โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ
https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ตอนที่ 13 ปัญหา
|
|
แสงสีส้มแก่ของพระอาทิตย์ที่เพิ่งลาลับขอบฟ้าดูเลือนราง กลางตรอกเล็กๆ เริ่มกลับมาจอแจอีกครั้งเมื่อกิจวัตรระหว่างวันของคนที่ออกไปทำงานนอกบ้านสิ้นสุดลง ที่หน้าระเบียงบ้านไม้หลังเล็กๆ มีร่างอ่อนแรงของหญิงกลางคนนั่งพิงประตูบ้านด้วยท่าทางอิดโรย ในหน้าของเธอซูบซีดเศร้าหมองเหมือนกำลังทุกข์ใจ ที่ข้างบันไดมีหญิงชรานั่งอยู่บนเก้าอี้หวายตัวเก่าแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทางอิดโรยไม่ต่างกัน
คนทั้งสองมองไปที่ต้นไม้ต้นใหญ่เบื้องหน้าเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ อะไรซักอย่างที่จะช่วยผ่อนปรนความทุกข์ใจให้เบาบางลง
นิเอ๊ย...แม่ว่าโทรตามไอ้รันกลับมาเถอะ ยายทิพย์ที่นั่งหาทางออกมาทั้งวันเอ่ยขึ้นอย่างหมดทาง หญิงชรามองลึกลงไปในแววตาของบุตรีแล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อพบแต่ความว่างเปล่าเวิ้งว้างข้างในนั้น
ฉันไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปรบกวนลูกเลยแม่ ฉันผิดเองที่เชื่อเพื่อน ปราณีพูดน้ำเสียงสั่นเครือ
แกอย่าไปโทษนังพามันเลยที่มันแนะนำก็เพราะมันหวังดี หากจะโทษก็ต้องโทษที่โชคชะตา เฮ้อ!มันคงเป็นเวรเป็นกรรมของเรา ยายทิพย์พูดแบบปลงๆ
ฉันทำเรื่องกู้สหกรณ์แล้วนะแม่แต่มันได้มาแค่สามแสนเอง เหลืออีกตั้งล้านสอง เฮ้อ! เราจะไปหาเงินเยอะแยะขนาดนั้นมาจากไหน
แม่พอมีเงินในธนาคารนิไปเบิกเอาสิลูกแม่ว่าก็คงได้เพิ่มมาอีกแสนสองแสน เราเอาเงินเท่าที่มีไปใช้แล้วขอผัดผ่อนเขาอีกซักหน่อยไม่ได้เหรอ นิเพิ่งเอาบ้านไปจำนองไม่ใช่เหรอทำไมเขาถึงเร่งเราแบบนี้ล่ะ ยายทิพย์ช่วยคิดหาทางออก
นั่นสิแม่เวลาแค่สองเดือนทำไมเขาถึงเร่งเรานัก ฉันขอโทษนะแม่ที่เอาบ้านไปจำนอง ฉันผิดเองที่แก้ปัญหาแบบนี้ ปราณีบอกน้ำเสียงเศร้าสร้อย
มันไม่ใช่ความผิดของนิหรอก แล้วเงินบริจาคที่หายไปทางโรงเรียนจับคนร้ายได้หรือยังล่ะ
ยังหรอกแม่ตอนที่ฉันไปเบิกเงินกลับมาฉันก็เอาใส่ไว้ในตู้เชฟของโรงเรียนแล้วนะ แต่ฉันพลาดเองที่ไม่ได้ให้คณะกรรมการคนอื่นๆ เข้าไปเป็นพยานด้วย
ถึงเราจะระวังตัวยังไงก็คงสู้คนที่เขาจ้องจะทำร้ายเราไม่ได้หรอก แม่แปลกใจว่ามีคณะกรรมการตั้งหลายคนไม่ใช่เหรอที่เขาแต่งตั้งให้รับผิดชอบเงินบริจาคก้อนนี้ ทำไมคนอื่นไม่มารับผิดชอบร่วมกับนิล่ะ ยายทิพย์ถามอย่างสงสัย
