Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
12 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
ต่อไปนี้ประเทศไทยจะต้องไม่มีคนจน จะไม่มีไพร่


     นี่คือเสื้อแดงผู้รักสันติ รักความเป็นธรรม ใฝ่หาความจริง ความชอบธรรม ในสังคมผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่จะมาช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้

เขาเป็นวีรบุรุษที่จะมาปลดปล่อย ไพร่สามานย์ที่ถูกกดขี่ข่มแหง

ต่อไปนี้ประเทศไทยจะต้องไม่มีคนจน จะไม่มีไพร่ จะมีแต่ผู้ดีทั้งประเทศจากระบบอำมาตย์ ระบอบเผด็จการ ตัวจริงเสียงจริง นี่คือเรียลลิตี้โชว์

ความยะโสโอหังของเสื้อแดง กับความวอดวายของธุรกิจการค้า และความเจริญภาคเศรษฐกิจเอกชนที่ต่างขานรับเป็นทอดๆว่า ทำไมต้องไปเดือดร้อนกับคนรวย เพราะเขา (เสื้อแดง) เป็นไพร่ กำลังล้มอำมาตย์ ล้มการกดขี่ของรัฐบาลทรราช

แต่เสื้อแดงลืมไปว่า "อำมาตย์" คืออะไร คือใคร ในความหมายของเขา "อำมาตย์" เขาทำอะไรให้ใครเดือดร้อน นอกจากคนที่ชื่อทักษิณฯ ในความคิดของเสื้อแดงแค่นี้ ก็ทำให้เสื้อแดงทั้งฝูงเป็นเดือดเป็นแค้นไปหมด

ทั้งๆที่ตนเอง ญาติโกโหติกาก็ไม่เคยได้รับความเดือดร้อนกับสิ่งที่ตนเรียกว่า "อำมาตย์" ด้วยซ้ำไป

นี่ไงที่สมควรเรียกว่า "สมองกลวง" กรณีการเผาห้าง เผาศูนย์การค้า

รายชื่ออาคารที่ถูกเผา

ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวิลด์
ห้างสรรพสินค้าพารากอน
ห้างเกษรพลาซ่า
โรงภาพยนตร์สยาม
อาคาร มาลีนนท์
ธนาคารออมสิน แยกดินแดน วิภาฯ
ร้านเซเว่นฯ ใกล้กับบริเวณสำนักงาน ปปส.
ห้างแพลตตินั่ม ย่านประตูน้ำ
เซเว่นฯ สาขาอนุสาวรีย์ฯ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถ.รัชดา
ธนาคาร กรุงเทพ สาขาดินแดง สาขาคลองเตย สาขาอโศก และสาขาราชปรารภ
การไฟฟ้านคร หลวง คลองเตย
ร้านโคคาสุกี้ ถ.อังรีดูนังต์
โรงแรมเซ็นทราแกรนด์
ธนาคาร กรุงไทย สาขาชิดลม
อาคารล็อกซ์เล่ย์
อาคารที่ซอยบุญชูศรี ดินแดง
อาคาร ที่ถนนมิตรไมตรี ดินแดง
ธนาคารนครหลวงไทย สยามสแควร์

ผู้ที่เดือดร้อนเนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะกี่ร้อย กี่พันคน คิดเป็นเงิน เป็นทรัพย์สินที่เสียหายไม่รู้ว่าจะเท่าไรต่อเท่าไร

พวกเสื้อแดงกลับบอกว่าไม่เห็นจะน่าเดือดร้อนอะไรกับเขา เพราะเป็นพวกมีสตางค์ แต่ตรงข้ามกลับนำเอาศพ เอาคนที่ถูกยิง ไม่รู้ว่าถูกยิงเพราะอะไร ถูกใครยิง ซึ่งจำนวนไม่น้อยก็โดนพวกชุดดำยิงเพื่อสร้างสถานการณ์ อย่างที่คนที่ติดตามสถานการณ์จริงๆ รู้ๆกันอยู่ และที่หลายรายถูกยิงเพราะเป็นมือเพลิง มือเผา พวกที่ขว้างระเบิดเพลิง พวกที่ใช้อาวุธปืนยิงโต้ตอบเจ้าหน้าที่ อาจมีบางรายที่โดนลูกหลงเพราะอยุ่ในกลุ่มพวกเสื้อแดง

พวกเสื้อแดงกลับเอารูปมาแสดงแล้วแสดงอีกว่าเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ เป็นวีรชนมือเปล่า ถูกทหารเข่นฆ่าอย่างเลือดเย็น

อย่างนี้จะว่าเสื้อแดงต้องการเรียกร้องความถูกต้องเรียกร้องประชาธิปไตยโดยสงบ สันติ อหิงหา ได้อย่างไร


และหากนำเอาประเด็น ข้อเรียกร้อง การโจมตีของแกนนำคนเสื้อแดงตั้งแต่ตัน เราก็จะทราบได้ทันทีว่าเป็นการบิดเบือน กล่าวเท็จ หลอกลวงคนฟังของพวกเสื้อแดงกันแบบน้ำใสใสอย่างชัดเจน ซึ่งคนเสื้อแดงก็ล้วนหลงเชื่ออย่างขนิดปิดหูปิดตาตนเองอย่างสนิททีเดียว เช่นคำว่า ทรราชย์ คอรัปชั่น เผด็จการ ใกล้จะได้ชัยชนะอยู่แล้ว เสื้อแดงมาชุมนุมประท้วงอย่างสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ

ทั้งๆที่ นายอริสมันต์ยกพวกเสื้อแดงเป็นพันบุกไปที่การประชุมอาเชียนซัมมิตที่พัทยา โดยใช้ความก้าวร้าว จนการประชุมนานาชาติต้องยกเลิก เมื่อวันที่ 11 เมษายน เช่นนี้มีความชอบธรรม มีความถูกต้องเหมาะสมแล้วหรือ การปลุกระดมคนเสื้อแดงเป็นร้อย เข้าถล่ม ทุบรถนายอภิสิทธิ์ฯ เพื่อจะลากคอนายอภิสิทธิ์ฯ มาแขวนคอที่กระทรวงมหาดไทยจนรถราพังเสียหายยับเยิน เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมา

การกระทำเช่นนี้ ชอบด้วยเหตุผล ทำนองคลองธรรม หรือ ฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้ก่อขึ้นก่อนหรือ

มีการยิงระเบิด M 79 ที่โน่นที ที่นั่นที มีคนชุดดำยิงมาจากกลุ่มเสื้อแดงใส่ฝ่ายทหาร บาดเจ็บล้มตายหลายนาย ทั้งเผารถทหารจำนวนหลายคัน ขโมยอาวุธปืน อาวุธสงครามจากรถทหาร เมื่อคืนวันที่ 10 เมษายน ยิง M 79 ใส่ประชาชนที่มาขับไล่กลุ่มเสื้อแดงที่ถนนสีลม จนมีคนบาดเจ็บ ล้มตายหลายราย และในวันที่ 19 พฤษภาคมมีการยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่อย่างรุนแรง และเผาอาคารสถานที่ในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดหลายจังหวัด

อย่างนี้ถามว่า...เสื้อแดงมีความชอบธรรมที่จะทำเช่นนั้นหรือ หากเสื้อแดงไม่เป็นผู้ก่อเหตุความรุนแรง ไม่ยอมเลิกเสียก่อน เจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้กำลังเข้าล้อมปราบสลายการชุมนุมหรือ

และหากฝ่ายรัฐบาลไม่ใช้กำลังเข้าล้อมปราบจัดการขั้นเด็ดขาดอย่างนี้ แกนนำเสื้อแดงจะเข้ามอบตัวหรือ ฝ่ายเสื้อแดงจะยอมสลายการชุมนุมเองหรือ

พฤติกรรมเช่นนี้ พวกเสื้อแดงยังจะเอาสมองส่วนไหนมาบอกว่าตนเองบริสุทธิ์ ตนเองชุมนุมอย่างสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ พวกตนเองถูกรังแก ตนเองถูกเข่นฆ่าอย่างไม่เป็นธรรม และก็เพราะวิธีคิดอย่างนี้มิใช่หรือ ที่ทำให้สงสัยว่าสมองของคนเสื้อแดงต้องกลวงโบ๋อย่างแน่นอน

หากวิเคราะห์บทบาท การแสดงออก จุดยืนที่แท้จริงของพวกเสื้อแดงแล้ว ล้วนเข้าลักษณะพวกก่อเหตุป่วนเมือง ก่อความวุ่นวาย โกหก บิดเบือน ไส่ร้ายป้ายสีอย่างไร้ยางอาย



เปิดใจ 'จิราธิวัฒน์' เสียศูนย์..เซ็นทรัลเวิลด์ถูกเผา

*หลังห้างฯเซนวอดไปกับเปลวเพลิงพร้อมกับการปิดให้บริการเซ็นทรัลเวิลด์นานเกือบสองเดือน วันนี้คนตระกูล "จิราธิวัฒน์" เปิดใจว่าอยู่ภาวะ"เสียศูนย์"

แม้เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ที่นำไปการเผาอาคารหลายแห่งในกรุงเทพฯ จะจบลงไปแล้ว แต่ภาพที่ยังหลอนคนในตระกูล "จิราธิวัฒน์" ไม่หาย นั่นคือ การเผาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 หลังกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งไม่พอใจที่แกนนำ นปช.บางคนที่เข้ามอบตัว

ส่งผลให้ห้างสรรพสินค้าเซนถูกเพลิงลุกไหม้ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ค่อยๆ ทรุดตัวลงมาจนวอดไปทั้งอาคาร นำไปสู่การปิดให้บริการของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์นานเกือบสองเดือนแล้ว แม้จะเริ่มเปิดให้บริการห้างสรรพสินค้าอิเซตันเมื่อปลายเดือน มิ.ย. 2553 ก็ตาม

ที่ผ่านมาคนในตระกูลนี้เก็บตัวเงียบไม่ยอมพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะยังทำใจไม่ได้ แต่มาถึงวันนี้พร้อมแล้วที่จะ “เปิดใจ” ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ในอาเซียน

สุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทกลุ่มเซ็นทรัลจำกัด ผู้บริหารซึ่งดูแลภาพรวมธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ปีหนึ่งๆ มีรายได้รวมกันกว่าแสนล้านบาท โดยในปี 2552 กลุ่มเซ็นทรัลมียอดขายรวมทั้งสิ้น 1.1 แสนล้านบาท

กับคำถามจี้ใจที่ว่า...ทำไมถึงต้องเป็นเซ็นทรัลเวิลด์ ??? “สุทธิธรรม” บอกว่า...

“ถ้าจะพูดติดตลกหน่อยก็คือ ของเราเท่ที่สุด ดีที่สุด ดังที่สุด ถ้าไปเผาตึกอื่นไม่ดัง เหมือนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ที่นิวยอร์ก ถ้าจะเผาก็ต้องเผาที่นั่น แม้เซ็นทรัลเวิลด์จะเปลี่ยนชื่อจากเวิลด์เทรด หลบชื่อนี้ไปแล้วก็ยังหนีไม่พ้น

ผมเป็นคนเปลี่ยนชื่อ ตั้งแต่วันแรกพี่วิรุฬ (เตชะไพบูลย์ ผู้ดำเนินกิจการศูนย์การค้าเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ เดิม) ให้ผมไปพบ กว่าจะคุยกันจบก็ปีครึ่ง ในใจผมแต่แรกก็ไม่เอาชื่อเวิลด์เทรดฯอยู่แล้ว เพราะชื่อนี้ผมไม่ชอบ” สุทธิธรรมเล่า แม้เขาจะจะเป็นคนไม่เชื่อเรื่องโชคลางสักนิดก็ตาม

“คนก็บอกว่าเป็นอาถรรพ์หรือเปล่า เป็นเรื่องโชคลางไหม ผมไม่ได้คิดอะไรมากในเรื่องนั้นอยู่แล้ว ไม่คิดว่าเขามาเผาเพราะชื่อเวิลด์เทรดฯ แต่เพราะที่นี่เป็นเหมือนแลนด์มาร์ก เคาท์ดาวน์ก็ต้องใช้ที่นี่ คนรู้จักทั่วโลก มีคนพูดต่างๆ นานา ว่า เป็นวังเพชรบูรณ์เดิมหรือเปล่า ผมก็เฉยๆ จริงๆ ผมอ่านข้ามหมดเลย ผมไม่ได้ลบหลู่ แต่ผมไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้” สุทธิธรรมย้ำ

เขายังเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่ายังไม่หนักที่สุดที่เคยเจอ เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ไฟไหม้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลชิดลม เมื่อปลายปี 2538 ซึ่งตอนนั้นต้องถือว่า "หนักที่สุด" แล้ว

ทว่า เหตุการณ์นี้ถือว่า “ตื่นเต้นที่สุด”

“ที่บอกว่าตื่นเต้นที่สุด เพราะไม่รู้ว่าพอเกิดขึ้นแล้วจะเกิดอะไรต่อ ไม่รู้ว่าใครเผา ถ้ารู้ว่าใครเผาก็ไม่รู้อีกว่าใครสั่งเผาอีก อย่างเซ็นทรัลชิดลมไฟไหม้เราก็รู้ว่าไหม้เพราะอะไร ไหม้หมดเลยต้องปิดร้านไปเป็นปีเสียหายมาก แต่โอเคก็ได้เงินประกันมาพอสมควรถึงแม้จะไม่คุ้ม กับธุรกิจที่ต้องหยุดชะงัก ต้องเริ่มใหม่”

สำหรับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สุทธิธรรม ให้คำจำกัดความว่า ทำให้กลุ่มเซ็นทรัล “เสียศูนย์” ไม่ต่างกับรถยนต์ที่ต้องมาตั้งศูนย์กันใหม่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบ่นเสียดาย “รายได้” ที่หายไปโผล่ที่คู่แข่งจากการปิดกิจการเกือบสองเดือน ไม่นับการปิดๆ เปิดๆ ให้บริการซึ่งตอนนั้นยอดขายก็หายไปกว่า 50% เนื่องจากในบรรดาศูนย์การค้าทั้ง 15 แห่งของเซ็นทรัล เซ็นทรัลเวิลด์ขายดีที่สุด

“ถือว่าเราเสียศูนย์ เราไม่ได้ค้าขายก็กระทบเรื่องมาร์เก็ตติง ทำให้คู่แข่งมีผลพลอยได้จากเซ็นทรัลเวิลด์ที่กำลังโต โดยเฉพาะศูนย์การค้าใหม่ๆ ที่ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ไม่ต้องโฆษณา หรือพารากอน และเกสร ก็ได้อานิสงส์”

ส่วนการประเมินความเสียหายจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ และความเสียหายจากธุรกิจที่หยุดชะงัก (Business Interruption) นั้น สุทธิธรรม บอกว่า จนถึงวันนี้บริษัทประกันยังอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายร่วมกับผลสรุปของทางตำรวจ

อย่างไรก็ตาม วงเงินประกันที่ทางบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ทำไว้ ประกอบด้วย การประกันภัยคุ้มครองภัยก่อการร้าย การจลาจล และการกระทำที่เป็นเจตนาร้ายที่ทำไว้ในวงเงิน 3,500 ล้านบาท และการประกันภัยในส่วนของชอปปิงพลาซา ในลักษณะ Industrial all risk ที่ทำไว้ในวงเงิน 13,000 ล้านบาทนั้น

เขาเห็นว่าวงเงินประกันที่ทำไว้ยังไงก็ ไม่ครอบคลุม” ความเสียหายที่เกิดขึ้น

“ยังไงก็ไม่มีทาง Cover เพราะทำประกันไว้น้อยมาก คร่าวๆ เรารู้อยู่แล้วว่าไม่พอ”

เขายังยอมรับว่า การปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ รวมถึงการเปิดๆ ปิดๆ ในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่สี่แยกราชประสงค์ ทำให้ยอดขายรวมของกลุ่มเซ็นทรัลในปี 2553 พลาดเป้า จากที่เคยตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 1.18 แสนล้านบาท

ทว่าเขายังมองโลกในแง่ดีว่ารายได้จะพลาดเป้าไม่เกิน 2% ของรายได้รวม หรือไม่เกิน 2,360 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้ส่วนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นจากการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าวที่เลื่อนการปิดปรับปรุงออกไป

เขายังระบุว่า CPN มีรายได้จากค่าเช่าเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ถึง 20% ของรายได้ โดยในปี 2552 CPN มีรายได้ 16,164.47 ล้านบาท หรือ ไม่เกิน 3,232 ล้านบาท อีกทั้งยังไม่ได้ส่งผลกระทบเต็มปี เนื่องจากเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ได้ปิดให้บริการทั้งปี “สุทธิธรรม” ระบุ

ร่วมถึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสด (Cash Flow) ที่เขาระบุว่า หนี้สินต่อทุน (D/E) ของกลุ่มเซ็นทรัลยังไงก็จะสูงไม่เกินสูงเกิน 1

สุทธิธรรม ยังหวังว่า หลังจากห้างสรรพสินค้าอิเซตันเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อปลายเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา จะตามมาด้วยการเปิดให้บริการของเซ็นทรัลเวิลด์ราวเดือน ก.ย. 2553 เพื่อให้ทันกับการจัดงานเคาท์ดาวน์ ฟื้นเซ็นทรัลเวิลด์ให้กลับมาอยู่ในความนิยมอีกครั้ง ส่วนห้างสรรพสินค้าเซนจะเปิดให้บริการได้อีกครั้งในเดือน ส.ค.- ก.ย. 2554

ดังนั้นจากผลกระทบที่เกิดขึ้น ในมุมมองของสุทธิธรรมจึงเห็นว่า ไม่เข้าตำราเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

