มกราคม 2558

 
 
 
 
1
2
3
31
 
All Blog
White Pearl Metropolis : บุษยานคร part 2.2.3/1,000





ในตอนที่ผ่านๆ มาแล้วนั้น
เกี่ยวกับความยากลำบากในการประกอบอาชีพไปแล้ว
เกี่ยวกับผู้คนวัยรุ่นที่รีบโตเกินวัย
แก่แดด แก่ลมเร็วเกินกำหนดกันไปแล้ว
ทีนี้ก็มาอีกเรื่อง ที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
หัวข้อนี้ใกล้เคียงกับหัวข้อที่แล้วที่เกี่ยวกับวัยรุ่นมากๆ
ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบันครอบครัวอยู่ค่ะ

..............................


แม่โคทั้งหลาย ๑


“ จงตรัสเล่าข้อที่ ๓ ต่อไปเถิด มหาบพิตร ”
“  ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ   หม่อมฉันได้เห็น
แม่โคใหญ่ๆ พากันดื่มนมของฝูงลูกโค ที่เพิ่งเกิดในวันนั้น.
นี้เป็นสุบินข้อที่ ๓ ของหม่อมฉัน อะไรเป็นผลแห่งสุบินนั้น พระเจ้าข้า ? ”

“  มหาบพิตร แม้ผลของสุบินนี้ ก็จักมีในอนาคตเหมือนกัน
จักมีผลในเวลาที่มนุษย์ทั้งหลาย
พากันละทิ้งเชษฐาปจายิกกรรม
คือความเป็นผู้ประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่
เพราะในอนาคต
ฝูงสัตว์จักมิได้ตั้งไว้ซึ่งความยำเกรงในมารดาบิดา
หรือในแม่ยาย พ่อตา
ต่างแสวงหาทรัพย์สินด้วยตนเองทั้งนั้น
เมื่อปรารถนาจะให้ของกินของใช้แก่คนแก่ๆ ก็ให้
ไม่ปรารถนาจะไม่ให้ก็ไม่ให้
คนแก่ๆ พากันหมดที่พึ่ง
หาเลี้ยงตนเองก็ไม่ได้ ต้องง้อพวกเด็กๆ เลี้ยงชีพ
เป็นเหมือนแม่โคใหญ่ๆ
พากันดื่มนมลูกโคที่เกิดในวันนั้น
แม้ภัยมีสุบินนี้เป็นเหตุ ก็ไม่มีแก่มหาบพิตร ”

........................................


๓.  แม่โคขอนมลูก

อีกข้อสาม ฝันว่า แม่คาวิน
วอนขอนม ลูกกิน น่าบัดสี
โปรดภิปราย ทายว่า นิมิตนี้
ไปภายหน้า จะมี เป็นแน่นอน
คือพ่อแม่ แก่ชรา มาหาบุตร
ด้วยสิ้นสุด ข้าวปลา ทั้งผ้าผ่อน
ต้องมายอม ปลอบขอ เฝ้าง้องอน
มันขอดค่อน สำทับ ให้อับอาย
พูดหยามเหยียด เสียดต่อ พ่อและแม่ 
ไม่กลัวแก่ บาปกรรม ทำเสียหาย
มิได้มี หิริ โอตตัปปะอาย
ทั้งหยาบคาย ขี่ข่ม ด้วยลมพาล

......................................


สุบินนิมิตข้อที่ 3 :  แม่โคดูดนมลูกโค ( พ่อแม่ไม่รู้หน้าที่ส่วน
รับผิดชอบของตน  เอาแต่พึ่งพาวอนขอจากลูกหลาน )


ฝันเห็นฝูงพ่อแม่โคทั้งหลายพากันดูดกินนมลูกของตัวเอง
พระพุทธองค์ทรงโปรดให้คำทำนายว่า
ในอนาคตกาลต่อไปในกาลภาคหน้าโน้น
พ่อแม่ทั้งหลายจะต้องมาขออาศัยข้าวปลาอาหาร
เครื่องอุปโภค ต่างๆจากลูก
จะได้อาศัยกินหยาดเหงื่อแรงงานของลูก

อาศัยข้าวปลาอาหาร
เครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ที่ลูกแสวงหามาเลี้ยงดู
พร้อมทั้งเงินทอง ก็ต้องแบ่งปันให้พ่อแม่ได้จับจ่ายใช้สอย