ผู้อำนวยการบอกว่าฉันเป็นคนจับเงินอยู่คนเดียว คือทุกคนสงสัยฉันน่ะแม่ ทางโรงเรียนจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนฉันแต่ครูยุพาช่วยไว้อ้างว่าเดี๋ยวเรื่องมันจะเอิกเกริก อีกอย่างพวกนั้นกลัวว่าถ้าคนที่บริจาคเงินทราบเรื่องเข้าเขาจะมองว่าทางโรงเรียนทุจริตแล้วพาลไม่มาบริจาคอีก
ก่อนที่สองแม่ลูกจะทันพูดอะไรเสียงเขย่ากลอนประตูรั้วก็ดัง ....แกร๊ก....แรงๆ ปราณียืดคอมองผ่านราวระเบียงไปที่ประตูรั้ว ในขณะที่ยายทิพย์ก็โน้มตัวสอดส่ายสายตาอันฝ้าฟางไปจ้องมองคนที่กำลังจะบุกรุกเข้ามา
ประตูรั้วทำไมมันฝืดขนาดนี้เนี่ยว่างๆ บอกให้ช่างมาหยอดน้ำมันบ้างสิแม่ พอก้าวขาพ้นประตูรั้วเสียงใสๆ ของภรัณยาก็ดังขึ้นทันที
ไอ้รัน! ยายทิพย์อุทานออกมาด้วยความยินดีเมื่อได้ยินเสียงของผู้บุกรุกชัดเจนเต็มหู
อ้าว..ก็รันน่ะสิยายดูทำเสียงเข้า..ตื่นเต้นหรือตกใจล่ะนั่น ภรัณยาเดินยิ้มกว้างมาแต่ไกล
แล้วที่มานั่นคนหรือวิญญาณล่ะ ยายทิพย์ยังมีกะใจถามกวนๆ
ยายหวัดดีจ้า แม่หวัดดีจ๊ะ ภรัณยายกมือขึ้นไหว้แล้วปลดเป้ที่อยู่บนไหล่ลงวางลงบนพื้นไม้กระดาน หญิงสาวทรุดลงนั่งหย่อนขาข้างหนึ่งพาดไว้กับบันใดขั้นสุดท้ายแล้วยื่นหน้าเข้าไปหายายทิพย์ ยาย...ก็....ลอง...สบ...ตา...ของ...หนู...ดู...สิ..จ๊ะ...เหอ..เหอ... ภรัณยาทำเสียงเย็นยะเยือก
เดี๋ยวฉันก็ยันโครมไปโน่นกลับมาปุ๊บก็กวนผ้าซิ่นฉันเซียวนะไอ้รัน ยายทิพย์ทำท่าจะถลกผ้าซิ่นขึ้น
เบาเบ๊ายายเดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งหรอก ภรัณยารีบยกมือขึ้นบีบนวดไปที่แขนขาของยายแล้วทำท่าประจบสอพลอ
ถึงสังขารไม่ให้แต่ใจยายเกินร้อย แล้วใครจุดธูปเชิญแกกลับมาเหรอแม่ดอกเอื้องเมืองเหนือ ฉันนึกว่าแกจะจำทางกลับบ้านไม่ถูกแล้วซะอีก เชอะไปซะไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง ยายทิพย์สะบัดหน้าทำท่างอนพองาม
ระวังน้ำหมากจะกระจายนะยาย แหมสะบัดซะ ภรัณยาหัวเราะร่วนออกมาเมื่อเห็นใบหน้าง้ำงอของยาย
รันทำไมกลับมาวันนี้ล่ะ ปราณีถามอย่างสงสัย
หนูมากับไอ้ล้อมมันแม่ พวกเรามาซื้อพวกอุปกรณ์เขียนภาพอยู่ที่โน่นวาดภาพกันกระจาย
กินข้าวกินปลามาหรือยังล่ะลูก ปราณีถามขึ้น
ยังหรอกแม่ วันนี้มีอะไรกินล่ะ ภรัณยาถามน้ำเสียงร่าเริง หญิงสาวหยุดนิ่งชั่วครู่เมื่อเห็นประกายบางอย่างกำลังฉายออกมาจากแววตาของแม่ที่เหมือนกำลังครุ่นคิดกับปัญหาที่แก้ไม่ตก ใบหน้าสวยหวานหันกลับไปมองผู้เป็นยายอีกครั้งพอสังเกตชัดๆเธอถึงกับขมวดคิ้วน้อยๆ ถึงแม้ใบหน้าของยายทิพย์จะดูแช่มชื่นที่เห็นเธอแต่ประกายตาที่ถ่ายทอดออกมากลับหม่นหมองดูเหมือนคนกำลังมีความทุกข์