โดยเขายืนยันว่า กลุ่มเซ็นทรัลจะยังคงเดินหน้าตามแผนลงทุนในปี 2553 ที่ตั้งไว้ที่ 16,000 ล้านบาท แม้ว่างบในจำนวนนี้ส่วนหนึ่งจะจัดไว้เพื่อปรับโฉมศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ก็ตาม

“เราก็ต้องคุยกันในบอร์ดว่า เราเสียหายแค่นี้ เงินหายไปเท่าไหร่ เมื่อดูแล้วก็คิดว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ได้มากนัก เมื่อเทียบกับตัวเลขของทั้งกลุ่ม ขณะที่เซนจัดเป็นพื้นที่ที่เป็นการเซ้งระยะยาว จึงไม่กระทบต่อการรับรู้รายได้ของCPN เห็นง่ายๆ หลังเหตุการณ์รุนแรงหุ้นตกวันสองวันก็กลับมาเหมือนเดิม เพราะนักลงทุนมองว่าไม่ได้กระทบระยะยาว”

อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ปรับงบการลงทุน แต่สุทธิธรรม ยอมรับว่า จากนี้ไปกลุ่มเซ็นทรัลจะต้องปรับกลยุทธ์ลงทุน โดยหันมา “เพิ่มน้ำหนัก” ในเรื่องของความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ให้มากขึ้น สอดรับกับแผนของกลุ่มฯที่ต้องการขยายการลงทุนไปในต่างจังหวัดมากขึ้น

"การไปต่างจังหวัดหรือขยายสาขาในกรุงเทพฯ จะต้องคำนึงถึงเรื่อง CSR เพื่อช่วยรัฐอีกที เพราะรัฐบาลยังทำไปไม่ถึง หลายอย่าง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม คนในหมู่บ้านเล็กๆ ยังมีความเป็นอยู่ไม่ทัดเทียมกับคนที่อยู่ในเมืองหรืออำเภอที่ใหญ่กว่า คุณภาพชีวิตก็ต่างกัน

เราจะทำเป็นโครงการนำร่องใน บางหมู่บ้านที่จะต้องช่วยพัฒนาให้เขามีความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิตดีขึ้น หากเป็นโครงการที่ดีภาครัฐก็จะได้นำไปต่อยอด" สุทธิธรรม ระบุ แต่ยังอุบงบด้าน CSR ว่าจะทุ่มลงไปมากน้อยแค่ไหน

โดยเขาปฏิเสธว่า การเพิ่มน้ำหนักด้าน CSR ไม่เกี่ยวข้องกับความกังวลว่า ใคร? จะมาเผาอีกรอบ

“ถามว่าเรากลัวเสื้อแดงไหม เราไม่กลัว มีความเสี่ยงเดียวกับเสื้อแดงคือหากรัฐบาลยังคุยไม่รู้เรื่อง เขาก็ถือโอกาสหา แพะรับบาป เราไม่ได้เกี่ยวกับเสื้อแดงเลย เรากับเสื้อแดงก็รักกันดี เรากับเสื้อเหลืองก็รักกันได้ เราไม่มีสีเสื้อ” เขาว่าอย่างนั้น

พลิกดูแผนลงทุนของกลุ่มธุรกิจ ค้าปลีก (CRC) พบว่า ในช่วง 1-2 ปีนี้ มีแผนจะขยายศูนย์การค้าไปยังเชียงราย ตามมาด้วยพิษณุโลก เชียงใหม่ และลำปาง

เขายังอยากจะถึงบรรดาบริษัท ขนาดใหญ่ในเมืองไทยว่า ควรจะหันไปให้ความสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม โจทย์คือการทำอย่างไรให้ความเจริญทัดเทียมกัน ไม่รวยกระจุก จนกระจาย

นอกจากนี้ ในแง่ของการรักษาความปลอดภัย “สุทธิธรรม” บอกว่าต่อจากนี้ไป จะประมาทไม่ได้ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า “เหตุการณ์อย่างนี้ไม่มีใคร มาช่วยคุณ” โดยเฉพาะระบบรักษาความปลอดภัยของเซ็นทรัลเวิลด์

“ตอนนี้เราได้ตั้งหน่วยงาน ด้านรักษาความปลอดภัยขึ้นมาใหม่ ให้มีศูนย์บัญชาการอยู่ที่เซ็นทรัลชิดลม โดยมอบหมายให้มีคนดูแลเฉพาะ เป็น Head ระดับฝ่ายเพื่อ manage ทั้งหมด รายงานตรงกับผู้บริหาร”

