Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
21 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

การปฏิรูปการเมืองไทย


โดย สวัสดิ์ นิเทศวรวิทย์ สถาบันพัฒนาความมั่นคงมนุษย์


*ทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับ การปฏิรูปการเมืองไทย คนก็มักจะได้ยิน ได้ฟัง ได้รับรู้รับทราบเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมา และก็มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะต้องแก้ตรงจุดนั้นจุดนี้ มาตรานั้นมาตรานี้ มาโดยตลอด

มีคำถามว่า แล้วจะพัฒนาการเมืองไทยอย่างไร หรือเกี่ยวกับเรื่องใด เป็นประเด็นสำคัญ?

ในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย ที่อยู่ในระบอบนี้มาเจ็ดสิบกว่าปีตามอายุขัยที่มี ผู้เขียนพบว่า สิ่งที่เป็นปัญหาในระบอบประชาธิปไตยไทย และทำให้การเมืองไม่ก้าวหน้า ประเทศล้าหลังก็คือ นักการเมือง เป็นเรื่องแรกๆ ที่จะต้องพัฒนา

จะพบว่านักการเมืองไทยที่อยู่ในแวดวงการเมืองในปัจจุบันนี้ มักจะเป็นดังนี้เป็นส่วนใหญ่ คือ

1.นักการเมืองเข้ามาสู่การเมือง ด้วยการเล่นการเมือง

เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะนักการเมืองไทยที่มาเป็นนักการเมืองส่วนมากจะทำการเมืองแบบเล่นๆ คือทำเหมือนการเล่นหวย เล่นการพนัน เล่นกีฬา หรือเล่นละคร อะไรพวกนั้นแหละ

เมื่อพวกเขาตั้งใจจะมาเล่นการเมือง ก็เลยมาเล่นตามแบบอย่างดังเรื่องที่กล่าวมา และพัฒนาการเล่นมาเป็นอาชีพ เหมือนนักฟุตบอลอาชีพ หรือนักกีฬาอาชีพ

จนท้ายที่สุดได้กลายมาเป็นธุรกิจการเมือง จนฮิตติดชาร์ตในเวลานี้

การประกอบธุรกิจการเมือง เลยทำให้นักการเมืองร่ำรวยทรัพย์สินเงินทองมากมาย รวมทั้งที่ดินไร่นา รถยนต์ มากมายหลายอย่างจนระดับเศรษฐีกันทั้งนั้น

ไม่เชื่อก็ลองไปดูบัญชีการแสดงทรัพย์ทุกครั้งของนักการเมืองที่นำเสนอรายการทางสื่อมวลชน ได้ดูเป็นขวัญตา

ถามว่าคนเหล่านี้ร่ำรวยมาก่อนที่จะมาเป็น นักการเมืองใช่หรือไม่ คำตอบก็คืออาจจะใช่เป็นบางคน แต่ถามว่า ร่ำรวยแล้วจะมาทำประโยชน์แก่ประชาชนหรือไม่โกงไม่กินต่อไปใช่หรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ เพราะมีตัวอย่างมาให้เห็นแล้วว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น

2.นักการเมืองไทยส่วนใหญ่เข้าสู่การเมืองโดยตั้งใจมาแสวงหาโอกาสและแสวงหาอำนาจ มากกว่าที่จะมาอาสาทำงานด้านการเมืองเพื่อช่วยเหลือประชาชนและประเทศชาติ

เราจะพบว่า นักการเมืองที่เข้ามาสู่ระบบนานๆ หรือหลายสมัย แทบที่จะเป็นคนที่เชี่ยวชาญในวิชาชีพหรืองานที่ทำ เป็นผู้ที่ทรงภูมิปัญญามีคุณค่าต่อประเทศชาติ กลับเป็นคนที่ไม่มีการพัฒนาตนเองให้ไปในทางนั้น

ยกตัวอย่างเช่น คนที่เป็น ส.ส.มานาน แทนที่จะพัฒนาตนเองขึ้นมาเป็น วุฒิสมาชิกผู้ทรงคุณค่าทางการเมือง เป็นผู้นำ หรือเป็นเสาหลักทางการเมือง

แต่กลับตรงกันข้าม

เพราะวุฒิสมาชิกเมืองไทยนั้น พอเลือกตั้งขึ้นมา กลายเป็นเมีย ส.ส.หรือสามี ส.ส. ญาติพี่น้องหรือลูกหลาน ส.ส.ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองก็มี

หรือแม้จะเป็นอดีต ส.ส.ก็ไม่ได้มีคุณภาพดีไปกว่าการเป็น ส.ส.ธรรมดา

ร้ายไปกว่านั้นก็ คือ พอลูกเลือกขึ้นเป็นรัฐมนตรีกลายเป็นคนที่ประชาชนและสื่อมวลชนต่างๆ มองว่าเป็น รัฐมนตรียี้ รัฐมนตรีด้อยประสบการณ์ รัฐมนตรีปลากระป๋องเน่า ก็เพราะขาดประสบการณ์และไม่มีความรู้เชิงบริหารรัฐกิจ ไม่มีวิสัยทัศน์ กลายเป็นรัฐมนตรีแบบโควต้า รัฐมนตรีบุญหล่นทับเพื่อเป็นเกียรติประวัติแห่งวงศ์ตระกูลทั้งด้านดีและด้านไม่ดีไป

ภาพนักการเมืองเช่นนี้ กลายเป็นภาพนักการเมืองที่ด้อยคุณภาพ ไม่น่าเคารพนับถือ ไม่น่าเชื่อถือของสังคม จนกลายเป็นตัวตลกเอาไว้ล้อเลียนของสื่อมวลชนหรือประชาชนเสมอมา

จนเป็นสาเหตุให้คนดีหนีการเมือง

เพราะเห็นว่า การเมืองเป็นเรื่องสกปรก เรื่องของกลุ่มคนที่ไม่น่าคบค้าสมาคมด้วยเป็นหลุมน้ำโคลนที่ไม่น่าจะเข้าไปใกล้ให้แปดเปื้อนตัว ซึ่งสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อระบอบประชาธิปไตยโดยรวม

ดังนั้นแนวทางที่จะพัฒนาประชาธิปไตยไทยก็จะต้อง เริ่มต้นแก้ที่นักการเมืองเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะแก้จุดอื่นๆ

ผู้เขียนมองว่า

การจะพัฒนานักการเมืองนั้น มีอยู่ 2 ทางใหญ่ๆ คือ

ทางที่หนึ่ง พยายามปิดกั้นคนไม่ดีเข้าสู่การเมือง และหาทางส่งเสริมคนดีเข้ามาทำงานการเมือง

แต่ทางนี้จะถูกต่อต้านจาก นักการเมืองเก่าที่มีอยู่อย่างมาก เพราะพวกเขาจะเสียผลประโยชน์และเสียอำนาจ ตัวอย่างเช่น รัฐธรรมนูญมีการให้มีการเว้นวรรคเมื่อถูกจับได้ไล่ทันว่าโกงการเลือกตั้ง

นักการเมืองที่เป็นกรรมการบริหารพรรคก็มักออกมาต่อต้านคัดค้าน แถมยังเห็นว่ากรรมการบริหารพรคเหล่านี้เป็นคนดี เป็นคนชั้นหัวกะทิของพรรคทั้งๆ ที่เป็นหัวกะทิในทางไม่ดี ไม่เอาไหน แม้แต่การบริหารพรรคให้ดีก็ยังทำไม่ได้ แล้วจะมาบริหารชาติบ้านเมืองได้อย่างไร

แถมยังพาลไปหาเรื่องกับองค์กรอิสระ ไม่ว่าเป็น กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ อย่างที่เป็นในทุกวันนี้ จะมีขบวนการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด

นักการเมืองเช่น นี้ยังมีอยู่เป็นจำนวนมากที่ ถูกเว้นวรรคแล้วจะเกิดความสำนึกแล้วกลับไปพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น หรือไปศึกษาต่อ หรือไปเปลี่ยนแนวคิดใหม่

แนวทางที่สองที่จะทำได้ก็คือ ให้การศึกษาและพัฒนานักการเมืองรุ่นใหม่เข้าสู่ระบบ

ผู้เขียนเคยเข้าไปสัมผัสโดยการเข้าร่วมประชุมสัมมนากับนักการเมือง พบว่า นักการเมืองส่วนมากเป็นคนที่พัฒนาค่อนข้างยาก อันเนื่องมาจากเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก เพราะการได้รับเลือกตั้งเข้ามาไม่ว่าจะเป็นครั้งแรก หรือหลายๆ ครั้งติดต่อกัน แสดงว่าตนเองมีความสามารถมีความรู้ มีศักยภาพสูง

ซึ่งบางทีบางครั้งอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นก็ได้

สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนม่านที่บังตา อาจทำให้ไม่มองเห็นตัวตนที่เป็นมุมมองจากคนอื่นหรือบุคคลภายนอก จนบางครั้งนอกจากจะไม่เชื่อแล้วยังหาเรื่องว่า

ถ้าเอ็งแน่จริงมาลง สมัครแข่งขันเลือกตั้งกับข้าสิ

เพราะมองว่านักวิชาการที่บ้าหลักวิชาการ แต่ปฏิบัติไม่ได้ หรือบนหอคอยงาช้างเข้าไปโน่น

การไม่ยอมรับวิชาการใหม่ๆ ไม่ยอมรับความคิดของคนอื่นก็เท่ากับเป็นการปิดกั้นไม่รับข้อมูลภายนอก เลยทำให้นักการเมืองที่ยิ่งอยู่นานก็จะมีวิสัยทัศน์แคบหรือคิดแบบเก่าๆ เข้าข้างตัวเอง

การพัฒนาการเมืองของไทย นอกจากจะพัฒนานักการเมืองดังกล่าวแล้วก็จะต้องพัฒนาระบบการเมืองไปพร้อมๆ กันด้วย

ระบบการเมืองที่ว่าก็คือ ระบบการเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งคนดีมีฝีมือ มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและทำงานเพื่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตน

สิ่งเหล่านี้ก็มาตรฐานทางวิชาชีพ ที่ถือเป็นคุณสมบัติทางจริยธรรมมากกว่าความรู้ความสามารถที่จะเป็นตัวแทนของปวงชน

แม้จะมีการตั้งองค์กรอิสระเข้ามาทำหน้าที่แต่ก็ยังไม่เพียงพอ อาจจะต้องมีองค์กรภาคประชาชนที่สามารถควบคุมพฤติกรรมที่ไม่ดีของนักการเมือง เหล่านั้นด้วย

ตัวอย่างเช่น ส.ส.ที่ไม่เข้าประชุมสภา ส.ส.ที่แสวงหาผลประโยชน์จากธุรกรรมต่างๆ เหล่านี้เป็นอาทิ

ไม่น่าเชื่อว่ามี ส.ส.บางคน ตั้งแต่เป็น ส.ส.มายังไม่เคยลุกขึ้นอภิปรายในสภา หรือมีการยื่นกระทู้ถามเรื่องสำคัญๆ หรือไม่เคยนำเสนอ หรือมีส่วนเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติเลยก็มี

เรื่องที่สองที่สมควรจะได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับนักการเมืองและระบบการเมืองก็คือ พรรคการเมือง

เราจะพบว่า พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยนั้นน่าจะเป็นสถาบันหลักที่จะนำระบบการเมือง การปกครองไปสู่จุดหมายได้ แต่จะพบว่า ระบบพรรคการเมืองไทยนั้นกลับไม่ได้เริ่มต้นอยู่กับอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นหลัก

จึงเกิดพรรคการเมืองแบบมีเถ้าแก่ หรือหลงจู้ เป็นเจ้าของพรรคการเมือง แล้วไปไล่ต้อนหรือซื้อตัวนักการเมืองหน้าเก่าๆ ที่ยังหลอกประชาชนได้เข้ามาเลี้ยงดูในสังกัดโดยจ่ายเป็นรายเดือนบ้าง จ่ายตามงานบ้างอย่างที่เคยเป็นข่าวมาแล้ว

ดังนั้นการพัฒนานักการเมืองเล่านี้จึงเป็นเรื่องยาก และพรรคการเมืองก็พัฒนายากไปด้วย เพราะขึ้นอยู่กับเจ้าของพรรคตัวจริง แล้วแต่เขาจะบัญชาการหรือชี้นำว่าจะเอาอย่างไร หรือไปทางทิศไหนเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม หากคิดอยากจะพัฒนาพรรคการเมืองอย่างจริงจัง ก็คงจะเริ่มต้นตั้งแต่การขอแสดงความจำนงจัดตั้งพรรคการเมืองเป็นต้นมาว่า เป็นพรรคการเมืองแล้วจะต้องหาสมาชิกพรรคอย่างไร มีระบบพัฒนานักการเมืองในสังกัดอย่างไร รวมไปถึงอุดมการณ์ของพรรค (ซึ่งทุกพรรคเขียนไว้แล้วเป็นอย่างดี แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามที่เขียนไว้) จะเผยแพร่หรือพัฒนาไปสู่ประชาชนได้อย่างไรด้วย

โดยสรุป การพัฒนาการเมืองการปกครองของไทยนั้น ปัญหาอยู่ที่คนหรือนักการเมืองเป็นหลักใหญ่

แม้เราจะแก้รัฐธรรมนูญกี่ครั้ง หรือจะปฏิวัติกี่หน หากคนที่เข้ามาหลังการแก้รัฐธรรมนูญหรือหลังการปฏิวัติยังเป็นคนกลุ่มเดิมๆ ความคิดเดิมๆ ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ก็จะเป็นอย่างที่เห็น

ที่เรียกว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ก็เพราะว่า เป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งใบก็มี เต็มใบก็เคยมี ผสมเผด็จการก็เคยทำ

แต่ไม่ว่าแบบไหน? คนไทยก็รับได้หมด

แม้ทหารจะมีการปฏิวัติ ยึดอำนาจคนก็ยังชื่นชมยินดี มอบดอกไม้ให้


เราเคยพบว่า สมัยที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง จนได้เสียงข้างมากพรรคเดียวและได้เป็นรัฐบาล โดยมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว เราก็เชื่อว่า ประชาธิปไตยไทยจะก้าวพ้นจุดวิกฤต และกำลังจะพัฒนาไปสู่ประชาธิปไตยแบบมีพรรคการเมืองใหญ่สองพรรคเหมือนอเมริกา เหมือนอังกฤษ

แต่ในที่สดก็กลับมาสู่จุดเดิม คือเป็นรัฐบาลผสมแบบเบี้ยหัวแตก มีรัฐมนตรีแบบโควต้า ส่งใครมาเป็นรัฐมนตรีก็ได้ แล้วมาบริหารประเทศแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันระหว่างพรรคที่ร่วมรัฐบาล

ข้างฝ่ายที่เป็นฝ่ายค้าน ก็ค้านทุกอย่างที่ขวางหน้าเพื่อให้ตัวเองได้เป็นรัฐบาล เพื่อจ้องที่จะให้รัฐบาลล้มให้ได้ โดยการนำเอาเรื่องทุกอย่างที่เห็นเป็นความไม่ดีของคนที่เป็นรัฐมนตรีมาโจมตี

เช่น ไปมีกิ๊กมีเมียน้อยซ่อนไว้ที่ไหนก็นำมาประจานให้เสียหาย หรือหมกซ่อนทรัพย์สมบัติไว้อย่างไรก็นำมาเปิดเผยเพื่อให้อยู่ไม่ได้ เพราะนักการเมืองทุกคนรู้เช่นเห็นชาติกันมาโดยตลอด และมีข้อด้อยซ่อนปมไว้จนเป็นที่รู้กันทุกคน

นี่คือสภาพที่เป็นอยู่

ผู้เขียนนำเสนอเรื่องต่างๆ เหล่านี้มาก็เพื่อจะได้พบกับการพัฒนาการเมืองการปกครองในรูปแบบใหม่ ซึ่งบางทีอาจไม่ต้องไปแก้ไขรัฐธรรมนูญเลยก็ได้

เพียงแต่ทุกคนยอมรับกฎกติกา และมีมารยาทตามครรลองที่วางเอาไว้เท่านั้น

คิดดี ทำดีเพื่อชาติกันบ้างเท่านั้นแหละ

เมืองไทยจะเจริญรุ่งกว่านี้อีก หลายสิบเท่า

ไม่เชื่อก็ลองดูได้!

Credit : มติชนรายวัน วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2552 หน้า 7

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E




 

Create Date : 21 มิถุนายน 2553
1 comments
Last Update : 21 มิถุนายน 2553 11:49:35 น.
Counter : 811 Pageviews.

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 21 มิถุนายน 2553 13:06:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.