World 19/09/51
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่ารัฐฐาลสหรัฐอาจใช้มาตรการช่วยเหลือสถาบันการเงินด้วยการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อจัดการกับหนี้เสียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลจากภาวะตื่นตระหนกนับตั้งแต่เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย
นักลงทุนจับตาดูความคืบหน้าของมอร์แกน สแตนลีย์ หลังจาก สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า มอร์แกน สแตนลีย์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐกำลังเจรจากับซิติค กรุ๊ปของจีน รวมถึงเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง พีแอลซี และธนาคารวาโชเวีย โดยมีแนวโน้มว่าจะขายกิจการให้สถาบันการเงินเหล่านี้

- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) แม้มีรายงานว่าธนาคารกลางอังกฤษร่วมมือกับธนาคารกลางของประเทศอื่นๆใช้มาตรการเสริมสภาพคล่องในตลาด และธนาคารลอยด์ส ทีเอสบีทำข้อตกลงซื้อธนาคาร HBOS

- เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและยูโรในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้าวันนี้ (19 ก.ย.) จากปัจจัยหนุนของข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาหามาตรการรับมือกับวิกฤตสินทรัพย์ที่มีปัญหาของภาคธนาคารซึ่งเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดวิกฤตสินเชื่อ
นักวิเคราะห์แสดงทัศนะว่า นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า มาตรการใหม่ดังกล่าวจะแก้ไขปัญหาในภาคการเงินได้รอบด้าน แทนที่จะแค่จัดการกับปัญหาของบริษัทการเงินแต่ละแห่ง ขณะที่เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางประเทศอื่นๆได้เสนออัดฉีดเม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดทั่วโลกเพื่อลดแรงกดดันด้านสภาพคล่อง ซึ่งความเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้ช่วยคลายวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง และช่วยให้พวกเขาส่งแรงซื้อดอลลาร์เข้ามามากขึ้น

- ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นปานกลางเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) หลังจากที่ราคาทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เป็นการลงทุนในปลอดภัยมากกว่าในยามที่ตลาดการเงินเผชิญวิกฤตการณ์ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอาจทำให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่ฟื้นตัวขึ้นหลังจาก นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐกำลังพิจารณาจัดตั้งหน่วยงานที่คล้ายคลึงกับ 'บรรษัททรัสต์เพื่อการกอบกู้กิจการ' เพื่อจัดการกับหนี้เสียและยับยั้งตลาดไม่ให้ตกอยู่ในภาวะล่มสลายหลังจากวาณิชธนกิจรายใหญ่ล้มละลาย รวมถึง แบร์ สเติร์นส และเลห์แมน บราเธอร์ส

- ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) ราคาพืชผลปรับตัวลดลงทั่วกระดาน เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาพืชผลเพื่อทำกำไรหลังจากที่ราคาพืชผลปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
นอกจากนั้นนักลงทุนยังนำเงินกลับไปลงทุนในตลาดหุ้นแทน เนื่องจากมีรายงานว่ารัฐบาลอาจใช้มาตรการเชิงรุกในการจัดการกับวิกฤตสินเชื่อ
ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้อัดฉีดเม็ดเงิน 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดเพื่อลดความตึงเครียดในระบบการเงิน และก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง เฟดได้ร่วมมือกับธนาคารกลางของหลายประเทศเพื่ออัดฉีดเงินดอลลาร์เข้าสู่ตลาดเงินทั่วโลก ด้วยความหวังว่าจะช่วยบรรเทาวิกฤตสินเชื่อทั่วโลกได้

- ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (18 ก.ย.) โดยราคาทะยานขึ้นไปยืนเหนือระดับ 900 ดอลลาร์/ออนซ์ในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงแห่เข้าซื้อทองคำอย่างคึกคัก แต่ต่อมาราคาเริ่มถอยร่นลงต่ำกว่าระดับ 900 ดอลลาร์เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาใช้มาตรการช่วยเหลือสถาบันการเงินด้วยการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อจัดการกับหนี้เสียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

