sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 2 ชำระแค้น





ภูนเรศเดินหน้าเรียบเฉยเข้ามาในห้องนั่งเล่น ร่างสูงทรุดนั่งลงบนโซฟาแล้วยกขาขึ้นพาดกับโต๊ะแล้วกระดิกเท้าไปมาอย่างสบายอารมณ์ ดนัยผุดลุกแล้วพยายามดิ้นรนแววตาสีเทาหม่นจ้องศัตรูรุ่นลูกอย่างอาฆาต ชายกลางคนพยายามพูดเสียงอู้อีผ่านผ้าสีขาวที่มัดปากไว้

“แกจะถามฉันล่ะสิว่าลูกสาวแกลีลาดีไหม” ภูนเรศเลิกคิ้วกวนอารมณ์จนทำให้อีกฝ่ายเดือดดาล

“หึหึ ดนัยแกรู้สึกเป็นยังไงบ้างล่ะเวลาที่ถูกคนอื่นทำลายของรัก ฉันจะบอกให้นะลูกสาวแกน่ะ อื้อหืม....สุดๆ” ภูนเรศทำหน้าเคลิ้มจนอีกคนแทบคลั่ง

“อื้อ.... อื้อ.... อื้อ.....” ดนัยดิ้นรนแล้วแผดเสียงออกมาอย่างเหลืออด

“แกจะเดือดทำไมนักหนา แกลองนั่งสงบจิตสงบใจแล้วนึกถึงความสูญเสียของฉันสิ นึกดีๆสิแกจะได้รู้ความรู้สึกของฉันว่ามันเจ็บแค่ไหนในยามที่ต้องสูญเสีย หิรัญแก้ผ้าที่มัดปากมันออกที” ภูนเรศหันไปพยักหน้าบอกคนติดตาม

“ไอ้ภูแกมันหน้าตัวเมีย เรื่องนี้มันเป็นเรื่องระหว่างฉันกับแก ถ้าแค้นแกทำไมไม่มาลงที่ฉัน ลูกสาวฉันไม่เกี่ยวด้วยแกมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย” พอปากได้รับอิสระดนัยก็ก่นด่าขึ้นทันที

“แกไม่ต้องกลัวหรอกโทษของแกยังไงฉันก็ไม่ละเว้นอยู่แล้ว ส่วนลูกสาวของแกก็คิดเสียว่าเป็นดอกผลให้กับหนี้แค้นที่แกติดค้างฉันอยู่ก็แล้วกัน ไอ้ดนัยฉันจะให้เวลาแกสามวันในสามวันนี้แกจะต้องคืนทุกอย่างมาให้ฉัน”

“ฮ่าๆ ฮ่าๆ” ดนัยแผดเสียงหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า “อยากได้คืนงั้นเหรออยากได้แกก็ไปเสี่ยงโชคเอาสิ ไอ้โง่”

“แกพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง มันหมายความว่ายังไง” ภูนเรศหดขาลงแล้วผุดลุกขึ้น

“แกไม่รู้เหรอว่าฉันเอาเงินไปใช้จนหมดแล้ว” ดนัยเหยียดยิ้มอย่างสะใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังเต้นเร่าๆ

“แล้วใบหุ้นอีกห้าสิบเปอร์เซ็นที่แกหลอกให้พ่อฉันเซ็นให้ล่ะมันอยู่ไหน?” ภูนเรศถามเสียงร้อนรน

“ไอ้หุ้นสัปรังเคนั่นน่ะเหรอ ฉันจำนองได้ไม่ถึงสิบล้านด้วยซ้ำ แกจะเอามันไปทำไมในเมื่อสภาพของบริษัทกำลังจะล้มไม่เป็นท่าอยู่แล้ว ฉันจะบอกให้นะไอ้ภูว่าบริษัทที่พ่อแกรักนักหนามันจะล้มมานานแล้ว ข้อนี้พ่อแกก็รู้ดีแทนที่พ่อแกจะฉลาดแล้วหยุดทุกอย่างในขณะที่พอจะเอาตัวรอดมันก็ไม่ทำ ฉันบอกมันแล้วแต่มันไม่ฟังฉันเอง ที่พ่อแกยิงตัวตายมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน พ่อแกมันใจเสาะรับไม่ได้กับความล้มเหลว ถ้าฉันไม่ดึงหุ้นพวกนี้มาธนาคารมันก็ต้องมายึดไปอยู่ดี” ดนัยพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ได้สะทกสะท้านกับอะไร

“แกหมายความว่าแกเอาทุกอย่างที่โกงพ่อฉันมาไปละเลงที่บ่อนอย่างนั้นเหรอ ไอ้สารเลว” ภูนเรศกระชากคอเสื้อของดนัยแล้วตะคอกถาม

“ถ้าใช่แล้วแกจะทำไม ฮ่าๆ แกรู้ไหมว่าเงินส่วนหนึ่งที่มันหล่อเลี้ยงบริษัทมาได้ก็เพราะฉันเอามันไปเสี่ยงโชคแล้วต่อยอด ฉันพยายามพยุงบริษัทให้อยู่รอดมาตลอดแล้วพ่อแกมันทำอะไรบ้าง พ่อแกมันอ่อนไม่กล้าแม้แต่จะเสี่ยงโชคมัวแต่เดินหน้าบริหารแบบเก่าๆแก้ปัญหาแบบเดิมๆ ยุคนี้แกก็รู้ว่าการแข่งขันด้านตลาดมันสูงขนาดไหน มัวแต่งมเข็มอยู่ในอ่างแบบพ่อแกบริหารยังไงมันก็คงต้องล้มเข้าซักวัน พอบริษัททรุดมันก็เสือกใจเสาะกรอกปืนใส่ปากตัวเอง ฉันไม่ใช่คนที่จับปืนกรอกปากมันซะหน่อยแกจะมาโทษฉันได้ยังไง”

ผัวะ..เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นเมื่อภูนเรศโกรธจนถึงขีดสุด ดนัยสะบัดหน้าไปตามแรงหมัดที่โถมเข้าใส่จนรู้สึกชาไปทั้งหน้า ชายกลางคนยกไหล่ขึ้นมาเช็ดเลือดที่กำลังไหลซึมออกมาจากมุมปาก ดวงตาสีขุ่นจ้องชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน

“แกรับความจริงว่าพ่อแกอ่อนแกไม่ได้เหรอไอ้ลูกหมา แกมาว่าฉันโกงพ่อแกฉันขอถามแกหน่อยสิว่าถ้าพ่อแกไม่มีฉัน เอเชียอมฤตมันจะอยู่ได้ไหม ฉันแค่เอาสิ่งที่ฉันควรจะได้ฉันผิดตรงไหน ถ้าแกแน่แกก็หาทางเอากลับคืนมาเองสิ”

“ดนัยฉันเสียดายเวลาที่ผ่านมาจริงๆที่หลงนับถือคนอย่างแก แกมันเห็นแก่ตัว นับจากนี้ไปแกอย่าหวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบาย แกก็รู้นี่ว่าจุดจบของพวกผีการพนันมันเป็นยังไง” ภูนเรศหันไปจ้องหน้าผู้สูงวัยอย่างอาฆาต

“ฉันไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะฉันไม่ได้ใจเสาะเหมือนพ่อแก” ดนัยเบะปากเหยียดหยาม

“ก็ได้ถ้าแกคิดว่าสิ่งที่แกยักยอกมามันเป็นของที่แกควรจะได้ฉันก็จะยกให้ หิรัญกลับ” ภูนเรศหันไปบอกกับคนติดตามแล้วเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
ภูนเรศเดินหน้าตึงออกมาจากบ้านหลังงามด้วยความรู้สึกที่กรุ่นไปด้วยไฟแค้น สองสามปีมานี้ดนัยโกงเงินบริษัทไปเกือบร้อยล้าน เท่านั้นยังไม่พอเมื่อเดือนกว่าที่ผ่านมาเขายังเอาความลับของบริษัทไปขายให้กับคู่แข่งจนทำให้สถานการณ์ของ เอเชียอมฤต เบเวอร์เรจ เริ่มง่อนแง่นจนจวนจะพังแหล่มิพังแหล่อยู่แล้ว ชายหนุ่มกลับไปมองชายกลางคนที่นั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟาด้วยความคับแค้นใจ

หิรัญเดินตามร่างสูงกำยำไปขึ้นรถเงียบๆ ชายหนุ่มเหลือบมองใบหน้าคมสันของเจ้านายพอเห็นดวงตาสีเข้มจ้องมองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่ยากจะอ่านความคิด เขาจึงเลือกที่จะนิ่งเฉย เมื่อรถคันใหญ่ขับเคลื่อนออกไป ภูนเรศค่อยๆเอนกายพิงกับเบาะรถ ชายหนุ่มหลุบเปลือกตาลงแล้วนึกถึงเรื่องราวต่างๆในอดีต ดนัยเป็นเพื่อนสนิทของพ่อ ในอดีตทั้งคู่ถูกขนานนามว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งน้ำอมฤต ในขณะนั้นตลาดเบียร์ในประเทศไทยยังถือว่าแคบมาก แต่ เอเชียอมฤต เบเวอร์เรจ ก็ยังสามารถผงาดมาอยู่ในตลาดแถวหน้าและได้รับความนิยมมาตลอด

เขาเคยถามตัวเองซ้ำๆตั้งแต่วันที่ต้องสูญเสียบิดา ว่าทำไมดนัยถึงได้คิดทรยศบริษัทที่ตัวเขาเองก็มีส่วนในการสร้างให้ยิ่งใหญ่ หากจะมองเรื่องขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ ตลอดเวลาพ่อของเขาก็ไม่เคยเอาเปรียบกับผลกำไรที่ได้รับ ในแต่ละปีดนัยจะได้รับผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกันอยู่เสมอจนแทบจะเรียกว่าเป็นหุ้นส่วนกันเลยก็ว่าได้ แต่พอได้ฟังจากคำสารภาพของชายสูงวัยความกังวลใจก็เข้ามาแทรก ตลอดเวลาเขาไม่เคยรู้เลยว่าบริษัทที่ใครๆต่างก็มองว่ามั่นคงจะมีปัญหาถึงขนาดต้องใช้การพนันเข้ามาช่วยพยุงไว้ และนี่คงจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดนัยติดการพนัน ชายหนุ่มกัดกรามจนเป็นสันเมื่อนึกถึงใครอีกคน

“คุณภูจะไปไหนต่อไหมครับ” หิรัญถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายยังคงนั่งเงียบเชียบ

“ไปบ้านไอ้ดิสผมอยากคุยกับมัน” ภูนเรศบอกเสียงราบเรียบในขณะที่เปลือกตายังปิดสนิทอยู่

“มันดึกมากแล้วนะครับผมว่าคุณภูน่าจะกลับไปพักผ่อนก่อนนะครับ” หิรัญแนะนำ

“อืม..ถ้างั้นก็กลับบ้านก่อนก็แล้วกัน หิรัญให้คนของเราไปติดต่อที่บ่อนเรื่องซื้อหุ้นคืนด้วย พรุ่งนี้ ช่วงบ่ายคุณให้เลขาฯของคุณพ่อเรียกประชุมผู้บริหาร ผมจะเข้าแก้ไขสถานการณ์ในครั้งนี้เอง ส่วนเรื่องข้อมูลลับของบริษัทที่ดิสรณ์แอบเอาไปเราคงต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ทั้งหมด” ภูนเรศบอกอย่างหนักใจ

“ครับคุณภู” หิรัญโค้งศรีษะรับแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายทันที ภูนเรศเหลือบตามองคนติดตามที่เป็นทั้งเลขาฯ และบอดี้การ์ดนิดหนึ่งแล้วจึงเบนสายตากลับไปมองถนน ความคิดหลากหลายกำลังประเดประดังเข้ามาเมื่อนึกถึงเพื่อนที่เขาไว้วางใจมาตลอด ดิสรณ์เป็นเพื่อนคู่คิดให้เขามานาน ด้วยความไว้วางใจเขาจึงมอบหมายให้ชายหนุ่มดูแลธุรกิจโรงเบียร์ฯ ทั้งหมดของ เอเชียอมฤต เบเวอร์เรจ ส่วนตัวเขากลับเลือกที่จะอยู่ในไร่ข้าวบาร์เลย์ที่มีนับพันๆไร่อยู่ในภาคเหนือและบริษัทของตัวเอง

ถึง เอเชียอมฤต เบเวอร์เรจ จะเป็นบริษัทแม่ แต่ด้วยความที่เขาอยากลองสร้างธุรกิจจากความสามารถตัวเอง ภูนเรศจึงแอบซุ่มก่อตั้ง บริษัท คอเปอร์เรชั่น บิวเวอร์รี่ ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ในสองปีที่ผ่านมาเขาแอบตีตลาดใหญ่น้อยของ เอเชียอมฤต โดยที่ไม่มีใครรู้แม้แต่พ่อของเขาว่าคู่แข่งที่กำลังมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในขณะนี้คือ บริษัทของเขาเอง นอกจากจะการตลาดที่แข็งกว่า บริษัทของเขายังได้เปรียบด้านกำลังการผลิต หาก เอเซียอมฤตผลิตได้ 1 ล้านเฮกโตลิตรต่อปี คอเปอร์เรนั่น จะผลิตได้ 1.8 ล้าน เฮกโตลิตรต่อปี และยังไม่นับรวมโรงงานใหม่แห่งใหม่ที่สามารถผลิตได้อีกจำนวนหนึ่ง เพราะความได้เปรียบเรื่องวัตถุดิบ และโรงเบียร์ที่ได้มาตรฐานและการบริหารด้านการตลาดที่แข็งกว่า จึงทำให้บริษัทของเขาผงาดอยู่ในระดับแถวหน้าของกลุ่มนักดื่มเบียร์

**********************************

ดิสรณ์กำลังนั่งนัวเนียอยู่กับหญิงสาวหน้าตาสะสวยอยู่ในห้องระดับ วีไอพี ของผับหรู เสียงเพลงที่กำลังดังคลออยู่ช่วยปลุกเร้าอารมณ์ให้สนุกสนานจนชายหนุ่มอดที่จะโยกกายไปตามจังหวะของบทเพลงไม่ได้

“เอ๊าชนแก้วกันหน่อยเว้ย” เสียงอ้อแอ้ของชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนยื่นแก้วเหล้ามาให้

“ฮ่าๆ ฉลองให้กับความหายนะของไอ้ภูมัน” ดิสรณ์ยกแก้วขึ้นแล้วยื่นไปสัมผัสกับแก้วของเพื่อนเสียงดังแกร๊ง

“แกมันแน่จริงๆได้ดิส แบบนี้เขาเรียกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดใช่ไหมวะเพื่อน” ชายคนเดิมพูดน้ำเสียงชื่นชมจนคนฟังถึงกับยิ้มไม่หุบ

“มันอยากโง่เองช่วยไม่ได้ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะกู้วิฤตนี้ยังไง” ดิสรณ์ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวแล้วยิ้มอย่างสะใจ

“แกกับไอ้ภูสนิทกันมานานแล้วไม่ใช่เหรอ? พวกแกสองคนไปบาดหมางอะไรกันมาฮึไอ้ดิส ทำไมแกถึงหักหลังไอ้ภูมันล่ะ?”

“อย่าให้เล่าเลยว่ะวายุ เล่าแล้วความแค้นมันจุกอก” ดิสรณ์ส่ายหน้าแล้วจ้องไปที่แก้วเหล้าในมือ ชายหนุ่มนั่งกัดกรามแน่นเมื่อนึกถึงความบาดหมางที่คุกรุ่นอยู่ในใจ

“งานนี้คงได้มาหลายล้านล่ะสิดูแกล่ำซำไม่เบานี่ช่วงนี้” วายุถามสีหน้ามีแววอิจฉานิดๆ

“ก็เกือบสามสิบล้าน ไม่น่าเชื่อว่าแค่ข้อมูลแฟ้มเล็กๆ มันจะมีค่ามากมายขนาดนี้ น่าเสียดายที่อาดนัยมาขอส่วนแบ่งไม่งั้นป่านนี้ในกระเป๋าฉันคงมีมากกว่านี้” ดิสรณ์โอ้อวด

“โธ่พ่อตากับลูกเขยแบ่งกันกินแบ่งกันใช้จะเป็นอะไรไป แล้วแกจะแต่งงานกันคุณนิต้าจริงๆหรือเปล่าดิส” วายุถามขึ้น

“ไม่หรอกแกก็รู้ว่าฉันรักรัน ที่ฉันทำทุกวันนี้ก็เพื่อสร้างครอบครัวรอรัน” ดิสรณ์เอ่ยถึงแฟนสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“แม่นี่มีดีตรงไหนเหรอดิสฉันเห็นแกคลั่งเขาเหลือเกิน หน้าตาก็สวยอยู่หรอกแต่พวกอาร์ตๆน่ะมันเข้าใจยาก เกิดตีสแตกขึ้นมาอาร์ตตัวแม่เลยนะเว้ย” วายุพูดปนขำ

“อย่าพูดถึงรันแบบนี้อีกวายุฉันไม่ชอบ” ดิสรณ์วางแก้วลงบนโต๊ะดังกึกเมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่เข้าหู

“ถ้าแกพูดแบบนี้แล้วคุณนิต้าล่ะแกจะทำยังไงกับเธอ” วายุยังไม่วายสงสัย
“ฉันไม่ได้รักนิต้า ที่ฉันยอมทำทุกอย่างก็เพราะต้องการข้อมูลบางอย่างจากพ่อของเธอ แต่มันน่าขำตรงที่อาดนัยก็คิดไม่ซื่อกับพ่อไอ้ภูเหมือนกันงานนี้มันก็เลยเข้าทาง หึหึ” ดิสรณ์ยิ้มให้กับชัยชนะของตัวเอง

“แบบนี้เขาเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกมาหลายตัว เอาเถอะถ้าแกไม่รักคุณนิต้า ฉันจะเป็นคนรับช่วงต่อจากแกเอง แกมันโง่คุณนิต้าทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ เห็นแล้วบอกตรงๆร้อนชะมัดเลยว่ะ แล้วไหนจะมีเงินมีชื่อเสียงในกลุ่มพวกไฮโซอีกแกแต่งงานกับเธอรับรองคนอิจฉากันทั้งเมือง”

“นิต้าเด็ดก็จริงแต่ฉันไม่ชอบแบบนี้ อีกอย่างตอนนี้อาดนัยกำลังติดการพนันเงินทองมีเท่าไหร่ก็เอาไปถลุงในบ่อนหมด กิจการสปาของนิต้าก็ง่อนแง่นพอๆกันและดูท่านิต้าเป็นคนจมไม่ลงด้วยขืนแต่งงานไป ฉันคงได้หาเงินให้สองพ่อลูกนั่นถลุงจนตาเหลือก”

“แกเป็นคนพาอาดนัยเข้าบ่อนไม่ใช่เหรอ แกสอนเขาเองแกจะไม่รับผิดชอบพาพ่อตาไปวัดรดน้ำมนต์ไล่ผีพนันออกหน่อยเหรอ ตอนนี้แกก็ล้มไอ้ภูได้แล้วนี่”

“รดยังไงก็คงสายไปแล้วล่ะดูท่าอาดนัยคงจะติดงอมแงมไปแล้วมีเงินเป็นไม่ได้วิ่งแจ้นเข้าบ่อนทุกที เฮ้อ! จะว่าไปก็สงสารนิต้าเหมือนกัน แต่ก็ช่วยไม่ได้ถ้าไม่ปั่นหัวอาดนัยฉันก็ล้มเอเชียอมฤตไม่ได้ ตอนนี้ฉันสะใจจริงๆที่เห็นครอบครัวไอ้ภูมันใกล้ล้มละลาย อาทิตย์หน้าธนาคารคงจะเข้ามาเจรจาเรื่องฟ้อง ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะฟื้นบริษัทที่ล้มไม่เป็นท่าขึ้นมายังไง ไอ้ภูวันๆมันอยู่แต่ในป่าในไร่มันจะไปรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการบริหาร ที่บริษัทเอเชีย เบเวอร์เรจมันอยู่ได้ก็เพราะฉันคอยพยุงให้” ดิสรณ์แค่นยิ้ม
“ดิสฉันถามแกจริงๆเถอะว่าไอ้ดิสมันไปทำอะไรให้แกนักหนา ทำไมแกถึงไปอาฆาตแค้นมันขนาดนั้น” วายุถามด้วยความสงสัย

“มันไม่ใช่เรื่องของแก เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วล่ะวันนี้นัดรันไว้” ดิสรณ์เลี่ยงที่จะตอบคำถาม

“คำก็รันสองคำก็รัน ไม่ยักรู้ว่าแกชอบพวกศิลปินเดินดินที่มีแต่อุดมการณ์ ดิสความรักกับอุดมการณ์มันกินไม่ได้หรอกนะเว้ย แกจะไปคบทำไมกับผู้หญิงที่ไร้เกรดอย่างนั้น”

“วายุถ้าแกดูถูกรันอีกคำเดียวรับรองวันนี้ฉันจะเลาะฟันแกออกมา ถ้าแกยังอยากจะคบกับฉันอย่าพูดแบบนี้อีก” ดิสรณ์ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

“อะไรของมันวะไอ้นี่ ติสแตกตามแฟนหรือไงกัน” วายุมองตามร่างสูงโปร่งของเพื่อนอย่างงๆ

ดิสรณ์เดินออกจากผับอย่างไม่สบอารมณ์นัก ชายหนุ่มเดินดุ่มๆไปที่รถแล้วขับออกไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาที่สาวๆเห็นเป็นต้องละลายจ้องไปข้างหน้าแล้วปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปกับความเร็วของการขับขี่ เกือบสิบปีมานี้เขาบ่มเก็บความแค้นจนแน่นอก การแก้แค้นที่แสนยาวนานจบลงอย่างสวยงาม ภูริศ วรเดชา และดนัย พิศาลสารน์ ต่างก็ล้มไม่เป็นท่า น่าเสียดายที่ภูริศใจเสาะชิงฆ่าตัวตายไปก่อนจึงทำให้ความแค้นที่ชำระไปยังไม่สะใจเท่าที่ควร ส่วนดนัยถึงแม้จะยังมีชีวิตอยู่แต่บั้นปลายก็คงไม่ต่างจากคนที่ตายทั้งเป็น ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงนิต้าผู้หญิงที่เขายอมเข้าไปข้องเกี่ยวเพียงเพราะต้องการหลอกใช้ ถ้าดนัยรู้ว่าเขาเป็นใครไอ้แก่นั่นจะรู้สึกยังไงนะ

***************************

บรรยากาศเช้าตรู่ของชุมชนเล็กๆในเมืองใหญ่เริ่มจอแจไปด้วยการดิ้นรนของคนเมือง ภรัณยายืนอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน หญิงสาวฉีดกระบอกน้ำลงไปที่กระถางกล้วยไม้ที่แขวนระโยงระยางอยู่บนราวที่ทอดยาวไปจนสุดระเบียง แล้วยิ้มน้อยๆให้กับความวุ่นวายของเสียงโหวกเหวกที่อยู่รอบๆกาย “อ้าวไอ้รันวันนี้ไม่ออกไปไหนเรอะ” เสียงแหวๆของป้ามาลีแม่ค้าขายไก่ย่างตะโกนถามข้ามรั้วมา

