเกิดภายในความอุปถัมภ์
ของพระมหาเถระโพธิสัตว์

ทั้งสององค์นั้น
จะจัดการบำรุงศาสนาของอาตมา


ในระยะนี้เป็น  “ ยุคศิวิไลศ์  ” 


พระมหาเถระโพธิสัตว์
จะเกิดในสมัยของอาตมาล่วงมาแล้ว  2454  ปี
( คือปี พ.ศ.  2502 )


เมื่อล่วงได้  2467 ถึง 2486 ปี
( คือปี พ.ศ.  2515 – 2534 )

ผู้มีบุญทั้งสองพระองค์นั้น
จะเสด็จเข้าบำรุงศาสนาให้เที่ยงแท้
สมณชีพราหมณ์จะเสด็จมา  84,000  รูป





ดูกรอานนท์  อาตมาสงสารสัตว์
เวลานั้นพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที

คำทำนายของอาตมานี้
ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
ผู้ใดรู้แล้วเชื่อ  หรือไม่เชื่อ
ไม่บอกเล่าให้ผู้ใดรู้กันต่อๆ ไป

นับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์
ต่างสิ้นสุดกันตามกาลเวลา

ผู้ใดปรารถนาจะได้เห็นหรือทันมีบุญ
ให้รักษาศีลห้าประการ
ยำเกรงบิดา  มารดา
รู้จักบุญคุณท่านผู้มีคุณ

เจริญภาวนาในพรหมไตรสภาพ
แล้วว่าคาถา  ดังนี้


“  พุทธิทุกขัง  อนิจจัง  อนัตตา
นโมสัพพราชา  ขัตติโย  อิติปารมิตา
ติสา  อิติ  สัพพัญญุมาคตา  อิติ
โพธิ  มนุปปัตโต  อิติปิโส  จ  เต  นโม ”


พิจารณาจากเนื้อหา
แม้ไม่อาจยืนยันได้ว่า
เป็นพระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์
ไว้ด้วยพระองค์เอง

หรือเป็นการแต่งขึ้น
โดยคณาจารย์ชั้นหลังหรือไม่

แต่เรื่องราวเหล่านี้
ปลูกฝังมาในสังคมไทย
มานานมากกว่า  50  ปี

และมีแนวโน้มขยายไปเรื่อยๆ
เนื่องจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ
และพฤติกรรมของมนุษย์เอง
เริ่มสอดคล้องกับคำทำนายมากขึ้น

ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมา
มีปรากฏการณ์ชัดเจนว่า
จะเป็นไปในแบบที่ทำนายไว้


ไม่แต่เท่านั้น
การทำนายภัยพิบัติที่จะเกิดกับโลก
ยังปรากฎใน ศาสนาอิสลาม
และศาสนาคริสต์อีกด้วย

ทั้งๆ ที่แต่ละศาสนาก็ห่างกันหลายร้อยปี
ที่อินเดียอันเป็นดินแดนกำเนิด
พุทธศาสนาเองนั้น

ก็ยังมีความเชื่อหลายๆ เรื่องว่า
พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์อนาคต
ไว้มากมาย

ที่เด่นชัดก็คือ
ศาสดาพระองค์ต่อไป
ที่จะมาตรัสรู้ธรรมและสั่งสอนธรรมต่อ
คือ  พระศรีอริยะเมตไตร

ซึ่งมีการทำป้าย
ประกอบสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องไว้

เพื่อยืนยันว่า
พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์
โดยพระองค์เองจริงๆ


เริ่มจากพระสุบินนิมิต
ของพระเจ้าปเสนธิโกศล
จำนวน  16  ข้อ
ที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก

ก็มีความสอดคล้อง
ถึงภัยพิบัติที่กำลังจะมา
โดยมีเหตุจากความเสื่อมศีลธรรม
ของมนุษย์เอง


ส่วนคำทำนายในยุคหลังๆ
แม้ไม่ได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์หลัก
แต่ก็มีความเชื่อถือกันเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะพระคาถา
ที่ปรากฎในตำนาน
ซึ่งเรียกกันอีกชื่อว่า

“ พระคาถาวันโลกดับ ”



“ พระคาถาวันโลกดับ ”
เป็นคาถาที่พบในศิลา
ในวัดเชตวันวิหาร  ประเทศอินเดีย
ที่เขียนโดยพระอานนท์

ตามพุทธทำนาย
ให้ชาวพุทไว้สวดป้องกันอันตราย
ยามที่โลกมีภัยสงคราม
ภัยอันตรายต่างๆ


โดยฉบับเต็มนี้
คัดลอกมาจากคัมภีร์ใบลานเก่าแก่
ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่พบมา



คาถาวันโลกดับ
ฉบับสมบูรณ์  ( Full  version )


๏  สุสุสุ  ละละละ  ทาทาทา
โออัสสะ  อะอะอะ  โสโสโส
โนโนโน  นะโมพุทธายะ
ยะธาพุทโมนะ  มะอะอุ  อุอะมะ

นะมะสัจจัง  มะราตะมะมะ
ระสะมะยัง  หิริโอตัปปะ  สัมปันนา
สุกกะธัมมะสะมาหิตา  สันโต
สัปปุริสา  โลเก  เทวะธัมมาติ

วุจจะเรติ  มาระสัจจัง  มาระสัจจัง
มารัตตะนัง  มาระสุทธัง
มาระเตชัง  มาระสิทธิกัมมัง
ทิตะทิรา  มันทะโล  กะสิลา

กะละลาสะติ  โสจะถิโหคะนะตะเน
พุทธะเยจะมังมาพิโธ  ทานะโส
ปัตตะโส  สัตถาคารังโช
โสอะจะนัง  ตะโตกันนัง

เถริยะมาเห  มะระกะตา
มาระกะตะเล  ระวะชาตา  ปุระปุรา  ๚๛



สำหรับพระคาถา  ฉบับย่อ

๏  หิตะชิราทัน  มันกะโลอังคะ
ศิลากะละสา  สาสะสะติ
โหตะถิ  โหคะหะคะเน  ๚๛


และฉบับย่อ
ของครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ


หลวงพ่อลี  วัดอโศการาม
สมุทรปราการ

๏  ทิตะทิลาทัน  มันทะโล
กะลิกะลา  สะติโถคะหะตะเน  ๚๛



หลวงพ่อโอภาสี
วัดสวนบางมด  ธนบุรี

๏  ถิตะถิรามันทะโร
กะสีราคะ  ระราสะติโสจะ  ๚๛




หลวงปู่ขาว  อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล  อ. เมือง
จ. หนองบัวลำภู

๏  ทิตะศีลา  คันธะมังกะโร
กะระกะรา  สาสะติ  โสตะถิ
โหคะหะคะเน  ๚๛




อันแสดงว่า
พระเกจิอาจารย์ต่างก็ให้ความเชื่อถือ
มานานพอสมควร

และถือเป็นพระคาถาสำคัญ
ที่ให้ความนับถือเป็นพระคาถาสำเร็จ
ที่เพียงเขียนด้วยภาษาใดก็ได้
ติดตัวติดบ้าน  ท่องสวดสาธยาย
ก็จะมีผลตามที่เจตนาไว้


ในการสืบทอด
และถือปฏิบัติกันมายาวนานนั้น

อาจทำให้พระคาถามีหลายสำนวน
แตกต่างกันออกไปตามแหล่งที่มา

บางสำนวนขึ้นต้นด้วย  “ หิ ”
บางสำนวนขึ้นต้นด้วย  “ ทิ ”  หรือ  “ ถิ ”
ก็ล้วนใช้ได้ทั้งนั้น  ขึ้นกับว่าศรัทธาแบบใด

พระคาถาสำคัญนี้
บรรดาครูบาอาจารย์ในสายกรรมฐาน
ซึ่งปกติจะไม่สนใจในเรื่องคาถาอาคมเลย
ก็ยังมีการถ่ายทอดพระคาถาบทนี้
เนื่องจากพวกท่านต่างเชื่อและเห็นตรงกันว่า

เป็นพระคาถาที่มาจาก
พระพุทธเจ้าโดยตรง
ซึ่งการพิสูจน์ในเรื่องนี้เป็นอจินไตย
หลายท่านอาจจะแย้ง
ว่าเป็นเช่นนั้นเช่นนี้

แต่หลายๆ ท่านก็ต่างเห็นตรงกันว่า
มีไว้ดีกว่าไม่มี

อย่างน้อย  การสวดมนต์
ก็เป็นเหตุแห่งกุศล

และหากเลือกสวดบทนี้
ก็ได้ประโยชน์ทั้งความสบายใจ
และอาจได้ผลตามที่กล่าวมา
ในตำนานพุทธทำนาย
ดังนี้แล ฯ


Smiley Smiley



วันนี้ก็ขอจบหัวข้อ พุทธทำนาย
ไว้แต่เพียงเท่านี้

วันอื่นๆ ก็จะเป็นเรื่องอื่นๆ
อีกต่อไป  มากมายหลายอย่าง

บางเวลา  เบื่อๆ ก็เข้ามาอ่าน
บางเวลา  อ่านๆ ก็เริ่มเบื่อ

อ่านๆ เบื่อๆ แล้วก็กลับมาเบื่อๆ อ่านๆ
แล้วก็กลับออกไป แล้วก็เข้ามาอ่านอีก

ก็เป็นเช่นนี้ล่ะเนอะ   Smiley



จบเรื่องนี้กันแล้ว
อย่าลืมเข้ามาอ่านเรื่องอื่นๆ
กันอีกนะคะ  จุ๊บุๆ



>>>   To  Be  Continue   >>>



Create Date : 25 มกราคม 2558
Last Update : 25 มกราคม 2558 17:40:13 น.
Counter : 2409 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ไส้เดือนอเวจี
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



เมื่อเราไม่มีเวลาเพียงพอที่จะไปเรียนรู้ประสบการณ์ทุกอย่าง
ได้ด้วยตนเอง

ก็จงมีเวลารับรู้ถึงประสบการณ์ของคนอื่น

เพราะเราคงมีเวลาไม่มากพอที่จะประสบมันด้วยตนเอง
แม้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม