Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
26 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
ประวัติศาสตร์มีไว้ให้ทบทวน

"เป็นบทความเก่า แต่เห็นว่าน่าสนใจ จึงได้นำมาลงให้อ่าน"

โดย สายพิน แก้วงามประเสริฐ

     ผ่านวันสำคัญทางประวัติศาสตร์มาไม่นาน คือวันที่ 6 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ตำราเรียนประวัติศาสตร์แทบไม่อยากบันทึกว่าเกิดเหตุการณ์อะไร ขึ้น หรือถ้าบันทึกไว้ก็บันทึกแบบเสียไม่ได้ว่าเกิดการนองเลือดในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เป็นเหตุทำให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร แต่ไม่มีรายละเอียด ไม่มีคำอธิบายใดๆ ว่าเพราะเหตุใดคนไทยถึงได้เผชิญหน้ากัน เกิดการเข่นฆ่ากันครั้งใหญ่สุดในเมืองหลวงของประเทศไทย

ผ่านเหตุการณ์นั้นมา 30 กว่าปี สังคมไทยยังไม่เคยทบทวนว่ามีปัจจัยอะไรที่ทำให้ความรุนแรงเกิดขึ้น แล้วทำอย่างไรจึงจะป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งเราไม่ได้ทั้งให้คนรุ่นต่อมาได้ศึกษาทบทวนหรือถกเถียงเพื่อให้เกิดการ ใช้วิจารณญาณกันสักเท่าไร

และเมื่อจะครบรอบ 35 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งเรายกย่องว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญของชาติ เนื่องจากส่งผลให้ประเทศไทยมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น อย่างน้อยก็ทำให้มีรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2517 หลังจากที่รัฐบาลในเวลานั้นงดเว้นการใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญมาเป็นเวลานาน

หลังเหตุการณ์นี้สิทธิเสรีภาพของประชาชน นิสิต นักศึกษาเบ่งบาน เกิดความตื่นตัวในการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพเพิ่มมากขึ้น น่าจะทำให้ประเทศไทยเดินไปได้อย่างสวยงามมั่นคง เพราะความเป็นประชาธิปไตย ควรส่งผลให้เกิดความมั่นคงทางการเมือง ย่อมทำให้ประชาชนอยู่อย่างมีความสุข

แต่ห่างเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มาเพียงไม่กี่ปี ความแตกแยกทางความคิดของผู้คนในสังคมตลอดจนความหวาดระแวงที่มีต่อกัน ทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันครั้งใหญ่ ที่กลายเป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ที่เกิดการเข่นฆ่ากันในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ผลของเหตุการณ์นี้สืบเนื่องต่อมาอีกหลายปี ที่ทำให้ความแตกแยกทางความคิดกลายเป็นการแบ่งขั้ว ความเป็นประชาธิปไตยกับคอมมิวนิสต์ จนต้องหันไปจับอาวุธต่อสู้กันเองอยู่หลายปี

ในที่สุดก็พบว่าการใช้ความรุนแรงไม่อาจทำให้ความแตกแยกทางความคิดยุติลงได้ การเรียนรู้จึงเกิดขึ้น แล้วพบว่าวิธีการหันหน้าเข้าหากันอย่างสมานฉันท์ จะทำให้ความสูญเสียลดน้อยลงไป และการหันมาร่วมมือร่วมใจกัน น่าจะทำให้ประเทศไทยดำเนินต่อไปได้อย่างสวยงาม

     16 ปีต่อมา ประเทศไทยกลับเข้ามาสู่วังวนเช่นเดิม หลังเกิดการปฏิวัติรัฐประหารไม่นาน เกิดการชุมนุมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง แล้วจบลงด้วยการที่รัฐเลือกใช้ความรุนแรง จึงทำให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ ชีวิตผู้คนจำนวนไม่น้อย กลายเป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ ที่เรียกว่าเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ.2535

หลังเหตุการณ์นี้เกิดกระแสเรียกร้องให้มีกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แทนฉบับที่ร่างภายใต้คณะปฏิวัติรัฐประหาร จึงทำให้เกิดรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2540 ซึ่งได้รับการยอมรับในระยะแรกว่ามีความเป็นประชาธิปไตยมากฉบับหนึ่ง

แต่ประเทศไทยก็ไม่อาจยินดีปรีดากับสิ่งเหล่านี้ได้นาน เพราะความแตกแยกทางความคิดของผู้คนในสังคม ณ พ.ศ. ปัจจุบัน รุนแรงมากกว่าครั้งใดๆ ที่แบ่งให้คนในสังคมไม่ว่ากลุ่มใด อาชีพใด แทบจะถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่ายคือถ้าคิดไม่เหมือนเราก็ไม่ใช่พวกเรา และมองกันเหมือนเป็นศัตรูที่ไม่อาจประนีประนอมหรือสมานฉันท์กันได้ ต่างฝ่ายต่างมุ่งเน้นเอาชนะคะคานกัน ถือว่าตัวเป็นฝ่ายดี ฝ่ายถูก และรักชาติแต่เพียงฝ่ายเดียว

การประกาศครั้งแล้วครั้งเล่าถึงชัยชนะ ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะครั้งแรก หรือครั้งสุดท้ายก็ตาม แต่กลับไม่คิดว่ายิ่งมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ ย่อมเป็นชัยชนะท่ามกลางความพ่ายแพ้ของประเทศชาติ

น่าเศร้าใจอยู่ไม่น้อยที่ก่อนหน้านี้ แม้แต่ผู้นำประเทศเพื่อบ้านที่ได้ชื่อว่าการเมือง ความเป็นประชาธิปไตยยังไม่ก้าวหน้าเทียบเท่าไทย ถึงกลับเอ่ยปากว่า ไม่เข้าใจว่าการเมืองไทยเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่คนไทยยังคงแบ่งฝักฝ่ายเพื่อเอาชนะคะคานกัน ทำให้ดูเหมือนกลับว่าแต่ละฝ่ายไม่อยากให้ประเทศดำเนินต่อไปได้ เหมือนนานาอารยประเทศ

     ล่าสุดเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2551 มีผู้ชุมนุมฝ่ายพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยปิดล้อมรัฐสภา เพื่อไม่ให้รัฐบาลได้เข้ามาแถลงนโยบาย ดังนั้น ในช่วงเช้าตำรวจจึงได้เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรโดยการใช้แก๊สน้ำตา ซึ่งทำให้คนได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง เมื่อรัฐบาลเข้าไปแถลงนโยบายได้แล้วปรากฏว่าฝ่ายพันธมิตรได้ใช้โซ่ล่ามประตู รัฐสภา ทำให้สมาชิกรัฐสภาและรัฐมนตรี ส่วนหนึ่งไม่สามารถกลับออกไปได้

การสลายการชุมนุมด้วยการใช้ความรุนแรงจึงเกิดขึ้น ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าตำรวจกับผู้ชุมนุม จนกระทั่งมีผู้บาดเจ็บล้มตาย ซึ่งสภาพการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ยังมีเหตุการณ์สำคัญหลายครั้งหลายครา ที่เกิดการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนผู้ชุมนุมประท้วงกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ

แล้วผลสุดท้ายจบลงด้วยการใช้ความรุนแรง

แม้ว่าครั้งนี้ยังไม่อาจทำให้เหตุการณ์จบลงก็ตาม แต่เราจะพบว่าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ไม่เคยทำให้คนในสังคมไทยเกิดการเรียนรู้ ทบทวนความผิดพลาดในอดีต ที่ควรแก่การระมัดระวังป้องกันไม่ให้สถานการณ์เช่นในอดีต ที่ถือเป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์เกิดขึ้นอีก

การไม่รู้จักทบทวนเท่ากับว่าการเรียนประวัติศาสตร์ทั้งในโรงเรียนและในสังคมล้มเหลว เพราะไม่อาจสอนให้คนไทยใช้บทเรียนจากประวัติศาสตร์ได้จริงๆ อีกทั้งยังพบการสร้างเงื่อนไขที่ควรจะรู้อยู่แก่ใจว่าอาจนำไปสู่การใช้ความ รุนแรง ตลอดจนความไม่พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงเท่าที่ควรจะทำอย่าง ยิ่งยวดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ

     เมื่อเป็นดังนี้จึงควรเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ต้องหันมาทบทวนเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ให้เป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสังคมไทย และไม่จำเป็นต้องทำให้ประวัติศาสตร์เดือนตุลาคมซ้ำรอย กลายเป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ของเดือนตุลาคม 2551 ไว้ให้ลูกหลานต้องทบทวนจดจำอยู่ร่ำไป

Credit : มติชนรายวัน วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2551 หน้า 9

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E




Create Date : 26 พฤษภาคม 2553
Last Update : 26 พฤษภาคม 2553 22:05:25 น. 0 comments
Counter : 906 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.