--[ละคร On Pantip.com ห้องสวนลุมฯ (นอกเรื่อง) "อมยิ้มเย้ยยุทธจักร" ตอนที่ 2]--
ตอนที่ 1 ละคร On สวนลุมฯ (นอกเรื่อง) "อมยิ้มเย้ยยุทธจักร" ตอนที่ 1 "กำเนิดองค์หญิง"


ละคร On สวนลุม (นอกเรื่อง)
อมยิ้มเย้ยยุทธจักร

ตอนที่ 2 .............ออกเดินทาง






จอมยุทธ Pritty (ซึ่งต่อไปนี้จะขอเรียกว่า จอมยุทธบอย เนื่องจาก ขี้เกียจกดเปลี่ยนภาษาบ่อย ๆ มันเมื่อยเฟ้ย)
มีอาวุธสำคัญ นั่นคือ “ซอพิฆาตมาร”!!! อานุภาพแห่งซอพิฆาตมารอันนี้ สามารถสีให้ควายตายได้ เพียงการลงสายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น


องค์หญิงสไมล์ : “เอ้า พวกหล่อน พร้อมกันหรือยัง เราจะออกไปท่องยุทธภพกันแล้วนะ”
สหายหมวย + แม่นมคิ้ม + จอมยุทธบอย(แบกซอ) : “พร้อมแล้วเพคะ / พะยะค่ะ องค์หญิง”

องค์หญิงสไมล์ : “อ้าว แล้วเธอล่ะ สนมจิ้ง พร้อมหรือยัง คนอื่นเค้าพร้อมกันหมดแล้วนะ”
สนมจิ้ง : “ยังเพคะ องค์หญิง”

องค์หญิงสไมล์: “แล้วมัวทำอะไรอยู่ นี่เวลาผ่านไปตั้งครึ่งชั่วโคตรแล้วนะ”
สนมจิ้ง : “แต่งหน้าอยู่เพคะ”

องค์หญิงสไมล์ : “แต่งหน้า!!!! ป๊าดดดดดด จะแต่งทำไมนักหนา”
สนมจิ้ง : “อ้าว องค์หญิงก็ .... ไม่ใช่ว่าองค์หญิงจะไปหาคู่ครองคนเดียวซะเมื่อไหร่ล่ะ หม่อมฉันก็ถือโอกาสนี้ ออกไปหาด้วยน่ะสิเพคะ อยู่มานานจนคานทองเลี่ยมขัดมันไปแล้วเพคะองค์หญิง รถไฟขบวนสุดท้ายแล้ว!!!”

องค์หญิงสไมล์ : “โถ จิ้งเอ้ย ทำอะไรน่ะคิดบ้างเถอะ แต่งกับไม่แต่งมันก็ค่าเท่ากันนั่นแหล่ะ มันคงไม่มีอะไรดีขึ้นไปกว่านี้แล้ว”

สหายหมวย + แม่นมคิ้ม + จอมยุทธบอย (แบกซอ) : “องค์หญิงพูดถูกแล้วเพคะ / พะยะค่ะ!!!!”


สนมจิ้ง หันไปค้อนทั้งสามคนดังขวับ!!! พร้อมอุบอิบออกมาว่า “แหมพร้อมเพรียงกันเลยนะเมิงนะ”
บ่นไปพลางก็เก็บเครื่องสำอาง เทลมีอินดี้พาวเวอร์ เข้าย่ามสะพายลุกขึ้น พร้อมออกเดินทางทั้ง ๆ ที่เพิ่งเขียนขอบหูไปได้แค่ข้างเดียว!!

แม่นมคิ้มหันมามองในสภาพของสนมจิ้งแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ “เฮ้ออออ” ส่วนองค์หญิงสไมล์ส่ายหัวดิ๊ก ๆ ระอากับนางสนมคนนี้เป็นยิ่งนัก กับ จอมยุทธบอย หลีกไปนั่งทำใจอยู่ใต้ต้นอุตพิต!!!!

แม่นมคิ้ม : “นี่ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วนังจิ้ง จะเขียนก็เขียนให้เสร็จไปเลย เหลือไว้ทำไมข้างเดียว น่าเกลียดพิลึก”
สนมจิ้ง : “หึ เขียนก็ได้!!!” ว่าแล้ว สนมจิ้งก็เทเครื่องสำอาง เทลมีอินดี้พาวเวอร์ ออกมาจากย่ามอีกครั้ง แล้วก็บรรจงเขียนหูตัวเองไป!!

จอมยุทธบอย : “เพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าหูเค้าต้องเขียนกันด้วย!!”
สหายหมวย : “ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน ปกติเขียนแต่ขอบตา แต่ยัยนี่เขียนขอบหูด้วย”

เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วโคตร!!! สนมจิ้ง จึงเขียนหูอีกข้างนึงเสร็จเรียบร้อย

สนมจิ้ง : “เสร็จแล้วเพคะองค์หญิง”
สหายหมวย : “ทำไมไม่ไปศัลยกรรมหน้าใหม่เลยล่ะ แม่คุณ รอจนเงกแล้ว”

สนมจิ้ง : “นี่ยังเหลืออีกหลายส่วนนะยังไม่ได้แต่ง”
สหายหมวย + แม่นมคิ้ม + จอมยุทธบอย (แบกซอ) : “นี่ยังเหลืออีกเร๊อะ!!!”

สนมจิ้ง : “จะรอไหมล่ะ”
จอมยุทธบอย (แบกซอ) : “ถ้าขืนสนมจิ้ง หยิบเครื่องสำอางขึ้นมาอีกชิ้นเดียวนะ ข้าจะสีซอให้ฟังซะเลย”

จอมยุทธบอย ดึงซอออกจากหัวไหล่ที่กำลังแบกอยู่ เอาออกมาเพื่อขู่!!!


