DXIII Blog...... ON MY WAY!!!
|
|||
World 17/09/51 - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 140 จุดเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่าทางการสหรัฐจะอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อช่วยพยุงสถานะทางการเงินของบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น - ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) โดยในระหว่างวันดัชนีดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 5,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีพ.ศ.2548 เนื่องจากความกังวลที่ว่าอาจมีสถาบันการเงินขาดสภาพคล่องเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลงด้วย - ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นเพื่อคลี่คลายภาวะปั่นป่วนในตลาดการเงิน - ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงอีกกว่า 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายสัญญาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง ด้วยความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงอาจส่งผลให้ความต้องการพลังงานลดลงด้วย เจมส์ คอร์ดิเยร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Liberty Trading Group ในรัฐฟลอริด้า กล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงและภาวะปั่นป่วนในตลาดการเงินที่เกิดขึ้นหลังจากการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนว่า เศรษฐกิจที่ซบเซาเช่นนี้จะทำให้ผู้บริโภคลดการขับขี่ยานยนต์ ลดการใช้บริการด้านการบิน นักลงทุนจึงตัดสินเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลายวันติดต่อกัน" ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐรายงานว่า พายุเฮอริเคนไอค์สร้างความเสียหายแก่แท่นขุดเจาะน้ำมัน 2-3 แห่งในอ่าวเม็กซิโก โดยในช่วงเช้าวันอังคารนี้ สหรัฐยังคงปิดการผลิตน้ำมันดิบราว 97.2 % ในอ่าวเม็กซิโก หรือ เกือบ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐยังคงปิดทำการ 13 แห่ง หรือเท่ากับ 19.6 % ของกำลังการกลั่นน้ำมันในสหรัฐ โดยมีโรงกลั่นน้ำมัน 8 แห่งที่เปิดทำการในอัตราการกลั่นที่ต่ำกว่าปกติ นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อคน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งกระทรวงพลังงานจะเปิดเผยในคืนวันพุธ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อคน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 12 ก.ย. จะร่วงลง 3.4 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นอาจลดลง 2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินอาจลดลง 4 ล้านบาร์เรล - ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) ราคาพืชผลปรับตัวลดลงทั่วกระดานหลังราคาน้ำมันปรับตัวลดลงและเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขณะเดียวกันตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ร่วงหนักยังกดดันให้นักลงทุนถอนการลงทุนจากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อลดความเสี่ยง นอกจากนั้น นักลงทุนยังเทขายสัญญาพืชผลเนื่องจากไม่มั่นใจว่าบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) จะหลุดพ้นจากการล้มละลายหรือไม่ หลังถูกบริษัทจัดอันดับ 3 แห่งปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ และแม้จะมีข่าวว่ารัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือก็ตาม - ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆและราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยและจากข่าวที่ว่าทางการสหรัฐอาจใช้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือบริษัท AIG ที่ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก - คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) ไว้เท่าเดิมที่ 2.00% และคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ที่ 2.25% โดยมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายภาวะตึงตัวในตลาดการเงิน อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เฟดเรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งกู้ยืมโดยตรงจากเฟด ส่วนอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากการกู้ยืมระหว่างกัน ทั้งนี้ เฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า "คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นและอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้เท่าเดิม เพื่อมุ่งหวังที่จะผ่อนคลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อและคลี่คลายสถานการณ์ปั่นป่วนในตลาด โดยคณะกรรมการตัดสินใจใช้วิธีอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน มากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ย" แถลงการณ์ของเฟดยังระบุด้วยว่า "หากจำเป็น เฟดก็พร้อมที่จะดำเนินการในขั้นตอนไปเพื่อยับยั้งภาวะตื่นตระหนกในตลาด ส่วนมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินเมื่อวานนี้นั้น เฟดมีเป้าหมายที่จะช่วยลดความร้อนแรงของอัตราเงินกู้ระหว่างแบงค์ เพราะหากต้นทุนการกู้ยืมยังสูงต่อไปก็อาจทำให้ธนาคารพาณิชย์ลังเลที่จะกู้ยืมระหว่างกัน ซึ่งจะยิ่งทำให้ตลาดสินเชื่อหดตัวลงอีก" "ตลาดการเงินของสหรัฐตกอยู่ในสภาวะที่ตึงตัวมาก และตลาดจ้างงานก็ซบเซาลงอีกนับตั้งแต่การประชุมเฟดครั้งหลังสุดเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เฟดคาดหวังว่านโยบายผ่อนปรนด้านการเงินที่เฟดนำมาใช้ควบคู่กับมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ในระดับปานกลาง แต่เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากภาคครัวเรือนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง นอกจากนี้ ภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำลง สถานการณ์เหล่านี้อาจเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า " แถลงการณ์เฟดระบุ - ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า เฟดได้ตัดสินใจปล่อยวงเงินกู้ฉุกเฉินให้กับบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) มูลค่า 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคณะกรรมการเฟดเล็งเห็นว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตลาดการเงิน และการขาดสภาพคล่องของ AIG อาจซ้ำเติมตลาดการเงินที่เปราะบางอยู่แล้ว ให้แย่ลงไปอีก อีกทั้งจะยิ่งฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงมากกว่าเดิม คณะกรรมการเฟดจึงตัดสินใจปล่อยวงเงินกู้ฉุกเฉินให้กับ AIG โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยให้ AIG คล่องตัวทางการเงินจนสามารถจ่ายเงินค่าประกันให้กับลูกค้าได้ตามกำหนด และเงินกู้ดังกล่าวจะช่วยให้กระบวนการที่ AIGจะขายธุรกิจบางส่วนเป็นไปอย่างราบรื่น และเพื่อไม่ให้เกิดภาวะชะงักงันต่อเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ - ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มตรึงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ 0.5% ในวันนี้ ขณะที่ทางธนาคารกำลังจับตาดูสถานการณ์เงินเฟ้อที่พุ่งสูงและสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ระหว่างการประชุมระยะเวลา 2 วันของแบงค์ชาติญี่ปุ่นซึ่งจะสิ้นสุดลงในช่วงบ่ายวันนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่นได้พูดคุยถึงผลกระทบในแง่ลบที่มีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลังการล่มสลายของธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ของโลกอย่างเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิงส์ ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางญี่ปุ่นก็กำลังวิตกว่า ภาคการส่งออกที่ซบเซาจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น - ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ตัดสินใจอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศอีก 2 ล้านล้านเยน หรือ 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายภาวะตึงตัวในตลาดการเงิน หลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย และหลังจากเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินกับบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก การดำเนินการในวันนี้มีขึ้นหลังจากที่บีโอเจอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินไปแล้วเมื่อวานนี้ มูลค่า 1.5 ล้านล้านเยน หรือ 1.44 หมื่นล้านดอลลาร์ มาซาอากิ ชิรากาวะ ผู้ว่าการบีโอเจกล่าวว่า บีโอเจพร้อมที่จะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและรักษาเสถียรภาพของตลาดที่ได้รับผลกระทบจากการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส - ธนาคารกลางออสเตรเลียได้อัดฉีดเงินจำนวน 4.285 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 3.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าสุ่ระบบการเงินท่ามกลางความพยายามที่จะทำให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นหลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐได้ยื่นขอคุ้มครองสินทรัพย์จากกฎหมายล้มละลาย และวิกฤตที่บริษัทประกันยักษ์ใหญ่อย่างอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป กำลังเผชิญอยู่ อ้างอิงจาก //www.ryt9.com ข้อสังเกต 1. เฟดเลือกที่จะใช้วิธีอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบมากกว่าที่จะใช้วิธีการลดดอกเบี้ย สิ่งที่น่าสังเกตต่อจากนี้คือ ที่มาของเงินจำนวนมหาศาลที่นำมาอุ้มบริษัทต่างๆตั้งแต่ก่อนหน้านี้ และก็ต่อจากนี้ไป ซึ่ง ณ ตอนนี้ผมไม่มีเวลาพอที่จะตรวจสอบข้อมูลได้ว่าเงินที่จะเอามาอุ้มนั้นมาจากแหล่งใดครับ (ผมอาจจะคิดมากไป อาจจะเป็นเงินในท้องพระคลังที่พี่ท่านมีอยู่ก็ได้นะครับ) 2. สัปดาห์ที่แล้วการประกาศปริมาณน้ำมันสำรองไม่ค่อยมีผลกับราคาน้ำมันสักเท่าไหร่ มาสัปดาห์นี้จะเป็นแบบเดิมรึปล่าว คงต้องติดตามดูกันครับ (แต่ดูๆมันก็ไม่ค่อยมีข่าวให้เล่นแล้วนา...) ----------------------------------------------------------------------------- คำเตือน - ข้อมูลดังกล่าวผู้เขียนตั้งใจเก็บไว้สำหรับเตือนความจำ และประกอบการวิเคราะห์ของผู้เขียน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจมีข้อผิดพลาด คลาดเคลื่อน ไม่ครบถ้วน หรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ดังนั้นผู้เข้าเยี่ยมชมโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ขอบคุณครับ |
Death_13
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ดันลงเสียก่อน เฮ้อเมื่อไร จะขึ้นอีกก็ไม่รู้