วันนี้แม่ยังไม่ได้เตรียมกับข้าวอะไรเลย รันออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นที่หน้าปากซอยมากินได้ไหมลูก ปราณีบอกน้ำเสียงเนือยๆ
แม่มีอะไรหรือเปล่า? ภรัณยาตัดสินใจถามขึ้นเมื่อเห็นความผิดปกติของมารดา
เปล่าจ๊ะ... ปราณีส่ายหน้าไปมาแล้วพยายามหลบสายตาของบุตรสาว
แล้วนั่นกระดาษอะไร? ภรัณยาชี้มือไปที่กระดาษสีขาวที่อยู่ในมือของปราณี
ปะ..เปล่าจ๊ะ..จดหมายของนักเรียน ปราณีส่ายหน้าปฏิเสธแล้วทำท่าจะลุกขึ้น
ใช่เหรอ? ไหนขอรันดูหน่อยสิ ภรัณยาแบมือขอ
แกจะเสือกทำไมเห๊อะ มันก็แค่จดหมายที่นักเรียนเขียนมาให้ครู ยายทิพย์เปล่งภาษาดอกไม้ออกมาห้ามทัพ
ใช่ไหมน่ะ จะของใครก็ช่างเอามานี่เลยแม่ จดหมายนักเรียนหรือจดหมายหนุ่มใหญ่ที่ไหนส่งมากันแน่ เดี๋ยวนี้มีลับลมคมในกับรันเหรอ ถ้าแม่จะมีกิ๊กรันก็ต้องเป็นหนึ่งในคณะกรรมการคัดเลือก ส่งมาเร็วๆเลยแม่ ภรัณยาแบมือแล้วทำเสียงเร่งเร้า
ปราณีเหลือบไปมองหน้าของยายทิพย์แล้วส่ายหน้าน้อยๆ หญิงชราพยักหน้าบอกบุตรตรีเป็นเชิงให้มันไปเถอะลูก เพราะถ้าไม่ให้ดีๆ ดูท่ามันจะกระโดดเข้าไปขย้ำแล้วยื้อแย่งไปอ่านจนได้นั่นแหละ เมื่อฝ่ายสนับสนุนมีมติให้ดำเนินตามคำร้องขอปราณีจึงตัดสินใจยื่นกระดาษที่อยู่ในมือไปให้บุตรสาว
ภรัณยายิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อยื่นมือไปรับกระดาษจากมารดา หญิงสาวอมยิ้มหรี่ตาแล้วกระพริบตาข้างเดียวหยอกล้อ เพราะคิดว่าข้อความในกระดาษคงจะเป็นจดหมายรักของใครซักคนที่เขียนมาถึงแม่ของเธอ มือเรียวยกกระดาษขึ้นในระดับสายตาแล้วทำท่ากระแอมกระไอ สายตาสีน้ำตาลเข้มจ้องไปที่ข้อความสีแดง แล้วขมวดคิ้วจนยุ่งเหยิงจดหมายรักของคนโลกไหนหว่าถึงเขียนหราว่า Notice สีแดงตัวเบ่อเร่อเบ่อร่าอยู่กลางหน้ากระดาษขนาดนี้
ตายๆอกอีแป้นกระตุก....มะ..มะ...แม่นี่มันจดหมายทวงหนี้ไม่ใช่เหรอ พออ่านข้อความไปได้ซักพักใบหน้าหวานๆที่กวนอารมณ์ของคนเป็นแม่ก็เผือดซีด
แล้วรันคิดว่ามันเป็นจดหมายอะไรล่ะลูก ปราณียังมีอารมณ์ถามกลับให้อีกคงงงเล่น
เจอตัวหนังสือสีแดงหราขนาดนี้รันเลิกคิดว่าเป็นจดหมายรักไปซักพักแล้วล่ะแม่ จดหมายทวงหนี้อะไรเหรอแม่ เท่าที่อ่านข้อความในวงเล็บมันเขียนว่า (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน) เชียวนะแม่ ภรัณยาถามหน้าตาตื่น
อือ.... ปราณีพยักหน้ายอมรับ
แล้วนี่ก็เป็นชื่อแม่ มีลายเซ็นของแม่ด้วย
อือ..
แล้วเขาก็บอกว่าให้แม่จ่ายเงินเขาทั้งต้นทั้งดอกให้ครบภายในสองวัน ซึ่งวันสุดท้ายก็คือพรุ่งนี้ใช่ไหมแม่
.... ปราณีไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงถูกแล้วลูก
มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะแม่แม่มีปัญหาเรื่องเงินทำไมไม่บอกรัน ภรัณยาถามเสียงสั่นเล็กน้อยด้วยความรู้สึกผิดที่เธอมัวแต่สนุกสนานอยู่กับการวาดรูป จนลืมหันกลับมาดูแลครอบครัวที่เหลืออยู่ของตัวเอง
แม่ไม่อยากให้รันไม่สบายใจ ปราณีพูดน้ำเสียงสั่นเครือ
แล้วตอนนี้แม่คิดว่ารันสบายใจเหรอคะ แม่เล่าให้รันฟังได้ไหมคะว่าระหว่างที่รันไม่อยู่ที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้น ภรัณยาพยายามปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง
เมื่อสองเดือนก่อนมีคนแจ้งว่าต้องการจะบริจาคเงินให้กับทางโรงเรียน โดยโอนเงินผ่านเลขบัญชีกลางของทางโรงเรียนแม่ถูกแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการและเลขานุการ เพื่อดูแลควบคุมการนำเงินออกไปใช้ พอเงินโอนเข้าบัญชีของโรงเรียนผู้อำนวยการก็ให้แม่เป็นคนไปเบิกเมื่อเบิกเงินมาแล้วแม่ก็เอาไปใส่ในตู้เชฟของโรงเรียน แต่ตอนที่ใส่เงินลงไปในเชฟแม่ไม่ได้พาใครไปเป็นพยานด้วย แม่ประมาทเอง ปราณีเล่าไปน้ำตาก็พาลจะร่วง
เดาได้เลยเงินหายใช่ไหมแม่ ภรัณยารวบรัดตัดตอน
พอรุ่งเช้าผู้อำนวยการบอกให้เจ้าหน้าที่การเงินมาเปิดเชฟปรากฏว่าเงินไม่อยู่
อ้าวก็แม่ใส่ไปแล้วถ้ามันหายก็ไม่น่าใช่ความผิดของแม่นี่
ตู้เชฟไม่มีร่องรอยถูกงัด จำนวนเงินก้อนนี้ก็มีแค่คนไม่กี่คนที่รู้ และที่สำคัญกุญแจมันอยู่กับแม่ดอกหนึ่ง ถึงทุกคนจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่สายตาทุกคนกลับจ้องว่าแม่เป็นคนเอาเงินไป แม่พยายามจะแจ้งความแต่ผู้อำนวยการท่านบอกว่าไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ ไม่มีคนร่วมรับผิดชอบทุกคนผลักให้เป็นภาระของแม่เพราะเขาคิดว่าแม่เป็นคนเอาไป แม่ไม่มีทางเลือกจริงๆ ภรัณยาเขยิบเข้าไปวางมือที่เข่าของมารดาแล้วบีบน้อยๆ เมื่อได้ยินคำบอกเล่าที่เจือปนมากับความขมขื่น
ครูยุพาเพื่อนแม่แนะนำให้แม่หาทางเอาเงินมาคืนเชฟก่อนแล้วค่อยตามหาตัวคนร้าย ดีกว่าปล่อยให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน ตอนนั้นแม่ก็มัวแต่กลัวพอเพื่อนยื่นทางออกมาให้แม่ก็เลยรีบคว้า ครูยุพาแนะนำให้แม่เอาที่บ้านไปจำนองกับผู้ชายคนหนึ่งในราคาล้านห้า ตอนนั้นแม่คิดแค่ว่าจะรีบหาเงินมาชดใช้เขาก็เลยไม่ทันได้เฉลียวใจว่าทำไมเขาถึงให้ราคาบ้านของเราสูงขนาดนี้ ปราณียกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วก้มหน้ามองมือของบุตรสาวที่กำลังบีบให้กำลังใจ