สนมจิ้ง : “เราไม่ใช่ควายนะ จะมาสีซอให้เราฟัง องค์หญิงเพคะ ดูจอมยุทธบอยสิเพคะ ใจรว้ายยยยย”

สนมจิ้งพูด ด้วยสำเนียงมาช่าพลางคลานเข้าไปกอดขาองค์หญิงสไมล์เพื่อเรียกร้องความสนใจ
แม่นมคิ้ม เห็นท่าจะไม่ไหว จึงยกฝ่าตีนน้อย ๆ ส่งแรงถีบสนมจิ้งกลิ้งไป 8 ตลบ ท่ามกลางความสะใจของทุกคน
ไม่เว้นแม้แต่องค์หญิง

“ดีมากแม่นม น่าจะถีบขาคู่นะ” องค์หญิงหันไปกระซิบกับแม่นม
“ถ้าหม่อมชั้นไม่ติดเวอร์ซาเช่กี่เพ้านี่ละก็ โดนไปแล้วแหล่ะเพคะ” (พี่ KHIMM ใส่กี่เพ้า กรุณานึกภาพตามนะครับ อี๋!!)

สนมจิ้ง ตะเกียกตะกายลุกขึ้นเลือดอาบ เพราะหัวไปโขกกับขวดโค้กเข้า!!! (โค้กอะไรไปคิดกันเอาเอง)
น้ำตาท่วม บ่นออกมาอุบอิบ พลางเอาผ้าเช็ดคราบเลือดที่ไหลลงมากลางกระบาล “ใคร ๆ ก็ไม่รักจิ้งเลย”

หลังจากนั้น สนมจิ้ง ก็หุบปากหุบคำ เดินกระเผลก ๆ มาเข้ากลุ่มเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
องค์หญิงหันไปเห็น ด้วยความสมเพชเวทนานางสนมเอกแห่งวังหลวงคนนี้ จะบ้า ๆ บอ ๆ อย่างน้อย
สนมจิ้ง ก็ไม่เคยทรยศหักหลัง แถมยังมีเรื่องขำ ๆ มาให้องค์หญิง และคนอื่นๆ ได้หัวเราะบ้าง


ระหว่างนั้นเอง ก็มีผู้ชาย รูปร่างสันทัด ตัวขาว ๆ ผมแสกข้างใส่สูทสีน้ำเงิน
เดินมาแล้วก็หยุดอยู่ตรงหน้าคณะเดินทาง เค้ายืนอยู่นิ่ง ๆ แล้วมอง
คณะเดินทางทุกคน หยุดการเคลื่อนไหว เพราะตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็มีคนแต่งตัวประหลาด ๆ
ไม่เคยพบเคยเห็น มายืนจ้องมองพวกเค้า................

ชายคนนั้น ไม่ทำอะไรนอกจากยืนดู ............ ก่อนที่องค์หญิง หรือใครในคณะจะเอ่ยปากถาม
เค้าก็เอ่ยประโยคคลาสสิค ที่ผู้คนในใต้หล้าพันทิพนี่ต้องนึกถึง


” เข้ามาดู”

พูดเสร็จแล้วก็ไป........................................... ปล่อยให้คณะเดินทาง ยืนอ้าปากค้าง
โดยเฉพาะสนมจิ้งที่มีแอบน้ำลายยืดด้วย T_T

“ใครน่ะ” องค์หญิงสไมล์ ถามด้วยความมึนงง ว่า ตกลงมันผู้นั้นเป็นใคร
“บอทน่ะพะยะค่ะ” เสียงตอบมาจากผู้ที่เคยออกไปท่องยุทธภพมาแล้ว นั่นคือ จอมยุทธบอย

“อะไรคือบอท” สหายหมวย ถามด้วยความอยากรู้
“บอทก็คือไอ้ตัวเมื่อกี๊แหล่ะ มันชื่อ จอมยุทธฟิวชั่น มันไม่เคยพูดอะไรมากไปกว่าคำว่า “เข้ามาดู” มันพูดเสร็จ แล้วมันก็ไป” จอมยุทธบอยสาธยายออกมาด้วยความเซ็ง!!

“แล้วเค้าเคยพูดอะไรนอกเหนือจากนี้ไหม” สหายหมวยถามต่อ
“ก็เคยบ้าง บางครั้ง ถึงกับร้องเพลงจนจบเลยนะ ทำเอาปั่นป่วนกันไปทั้งยุทธภพ!!”

“ขนาดนั้นเชียวหรือ”
“ใช่ เพราะเมื่อไหร่ ที่จอมยุทธฟิวชั่น พูดเกินกว่า “เข้ามาดู” นั่นแสดงว่าหลังจากนั้น ยุทธภพต้องปั่นป่วนแน่ ๆ”

หลังจากที่มึนงงกับจอมยุทธฟิวชั่นไปแล้ว องค์หญิงสไมล์ จึงกลับมาเข้าเรื่องต่อ
ด้วยความมึนงงว่า ตกลงไอ้คนเมื่อกี๊นี้ มันมาดูเฉย ๆ ใช่ไหม T_T
องค์หญิงสไมล์ หันไปหาสนมจิ้งที่โดนแม่นมคิ้มไรเดอร์ ถีบไปเมื่อซักครู่...........

“สนมจิ้ง” องค์หญิงสไมล์เอ่ยมาด้วยเสียงอันการุณ
“มีไรเพคะ!!!” สนมจริงตอบมางอน ๆ สะบัด ๆ โดยที่ไม่ได้ดูเล๊ย ว่าพูดอยู่กับใคร

“โถ ๆ สนมจิ้ง มานี่มะ อย่างอนไปเลย แม่นมคิ้มเค้าแค่อยากให้ออกเดินทางเร็ว ๆ เท่านั้นแหล่ะ”
“ก็ไม่เห็นต้อง ดร๊อกคิ๊กกันนี่เพคะ!!!” สนมจิ้งพูดพลางเอาผ้าเช็ดเลือดไปด้วย โอวววขวดโค้ก มันแข็งจริง ๆ

แม่นมคิ้มไรเดอร์ ได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองหน้าด้วยหางตา และพูดออกมาแบบนิ่ม ๆ ว่า

“คราวหน้า แกโดนขาคู่แน่ ๆ”
“นี่..... แม่นมเมื่อกี๊ว่าอะไรนะ” สนมจิ้งถามกลับมา

องค์หญิงถอนหายใจด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า แม่นมคิ้ม กับ สนมจิ้ง ชอบเล่นกันแรง ๆ อย่างนี้อยู่เสมอ
สนมจิ้งก็ไม่ได้รู้เล๊ยยย ว่าแม่นมคิ้ม แกอาวุโส (แก่!!)ขนาดไหน ยังเล่นหัวกันอยู่ได้ ส่วนแม่นม ก็รู้ดีว่าเด็กมันแซวเล่น แกก็ชอบแหย่ให้เด็กมันเสียฟอร์มอยู่เรื่อย

“เอาน่ะ ๆ อย่าเถียงกัน แม่นมก็นะ อย่าไปยั่วมันสิ”
“แหม องค์หญิง ก็มันกวนส้นตินนมนี่เพคะ”

“มันก็กวนส้นติงเค้าไปทั่วแหล่ะนังจิ้งเนี่ย ขนาดเสด็จพ่อ มันยังกวนท่านเลย รอดมาได้ยังไงก็ไม่รู้”

ระหว่างที่กำลังพูดกันอยู่นั่นเอง เสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้น

แตแด้ แด่วววววววว แต แต แต้วววว แต๊ แดวววววววววววว.............


องค์หญิงชะงัก แล้วก็ถามออกมาว่า “โทรศัพท์ใครดัง!!!!”
“.........................................” เงียบ ไม่มีเสียงตอบ

องค์หญิงย้ำคำมาอีกครั้ง “โทรศัพท์ครายยยยยยย”
พระสหายหมวยอ้อมแอ้มตอบกลับมา พลางล้วงลงไปในกระเป๋าหลุยส์ติงต๊อง แล้วตอบมาว่า

“ของหมวยเองเพคะ!!!!”

องค์หญิงสไมล์ มองตามตาเขียวปั่ด เนื่องจากโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ตั้งแต่เสด็จแม่ซื้อมาให้
จากยุทธภพมาบุญครอง จนทุกวันนี้ นอกจากแม่นมคิ้มกับเสด็จแม่แล้ว มันยังไม่เคยดังเลย
การกระทำดังกล่าว จึงทำให้องค์หญิงสไมล์ เคืองพระบาทเป็นยิ่งนัก

“ใครโทรมา!!!”
“เอ่อออ .................. ไม่รู้เพคะองค์หญิง เดี๋ยวนะคะ”

“ฮัลโหลว อ๋อ ค่ะ ค่ะ ค่ะ ต้องขออภัยด้วยค่ะ ช่วงนี้ไม่ว่างเลย ...... ค่ะ ค่ะ ขอโทษนะคะ”

พระสหายหมวยวางสายโทรศัพท์ไปพลางหันมาบอกกับองค์หญิงว่า

“เค้าโทรมาสั่งคุกกี้ซาลาเปาน่ะเพคะ”
“อ้อ รายได้ดีป่ะล่ะ”

“ก็พอถู ๆ ไถ ๆ ไปได้แหล่ะเพคะองค์หญิง”
"อืมมม ได้ข่าวว่า เมื่อปีก่อนเจ้าไปท่องยุทธภพปายมานี่นา"

"ใช่แล้วเพคะองค์หญิง"
"แล้วเป็นไงบ้างล่ะ"

"ปายหนาวมากกกกกกกก เพคะ"
"ถามว่าเป็นยังไง ไปมาน่ะ ไม่ได้ถามว่าหนาวไหม"

"องค์หญิงเพคะ"
"ทำไมรึ?"

"หมวยว่า องค์หญิงถามเรื่องอื่นดีกว่าไหม"
"ทำไม"

"หมวยยังไม่อยากต่อยองค์หญิงน่ะเพคะ"
"................"


ย้อนกลับเข้าไปในวังหลวง ระหว่างที่องค์หญิงกับบรรดาสนมและสหาย กำลังเตรียมตัวจะออกเดินทาง ฮองเฮาแดง และ ฮ่องเต้เกรียนที่กำลังประชวร ก็ปรึกษาหารือกัน โดยมีปุโรหิตซันจิคอยให้คำปรึกษาอยู่ข้าง ๆ



ฮ่องเต้เกรียน : ลูกหญิงของเราจะออกเดินทางเมื่อไหร่
ฮองเฮาแดง : วันนี้แหล่ะเพคะ

ฮ่องเต้เกรียน : แล้วลูกหญิงจะไปตามหาคู่ครองได้ที่ไหนล่ะ
ฮองเฮาแดง : อันนี้หม่อมชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันเพคะ คงต้องแล้วแต่บุพเพสันนิวาศของเค้าทั้งสองคนละมั้ง

ฮ่องเต้เกรียนถอนหายใจจนเตียงสะเทือน พลางหันไปหาปุโรหิตซันจิที่นั่งกุมไข่อยู่ข้าง ๆ

ฮ่องเต้เกรียน : มีคำแนะนำอะไรมั่งไหมท่านปุโรหิต
ปุโรหิตซันจิ : เดี๋ยวนะพะยะค่ะฝ่าบาท

ปุโรหิตซันจิหันไปหยิบโน้ตบุคที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา เปิดเครื่องและต่ออินเตอร์เนท เปิดตำราดูเนื้อคู่ในสำนักอากู๋เกิ้ล ณ.แดนบูรพาทิศ วุ่นวายอยู่ได้ซักพัก ก็หันมาบอกกับฮ่องเต้ และ ฮองเฮาว่า

“จากการที่ข้าพระองค์นำวันเดือนปีเกิดของ องค์หญิงสไมล์ เข้าไปเปรียบเทียบในตำราอากู๋ ดูถึงเรื่องเนื้อคู่ ได้ความตามตำราเก่าแก่นั่นว่า เนื้อคู่ขององค์หญิง จะเป็นชายหนุ่มรูปงาม มีฝีมือทั้งบู๊ และ บุ๋น มีรถขับ T_T บ้านรวย และเป็นคนมีบารมี”

ฮองเฮาแดง : แล้วเค้าเป็นใครล่ะท่านปุโรหิต บอกแค่นี้ใครจะรู้ได้
ปุโรหิตซันจิ : เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล เพราะตามตำรายังได้บอกไว้อีกว่า

“คราใดที่องค์หญิงได้เห็นรอยยิ้มของเค้า ครานั้นองค์หญิงจะรู้ได้เองว่า นี่แหล่ะ สามีในอนาคต!!”

ฮ่องเต้เกรียน + ฮองเฮาแดง : อ้อออออออออ!!

ฮ่องเต้เกรียน : แล้วลูกหญิงจะเจอคน ๆ นั้นก่อน หรือ ข้าจะตายก่อน
ปุโรหิตซันจิ : อันนี้ก็ต้องแล้วแต่บุญญาบารมีของฝ่าบาทเอง

ฮ่องเต้เกรียน : แล้วท่านคิดว่ายังไง
ปุโรหิตซันจิ : แต่ข้าว่า ฝ่าบาทตายก่อนแหง ๆ

ฮ่องเต้เกรียน : ทหาร ............... เอามันไปประหารด้วยเครื่องประหารหัวหมู!!
ปุโรหิตซันจิ : โอ้ ๆ ๆ ช้าก่อนฝ่าบาท ข้าพระองค์ล้อเล่นน่ะ แหม แค่นี้ทำเป็นเคือง ท่านไม่ต้องกลัวหรอกพะย่ะค่ะ นับจากนี้ไป 3 เดือน อาการของท่านจะดีขึ้นเป็นลำดับ นั่นก็เพราะรัศมีขององค์หญิงได้ห่างออกไปแล้ว แต่บารมีของท่านก็จะลดลงไปด้วย แม้ว่า บารมีขององค์หญิงจะทำให้ท่านล้มป่วย แต่ในทางกลับกัน บารมีขององค์หญิงก็มีส่วนค้ำจุณบารมีของท่านให้ยังคงอยู่ด้วยเช่นเดียวกันไม่ให้ลดลงเร็วนัก อย่างช้า 3 เดือน หากองค์หญิงยังไม่กลับมาบารมีของท่านจะหมดไป และโรคร้ายก็จะกลับมารุกรานท่านได้เต็มกำลังอีกครั้ง และเมื่อนั้น หากท่านตาย ข้าก็คงต้องสิ้นไปด้วย ซึ่งหากจะให้เรื่องราวนี้จบไปก็ต้องพึ่งบารมีของชายผู้นั้นที่จะมาค้ำจุณท่าน และ ลดทอนกำลังขององค์หญิงนั่นแหล่ะ ทุกอย่างจึงจะคลี่คลาย


ฮองเฮา : นั่นก็แสดงว่า ยังไงก็ต้องให้ลูกหญิงหาคู่ครองคนที่ว่ามาให้ได้ภายใน 3 เดือนนี้
ปุโรหิต : ถูกต้องแล้วฝ่าบาท

…………………………………………………………………………


“สนมจิ้ง!!!!”
“มีอะไรหรือเพคะ”

“มาแบกของ จะไปกันแล้ว”
“โหหห ใช้แรงงานหญิง”

“จะไปหรือไม่ไป!!!”
“ไปเพคะ เพื่อหนุ่ม ๆ จิ้งทนด้ายยยยยยยยย” ว่าแล้วสนมจิ้ง ก็ก้มลงแบกคานหิ้วของด้วยกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งปานเหล็ก ของแค่นี้ จึงไม่หนักเลย สำหรับสนมจิ้ง

“แบกข้าวสารหนักกว่านี้มากนัก” สนมจิ้งนึกในใจ!!!

องค์หญิงสไมล์ หลังจากที่ตรวจดูความเรียบร้อยแล้ว จึงออกคำสั่ง

“เอาล่ะเมื่อพร้อมแล้ว ก็เดินทางกันได้เลย เป้าหมายคือ หาสามี!!!!”

คณะเดินทาง หาสามี เดินทางออกจากวังหลวง ด้วยมาดที่องอาจ (กรุณานึกเป็นภาพสโลโมชั่น)
จอมยุทธบอย สะดุดรองเท้าตัวเอง หัวทิ่ม ซอกระจายเต็มพื้น!!!


....................................................................................

ณ.ร้านน้ำชาริมยุทธภพสวนลุมฯ ชื่อร้านนั่งเล่น ห่างจากวังหลวง 2 ลี้ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ
ที่ชื่อว่า หมู่บ้านเอกมัย เสี๊ยน เสี้ยน!! (ชื่อหมู่บ้าน เสียวได้ใจเลยแฮะ)




ฮี๊............................กุบ ๆ กั่บ ๆ ฮี๊....................กุ่บ ๆ กั่บ ๆ ครืดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงควบม้าที่มีเสียงแปลก ๆ ตามมา ดังแว่วมาแต่ไกล
เรียกเสี่ยวเอ้อ ที่ชื่อว่า เสี่ยวตวง (ตวงสิทธิ์) ออกมาดูเผื่อว่าจะเป็นลูกค้ารายแรกของวัน
เสี่ยวตวงเอามือป้องตา เขม้นมองดูพร้อมลำพึงลำพันว่า “ใครว๊า”

คำตอบของเสี่ยวตวง วิ่งตรงเข้ามาแล้ว เป็นที่น่าแปลกใจที่เสี่ยวตวง เห็นเพียงแค่ม้าเท่านั้น ไม่มีคนขี่
ยังความผิดหวังมาให้เสี่ยวตวงเป็นยิ่งนัก ด้วยคิดว่า วันนี้จะมีลูกค้าเข้าร้านตั้งแต่เช้า

เสี่ยวตวง เอาผ้าขาวพาดไว้ที่ไหล่ แล้วหันเดินกลับเข้าไปในร้าน แต่ทันใดนั้นเอง
ก็มีเสียงเรียกดังมาจากด้านนอก “ช่วยด้วยยยยยยยยยย” เสี่ยวตวงตกใจ หันไปมองแล้วอุทานออกมาว่า

“ม้าพูดได้!!!!”

ว่าแล้ว เสี่ยวตวงก็วิ่งออกไปหน้าร้าน ตรงที่ม้าตัวนั้นมาหยุดยืนสะบัดขนคออยู่

“โอววว ม้าเทพเจ้า พูดได้” เสี่ยวตวงก้มลงกราบม้าด้วยความปลื้มปิติที่อยู่ดี ๆ ก็มีเทพเจ้าม้ามาโปรด

“ช่วยด้วยยยยยยยยยยย” เสียงยังดังอยู่เช่นนั้น เสี่ยวตวงขนลุกเกรียว ที่ได้ยินม้าพูดกับตน
“จะให้ข้าช่วยอะไรหรือท่านม้า”

“ไม่ใช่ให้ช่วยม้าโว้ย มาช่วยกุนี่” เสียงตอบกลับมา เล่นเอาเสี่ยวตวงสะดุ้งเฮือก ระคนผิดหวังที่ไม่ใช่ม้าที่พูดได้
“ใครน่ะ” เสี่ยวตวงตะโกนกลับไปเนื่องจากไม่เห็นตัวคนพูด

“กุอยู่นี่” เสียงดังมาจากด้านหลังม้า เสี่ยวตวงเขม้นมอง เห็นวัตถุสิ่งหนึ่งกำลังกลิ้งไปกลิ้งมา เสี่ยวตวงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ พลางเอาตีนเขี่ย ๆ ดู
“ตัวอะไรวะเนี่ย”


“คนโว้ย ช่วยกุก่อน” เสียงตอบมาจากวัตถุที่โดนเขี่ยเมื่อซักครู่ เล่นเอาเสี่ยวตวงสะดุ้งโหยง
“อ้าว ท่าน ............แล้วทำไมมานอนอยู่นี่เล่า”

เสี่ยวตวงก้มลงดู เห็นปลายเชือกพันขาของคน ๆ นั้นอยู่ นั่นแสดงว่า คน ๆ นี้
โดนม้าตัวนี้ลากมา เสี่ยวตวงเอามีดเหน็บมาตัดเชือกออก ปล่อยให้คน ๆ นั้นเป็นอิสระ
ด้วยสภาพที่ดูไม่ค่อยจะเหมือนคนเท่าไหร่ เนื้อตัวเลอะไปด้วยฝุ่น มองหน้าไม่ออก!!!!

“ตกม้า!!!!” เสียงอ่อย ๆ มาจากคนผู้นั้น
“ทำอีท่าไหนถึงได้ตกม้าละท่าน”

“มองสาวเพลินไปหน่อย โดนกิ่งไม้ฟาดตกลงมาเนี่ยแหล่ะ”
“สมน้ำหน้า 555555 ”

“เอาเถอะ ๆ ว่าแต่ท่านชื่ออะไรล่ะเนี่ย” เสี่ยวตวงถาม
“ข้าคือจอมยุทธเหมียว!!!”

“จอมยุทธเหมียว!!!” เสี่ยวตวงตกใจเมื่อได้ยินชื่อ
“ท่านรู้จักข้าด้วยเหรอ”

“ป่าว ไม่รู้จักหรอก”
“แล้วทำเสียงตกใจทำไมวะ”

“แฮ่ะ ๆ ว่าแต่ เหมียวอะไรเหรอท่านจอมยุทธ”

จอมยุทธเหมียว ลุกขึ้นปัดฝุ่นตามตัวออก ฟุ้งกระจายจนเสี่ยวตวงจามออกมา “ฮัดชิ้วววว”
เมื่อปัดฝุ่นออกหมดแล้ว จึงดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง จอมยุทธเหมียวจึงบอกแก่เสี่ยวตวงว่า

“เราชื่อเต็ม ๆ ว่า จอมยุทธ Orcahappy ”
“โอววววววว ลืมอะไรไปแล้วท่านจอมยุทธ”

“ลืมอะไร”
“นี่มันนิยายจีน ท่านเล่นชื่อฝรั่งอย่างนี้ ข้าจะแปลออกได้อย่างไร”

“อย่าว่าแต่ท่านเลย ข้าเองเจ้าของชื่อ ข้ายังแปลไม่ออก!!!”
“แสดดดดดดดด งั้นเรียกจอมยุทธเหมียวไปก็แล้วกัน”

“โอเค ๆ เราเดินทางมาไกล ท่านมีอะไรให้ข้ารองท้องบ้าง”
“หมอนไหมล่ะท่าน รองท้อง”

“เมิงอย่าเพิ่งตลก คนกำลังหิว เดี๋ยวกุฟันไม่เลี้ยงเลยนี่”
“โธ่ท่านเหมียวข้าล้อเล่นน่ะ ท่านอยากกินอะไรล่ะ”

“เรียกก็เรียกให้มันเต็ม ๆ หน่อย จอมยุทธเหมียวโว้ย ไม่ใช่เหมียวเฉย ๆ เดี๋ยวปั๊ดแทงไส้แตก!!”
“เออ ๆ ๆ จอมยุทธเหมียว จอมยุทธเหมียว”

เสี่ยวตวงถามพลางหันไปบ่นพึมพำคนเดียว “เหมียวกับจอมยุทธเหมียวมันต่างกันตรงไหนฟระ มันก็แมวเหมือนกันนั่นแหล่ะ”

“อะไรนะ อะไรแมว ๆ ข้าได้ยินไม่ชัด” จอมยุทธเหมียวเหมือนจะได้ยินแว่ว ๆ เกี่ยวกับตนจึงลากคอเสี่ยวตวงมาถาม
“แค่ก ๆ ๆ ป่าวหรอกท่านจอมยุทธ ข้าแค่บ่นแมวในร้านน่ะ มันชอบมานอนบนโต๊ะ”

“แล้วไป นึกว่านินทาข้า แถวบ้านข้าใครเรียกข้าว่าแมวเหมียว มันผู้นั้นต้องโดนเพลงดาบกรงเล็บเหมียวขาดสะพายแล่งสถานเดียว!!”
“โอเคท่าน โอเค ปล่อยข้าได้แล้วเดี๋ยวเสื้อยืดหมด!!”
“อ่ะ โทษที ๆ ว่าแต่ว่า ท่านมีอะไรให้ข้ากินรองท้องมั่งล่ะ”
“ก็แล้วท่านอยากจะกินอะไรล่ะ”

“ข้าวเหนียวส้มตำ น้ำตก มีไหม”
“เดี๋ยวกุถีบเลยนี่ นี่ยุทธภพจีนโว้ย ไม่ใช่ปั๊มเอสโซ่จะได้มีข้าวเหนียวส้มตำให้ท่านกิน”

“อ้าว ก็นึกว่าจะมี อยากกินมานานแล้ว”
“มีแต่หมั่นโถว กับน้ำชา ท่านจะกินไหม”

“โอเค ๆ หมั่นโถวก็ได้ ส่วนน้ำชา ขอเป็นชาเขียวเย็นนะ”
“เอา ออริจินอล หรือ รสข้าวญี่ปุ่นล่ะ”

“เอาออริจินอลมาก็แล้วกัน”
“ได้เลย เชิญท่านเข้าไปนั่งในร้านก่อน ห้องน้ำมีนะ จะไปล้างหน้าล้างตาก่อนก็ได้”

หลังจากนั้น หมั่นโถว และ ชาเขียวเย็นออริจินอล ก็ถูกลำเลียงมาตั้งอยู่บนโต๊ะของจอมยุทธเหมียวออก้า
ซึ่งตอนนั้น จอมยุทธเหมียว ล้างหน้าทำความสะอาดตัวเสร็จแล้ว เผยโฉมหน้าอันหล่อเหลา

“อืมมม ดูท่านก็หน้าตาดีนะท่านจอมยุทธ”
“อ่ะ แน่นอนอยู่แล้ว คนมันหน้าตาดีก็งี้แหล่ะ”

“เสียอย่างเดียว”
“ทำไม”

“ซุ่มซ่าม จอมยุทธอะไร ตกม้าให้ม้าลากมาอยู่ได้”
“อย่าพูดมาก เสี่ยวเอ้อ เดี๋ยวเอาหมั่นโถวยัดปากซะเลยนี่”

นั่นทำให้เสี่ยวตวง ต้องสงบปากสงบคำ เพราะตัวเองไม่มีวรยุทธใด ๆ ติดกายเลย
จะมีก็เพียงแต่หัวการค้า จึงได้มาเปิดร้านน้ำชาอยู่ตรงนี้ คอยดักคนเข้าออกยุทธภพเอกมัย!!!


“ว่าแต่ ท่านกำลังจะไปไหนหรือ ท่านจอมยุทธเหมียว”
“เรากำลังจะไปท่องยุทธภพสวนลุม ได้ข่าวว่า ยุทธภพนี้อุดมไปด้วยสาวงามมิใช่หรือ”

“หึหึหึหึ ท่านไปเอาข่าวมาจากไหนท่านจอมยุทธ”
“เราก็ได้ข่าวมานั่นแหล่ะ”

“อย่าเชื่อในสิ่งที่ท่านได้ยิน จนกว่า ท่านจะได้เจอด้วยตนเอง ตัวข้านี้ไม่อยากบอกอะไรท่านมากนักหรอก”
“ทำไมล่ะ”

“เอาเถิด ถ้าท่านอยากเจอสาวงามจริง ๆ ละก็ เมื่อท่านเข้าไปในยุทธภพแล้ว แนะนำให้ไปที่สำนักนอกเรื่อง”
“สำนักนอกเรื่อง!!!”

“ใช่แล้ว สำนักนอกเรื่อง......หึหึหึ”
“ทำไมท่านหัวเราะแปลก ๆ”

“ไม่มีอะไรหรอก” แววพิรุธฉายแว่ปไปในแววตาของเสี่ยวตวง แต่จอมยุทธเหมียวไม่ได้ใส่ใจ

ระหว่างที่จอมยุทธเหมียว กำลัง ยัดหมั่นโถวใส่ปาก และ เสี่ยวตวงกำลังเปิดซึ้งนึ่งหมั่นโถวอยู่นั่น
ก็มีเสียงม้า กำลังห้อมาหยุดอยู่ที่หน้าร้าน เสี่ยวตวงชะเง้อคอ ออกไปดูว่าใครกำลังมา

แต่ไม่ทันจะได้เห็นตัว ก็มีเสียงสั่งอาหารออกมาเสียก่อน


“เสี่ยวเอ้อ เอาข้าวขาหมูจานนึง ข้าวมันไก่จานนึง ด่วน ข้ากับน้องข้ากำลังหิว!!!”

เสี่ยวตวงหันไปทางต้นเสียง พร้อมกับ จอมยุทธเหมียว เห็นจอมยุทธ 2 คนกำลังเดินเข้ามา
ทั้ง 2 หย่อนตัวลงนั่งในอีกมุมหนึ่งของร้าน คนนึงเป็นผู้ชาย ส่วนอีกคนนึงเป็นผู้หญิงสวย น่ารัก
จอมยุทธเหมียว ถึงกับตาค้างกับสาวสวยที่เห็น รำพึงรำพันออกมาว่า

“นั่นมันนางฟ้าชัดๆ”


“ไม่มี!!!! มีแต่หมั่นโถว น้ำชา หรือไม่ก็ สาเก จะกินไหม” เสี่ยวตวงตอบกลับไป
“อะไรกัน แค่นี้ก็ไม่มี งั้นเอาหมั่นโถว กับ น้ำชามาก็ได้”

“ออริจินอล หรือ รสข้าวญี่ปุ่น”
“เอามาทั้ง 2 รสแหล่ะ ข้ามากันสองคน”

ซักพัก เสี่ยวตวงก็นำหมั่นโถวและชาเขียวไปเสริฟที่โต๊ะ จอมยุทธเหมียวได้ที จึงย้ายอาหารของตนเอง
เดินตามไปที่โต๊ะดังกล่าวด้วย

“สวัสดีท่านทั้งสอง ข้าจอมยุทธเหมียวออก้าแฮปปี๊ แฮปปี้ จะรังเกียจไหมถ้าข้าจะขอร่วมโต๊ะด้วย”
จอมยุทธเหมียวพูดแต่สายตาเหลือบไปทางจอมยุทธสาว

“เชิญ!!!” จอมยุทธหนุ่มอีกคนพูดขึ้น ทำให้จอมยุทธเหมียวนั่งร่วมโต๊ะด้วย

“ท่านชื่อเสียงเรียงนามว่าอันใดรือออ” จอมยุทธเหมียวถามขณะที่หยิบหมั่นโถวของเค้าใส่ปาก
“เราคือจอมยุทธหล่อ กับนี่ น้องสาวเรา จอมยุทธพีสะเดิด ”

ขณะนั้นเอง เสี่ยวตวง กำลังเช็ดโต๊ะข้างๆ อยู่หูก็ผึ่ง ตะโกนออกมาว่า

“จอมยุทธหล่อ กับ จอมยุทธพี!!!!”
“ใช่แล้ว ท่านรู้จักข้าทั้งสองด้วยรึ”

จอมยุทธเหมียวรู้สึกคุ้น ๆ กับคำถามอย่างนี้ ใช่แล้ว ก็เมื่อกี๊นี้เค้าเพิ่งถามเสี่ยวตวงไปหยก ๆ
แล้วประโยคถัดมาเค้าก็เพิ่งได้ยินมาหยก ๆ

“ป่าว ไม่รู้จักหรอก”
“แสรดดดดดดดด กวนตีนข้า เสียบพุงซะดีไหม!!” จอมยุทธหล่อที่เป็นชายทำท่าชักกระบี่ออกมาจากฝัก

จอมยุทธเหมียวเห็นท่าไม่ดี กลัวเสี่ยวตวงจะได้รับอันตรายจากการล้อเล่นครั้งนี้
จึงเบี่ยงเบนความสนใจ หรือ ศัพท์สวนลุมที่ว่า เบี่ยงประเด็น!!!

“จอมยุทธหล่อ กับ จอมยุทธพีสะเดิดนี่คงเป็นชื่อย่อของท่านทั้งสองใช่หรือไม่”

จอมยุทธหล่อที่เป็นชายหันมาสนใจโดยสอดกระบี่เข้าไปในฝักเช่นเดิม แล้วตอบว่า

“ใช่แล้ว มันเป็นชื่อย่อของเราพี่น้อง”

“งั้นชื่อเต็ม ๆ ของท่าน ก็คงเป็น จอมยุทธ หล่อเหลือทนสินะ!!!!”
“ตายซะเถอะเมิง ชื่อตรูไม่กรรมกรขนาดนั้น”

เช๊งงงงงงงงงงงงงงงงงง เสียงกระบี่ กระทบกระบี่ดังลั่นร้าน

จอมยุทธเหมียว ชักกระบี่ออกมารับได้อย่างรวดเร็ว สมแล้วที่จะเข้าไปท่องในยุทธภพ
ส่วนจอมยุทธหล่อ ก็สามารถชักกระบี่ได้แม้ไม่ต้องมอง
ทั้งคู่มีวรยุทธที่เท่าเทียมกัน เพียงแค่ประกระบี่กันแค่ครั้งเดียว

กระบี่ของทั้งคู่ยังคงค้างคาอยู่อย่างนั้น ใบไม้ปลิวตกลงมาจากต้น เสี่ยวแสนยืนนิ่ง
ขณะที่จอมยุทธพีสะเดิด กำลังหยิบหมั่นโถวใส่ปาก..........โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

และระหว่างนั้นเอง ที่ด้านหน้าร้าน ก็มีชายหนุ่ม ใส่สูทสีน้ำเงินโผล่หน้าเข้ามา
แล้วก็พูดออกมาว่า


“ เข้ามาดู!!!!”


แล้วก็ไป................................................

ทุกคนหันไปมอง กระบี่ยังคงค้างอยู่อย่างนั้น หมั่นโถวยังค้างอยู่ในปากของจอมยุทธหญิง
ส่วนเสี่ยวตวง หันมามอง แล้วก็ส่ายหัวด้วยความเอือมระอา

“ใครน่ะ!!!” จอมยุทธพีสะเดิดเอ่ยขึ้น หมั่นโถวยังเต็มปาก
“อย่าไปสนใจเลย จอมยุทธฟิวชั่นน่ะ แกก็มาผลุบ ๆ โผล่ ๆ อย่างนี้แหล่ะ เชิญประลอง เอ้ย สนทนากันต่อเลย”


หลังจากที่หายตะลึงกับการปรากฏตัวของ จอมยุทธฟิวชั่น กระบี่ทั้งสอง ก็แยกออกจากกัน


“ฝีมือกระบี่ของท่านช่างรวดเร็วนัก” จอมยุทธเหมียว เอามือมากุมกันแล้วคารวะ
“กระบี่ของท่านก็เช่นเดียวกัน” จอมยุทธหล่อคารวะเช่นเดียวกัน

“เมื่อซักครู่นี้ ข้าล้อเล่น โปรดอย่าถือสาหาความ”

ขณะที่พูดสายตาก็จับจ้องไปที่จอมยุทธพีสะเดิดที่เป็นผู้หญิง
ซึ่งตอนนี้ไม่สนใจกับสิ่งรอบข้าง เพราะมัวแต่พะวักพะวนกับการยัดหมั่นโถวใส่ปาก
เหมือนกับตายอดตายอยาก ไม่เคยกินหมั่นโถวยังไงยังงั้น

“ว่าแต่ ชื่อจริงๆ ของท่านทั้ง 2 คืออะไร”

“เราคือ จอมยุทธ อยากหล่อกว่านี้ทำไงดี และนั่น น้องสาวข้า ชื่อ จอมยุทธ พี-ไลน์”
“ยินดีที่ได้รู้จักท่านทั้งสอง ว่าแต่ท่านทั้งสอง จะเดินทางไปไหนกันล่ะ” จอมยุทธเหมียว เริ่มอยากรู้เรื่องชาวบ้าน

“เราทั้งสอง กำลังจะเข้าไปท่องยุทธภพสวนลุม”
“โอววว งั้นก็เป็นโอกาสดีเลย เพราะข้าเองก็กำลังจะเข้าไปที่นั่นเหมือนกัน เรามาร่วมทางกันไปดีกว่า”

ดูเหมือนจะมีจุดประสงค์ดี สำหรับการชัดชวนของ จอมยุทธเหมียว แต่ประสงค์ร้าย
เพราะที่พูด ก็หวังแต่ว่า จะได้ร่วมทางไปกับสาวสวย นาม จอมยุทธพีสะเดิด!!

“อืมมม ก็ดีเหมือนกัน ไปกันเยอะ ๆ ท่าทางจะสนุก” จอมยุทธพีสะเดิดพูดออกมาพลางพยักหน้า

“งั้นเรามากินอาหารกันดีกว่า ท่านยังไม่ได้กินอะไรเลยมิใช่รึ” จอมยุทธเหมียวถามจอมยุทธหล่อ
“ใช่แล้ว เราเดินทางมาไกล จากยุทธภพพาราก้อน กว่าจะมาถึงนี่ก็ไกลมิใช่น้อย”

“งั้นดื่ม”
“ดื่มมมมม”

เวลาผ่านไปซักพัก จอมยุทธเหมียวก็หันไปสนทนากับ จอมยุทธพีสะเดิด โดยปล่อยให้จอมยุทธหล่อกินอาหารไปคนเดียว

“ท่านจอมยุทธพี”
“มีอะไรเหรอท่านแมวเหมียว”

คำตอบของจอมยุทธพี ทำเอาเสี่ยวตวงสะดุ้ง เค้ายังจำได้ถึงสิ่งที่จอมยุทธเหมียวบอกเมื่อซักครู่
ว่าใครก็ตามที่เรียกเค้าว่า แมวเหมียว มันผู้นั้น จะต้องโดนเพลงดาบกรงเล็บเหมียวตัวขาดสะพายแล่ง
แม่นางผู้นี้ท่าทางจะซวยซะแล้ว

แต่เหตุการณ์หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เปรียบเสมือนความรักบังตา
อารมณ์นี้ ต่อให้โดนเรียกว่า เมี๊ยว ๆ ๆ จอมยุทธเหมียวก็ไม่โกรธ

“ท่านมีบัตรประชาชนหรือไม่” จอมยุทธเหมียวถามแบบหน้าแดง ๆ
“มีสิ ถามอะไรแปลก ๆ ข้าบรรลุนิติภาวะแล้วนะ”

“อ่ะ เหรอ นึกว่ายังไม่ทำบัตรประชาชน เห็นหน้าท่านอ่อนเหลือเกิน”
“จริงอ่ะ บ้า ท่านก็พูดไปได้”

เจอเอาขนมหวานของจอมยุทธเหมียวอย่างนี้เข้าไป จอมยุทธพีสะเดิดก็เอียงอาย ม้วนต้วน
จนแทบจะมุดลงไปอยู่ใต้โต๊ะ

“เราพูดจริง ว่าแต่ว่า ข้าอยากดูบัตรประชาชนของท่านเหลือเกิน” จอมยุทธเหมียวดำเนินการต่อ
“จะดูบัตรของข้าไปทำไม อยากรู้อายุจริงข้าล่ะสิ ข้าไม่ให้ดูหรอก”

“ป่าวหรอกท่าน ข้าแค่อยากรู้ว่า คำนำหน้าชื่อท่าน มันเป็น นางสาว หรือ นางฟ้า..........”




“อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

จอมยุทธหล่อ เสี่ยวตวง และ แม่นางพีสะเดิด พร้อมใจกันอ้วกออกมาให้กับมุขที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน!!


หลังจากนั้นซักครู่ จอมยุทธทั้งสาม ก็พากันเดินทางออกจากร้านน้ำชาเสี่ยวตวง เพื่อเดินทางต่อ
ไป เพื่อที่จะเข้าไปผจญโลกกว้างในยุทธภพสวนลุมพีนี!!!!

…………………………………………………………….......................


จบตอนที่ 2 ครับ!!! ^_^
ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับผม!



Create Date : 24 มกราคม 2552
Last Update : 24 มกราคม 2552 18:49:54 น.
Counter : 1275 Pageviews.

4 comments
  
//man เข้ามาดู!!!!
โดย: mr.fusion IP: 124.120.48.12 วันที่: 24 มกราคม 2552 เวลา:21:25:16 น.
  
อ่านตั้งแต่เมื่อคืนแล้วคะ

แต่เเพิ่งตามมาเม้นท์
โดย: smile2u_joy วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:7:34:25 น.
  
ลงตอนสามแล้ว อย่าลืมไปตามนะคะ
โดย: smile2u_joy วันที่: 25 มกราคม 2552 เวลา:17:34:42 น.
  
ไปเขียนนิยายขายได้เลยนะเนี้ย
โดย: keng IP: 203.144.198.246 วันที่: 27 มกราคม 2552 เวลา:12:29:49 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมันน้อย เบอร์ 14
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]






สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย,รูปภาพ, บทความ,งานเขียน รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ ไปใช้เผยแพร่ .ไม่ว่าส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์ โดยไม่ได้ รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด

:: หลังไมค์หาผมได้ครับ ::


Custom Search



มกราคม 2552

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
MY VIP Friend