“ไม่ไปจ้าวันนี้ว่าจะนั่งวาดรูปป้าตอนย่างไก่แล้วส่งเข้าประกวดหาเงินมาซื้อไก่ย่างกินซักหน่อย” ภรัณยาตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงจนคนฟังถึงกับยิ้มแป้น

“วาดให้สวยๆเหมือนตัวจริงล่ะไม่งั้นป้าไม่ยอมนะ” ป้ามาลียังตะโกนกลับมาก่อนจะเข็นรถผ่านเลยไปทางปากซอย

“พี่รันๆพระมาแล้ว” เจ้าปืนเด็กข้างบ้านวิ่งห้อมาเกาะรั้วแล้วตะโกนบอก

“มาแล้วเหรอ ปืนเอ็งดักพระไว้นะเดี๋ยวพี่ไปเรียกยายก่อน” ภรัณยาตะโกนบอก “ยายๆพระมาแล้วเร็วๆเดี๋ยวไม่ทันหลวงพ่อนะ” หญิงสาววิ่งเข้าไปในบ้านแล้วคว้าโถข้าวพร้อมกับถาดกับข้าวที่จัดวางไว้อยู่บนโต๊ะด้วยท่าทางที่รีบร้อนจนได้รับบทเทศนาพร้อมพรก่อนพระ

“ไอ้รันแกจะรีบร้อนอะไรนักหนานิสัยกระโดกกระเดกเป็นลิงเป็นค่างแบบนี้เมื่อไหร่จะหายซักที” เสียงยายทิพย์ให้พรอีกตามเคย

“โธ่ยายขืนชักช้าจะทันพระท่านไหมล่ะ สมัยนี้ทุกคนต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลาไม่รู้หรือไง มัวแต่ช้าเป็นเต่าจะไปทันทำมาหากินอะไร” ภรัณยายกของที่เตรียมใส่บาตรกระวีกระวาดกระโดดลงจากบันไดที่ช่างอุตส่าห์ทำไว้ให้ตั้งสามขั้น แล้วมายืนชะเง้อคอมองไปที่ถนน

“เวลาทำบุญมันต้องใจเย็นๆ ทำด้วยความสุขุมและตั้งใจ มันถึงจะได้บุญ แกเป็นผู้หญิงหัดสำรวมเสียบ้างเวลาพระเจ้าท่านมาก็ให้มันสงบๆหน่อย “นิมนต์เจ้าค่ะ” ก่อนที่บทเทศนาจะไหลออกมาไม่หยุดพระสงฆ์ที่เดินรับบาตรก็มาหยุดยืนอยู่หน้าบ้าน พอระฆังมาช่วยภรัณยาก็ถึงกับยิ้มแฉ่ง “ขอบคุณหลวงพ่อค่ะที่มาช่วยลูกช้างได้ทันเวลา” หญิงสาวนั่งลงแล้วพนมมือขึ้นท่วมหัว

“โยมทิพย์ให้พรหลานสาวอีกแล้วสินะ” เสียงหลวงพ่อถามขึ้น

“หลวงพ่อก็ดูมันสิคะ อีฉันไม่รู้จะอบรมมันยังไงแล้วล่ะค่ะ” ยายทิพย์บ่นแล้วยิ้มน้อยๆ หญิงชรายื่นมือไปรับโถข้าวที่หลานสาวส่งมาให้ก่อนจะบรรจงตักข้าวสวยที่หุงเรียงเม็ดอย่างดีใส่ลงไปในบาตร แล้วตามด้วยถุงกับข้าวทั้งคาวและหวานก่อนจะถอยให้หลานสาวเอาช่อดอกไม้ไปวางที่ฝาบาตร

“เจ้าประคุ๊ณไม่ว่าจะเกิดชาติหน้าหรือชาติไหนก็ขอให้ลูกช้างสวยวันสวยคืนด้วยเถ๊อะ” และเสียงขอพรที่คุ้นชินก็ดังขึ้นเหมือนเช่นเคย

ยายทิพย์ส่ายหน้าอย่างระอากับคำพูดของหลานสาว หญิงชราเดินตักข้าวในโถใส่ลงไปในบาตรของพระรูปที่สองและตามด้วยถุงกับข้าวและถอยออกมา “เจ้าประคุ๊ณขอให้ลูกช้างรวยวันรวยคืนด้วยเถ๊อะ” และเสียงหวานก็เจี๊ยวแจ้วออกมาเมื่อวางดอกไม้และนั่งลง

ยายทิพย์เดินตักข้าวใส่บาตรของพระรูปสุดท้ายแล้ววางถุงกับข้าว พอหลานสาววางดอกไม้ลงไปที่ฝาบาตร เสียงแหบพร่าก็เอ่ยตัดหน้าทันที “สาธุ๊ขอให้หลานอีฉันมันสวยรวยเก่งเร็วๆด้วยเถ๊อะมันจะได้เลิกขอซะที” พอสิ้นเสียงของยาย ภรัณยาก็ถึงกับหัวเราะออกมา พอพระสงฆ์ให้พรเรียบร้อยและเดินห่างออกไป ยายทิพย์ที่อดใจไม่ไหวก็ถึงกับตีแปะไปที่แขนของหลานสาว “ไอ้รันแกนี่เล่นไม่รู้เวล่ำเวลาเลยจริงๆ”

“โอ๊ย..ยายมาตีหนูทำไมเนี่ย ทำบุญอยู่แท้ๆไหงมารังแกหนูล่ะ” ใบหน้าสวยหวานแย้มยิ้มแล้วใช้มือโอบไปที่เอวของยาย

“ฉันอยากจะเห็นแฟนแกจริงๆว่ามันจะหน้าตาเป็นแบบไหน” ยายทิพย์ปรายตามองหน้าหลานสาวแล้วบ่นอีกตามเคย

“วันนี้ก็ได้เห็นแล้วล่ะ เห็นแล้วยายอย่าไปหลงเสน่ห์แฟนหนูเข้าล่ะ หนูขี้เกียจมาชิงรักหักสวาทกับยาย” พอพูดจบหญิงสาวก็วิ่งฉิวเข้าบ้านไปทันทีเพราะขืนชักช้ามีหวังทัพพีที่อยู่ในมือของยายจะปลิวกันให้ว่อน

“ไอ้หลานคนนี้ไปได้นิสัยแบบนี้มาจากใครกันนะ” ยายทิพย์บ่นไปยิ้มๆไป





Create Date : 07 สิงหาคม 2552
Last Update : 7 สิงหาคม 2552 10:04:50 น. 3 comments
Counter : 613 Pageviews.

 
เสาร์- อาทิตย์ งดอัพเหมือนเดิมนะคะ
ชอบไม่ชอบเม้นติชมกันด้วยนะคะ มีอะไรก็แนะนำมาได้แสนสุขจะได้นำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ เป็นห่วงเหมือนเดิมค่ะ


โดย: sansook วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:10:06:30 น.  

 
โล่งใจนึกว่านิต้าเป็นนางเอกเสียอีก ว่าแต่ตอนนี้มาเล่ยโรงงานเบียร์แทนค้าเพชรแล้วเหรอ พระเอกโหดจัง


โดย: bee (wasi ) วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:14:13:12 น.  

 
มีเรื่องใหม่ อ่านแล้ว

ดีจริงๆๆๆๆ

นึกว่าจะเหงานไม่มีนิยายอ่าน

จะติดตามจ้า


โดย: kwan IP: 118.172.70.43 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:17:12:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.