แม่อย่าร้อง...เดี๋ยวรันจัดการเรื่องนี้เอง ภรัณยาพยายามฝืนยิ้มแล้วยืดตัวขึ้น
เห็นแม่ลูกเขาซึ้งแค่นี้ เงียบไปเลยเหรอยาย แน่ะมีแอบน้ำตาร่วงเพราะความซึ้งใจด้วย หญิงสาวหันไปเย้าแหย่ผู้เป็นยายหวังจะใช้ความสนุกสนานเข้าทำลายความทุกข์ระทมของคนสำคัญทั้งสอง
ฉันร้องเพราะกลัวจะไม่มีที่ซุกหัวนอนต่างหาก...แกไม่รู้หรอกว่าฉันรักบ้านหลังนี้แค่ไหน..ฉันอยากตายอยู่ที่นี่ ยายทิพย์บอกปนสะอื้น
ภรัณยานิ่งคิดชั่วครู่ หญิงสาวก้มหน้ามองดูกระดาษที่อยู่ในมือ เดี๋ยวรันจะลองโทรคุยกับเจ้าหนี้แม่ดูเผื่อเราจะขอผัดผ่อนเขาได้ ตอนนี้เงินเก็บรันที่มีอยู่ก็น่าจะรวมได้เกือบๆห้าแสน เราจ่ายเป็นดอกเขาไปแล้วค่อยผ่อนส่งเป็นงวดๆ มันน่าจะเป็นทางออกที่ดี แม่อย่าคิดมากนะรันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง ภรัณยาบอกน้ำเสียงมาดมั่นถึงจะรู้สึกหวั่นๆ กับหนทางที่ยังไม่รู้จะแก้ไขยังไงให้ผ่อนเบา
รันเงินเยอะขนาดนั้นหนูคนเดียวจะไหวเหรอลูก ปราณีถามน้ำเสียงห่วงใย
ยายมีอยู่เกือบสองแสนแกไปเบิกเอาสิ ยายทิพย์เสนองบประมาณที่มีเข้าสมทบ
ไม่เป็นไรหรอก ยายเก็บไว้ใช้ยามที่ต้องย้ายไปอยู่บ้านบางแคเถอะ เผื่อเราสามคนระหกระเหินรันจะได้เอายายไปฝากให้เขาดูแล ภรัณยาหันไปกระเซ้ายายด้วยสีหน้าระรื่นจนได้รับเสียงโฮของยายทิพย์เป็นของกำนัล
ดูเถอะเจ้านิไอ้หลานของฉันมันจะพาฉันไปปล่อยบ้านพักคนชรา ฮือๆ มันจะพาฉันไปทิ้งแน่ะ ยายทิพย์เริ่มโวยวาย
อ้าวยายรันพูดเล่นร้องจริงเหรอนั่น โอ๋ๆ รันล้อเล่นยายจ๋าๆ อย่าร้องนะรันสัญญารันจะทำทุกวิถีทางที่จะรักษาบ้านหลังนี้ไว้ ยายไม่ต้องกลัวนะ ภรัณยาโผเข้าไปกอดปลอบใจยายทิพย์แล้วยิ้มออกมาบางๆ โถคนแก่กลัวการถูกทิ้งขนาดนี้เลยเหรอนี่
แม่รันฝากเก็บกระเป๋าหน่อยนะเดี๋ยวรันจะโทรไปที่เบอร์นี้แล้วจะออกไปพบเขาซักหน่อย ภรัณยาชี้ไปที่กระดาษในมือก่อนจะคว้ากระเป๋าผ้าลดโลกร้อนตามกระแสขึ้นคล้องไหล่แล้วระโดดลงบ้านไป
รันมันจะทุ่มแล้วนะลูกพรุ่งนี้ค่อยไปดีกว่าไหม ปราณีตะโกนตามหลังแต่ไม่ทันเมื่อร่างบางเดินฉับๆ ออกไปแล้ว
ภรัณยาเดินออกจากตรอกด้วยความรู้สึกเลื่อนลอยเหมือนอยู่ในความฝัน ถนนที่เคยพลุกพล่านมาตลอดวันพลันเงียบสนิท หญิงสาวทรุดลงนั่งบนแคร่ไม้ไผ่ที่วางอยู่ใต้ต้นไม้มองดูกระดาษเจ้าปัญหาในมือแล้วนิ่งคิดว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง สายตาคมสีเข้มจ้องไปที่หมายเลขโทรศัพท์ที่อยู่ในข้อความเล็กๆ ว่าหากความประสงค์ขอประนอมหนี้ให้ติดต่อไปยังเบอร์ที่ปรากฎอยู่ หญิงสาวมองหมายเลขโทรศัพท์อย่างมีความหวัง เมื่อตัดสินใจได้เธอจึงล้วงมือลงไปบนกระเป๋าผ้าแล้วหยิบโทรศัพท์สีเงินที่เคยเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเมื่อห้าปีที่แล้วขึ้นมากด
ใบหน้าสวยหวานแย้มยิ้มออกมาเมื่อปลายสายตอบรับนัดเธออย่างง่ายดาย เมื่อทราบสถานที่นัดพบภรัณยาจึงเด้งตัวลุกจากแคร่แล้วเดินตรงดิ่งออกจากตรอกเพื่อมุ่งหน้าไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ถัดไปอีกสองซอย บรรยากาศของถนนในเมืองใหญ่ยังคงมีรถราหนาแน่น เสียงเครื่องยนต์ที่กระหึ่มพร้อมกับเสียงบีบแตรรถดังระงมไปทั่วทั้งถนนถึงจะน่ารำคาญแต่ภรัณยาก็ไม่ได้ใส่ใจนัก หญิงสาวหยิบกระดาษที่เธอจดสถานที่นัดพบลงไปขึ้นมาอ่านเพื่อตัดสินใจว่าเธอจะเลือกเดินทางด้วยวิธีใด
อยู่ไกลเหมือนกันนะเนี่ย หญิงสาวบ่นเบาๆ เมื่อประมาณการด้านระยะทางจบลง ใบหน้าสวยหวานเงยไปมองรถเมล์ที่กำลังเหยียบเบรกเมื่อใกล้ถึงป้าย รอยยิ้มบางๆ ผุดออกมาจากมุมปากของเธอเมื่อเห็นมีคนยืนบ้างนั่งบ้างอันแน่นเป็นเม็ดข้าวที่เรียงอยู่ในกระบอกข้าวหลาม สมัยนี้คงเปรียบคนที่อัดอยู่ในรถเมล์เป็นปลากระป๋องไม่ได้เสียแล้ว เพราะปลากระป๋องอย่างมากมันก็มีแค่สามตัวแต่รถเมล์ที่ติดเครื่องกระหึ่มอยู่ตรงหน้ามีผู้โดยสารอัดอยู่ในนั้นน่าจะมากกว่าครึ่งร้อย ในยามตัวรถกระชากออกไปคนที่ห้อยโหนก็จะโยกกายฉึกฉักไปตามจังหวะของการออกตัว ดูแล้วสมเพชตัวเองซะไม่มีที่จะต้องไปห้อยโหนเป็นลิงเป็นค่างอยู่บนนั้นบ้าง
เมื่อไม่อาจแทรกกายอันผอมบางไปหาจุดยืนบนรถเมล์ได้ ภรัณยาจึงยอมกัดฟันโบกมือเรียกแท็กซี่ รถแท็กซี่ส่วนบุคคลสีเขียวเหลืองจอดเทียบฟุตบาทหญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดประตูรถเพื่อแจ้งเส้นทาง เมื่อคนขับพยักหน้ารับเป็นสารถีเธอจึงไม่รีรอร่างบางมุดตัวลงไปนั่งหน้าเครียดก่อนจะเอนหลังพิงกับเบาะรถแล้วพยายามคิดหาคำพูดสวยๆ น่าฟังๆ ในยามจะต้องเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ที่ต้องเรียกว่า หน้าเลือด ใจร้าย และไม่มีมนุษยธรรม
*********************
เกือบสามทุ่มรถแท็กซี่เลี้ยวเข้าไปหยุดตรงหน้าคอนโดมีเนี่ยมสุดหรู ถึงจะแปลกใจว่าทำไมเจ้าหนี้จอมวายร้ายถึงนัดเธอมาตกลงที่นี่แต่เมื่อไม่มีทางเลือกเธอก็จำต้องยอมทำตามทุกเงื่อนไขของคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ภรัณยาเปิดกกระเป๋าตังค์หยิบเงินในกระเป๋าส่งให้คนขับแท็กซี่แล้วก้าวลงไปยืนชั่งใจชั่วครู่
โอ้โหหรูหราอะไรจะขนาดนี้ ขึ้นไปจะโดนยามดักไหมล่ะเนี่ย หญิงสาวก้มลงมองสภาพของตัวเองที่มอซอจนดูไม่เหมาะกับการที่จะมาเดินเพ่นพ่านอยู่ในสถานที่ที่เริดหรูขนาดนี้ ถึงจะกลัวยามไล่ตะเพิดแต่เธอก็จำต้องเสี่ยงเอาหน้าไปขาย ภรัณยาเดินเหนียมสุดชีวิตตรงไปยังป้อมยามที่ดูหรูกว่าบ้านของเธอเสียอีก ใบหน้าสวยหวานค่อยๆเยี่ยมหน้าไปที่ช่องกระจก แล้วส่งยิ้มหวานหยดย้อยไปให้ พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าตาใจดีๆ ที่กำลังนั่งอ้าปากหาวหวอดๆ
ลุงยามคะ
เฮ๊ย! เอาอะไรมาขายเรอะอีหนูไปไป๊ที่นี่เขาไม่ให้คนเอาของมาเร่ขาย รปภ.หน้าตาใจดีที่มีความสามารถพิเศษในด้านการมองรีบโบกมือไล่เมื่อเห็นสภาพมอซอของหญิงสาวหน้าตาสวยหวานโผล่โฉมมาครึ่งตัว
โหลุงหนูมาธุระ นี่กับคนชื่อนี้อยู่ชั้นนี้ ภรัณยายื่นกระดาษให้แล้วยืนนิ่งๆรอคำตอบ
อ้าวเหรอโทษทีๆ ก็เห็นผอมๆ โซๆ ลุงก็นึกว่าเป็นไอ้พวกเด็กเร่ร่อนมันมาขายของน่ะสิ รปภ. ยังมีแก่ใจตอกย้ำความเหมือนให้อีกคนขาดความมั่นใจ ลุงลองโทรไปถามเขาหน่อยสิว่าอนุญาตให้หนูขึ้นไปไหม
ขึ้นไปเลยท่านโทรมาบอกลุงไว้แล้วล่ะ โน่นเดินเข้าประตูนั้นเลยนะเดินไปก็เลี้ยวซ้าย ถ้าไม่อยากหอบตายก็ขึ้นลิฟท์ไปห้องของท่านอยู่ที่ชั้นห้าสิบห้า พอออกจากลิฟท์ก็เลี้ยวขวาแล้วหาเลขเอาเอง ถ้าไม่เจอก็กดห้านะโทรศัพท์อยู่ข้างๆลิฟท์นั่นแหละ รปภ.ผู้อารียื่นกระดาษคืนให้หญิงสาวแล้วยิ้มน้อยๆ
ขอบคุณมากค่ะลุงฉันไปล่ะ ภรัณยายื่นมือไปรับกระดาษมาแล้วยัดลงไปในถุงผ้า หญิงสาวยิ้มแล้วเดินตรงไปยังตึกสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางไม่มั่นอกมั่นใจ พอขาเหยียบเข้าไปในตัวตึกความรู้สึกแตกต่างระหว่างชนชั้นก็วิ่งกันให้พล่าน เออหนอชีวิตของคนจนคนรวยเห็นชัดๆ ว่าฟ้ากับเหวมันเป็นยังไงก็วันนี้ เกิดมาก็เพิ่งเคยประหม่ากับความหรูหราที่กำลังเผชิญ
ชั่วอึดใจร่างบางก็ออกมายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ที่หน้าลิฟท์ หญิงสาวหันไปมองทางซ้ายทีทางขวาทีแล้วจึงตัดสินใจหมุนตัวจะเดินกลับเข้าไปในลิฟท์ ร่างบางหยุดกึกเมื่อประตูที่เธอตั้งใจผ่านเข้าไปปิดสนิท ภรัณยารู้สึกไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองเอาเสียเลยกับการเจราในครั้งนี้ มือเรียวควานลงไปในถุงผ้าแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อมือสัมผัสกับเครื่องซ๊อตไฟฟ้า อุปกรณ์ที่เธอพกติดตัวตลอดเวลา
Create Date : 21 สิงหาคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 21 สิงหาคม 2552 13:38:33 น. |
Counter : 451 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ได้ติดตามอ่านเรื่องนี้เป็นระยะๆครับ
มาส่งข่าวครับว่า วันนี้ได้อัพบล็อกงานศิลปะครับ
ขอให้มีความสุขในวันหยุดนะครับ