World 18/09/51
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองในด้านลบต่อการที่ธนาคารกลางสหรัฐตัดสินใจเข้าพยุงกิจการบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจที่จะลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร
แจ็ค เอ ดับบลิน นักวิเคราะห์จาก Harris Private Bank กล่าวว่า "นอกเหนือจากข่าวล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส และข่าวเฟดอุ้ม AIG นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของ 2 วาณิชธนกิจรายใหญ่อย่างมอร์แกน สแตนลีย์ และโกลด์แมน แซคส์ รวมทั้งข่าวที่เมอร์ริล ลินช์ ขายกิจการให้กับแบงค์ ออฟ อเมริกา"

- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) โดยดัชนีร่วงลงต่ำกว่าระดับ 5,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีพ.ศ.2548 เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อข่าวที่ว่า ธนาคาร HBOS เจรจาขอควบรวมกิจการกับธนาคารลอยด์ ทีเอสบี หลังจากมูลค่าหุ้นของ HBOS ดิ่งลงอย่างหนักในปีนี้

- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เข้าพยุงกิจการบริษัท อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในตลาดการเงินได้ นอกจากนี้ ยังมีกระแสคาดการณ์ว่าอาจมีสถาบันการเงินรายอื่นๆที่ประสบปัญหามากขึ้น
ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาดูข่าวที่ว่าเฟดได้ปล่อยวงเงินกู้ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ให้กับ AIG แลกเปลี่ยนกับการที่เฟดเข้าไปถือหุ้น 79.9% ใน AIG เพื่อช่วยให้ AIG มีความคล่องตัวทางการเงินจนสามารถดำเนินการตามภาระผูกพันเมื่อถึงเวลากำหนด และจะช่วยให้กระบวนการที่ AIG จะขายธุรกิจบางส่วนเป็นไปอย่างราบรื่น
นอกจากนี้ ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ของ 2 วาณิชธนกิจรายใหญ่ โดยโกลด์แมน แซคส์เปิดเผยกำไรไตรมาส 3 ร่วงลง 71% เหลือเพียง 810 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.81 ดอลลาร์/หุ้น จากไตรมาส 3 ของปีที่แล้วที่ 2.81 พันล้านดอลลาร์ หรือ 6.13 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์รายงานว่า บริษัทมีรายได้ลดลง 3% แตะที่ระดับ 1.43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.32 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในรอบ 3 เดือนที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ส.ค. จากระดับ 1.47 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.38 ดอลลาร์ต่อหุ้นเมื่อปีที่ผ่านมา

- ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 6 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงเกินความคาดหมาย นอกจากนี้ การที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นนักลงทุนให้กลับเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างคับคั่ง
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทเอลารอน เทรดดิ้ง ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า "สต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงเกินความคาดหมาย และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง เป็นสาเหตุสำคัญที่กระตุ้นนักลงทุนให้กลับเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบอย่างหนาแน่น หลังจากที่ราคาดิ่งลงติดต่อกันหลายวันเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในตลาดการเงิน รวมถึงข่าวการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส และเมอร์ริล ลินช์ ขายกิจการให้กับแบงค์ ออฟ อเมริกา"
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักกับข่าวที่ว่า กลุ่มก่อการร้ายใช้อาวุธโจมตีบริเวณบริเวณด้านนอกสถานทูตสหรัฐประจำเยเมน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 คน ขณะที่กลุ่มอิสลามิค จีฮัด ในเยเมนได้ออกมาอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีครั้งนี้ พร้อมขู่จะโจมตีสถานทูตอื่น ๆ อีก รวมทั้งสถานทูตอังกฤษ ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

- ภาวะการซื้อขายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ CBOT เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) สัญญาพืชผลปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากวิกฤตสินเชื่อในสหรัฐที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะส่งผลให้นักลงทุนถอนการลงทุนในตลาดหุ้นและหันมาลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดทองคำที่มีความมั่นคงมากกว่าแทน

- ราคาทองคำ NYMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่ตลาดซิดนีย์ช่วงเช้านี้ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อสัญญาทองคำอย่างคึกคัก เพราะมองว่าทองคำเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยกว่าในยามที่ตลาดหุ้นและตลาดเงินตกอยู่ในภาวะผันผวนขณะนี้
โทบี ฮัสแซลล์ นักวิเคราะห์จาก Commodity Warrants Australia กล่าวว่า "มูลค่าในตลาดหุ้นทั่วโลกหดตัวลงถึง 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส ซึ่งการที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นในขณะนี้เป็นปรากฏการณ์ที่คล้ายคลึงกับเมื่อครั้งที่เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เข้าซื้อกิจการแบร์ สเติร์นส "
"นักลงทุนมองว่าในยามที่ตลาดการเงินทั่วโลกเกิดวิกฤตการณ์ ทองคำจะเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยและมั่นคง ตราบใดที่สถานการณ์ในตลาดการเงินยังคงผันผวน ผมก็คาดว่านักลงทุนจะทุ่มซื้อสัญญาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆมากขึ้น" ฮัสแซลล์กล่าว
นอกจากนี้ มีรายงานว่าธนาคารกลางฟิลิปปินส์และเวเนซูเอล่า อาจจะเข้าซื้อทองคำเข้าไปเพิ่มในทุนสำรอง

- สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า มอร์แกน สแตนลีย์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐกลายเป็นเหยื่อวิกฤติสินเชื่อรายล่าสุด โดยขณะนี้ทางบริษัทกำลังวิ่งรอกเจรจากับซิติค กรุ๊ปของจีน รวมถึงเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง พีแอลซี โดยมีแนวโน้มว่าจะขายกิจการให้สถาบันการเงินเหล่านี้
นอกจากนี้ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับนายจอห์น แมค ซีอีโอของมอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่า ทางบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะควบกิจการกับวาโชเวีย คอร์ปด้วยหรือไม่ เนื่องจากบริษัทต้องการฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนหลังจากที่หุ้นดิ่งลงอย่างหนักถึง 42% ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ และโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุด หลังจากที่การประกาศแผนช่วยเหลืออเมริกัน อินเตอร์เนชั่นเนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) ของรัฐบาลสหรัฐไม่ได้ช่วยให้ความหวั่นวิตกต่อวิกฤตสินเชื่อบรรเทาเบาบางลง ขณะที่ยอดหนี้ค้างชำระของสถาบันการเงินในย่านวอลล์สตรีทพุ่งทะยานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน

- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านใหม่ร่วงลงถึง 6.2% ในเดือนส.ค. เหลือ 895,000 หลัง ซึ่งถือว่าเป็นสถิติการขยายตัวที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2534 ทั้งที่ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงเพียง 1.6%
ขณะเดียวกัน ยอดอนุมัติการก่อสร้างซึ่งเป็นตัววัดความเชื่อมั่นของบริษัทก่อสร้างก็ลดลง 8.9% เหลือ 854,000 หลัง หรือน้อยกว่าปีที่แล้วถึง 36.4%
ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านใหม่ที่ลดลงเกินคาดแสดงให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐยังไม่หลุดพ้นจากภาวะตกต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี จนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

- กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 12 ก.ย. ร่วงลง 6.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 291.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าจะลดลงเพียง 3.8 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 900,000 บาร์เรล แตะระดับ 129.6 ล้านบาร์เรล แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 1.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 184.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าที่คาดว่าจะร่วงลง 3.8 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการกลั่นน้ำมันลดลง 0.9% แตะระดับ 77.4%

- บีบีซีรายงานว่า ลอยด์ส ทีเอสบี กรุ๊ป พีแอลซี (Lloyds TSB Group Plc) สถาบันการเงินรายใหญ่ของอังกฤษ กำลังเดินหน้าเจรจาซื้อกิจการ เอชบีโอเอส พีแอลซี (HBOS Plc) ซึ่งเป็นผู้ออกสินเชื่อเคหะรายใหญ่ของประเทศ เพื่อรวมตัวเป็นกลุ่มธนาคารเพื่อรายย่อยยักษ์ใหญ่
การเจรจาดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากทั้งกระทรวงการคลังและสำนักงานบริการด้านการเงิน (FSA) ของอังกฤษ เนื่องจากหากการเทคโอเวอร์เกิดขึ้นจริงจะช่วยคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพธุรกิจการธนาคารในอังกฤษได้

- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า อัตราว่างงานของอังกฤษในเดือนส.ค. 2551 ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 16 ปีนับตั้งแต่ปี 2535 หลังจากที่บริษัท ธนาคาร ไปจนถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อโครงการที่อยู่อาศัยได้ลดการจ้างงานลง โดยยอดผู้ขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 32,500 ราย แตะ 904,900 ราย และอัตราว่างงานเพิ่มขึ้น 2.8% จากระดับเดิมที่ 2.7%
เจมส์ ไนท์ลีย์ นักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็นจี ไฟแนนเชียล มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า เศรษฐกิจอังกฤษและตลาดแรงงานกำลังย่ำแย่ในระดับที่รวดเร็ว และดูเหมือนว่าจะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยไม่ได้แล้ว ธนาคารกลางกำลังจะเปลี่ยนมาลดดอกเบี้ย แต่คงจะเป็นปีหน้า เพราะยังต้องห่วงเรื่องเงินเฟ้อในระยะสั้นก่อน

- รัฐบาลรัสเซียจะปล่อยเงินกู้ให้กับ 3 ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้แก่ โอเอโอ แบร์แบงค์, วีทีบี กรุ๊ป และโอเอโอ แก็สพรอมแบงค์ สูงถึง 1.13 ล้านล้านรูเบิล หรือ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์เป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือน เพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบ
รัฐมนตรีกระทรวงคลังรัสเซียกล่าวในวันนี้ว่า ธนาคารเหล่านี้สามารถรับประกันสภาพคล่องในระบบธนาคารได้ ทางรัฐบาลและธนาคารกลางรัสเซียจะใช้มาตรการมากกว่านี้เพื่อปรับปรุงสภาพคล่องภายในสัปดาห์นี้

- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศอีก 1.5 ล้านล้านเยน หรือ 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องติดต่อกัน 3 วันทำการตามมาตรการเร่งด่วน ซึ่งมีเป้าหมายที่จะปกป้องตลาดอินเตอร์แบงค์ไม่ให้เผชิญภาวะติดขัด และมีขึ้นหลังจากเกิดวิกฤตการณ์รุนแรงในตลาดการเงินทั่วโลก ซึ่งสืบเนื่องมาจากการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส และการขาดสภาพคล่องของบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG)

- ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ไปจนถึงรายเล็กๆในญี่ปุ่นต่างเปิดเผยตัวเลขขาดทุนของสินทรัพย์ หลังจากที่เลห์แมนได้ยื่นเอกสารพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลาย ขณะที่บริษัทมิตซูโฮ ทรัสต์ แอนด์ แบงกิ้ง โคได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรลงกว่าครึ่งหนึ่ง โดยระบุว่าธนาคารมีตัวเลขขาดทุน 1.18 หมื่นล้านเยนในตลาดพันธบัตรและเงินกู้ที่เกี่ยวข้องกับเลห์แมน

- ธนาคารกลางออสเตรเลียได้อัดฉีดเงินสดเข้าระบบการธนาคารอีกครั้งในวันนี้ นับเป็นการอัดฉีดเงินสดเข้าระบบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 แล้ว ส่งผลให้ยอดเงินอัดฉีดเข้าระบบพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้

- ยอดส่งออกสินค้าไปต่างประเทศของสิงคโปร์ประจำเดือนส.ค.ดิ่งลงหนักสุดในรอบ 20 เดือน เนื่องจากภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจในประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกได้ฉุดรั้งอุปสงค์สินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเวชภัณฑ์ให้ปรับตัวลดลง

อ้างอิงจาก //www.ryt9.com

ข้อสังเกต
1. เมื่อคืน เลห์แมน กับ AIG เป็นเรื่องใหญ่ที่มีผลต่อตลาดต่างๆแทบทุกตลาดเลยครับ คงต้องคอยดูว่าจะมีบริษัทใดในสหรัฐอีกที่จะเจริญรอยตามต่อไป

2. การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบเริ่มมีการทำตามๆกันในหลายๆประเทศ และจากการที่ผมได้เห็นราคา Commodity ที่ปรับสูงขึ้นในวันนี้แล้ว ทำให้พอเข้าใจแล้วว่าทำไม FED ถึงเลือกวิธีการตรึงดอกเบี้ย และประกาศว่า "ภาวะเงินเฟ้อยังคงผันผวน" ... (ซึ่งคำนี้น่าจะมีนัยพอสมควรเลย)

3. ปริมาณเงินที่นำมาอัดฉีดมาจากการขายทองคำก่อนหน้านี้รึปล่าว อันนี้ยังคงสงสัยอยู่ครับ

4. ราคาน้ำมันกำลังสูงขึ้น ซึ่งหากดูกราฟเทคนิค ค่า RSI ก็อยู่ที่จุดที่น่าจะเด้งกลับได้สักระยะแล้ว ยังไงก็ตามกำลังซื้อ กับค่าเงิน USD เป็นปัจจัยหลักที่จะมีผลต่อราคาน้ำมัน ทั้งนี้ ณ ปัจจุบันทั้ง 2 ปัจจัยยังคงค้านๆกันอยู่ แต่หากดูในอนาคตแล้ว ปกติ Q4 จะมีความต้องการน้ำมันมากกว่า Q3 อยู่แล้ว บวกกับค่าเงิน USD ที่มองดูแล้วน่าจะอ่อนไปได้อีกเยอะ (ยิ่งใช้วิธีอัดเงินเข้าระบบแล้วล่ะก็...)

-----------------------------------------------------------------------------

คำเตือน - ข้อมูลดังกล่าวผู้เขียนตั้งใจเก็บไว้สำหรับเตือนความจำ และประกอบการวิเคราะห์ของผู้เขียน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจมีข้อผิดพลาด คลาดเคลื่อน ไม่ครบถ้วน หรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ดังนั้นผู้เข้าเยี่ยมชมโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ขอบคุณครับ



Create Date : 18 กันยายน 2551
Last Update : 18 กันยายน 2551 11:51:25 น.
Counter : 374 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Death_13
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กันยายน 2551

 
6
7
8
9
13
14
20
21
23
24
27
28
29
30
 
 
18 กันยายน 2551