- คริสโตเฟอร์ ค็อกซ์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สหรัฐ เตรียมจัดประชุมฉุกเฉินคืนนี้ เพื่อพิจารณาการใช้กฎข้อบังคับที่จะรับประกันสภาพคล่องในตลาด โดยการจัดประชุมฉุกเฉินครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติและคณะทำงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ซึ่งรวมถึง เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และเฮนรี พอลสัน รมว.คลัง ได้หารือกันเกี่ยวกับแนวทางการยับยั้งวิกฤตการณ์ในตลาดการเงิน
"เราอาจจะใช้มาตรการเพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะแก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบัน" ค็อกซ์กล่าว แต่ปฏิเสธที่จะระบุว่าทางก.ล.ต.จะระงับการทำช็อตเซลล์ชั่วคราวในตลาดหุ้นหรือไม่

- เฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คำมั่นที่จะร่วมกันร่างกฏหมายด้านเศรษฐกิจในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตสินเชื่อที่เกิดขึ้น หลังจากที่ทั้งสองได้เข้าหารือกับฝ่ายนิติบัญญัติเมื่อคืนที่ผ่านมาเพื่อขอคำแนะนำในการหาแนวทางช่วยเหลือสถาบันการเงินที่ขาดสภาพคล่องจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับตลาดปล่อยกู้จำนอง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จากสภานิติบัญญัติหลายรายต่างแนะให้รัฐบาลให้ยาแรงรับมือกับวิกฤติการณ์ครั้งนี้ที่ส่งผลกระทบให้เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง ต้องประสบภาวะล้มละลายเมื่อ 3 วันก่อน และทำให้รัฐบาลต้องเข้าดูแลกิจการของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค รวมถึงอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นเนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) ซึ่งเจ้าหน้าที่หวังว่า ทางสภาคองเกรสจะเห็นชอบกับข้อเสนอที่รัฐบาลได้ร่วมระดมความคิดในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลีกันออกโรงติวิธีรับมือวิกฤตการเงินของ เบน เบอร์นันเก้ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีคลัง ว่าก่อให้เกิดกระแสการ "เทคโอเวอร์เอาดาบหน้า" พร้อมแนะว่าควรลดการกระทำดังกล่าวลงบ้าง
"ถึงเวลาที่ต้องหยุดใช้เงินภาษีประชาชนในการเทคโอเวอร์เสียที" เจ๊บ เฮนซาร์ลิง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐเท็กซัส กล่าว
คณะกรรมาธิการด้านการศึกษาของพรรครีพับลีกันได้ออกจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ เบอร์นันเก้ และ พอลสัน ระงับการเทคโอเวอร์สถาบันการเงินขนาดใหญ่ด้วยเงินของรัฐบาลตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
"การเทคโอเวอร์ทำให้เงินภาษีของประชาชนหลายหมื่นล้านดอลลาร์ตกอยู่ในภาวะเสี่ยง นอกจากนั้นยังสร้างทัศนคติที่ผิดๆ เนื่องจากบริษัทที่เอาตัวเข้าเสี่ยงมากเกินไปไม่ได้รับบทลงโทษแต่กลับได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน

- สำนักข่าว CNBC รายงานว่า นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐกำลังพิจารณาจัดตั้งหน่วยงานที่คล้ายคลึงกับ 'บรรษัททรัสต์เพื่อการกอบกู้กิจการ' เพื่อจัดการกับหนี้เสียและยับยั้งตลาดไม่ให้ตกอยู่ในภาวะล่มสลายหลังจากวาณิชธนกิจรายใหญ่ล้มละลาย รวมถึง แบร์ สเติร์นส และเลห์แมน บราเธอร์ส ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ด้วย

- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินอีก 2 ล้านล้านเยนในวันนี้ ซึ่งเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องติดต่อกัน 4 วันตามมาตรการกู้วิกฤติเร่งด่วน เพื่อปกป้องตลาดอินเตอร์แบงค์ไม่ให้เผชิญภาวะติดขัดด้านสินเชื่อ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อวานนี้บีโอเจประกาศร่วมมือกับธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางสวิส และธนาคารกลางแคนาดา โดยมีการลงนามในข้อตกลงพื่อลดภาวะสภาพคล่องตึงตัว ซึ่งครอบคลุมถึงการขยายวงเงินสว็อปเป็น 1.80 แสนล้านดอลลาร์ และการจะระดมเงินทุนในรูปสกุลเงินดอลลาร์เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาด

- ธนาคารกลางออสเตรเลียได้อัดฉีดเงินเข้าระบบการเงินในวันนี้อีก 1.026 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 824 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการอัดฉีดเงินที่สูงที่สุดในรอบสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนส.ค. 2550 ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับตลาดสินเชื่อว่าอาจจะทำให้แบงค์ต่างๆมีปัญหาในการปล่อยกู้ระหว่างกัน

อ้างอิงจาก //www.ryt9.com

ข้อสังเกต
1. ไม่นึกว่าสหรัฐจะใช้วิธีจับมือกับธนาคารกลางอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ ซึ่งจะทำให้เงิน USD ไม่อ่อนค่าลงมากนักเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ (สังเกตว่าธนาคารกลางที่ร่วมด้วยเป็นเจ้าของเงินสกุลหลักๆทั้งนั้น) แต่สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปคือเมื่อมีเม็ดเงินเข้ามาในระบบมากขึ้นก็จะเสี่ยงกับภาวะเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นทั่วโลก เมื่อปริมาณเงินในระบบมีมากเกิน แต่ทั้งนี้เนื่องด้วยเศรษฐกิจส่วนใหญ่กำลังทรุดตัวลง ทำให้ความต้องการในสินค้า Commodity ลดลง เลยเกิดการคานอำนาจซึ่งกันและกันระหว่าง 2 ปัจจัย ซึ่งนี่ก็คงเป็นสิ่งที่ FED ได้เล็งเห็นแล้วจึงใช้วิธีการนี้ครับ

2. สหรัฐจะใช้วิธีการใดในการแก้ปัญหา เป็นเรื่องที่น่าคิดเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งถ้าให้เดาคงเป็นการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้สถาบันการเงิน หรือบริษัททั้งหลายสามารถเข้าสู่แหล่งเงินทุนได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงกฎระเบียบที่ทำให้รัฐสามารถให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทเอกชนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ต้องมาติดตามกันดูครับ (เดาล้วนๆเลยนะครับ)

3. อย่างไรก็ตามการอัดฉีดเม็ดเงินนั้น ผมมองว่าเป็นแค่การซื้อเวลาให้สหรัฐจัดการกับ "ต้นตอของปัญหา" มากกว่าที่จะเป็นการแก้ที่ต้นตอจริงๆ ฉะนั้นตราบเท่าที่ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับอสังหาของสหรัฐ กับยุโรปยังไม่ดีขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ ก็เท่ากับว่าปัญหาก็จะยังคงดำเนินต่อไปครับ

-----------------------------------------------------------------------------

คำเตือน - ข้อมูลดังกล่าวผู้เขียนตั้งใจเก็บไว้สำหรับเตือนความจำ และประกอบการวิเคราะห์ของผู้เขียน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจมีข้อผิดพลาด คลาดเคลื่อน ไม่ครบถ้วน หรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ดังนั้นผู้เข้าเยี่ยมชมโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ขอบคุณครับ



Create Date : 19 กันยายน 2551
Last Update : 19 กันยายน 2551 11:45:16 น.
Counter : 300 Pageviews.

1 comments
  
หวัดดีคร้าบ เอากำลังใจมาส่ง
ให้ยิ้มได้ทุกเช้าวันใหม่
วันต่อวันคับ
von mai - Da Endorphine

...จะแวะเที่ยวก่องกลับ อิๆๆๆ
โดย: พลังชีวิต วันที่: 19 กันยายน 2551 เวลา:11:48:13 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Death_13
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กันยายน 2551

 
6
7
8
9
13
14
20
21
23
24
27
28
29
30
 
 
19 กันยายน 2551