Smiley Smiley


แต่มาวิเคราะห์กันให้ดีๆ
ดูเหมือนจะเป็นห่วงโซ่ที่ต่อเนื่องกันค่ะ
ระหว่างข้อ 2 กับ ข้อ 3

กล่าวคือ
ถ้านำเหตุการณ์มาร้อยเรียงต่อกันเป็นเรื่องราว
เริ่มจากข้อ 1 แล้วนำมาต่อเรียงกันเรื่อยๆ
โดยเรียงต่อกันตามลำดับเรื่อง นับจาก 1 ไป 2 และไปเรื่อยๆ
ก็จะได้จิ๊กซอดังนี้ค่ะ

พอเกิดทุกขภิขภัย ข้าวยากหมากแพง
มีปัญหาด้านการทำมาหาเลี้ยงชีพแล้ว
ประชาชนก็เกิดการเบื่อ เซ็งในอาชีพ  เซ็งในชีวิต
ทำอาชีพอะไรก็ล้วนแต่เครียด เพราะความไม่แน่นอน
ในอาชีพเนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศ

ระบบเศรษฐกิจภายในครอบครัวเริ่มสั่นคลอน
วัยรุ่นวัยกระเตาะในแต่ละครอบครัวเริ่มรู้สึกว่า
ต้องรีบเติบโต รีบมีเหย้ามีเรือน รีบออกไปจากครอบครัวเดิม

รีบไปสร้างครอบครัวใหม่ให้เร็วยิ่งขึ้น
จึงเกิดสภาวะครอบครัวที่ไม่เป็นปึกแผ่น

แล้วอะไรก็ตามที่รากฐานในตอนเริ่มต้นมันคลอนแคลนตั้งแต่แรกๆ
ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้มันย้อนกลับมามั่นคง
เพราะมันไม่เคยมั่นคงมาเลยตั้งแต่แรก

ดังนั้น
พอมีการเริ่มต้นเป็นครอบครัวคุณพ่อคุณแม่วัยใส
ที่ไม่มีความสมบูรณ์พร้อมมาตั้งแต่แรก

ครอบครัวถัดๆ มาก็ยากจะวางรากฐานให้ดีได้
พวกคุณพ่อคุณแม่วัยใสเหล่านี้
พอแก่ตัวลงก็ยากจะพึ่งพาตนเอง
ทำตัวเองให้เป็นภาระแก่คนรุ่นต่อๆ ไป
เป็นวงจรการยึดผู้อื่นเป็นที่ยึดเหนี่ยวต่อๆ ไปไม่จบสิ้น

Smiley







แม่โคขอนมลูก

อีกข้อสาม ฝันว่า แม่คาวิน
วอนขอนม ลูกกิน น่าบัดสี
โปรดอภิปราย ทายว่า นิมิตนี้
ไปภายหน้า จะมี เป็นแน่นอน

คือพ่อแม่ แก่ชรา มาหาบุตร
ด้วยสิ้นสุด ข้าวปลา ทั้งผ้าผ่อน
ต้องมายอม ปลอบขอ เฝ้าง้องอน
มันขอดค่อน สำทับ ให้อับอาย

พูดหยามเหยียด เสียดต่อ พ่อและแม่
ไม่กลัวแก่ บาปกรรม ทำเสียหาย
ไม่ได้มี  หิริ  โอตตัปปะอาย
ทั้งหยาบคาย ขี่ข่ม ด้วยลมพาล


Smiley


อ่านบทกลอนอันข้างบนนี้แล้ว
ขอแอบขำ ปนสมเพศคนแต่งนิดนึงค่ะ

เพราะอ่านแล้วรู้เลย
ว่าเป็นคนไม่ฟังความรอบข้าง
ไม่ดูสภาวะความเป็นไปต่างๆ
ไม่ดูบริบทที่เกี่ยวข้องใดๆ เลย

ช่างมีอคติส่วนตัวที่เอนเอียงอย่างชัดเจน

ถ้าจุดประสงค์ของการตีความสุบินอันนี้
เป็นไปเพื่อกล่าวติเตียนแต่ผู้เป็นลูก
เหตุไฉนพระสุบินจึงเป็นไป
ในลักษณะแม่วัวดูดนมจากลูกวัวที่ยังเล็ก

ถ้าลูกวัวมีทีท่าดีดขาใส่
หรือกระทำกริยาอันหยาบคายใส่แม่วัว

แบบนั้นค่อยตีความตามที่ผู้แต่งกลอน
ข้างต้นบรรยายโวหารไว้

แต่พระสุบินหาเป็นเช่นนั้นไม่
นั่นแสดงว่า
ผู้แต่งกลอนข้างต้น
อุตริใส่ไฟเพิ่มเติมตามจริตเดิมตน

ไม่รู้ว่า ที่บอกในบทกลอนว่า
ลูกทำกิริยาท่าทางยโส โอหัง
กร้าวร้าว สถุน เถื่อนนั้น
มาจากพระสุบินช่วงไหน

เพราะจากลักษณะของพระสุบิน
กล่าวไว้เพียงว่า  ผู้พ่อแม่
จะเฝ้าวอนขอโน่นนี่จากผู้ลูก

โดยไม่ได้มีการกล่าวในส่วนของผู้ลูก
ไว้เลยแม้เพียงน้อย

จึงขอตำหนิว่า
เป็นการอุตริเพิ่มเติมเนื้อหา
โดยบังอาจแต่งเติมเสริมเรื่องราวเข้าไป
ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเลย

ขอประณามอย่างรุนแรงค่ะ

ทั้งนี้ขอวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า
บทกลอนข้างต้น
น่าจะมาจากจิตใจส่วนลึก
ของสมองที่เอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว

มีแต่ความขลาดกลัวขึ้นสมองมาช้านาน
ว่าตอนแก่ จะไม่มีใครมาเหลียวแล
ทั้งๆ ที่ตนเอง ตอนยังหนุ่มสาว
ตอนยังมีเรี่ยวแรง พละกำลังทำงานทำการ
ทำไมไม่เก็บหอมรอมริบ
วางแผนชีวิตไว้เผื่อตอนชราภาพไว้ด้วย

ดีแต่หวังพึ่งผู้อื่น  หน้าไม่อายยิ่งนัก
ถึงแม้คนๆนั้นจะเป็นลูกที่ตนเลี้ยงดูมา
ถึงจะเฝ้ากรอกหูใส่สมองอยู่เสมอๆ ว่า
ต้องกตัญญู ห้ามทอดทิ้งอย่างโน้นอย่างนี้

ทำอย่างกับว่า  แค่อ้าขา เสพสังวาสกัน
มันเป็นเรื่องยากเย็นนัก

ชีวิตของตัวเอง ทำไมไม่รับผิดชอบให้ดี
ไม่ดูแลชีวิตของตัวเองให้ดี

ไม่คิดรอบคอบเรื่องใช้จ่าย
ถลุงฟุ่มเฟือยซะหมดเกลี้ยง

พอหมดตัว เดือดร้อน
ก็มาทวงบุญคุณท่วมหัวเอาจากลูก

อย่ามาบอกว่า  จนมาตลอด
ขัดสน อัตคัตมาทั้งชีวิต
ไม่เคยมีเงินได้ใช้จ่าย สบายๆ
อย่างใครเขา

ถ้าคุณเดือดร้อนอับเฉาขนาดนั้น
คุณจะตะบี้ตะบันมีลูกมาเพื่อ ?
เพื่อมาสืบทอดความทุกข์เข็ญต่อไป
รุ่นแล้วรุ่นเล่า ?

ใครกันแน่
ที่เห็นแก่ตัว มัวเมาตัณหาจนหน้ามืด


แล้วก็เที่ยวตราหน้าคนอื่น
โดยเฉพาะลูกที่อุ้มท้องมา 9 เดือน
เจ็บตอนคลอด
ว่าเนรคุณ ทำกินไม่ขึ้น เนี่ยนะ
( แล้วไม่พูดถึงขั้นตอนอื่นๆ
ก่อนหน้าจะท้องบ้างล่ะคะ คุณขา  แหม่ )

ทั้งนี้ ก็ไม่ได้สนับสนุนให้ลูกไม่มีน้ำใจ
ลูกก็ควรทำหน้าที่ตามสมควร
ตามความเหมาะสม

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้
ใช้ในกรณีพ่อแม่บางจำพวก
เน้นว่า  บางจำพวก
ที่จ้องแต่เที่ยวอ้อนวอนขอ
อย่างไม่จบสิ้น
ไม่มีขอบเขตที่แน่นอน
เห็นลูกเป็นขุมทรัพย์ดั่งภูเขาทอง
ที่ขุดถอนรากถอนโคนเท่าไร
ก็ไม่มีวันหมด

ซึ่งถ้ามีพ่อแม่คนไหนเข้าข่าย
ทำพฤติกรรมเช่นนี้
ก็จะเป็นดังคำทำนายนี้
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอดสูยิ่งนัก

( ไม่นับรวมพ่อแม่แสนประเสริฐ
ที่ไม่หวังสิ่งใดๆ จากลูกนะคะ
อันนั้นไม่เข้าพวกกับพระสุบิน
ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ )

พอทีเถิด  กับค่านิยม ขี้เกียจทำกิน
แล้วมาเกาะกินสูบเลือดลูก
ดั่งเห็บ หมัด ปลิง พยาธิ
แบบนี้

มันน่ากลัวมาก สืบทอดรุ่นต่อรุ่นมาช้านาน
ถ้าไม่มีใครกล้าสั่งสอน พูดตรงๆ
พูดเรื่องจริง

ก็จะมีพวกลูกๆ บ้าจี้ ที่แสนเศร้าโศก
กลัวคำสาปแช่ง ด่าทอจากพ่อแม่
( ที่เห็นแก่ตัวบางจำพวก )
ว่าจะทำกินไม่ขึ้น
ก็จะมีลูกที่เอาแต่ทุกข์ทน กลุ้มใจ ทุกข์ใจ
อยู่ตลอดไป

เพราะโดนกรอกหูโดยพ่อแม่เอาแต่ได้
ว่าการไม่เลี้ยงดูพ่อแม่
เป็นเรื่องเลวร้าย ชั่วช้าเลวทรามมาก


ถึงเวลาต้องแยกแยะให้ชัดเจนแล้วค่ะ
ว่าอันไหนเป็นการแสดงความกตัญญู
หรืออันไหน เป็นการปอกลอก ข่มขู่
กดดัน สาปแช่ง

พ่อแม่บางจำพวกก็ดีแต่
อวดอ้างบุญคุณการให้กำเนิด
การเลี้ยงดู ( แบบตามมีตามเกิด )

เก่งแต่ชี้แนะหนทางที่ลูกต้องทำโน่น นี่  นั่น
ที่มุ่งแต่สร้างผลประโยชน์แก่ตนเองล้วนๆ

โดยข้ามประเด็นเรื่อง
ที่ตนเองเป็นชาวเกาะมืออาชีพ
ยังไม่สิ้นเรี่ยวแรงอะไรมากมาย
แค่อยากเกษียณก่อนเวลาแค่นั้นเอง
เพียงเพราะลูกโตแล้ว
ทำงานหาเงินได้แล้ว
ก็ควรมาส่งส่วย ส่งค่าเลี้ยงดูกันได้แล้ว

จึงขอเกษียณ งอมืองอเท้า
ดั่งคนเป็นง่อย
ก่อนเวลาอันควร  แค่นั้นเอง



ด้วยความเคารพนะคะ

คุณอยากสบาย
แต่ไม่คิดจะดิ้นรนทำงานเอง
แบบนี้เรียกว่าอะไรคะ
คุณพ่อคุณแม่ที่เคารพ  ขาาาา


ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ท่านไหน
ที่เป็นดั่งพระผู้ให้
ดั่งพระโพธิสัตว์ ดั่งพระอรหันต์ของลูก
ที่ตั้งใจเลี้ยงดูมาอย่างดี
ด้วยความรัก ความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง

ก็ขอกราบเท้าทำความเคารพ
อย่างสุดซึ้งด้วยใจจริงค่ะ

ซึ่งพ่อแม่จำพวกนี้
ไม่ได้กล่าวไว้ในมูลเหตุพระสุบินนี้
อย่างแน่นอนค่ะ

เพราะพระสุบินนี้
กล่าวถึงแต่เรื่องผิดแปลกพิสดาร
ผิดอาเพศต่างๆ แค่นั้น

เหมือนเป็นด้านมืดของสังคม

ส่วนด้านไหนที่สว่างอยู่แล้ว
ก็ช่วยจรรโลงความดีนั้นไว้ต่อไปนานๆ เลยค่ะ

สาธุๆๆๆๆ



Smiley Smiley Smiley



>>>   To  Be  Continue   >>>



Create Date : 10 มกราคม 2558
Last Update : 21 มกราคม 2558 19:02:42 น.
Counter : 1377 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ไส้เดือนอเวจี
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



เมื่อเราไม่มีเวลาเพียงพอที่จะไปเรียนรู้ประสบการณ์ทุกอย่าง
ได้ด้วยตนเอง

ก็จงมีเวลารับรู้ถึงประสบการณ์ของคนอื่น

เพราะเราคงมีเวลาไม่มากพอที่จะประสบมันด้วยตนเอง
แม้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม