DXIII Blog...... ON MY WAY!!!
|
|||
World 20 - 21/10/51 - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้ใช้มาตรการพยุงเศรษฐกิจฉบับที่สอง นอกจากนี้ ข่าวที่ว่าสหรัฐจะรับเป็นหน้าเสื่อในการจัดประชุม G8 เพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์การเงินทั่วโลก ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าวิกฤตการณ์ดังกล่าวจะสามารถคลี่คลายลงได้ ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ผู้นำสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม G8 หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยการเปิดเผยครั้งนี้มีขึ้นในระหว่างที่บุชและประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส และนายโฮเซ่ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป หารือร่วมกันที่แคมป์เดวิดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คิม ยัง อิล นักวิเคราะห์จากบริษัท Korea Investment Trust Management Co.กล่าวว่า "เราคาดว่าตลาดการเงินทั่วโลกจะมีเสถียรภาพมากขึ้นภายในเดือนนี้ หรืออาจจะต้นเดือนหน้า หลังจากรัฐบาลทั่วโลกร่วมมือกันใช้มาตรการฟื้นฟูระบบการเงิน อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการจะให้ตลาดการเงินกลับมาแข็งแกร่งได้เหมือนเดิมนั้น อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง" - ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องปัญหาในระบบการเงิน โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุด ขานรับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดีดตัวขึ้น สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้น 219.66 จุด แตะที่ 4,282.67 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,063.01-4,282.67 จุด ริชาร์ด ฮันเตอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Hargreaves Lansdown Stockbrokers กล่าวว่า "ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่ม เหมืองแร่ปรับตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้แรงหนุนจากความพยายามของผู้นำหลายประเทศที่ตั้ง ใจใช้มาตรการคลี่คลายวิกฤตการณ์การเงินทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสหรัฐที่เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม G8" - ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สนับสนุนให้ใช้มาตรการพยุงเศรษฐกิจฉบับที่สอง ทั้งนี้ นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐอย่างคึกคักแม้อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์ แบงค์ร่วงลงก็ตาม แมทธิว สตรอส หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนด้านปริวรรตเงินตราจากบริษัท RBC Capital กล่าวว่า เบอร์นันเก้แถลงมุมมองเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณแห่งสภาคอ งเกรสเมื่อคืนนี้ โดยเขาสนับสนุนให้สหรัฐใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับที่สองเพื่อลด ภาวะตึงตัวในระบบการเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้กังวลว่ามาตรการดังกล่าวอาจทำให้งบประมาณของรัฐบาลสหรัฐขาด ทุนอีกเป็นจำนวนมาก ดอลลาร์ได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์วิจัยเอกชนของสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย.พุ่งขึ้นเกินคาด 0.3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนและตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.2% ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจยังพอมีความหวังที่จะฟื้นตัวได้บ้าง สตรอสกล่าวว่า ดอลลาร์สามารถต้านทานปัจจัยลบที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์ที่ ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์สกุลเงินดอลลาร์ประเภท 3 เดือนที่ตลาดลอนดอน หรือ Libor ร่วงลง 0.36% แตะระดับ 4.06% - ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 74 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) อาจลดเพดานการผลิตในการประชุมฉุกเฉินซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ แม้มีความกังวลว่าเศรษฐกิจในหลายประเทศอาจเผชิญภาวะถดถอยเนื่อง จากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นก็ตาม การที่โอเปคประกาศเลื่อนการประชุมฉุกเฉินให้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 24 ต.