เขายังเข้าใจเปรียบเปรยท่าที ของรัฐในการแก้ไขปัญหาเพลิงไหม้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ที่ช่วงที่ผ่านมาว่า

“เหมือนเราจ่ายภาษีให้รัฐบาลไปซื้อปืน แต่เขาไม่ซื้อปืนมาใช้กับเรา เรากลับถูกคนเอาปืนมายิง เพราะเราไม่มีไลเซ่นใช้ปืน ถ้ารัฐบาลไม่ทำ ต่อไปเราก็ต้องมีปืนแทนรัฐบาล” นั่นหมายถึง การเพิ่มดีกรีของระบบรักษาความปลอดภัย

ขณะที่แผนการรุกการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีนยังคงเดินหน้า แต่ไม่ได้เร่งมากขึ้นเพราะอยากหนีไปลงทุนนอกประเทศ “สุทธิธรรม” บอก

“ไม่น่าจะไปมากขึ้น เพราะเงินมีน้อยลง ก็คงจะเหมือนเดิม คือที่จีน มีหลายที่เราลงนามสัญญาไว้แล้ว ที่จะเปิดปีหน้าก็ที่เซิ่นหยาง นอกจากนี้คาดว่า CRC จะได้ลงนามสัญญาแน่ๆ ในปีนี้ก็อีก 6-7 แห่ง

ในส่วนของ CPN แม้ตอนนี้ยังไม่มีข่าวดี แต่ก็ศึกษาไปแล้ว 3-4 ศูนย์ หนึ่งในนั้นได้ลงนาม Letter of Intent ไปแล้ว ซึ่งยังไม่รู้ว่าถึงสิ้นปีซีพีเอ็นจะได้ลงนามกี่ศูนย์”

เขายังประเมินผลกระทบใน 5 กลุ่มธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (CRC) กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (CPN) กลุ่มธุรกิจค้าส่ง (CMG) กลุ่มธุรกิจอาหาร (CRG) และกลุ่มธุรกิจโรงแรม (CHR) ว่า กลุ่มธุรกิจที่น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดน่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจโรงแรม เพราะจนถึงปัจจุบันท่องท่องเที่ยวต่างชาติยังคงบางตา

“กระทบอยู่แล้วมีเรื่องอย่างนี้ อยู่ๆ มีการเผา เดินขบวน ที่เห็นชัดๆ อย่างธุรกิจจัดประชุมมีเยอะมาก แต่ตอนนี้หายไปเยอะ ผู้จัดไม่กล้าจัด เพราะเขากลัวขาดทุน ถ้าจัดไปแล้วคนไม่มา”

สุทธิธรรมยังบอกว่า ในช่วง 6 เดือนที่เหลืออยู่ สิ่งที่กลุ่มเซ็นทรัล จะต้องเร่งดำเนินการคือ การทำมาร์เก็ตติ้ง โดยได้ตั้งงบไว้สูงถึง 300 ล้านบาท เพื่อหวังดึงลูกค้าเก่าที่แปรใจให้กลับมา โดยจะอัดแคมเปญหนักๆ ในช่วงปลายปี

"ต้องรุกด้านมาร์เก็ตติงมากขึ้น แคมเปญแรงๆ มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะงานเคาท์ดาวน์ปลายปี เราจะโฆษณาไปตอนนี้ไม่มีประโยชน์เพราะตึกยังไม่เปิด ผมว่าเซ็นทรัลเวิลด์ดังอยู่แล้ว location ดีอยู่แล้ว ศูนย์เราได้รางวัลระดับโลก (ได้รับรางวัล Best of the Best จากสมาคมศูนย์การค้าโลก) เชื่อว่าพอเราเปิดมาคงดีกว่าเดิม ไม่แย่กว่าเดิมอยู่แล้ว และต้องได้รับความนิยมไม่น้อยกว่าเดิม" เขาตั้งความหวัง

ส่วนกรณีที่กลุ่มเซ็นทรัลขอต่อสัญญาเช่าที่ดินและทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริเวณสามเหลี่ยมพหลโยธิน (เซ็นทรัล ลาดพร้าว) ออกไปอีก 2 ปี ไปจนถึงปี 2573 นั้น สุทธิธรรมชี้แจงว่าเป็นคนละเรื่อง (เดียวกัน) กับการที่เซ็นทรัลเวิลด์ถูกเผา

เนื่องจากเหตุผลที่แท้จริง เป็นเพราะกลุ่มเซ็นทรัลต้องจ่ายค่าเช่าใหม่ให้กับ ร.ฟ.ท.ขณะที่ไม่สามารถไปเพิ่มค่าเช่ากับร้านค้าได้ เนื่องจากเซ็นทรัลเวิลด์ยังไม่ได้ปิดปรับปรุง ซึ่งเป็นผลจากเหตุเพลิงไหม้ที่เซ็นทรัลเวิลด์

"ที่ต้องขอต่อสัญญาเพราะเราจ่ายค่าเช่าใหม่ให้กับรถไฟฯไป แล้ว แต่เราไม่ได้รับค่าเช่าใหม่จากร้านค้าเพราะเราไม่ได้ปิดเพื่อ Renovate ถ้าเกิดเซ็นทรัล ลาดพร้าวปิด เซ็นทรัลเวิลด์ก็ปิด ก็ขาดที่ช้อป เราก็ต้องเปิดลาดพร้าวต่อ ทั้งๆ ที่ไม่อยากเปิดเท่าไหร่ แต่ต้องเปิดเพื่อให้เซ็นทรัลไม่หายไปหมด เราก็บอกทางรถไฟฯไปว่า เนื่องจากเราปิดปรับปรุงช้าไปเป็นปี ก็ควรจะต่อสัญญาให้เราอีกปีหรือสองปี แต่ไม่ใช่ไม่จ่ายค่าเช่านะเราจ่ายด้วย"

เขายังระบุว่า ลึกๆ แล้ว การที่ เซ็นทรัล ลาดพร้าวไม่ได้ปิดปรับปรุง รัฐควรจะมีส่วนรับผิดชอบ จากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้น

"ถ้าเผื่อรัฐบาลเห็นใจ และถ้ามองลึกๆ ก็เป็นความผิดของรัฐบาลที่ทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น ไม่สามารถจบได้สวย แล้วก็ที่เราเช่าก็เป็นของรัฐ รัฐก็ควรจะช่วย"

กลุ่มเซ็นทรัล คงต้องลุ้นกันต่อไปว่า ท้ายที่สุด รัฐจะตัดสินใจอย่างไรในเรื่องนี้

@เบื้องหลังเหตุการณ์ที่ "ตื่นเต้นที่สุด"

สุทธิธรรมเล่าว่า วันแรกที่กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนขบวนมาชุมนุมประท้วงที่สี่แยกราชประสงค์ เป็นวันแรกเช่นกัน ที่ผู้บริหารกลุ่มเซ็นทรัล ไหวตัวไปตั้งศูนย์บัญชาการ หรือ "วอร์รูม" นอกพื้นที่ที่เขาไม่ขอเปิดเผยสถานที่ แต่จากการสอบถามคนในวงการค้าปลีก ระบุว่า พื้นที่บริเวณเซ็นทรัล ลาดพร้าว น่าจะเป็นชัยภูมิที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะตั้งเป็นศูนย์บัญชาการ เพราะอยู่ใจกลางเมือง และห่างจากจุดที่มีการชุมนุมพอสมควร

"เรามีวอร์รูมตั้งแต่เดินขบวน บอกไม่ได้เป็นความลับ วอร์รูมจะมีเจ้าหน้าที่ประจำ 24 ชั่วโมง มีผู้บริหารระดับหนึ่งประจำอยู่เพื่อประเมินสถานการณ์ก่อนรายงานตรงถึงผู้ บริหารระดับสูงได้ทุกเมื่อ เช่น เหตุการณ์แบบนี้จะเปิดหรือปิด ห้างกี่โมง วอร์รูมเราจะมี Message ถึงเราตลอดทุกสิบนาที หรือทุกครึ่งชั่วโมง แล้วแต่ความเคลื่อนไหว" สุทธิธรรม เล่าและว่า ตอนที่เกิดเหตุการณ์บอร์ดชุดเล็ก ชุดใหญ่ เรียกประชุมด่วนกันหมด

เขายังบอกว่า รู้สึกตกใจเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมย้ายมาชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ ยิ่งเมื่อการชุมนุมเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ประกอบการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ละแวกนั้นเริ่มนั่งไม่ติด ต้องนัดรวมตัวเพื่อพูดคุยกันเป็นระยะ อาทิ สยามเซ็นเตอร์ (ชฎาทิพ จูตระกูล) สยามพารากอน (ศุภลักษณ์ อัมพุช) และ เกสร (ชาย ศรีวิกรม์) เป็นต้น

"คุณแป๋ม (ชฎาทิพ) อยากให้ผมไปประชุมที่สยาม ผมก็บอกว่า ไม่มีใครอยากไปเสี่ยง ใกล้ไป ก็บอกว่าประชุมที่ลาดพร้าวดีที่สุด ก็ประชุมกันหลายครั้งหลายครา ประชุมว่าเราต้องทำอะไรเหมือนๆ กัน และพอเลิกชุมนุมแล้วจะเป็นอย่างไร ต้องช่วยพนักงาน ช่วยผู้ที่เกิดปัญหาอย่างไร

เราไม่เคยคิดว่าจะมีการเผา เพียงคิดกลัวว่าจะมีคนบุกเข้าไปขโมยของ บางคนก็คิดว่า เดี๋ยวจะเลิกๆ ชุมนุม แล้ว เราเตรียมตัวกวาดถนน กวาดบ้าน ก็ไม่เลิกอีกแล้ว"

สุทธิธรรม ยังเล่าถึง วินาทีที่เห็นห้างสรรพสินค้าเซนถูกเผาว่า..

"สะเทือนใจ ทุกคนยืนน้ำตาปริบ ร้องไห้ไปหลายคน ก็เห็นแล้วตกใจ จริงๆ เป็นเหตุสุดวิสัย ทำใจว่าเราต้องสู้ต่อไป เสียหายจุดนี้ไม่เท่ากับเสียหายทั้งกลุ่ม แต่ก็ไม่ใช่จิ๊บจ๊อย ก็พอสมควร แต่พอถอยหลังแล้วต้องกลับมาสู้ต่อ เราสูญเสียลูกค้าให้คนอื่นไป เราเรียกกลับมาอย่างไร"

เขายังระบุว่า รู้สึกเสียใจกับประเทศไทยว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พลเมืองไทยมีน้อยกว่าเวียดนาม แต่ทำไมยังมีปัญหาเรื่องการบริหารคน

"ที่ผมเสียใจมากจริงๆ ก็เรื่องประเทศไทยว่า ผมอยู่มาขนาดนี้ มีความสุขขนาดนี้ ประเทศไทยมาเป็นอย่างนี้ แล้วรุ่นน้องรุ่นลูกผมน่าสงสารเขา ประเทศเราเสียชื่อเสียงไปทั่วโลก ทำให้คนอื่นมองเราไม่ค่อยดี รอยยิ้มหายไปไหน มาสู้กัน ทำไมไม่ปรองดอง สามัคคี"

สุทธิธรรมยังเห็นว่า สิ่งที่ท้าทายในปีนี้ ไม่ใช่เรื่องของเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องของ เสถียรภาพทางการเมือง

"เศรษฐกิจไทยไปได้ มีเรื่องการเมืองไม่มีเสถียรภาพ แต่ก็มีข่าวดีเรื่องเงินหยวนแข็งค่า มีการชุมนุมประท้วงที่จีน ทำให้คนรู้ว่า ทุกประเทศก็มีความเสี่ยงอยู่ ไปจีนก็ไม่ใช่ว่าดีตลอด ทำให้นักลงทุนกลับมามองอาเซียนมากขึ้น ทำให้เราเขย่งๆ เดิน โผล่หัวในน้ำได้บ้าง มีปัจจัยการเมืองเป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้สะดุดไปสะดุดมา อุตสาหกรรมที่กระทบมากที่สุดคือท่องเที่ยว ซึ่งกระทบต่อมายังธุรกิจค้าปลีก"

Credit : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 12 กรกฎาคม 2553

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E



Create Date : 12 กรกฎาคม 2553
Last Update : 12 กรกฎาคม 2553 13:30:24 น. 2 comments
Counter : 984 Pageviews.

 
เปนข้อสรุปอะไรคือเหตุซึ่งนำไปสู่ผลมีการสร้างสถานการณ์เขารู้ว่าจาเกิดอะไรขึ้นมันมีการเตรียมการไว้ไปศึกษากรณี14ตลาก็อดอามี่หรือเหตุการณ์วันที่18ต่อเนื่องเช้าวันที่19ศึกษาดูให้ดีแล้วคุณจาเห็นว่าอะไรคืออะไรถ้าคุณไม่เอียงไปซะก่อนโชคดีนะ


โดย: กลาง IP: 124.120.42.229 วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:2:59:42 น.  

 
อาลัยหาตึกกิจการค้า
เห็นว่ามีค่ามากกว่าเลือดเนื้อคนไทยด้วยกัน
น่าอนาจจิตใจของพวกคุณ


โดย: อนาจ IP: 188.174.88.56 วันที่: 25 กรกฎาคม 2553 เวลา:4:29:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.