ค.จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 18 พ.ย. ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า โอเปคจะใช้การประชุมฉุกเฉินครั้งนี้เป็นโอกาสในการลดเพดานการ ผลิตลงประมาณ 1 ล้านบาร์เรล หรือมากกว่า เนื่องจากรัฐมนตรีกลุ่มโอเปคมีท่าทีวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่นายกาโล่ ชีริโบกา รองประธานโอเปคกล่าวว่า "ความผันผวนในตลาดการเงินทั่วโลกที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่ง ผลกระทบต่อราคาน้ำมันและการใช้น้ำมันในสหรัฐ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้กลุ่มโอเปคต้องปรับเปลี่ยนการผลิตน้ำมันให้ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น" นอกจากนี้ นายชากิบ คาลิล ประธานโอเปคกล่าวว่า "ในการประชุมวันที่ 24 ต.ค.ที่กรุงเวียนนานี้ สมาชิกโอเปควางแผนที่จะเปิดเผยเพดานการผลิตน้ำมันที่มีเสถียรภาพ ยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบัน" อย่างไรก็ตาม นายโนบุโอะ ทานากะ กรรมการผู้จัดการสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) เรียกร้องโอเปคไม่ให้ลดการผลิตน้ำมัน เพราะอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มประเทศที่ยังคงมีอัตราการขยายตัวอย่าง จีน อินเดีย และบราซิล "ราคาน้ำมันในปัจจุบันยังนับว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก และตลาดก็ตึงตัวมาก ซึ่งถ้าหากโอเปคยังคงการผลิตระดับเดิมไปจนถึงสิ้นปีนี้ ก็จะทำให้มีน้ำมันเพียงพอและจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของตลาด ได้" นายทานากะกล่าว - ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวก 2.30 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 74 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าโอเปคอาจลดเพดานการผลิตน้ำมัน - จอห์น เธน ซีอีโอของเมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค คาดการณ์ว่าการทำข้อตกลงควบรวมกิจการกับแบงก์ ออฟ อเมริกามูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นจะส่งผลให้มีการปรับลดพนักงานหลายพันตำแหน่ง การปรับลดพนักงานครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่แผนกไอที ฝ่ายปฏิบัติการและแผนกการเงินเป็นส่วนใหญ่ แต่จะไม่มีแผนปรับลดพนักงานในฝ่ายการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และธุรก รรมตราสารที่ให้ผลตอบแทนคงที่ "เรายังไม่ได้กำหนดตัวเลขที่แน่นอนในการปรับลดจำนวนพนักงาน แต่ต้องรักษาเงินจำนวน 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการปรับลดขนาดองค์กรโดยรวม ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นที่มีความท้าทายและเป็นไปได้ว่าบริษัท ทั้งสองจะต้องปรับลดพนักงานลงถึงหลักพันอย่างแน่นอน" เธียนกล่าว - อิริคสัน เอบี (Ericsson AB) ผู้ดำเนินธุรกิจเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดของโลกเปิดเผย ว่า ผลกำไรไตรมาส 3 หดตัวลง 28% ซึ่งลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังยอดขายเพิ่มขึ้นและมาตรการลดต้นทุนเริ่มมีผลบ้างแล้ว คาร์ล-เฮนริค สวอนเบิร์ก ซีอีโอของอิริคสันกล่าวว่า "ยากที่จะคาดเดาว่าลูกค้าของอิริคสันจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อวิกฤตการ เงินโลก" อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ธุรกิจของอิริคสันยังไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าว และสถานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง - วอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ และมหาเศรษฐีนักลงทุนที่รุกซื้อหุ้นในบริษัทใหญ่ๆทั่วโลก แนะนำว่า นักลงทุนควรเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ก และส่วนตัวเขาเองก็กำลังเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์กเช่นกัน บัฟเฟตต์เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ ในหัวข้อ "Be fearful when others are greedy, and greedy when others are fearful" โดยระบุว่า "การวิตกกังวลมากเกินไปว่าวิกฤตการณ์การเงินจะส่งผลกระทบต่อบริษัท สหรัฐนั้น เป็นท่าทีที่ไม่ฉลาด ผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทในสหรัฐจะกลับมามีผลประกอบการ ที่แข็งแกร่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จริงอยู่ที่ว่าการลงในตลาดหุ้นอาจไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้แม่นยำใน ระยะสั้นนี้ แต่จากประสบการณ์ผมว่าเชื่อว่าตลาดหุ้นที่ดิ่งลงอย่างหนักจะดีดตัวขึ้น ในเวลาต่อมา และเชื่อว่าตลาดหุ้นจะฟื้นตัวขึ้นก่อนเศรษฐกิจเสียอีก และมั่นใจว่านักลงทุนจะมีความมั่นใจมากขึ้นด้วย" "บางครั้งข่าวร้าวก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เพราะมันทำให้เรามีโอกาสเข้าไปช้อนซื้อหุ้นที่ราคาร่วงลงอย่างหนัก" บัฟเฟตต์กล่าวทิ้งท้าย - นายฌอง คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาผลักดันให้ธนาคารต่างๆเริ่มกู้ยืมเงินระหว่างกัน รวมถึงการปล่อยกู้ให้กับลูกค้าอีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลนานาประเทศได้อัดฉีดสถาพคล่องจำนวนมากเข้าตลาด พร้อมกล่าวว่าระบบการธนาคารตอนนี้อยู่ในช่วงของการปรับตัวให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ - ไรท์มูฟ พีแอลซี (Rightmove Plc) เว็บไซต์ด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอังกฤษ รายงานว่า ราคาบ้านในอังกฤษร่วงหนักสุดในรอบ 6 ปีในเดือนต.ค. หลังเศรษฐกิจประเทศใกล้ทรุดหนัก ราคาบ้านโดยเฉลี่ยลดลง 4.9% จากปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 เหลือ 229,691 ปอนด์ (398,000 ดอลลาร์) โดยเฉพาะในลอนดอนซึ่งราคาบ้านร่วงลงกว่า 2% จากปีที่แล้ว "เมื่อมองในมุมเศรษฐกิจ ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจเราใกล้ทรุดหนักเต็มทีแล้ว" ไมล์ส ชิปไซด์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของไรท์มูฟ กล่าว "อัตราว่างงานที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง ส่งผลให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ" - นายไมเคิล คัลเลน รัฐมนตรีคลังนิวซีแลนด์เปิดเผยว่า ทางการนิวซีแลนด์กำลังร่วมกันกำหนดมาตรการรับประกันเงินฝากทั้งหมดใน ธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ โดยให้รายละเอียดว่า ทางธนาคารกลางและกระทรวงการคลังจะใช้เวลาในการพิจารณามาตรการดังกล่าวร่วมกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป - รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ประกาศอัดฉีดเงิน 1 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.34 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าช่วยเหลือธนาคาร ING ซึ่งเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยนายวูเตอร์ บอส รัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า การทุ่มเงินจำนวนจำนวนมากครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความเชื่อ มั่นและเป็นการให้หลักประกันแก่บัญชีเงินฝากของ ING - นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ยอมรับว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังชะลอตัวลงเพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤต การเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลจีนจะใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพและผลักดันเศรษฐกิจ ให้ขยายตัวรวดเร็วขึ้น นายเหวินกล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วดัชนีราคาผู้บริโภคอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้และ ผลผลิตธัญพืชเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 5 แต่รายได้จากการจัดเก็บภาษีและผลประกอบการภาคเอกชนชะลอตัวลง ขณะที่ตลาดทุนยังคงผันผวน จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลจีนพิจารณามาตรการลดค่าธรรมเนียมการ ทำธุรกรรมซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น นอกจากนี้ จะลดภาษีส่งออกเพื่อกระตุ้นรายได้ของบริษัทส่งออกที่ต้องใช้แรงงานเป็น หลัก อาทิ บริษัทส่งออกสิ่งทอและเสื้อผ้า บริษัทเครื่องจักร และเครื่องใช้ไฟฟ้า "รัฐบาลจีนจะกำกับดูแลตลาดการเงินเพื่อเสริมสร้างตลาดให้มี เสถียรภาพและมั่นคง อีกทั้งจะปฏิรูปกลไกการกำหนดราคาพลังงานและทรัพยากรประเภทอื่นๆ" นายเหวินกล่าว สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงานว่า การแสดงความคิดเห็นของนายกรัฐมนตรีจีนและโฆษกสำนักงานสถิติแห่งชาติของ จีนมีขึ้นหลังจากที่ทางการจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในช่วง 9 เดือนแรกขยายตัว 9.9% แตะ 20.163 ล้านล้านหยวน หรือ 2.96 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ โดยสถิติการขยายตัวดังกล่าวอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปีที่แล้ว 2.3% และต่ำกว่าระดับไตรมาสแรกของปีนี้ 0.5% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนก.ย. 2551 ขยายตัว 4.6% จากระดับปีที่แล้ว ขณะที่ CPI เดือนมิ.ย.ขยายตัว 7.1% เดือนก.ค. 6.3% เดือนส.ค. 4.9% และ 8.7% ในเดือนก.พ. ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับคาดการณ์ก่อนหน้านี้ สำหรับการผลิตในภาคอุตสาหกรรมขยายตัวขึ้น 11.4% ในเดือนก.ย. หลังจากที่ขยายตัว 12.8% ในเดือนส.ค. ส่วนยอดขายปลีกเพิ่มขึ้น 23.2% - สำนักงานสถิติแห่งชาติของ จีนเปิดเผยว่า ยอดการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ของจีนในเขตเมืองขยายตัว 29% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนก.ย. 2551 ส่วนยอดการลงทุนในช่วง 9 เดือนแรกขยายตัว 27.6% ส่วนยอดการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ในเขตชนบทเพิ่มขึ้น 23.3% สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ยอดการลงทุนในสินทรัพย์คงที่เขตเมืองขยายตัว 27.4% แตะ 8.492 ล้านล้านหยวนในช่วง 8 เดือนแรก - ธนาคารกลางอินเดียตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 8% จากระดับเดิมที่ 9% นับเป็นการลดดอกเบี้ยลงครั้งแรก ตั้งแต่ปี 2547 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ แบงค์ชาติอินเดียได้ลดเพดานสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ลง 2.5% เหลือ 6.5% นับตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากความเสี่ยงที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงอันเนื่องมาจากวิกฤต การเงินโลกนั้นทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อสูงขึ้น บลูมเบิร์กรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียเดือนนี้ลง หลังจากที่วิกฤตสินเชื่อโลกมีแนวโน้มที่จะฉุดเศรษฐกิจโลกให้เข้าสู่ ภาวะถดถอย ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลงอาจจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อของอินเดีย แม้ว่าค่าเงินที่อ่อนค่าลงอาจจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น - ปากีสถานอาจจะถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ขอเงินกู้จากกองทุนการเงิน ระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อป้องกันไม่ให้ปากีสถานต้องตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถชำระหนี้สิน ได้ โดยสำรองเงินตราต่างประเทศของปากีสถานร่วงลงมากกว่า 74% เหลือ 4.3 พันล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว ชอกัต ทาริค ที่ปรึกษาด้านการเงินของนายกรัฐมนตรีปากีสถาน กล่าวว่า ปากีสถานกำลังขอรับการสนับสนุนจากธนาคารโลกและธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งเอเชีย โดยปากีสถานมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับหนี้สินในอนาคตอันใกล้นี้ 3 พันล้านดอลลาร์ บลูมเบิร์กรายงานว่า เดวิด เฟอร์นานเดซ หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดเกิดใหม่ของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค กล่าวว่า ตอนนี้ปากีสถานกำลังต้องการความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟ นับตั้งแต่ปี 2542 รัฐบาลปากีสถานต้องเผชิญกับภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจ หลังจากที่เงินรูปีดิ่งลงแตะระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดก็ขยายตัวขึ้นมาก เงินเฟ้อดีดขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี ส่งผลให้ปากีสถานต้องการเงินกู้ถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ หลังจากที่ปากีสถานสามารถเอาตัวรอดจากโครงการเงินกู้ของไอเอ็มเอ ฟครั้งล่าสุดได้เมื่อเดือนธ.ค. 2547 สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของปากีสถานลง มาอยู่ต่ำกว่าเกรดเพื่อการลงทุนเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา และระบุว่า อาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถืออีกครั้ง ขณะที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของปากีสถานลงเหลือระดับลบเมื่อวัน ที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุถึงเรื่องความเสี่ยงในเรื่องการผิดนัดชำระ - รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศใช้งบประมาณราว 1 แสนล้านดอลลาร์ในการรับประกันตราสารหนี้รูปสกุลเงินต่างประเทศให้กับ สถาบันการเงินในเกาหลีใต้ และจะจัดหาเงินทุนช่วยเหลือสถาบันการเงินอีกจำนวน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการรับประกันหนี้สิน มูลค่า 15 ล้านล้านวอน (1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ของรัฐบาลในปีหน้า โดยจะใช้เม็ดเงินในกองทุนเพื่อเสถียรภาพตามความจำเป็นเพื่อประคับ ประคองเงินวอนไม่ให้แกว่งตัวพุ่งขึ้นหรือร่วงลงรุนแรงเกินไป ทั้งนี้ ทุนสำรองเงินต่างประเทศของเกาหลีใต้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ร่วงลง 2.46 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐไปอยู่ที่ระดับ 2.397 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายทางการเงินได้นำเงินดัง กล่าวมาใช้เพื่อสกัดกั้นการอ่อนค่าลงของเงินวอน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน - นาจิบ อับดุล ราซัก รัฐมนตรีคลังมาเลเซีย เปิดเผยว่า รัฐบาลจะลงทุน 1.4 พันล้านดอลลาร์ในตลาดหุ้นมาเลเซีย เพื่อพยุงตลาดที่ผันผวนอย่างหนัก ขณะที่รัฐบาลได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้เนื่องจาก วิกฤตการเงินที่กำลังลุกลามแผ่ขยายไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก "เราคาดว่าการขยายตัวของจีดีพีในปีหน้าจะอยู่ที่ 5.4% อย่างไรก็ดี ท่ามกลางปัจจัยความเคลื่อนไหวเชิงลบจากภายนอก เราจะทบทวนปรับลดคาดการณ์การขยายตัวปี 2552" รมว.คลังมาเลเซียกล่าว ตลาดหุ้นมาเลเซียได้รับผลกระทบอย่างหนักในปีนี้ โดยดัชนีร่วงลงไปแล้ว 37% และเพื่อเป็นการหนุนตลาดหุ้น รัฐบาลมาเลเซียจึงจะอีดฉีดเงินเพิ่มเติม 5 พันล้านริงกิต (1.4 พันล้านดอลลาร์) เข้าสู่กองทุน Valuecap Sdn. Bhd. ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียได้จัดตั้งขึ้นในปี 2546 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าต่ำเกินไป ซึ่งการอัดฉีดเงินดังกล่าวจะทำให้กองทุน Valuecap มีเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านริงกิต นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจในภาคบริการและอสังหาริมทรัพย์เพื่อส่ง เสริมความสามารถในการแข่งขันของมาเลเซีย ด้วยการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างชาติ เข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และที่ดินเชิงอุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น อ้างอิงจาก //www.ryt9.com ---------------------------------------------------------------------------------- คำเตือน - ข้อมูลดังกล่าวผู้เขียนตั้งใจเก็บไว้สำหรับเตือนความจำ และประกอบการวิเคราะห์ของผู้เขียน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจมีข้อผิดพลาด คลาดเคลื่อน ไม่ครบถ้วน หรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ดังนั้นผู้เข้าเยี่ยมชมโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ขอบคุณครับ |
Death_13
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |