Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
3 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

สงคราม"เฟซบุ๊ก"ไทย ความแตกแยก(จริง)ในโลกเสมือน


ศักดิ์สกุล กุลละวณิชย์ / รายงาน

*จากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ปะทุลากยาวหลายปี กระทั่งลุกลามกลายเป็นโศกนาฏกรรมนองเลือดในสังคมไทย เป็นหลักฐานยืนยันว่าความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของคนไทยด้วยกันได้เกิดขึ้นแล้วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม้ขณะนี้การปะทะกันโดยตรงอาจยุติลงชั่วคราว พร้อมๆ กับคำสั่งยกเลิกมาตรการ "เคอร์ฟิว" ของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. แต่แนวรบของแนวร่วมทั้งสองฝ่าย (หรือหลายๆ ฝ่าย) ยังไม่หยุดอยู่แค่ในสังคมปกติทั่วไป แต่กลับยิ่งร้อนแรงทบเท่าทวีใน "โลกเสมือน" หรือ "โลกอินเตอร์เน็ต"

อีกทั้งอาจกล่าวได้ว่า ระดับความชิงชัง-เคียดแค้น-อำมหิตในชุมชนอินเตอร์เน็ตนั้น บางกรณีร้าวลึกไม่แพ้การศึกบนท้องถนน

ดังจะเห็นจากการอุบัติขึ้นของ "แนวร่วม" สารพัดกลุ่มซึ่งเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดใน "เว็บไซต์ เครือข่ายสังคมออนไลน์" (Social Network Sites : SNSs)

ล่าสุด สมาชิกในสังกัดกลุ่มต่างๆ เหล่านี้เริ่มพัฒนาการ "จัดตั้ง" ตัวเองอย่างเป็นกลุ่มเป็นก้อน พร้อมจะเคลื่อนไหวออกมาทำกิจกรรมตามหมากที่ "นักเล่นเกมอำนาจ" กำหนดไว้ ซึ่งเป้าหมายของกิจกรรมดังกล่าวมีทั้งที่เป็นโครงการสร้างสรรค์สังคม ไปจนถึงเพื่อรวบรวม "ไพร่พล" ไปสู้รบต่อต้านกับกลุ่มอื่นๆ ที่คิดต่าง

และแน่นอน ในเมื่อ "เฟซบุ๊ก" ครองสถานะเจ้าเว็บไซต์ SNSs ฉะนั้นจึงกลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่กลุ่มคนสวมเสื้อ "สารพัดสี" ในบ้านเรารุกคืบเข้าไปสร้างพื้นที่เผยแพร่ความคิดทางการเมือง รวมถึงตั้ง "ลัทธิล่าแม่มด" จองล้างจองผลาญทำลายคนเห็นต่าง

อย่างไรก็ตาม สำหรับชุมชนเฟซบุ๊กหนุนรัฐบาลดูจะได้เปรียบหลายขุม ท่ามกลางภาวะเฟซบุ๊กคนเสื้อแดงและผู้เรียกร้องประชา ธิปไตยถูก "แบน-เซ็นเซอร์" เป็นว่าเล่น!

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2547 "เฟซบุ๊ก" เปิดให้บริการแก่บุคคลทั่วไปเป็นครั้งแรก มีข้อกำหนดเบื้องต้นแค่ผู้สมัครต้องมีอายุเกิน 13 ปี

จุดเริ่มต้นของเว็บเขย่าโลกที่มีสมาชิกกว่า 400 ล้านคน เว็บนี้ มาจากมันสมองของนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด "มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก" ที่เพิ่งอกหัก และโพสต์ไว้ใน "บล็อก" ของตนว่าต้องการหาอะไรทำเพื่อให้สมองยุ่งๆ เข้าไว้ ด้วยการสร้างเว็บหนังสือรุ่น "เฟซบุ๊ก" ขึ้นมา

ช่วงเริ่มต้นเฟซบุ๊กจำกัดให้ใช้กันเฉพาะนักศึกษาฮาร์วาร์ดเท่านั้น ก่อนจะเพิ่มเป็น 8 มหาวิทยาลัยชั้นนำในกลุ่ม "ไอวี่ลีก" ตามมาด้วย เด็กไฮสคูลทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา

สุดท้ายก็เปิดบริการทั่วโลกในที่สุด

ที่ผ่านมา แม้แต่ในสหรัฐเองก็มีการใช้เฟซบุ๊กเป็น "ฐานที่มั่นในการสร้างกลุ่มก้อนทางการเมือง" ซึ่งมีทั้งการแสดงความคิดเห็นของบุคคลทั่วไป

*กลุ่ม "แฟนคลับ" ของพรรคการเมืองหลักสองพรรค

ไปจนถึงกลุ่มที่มีแนวคิดการเมืองทางเลือกนอกกระแสอีกมาก มาย ที่น่าสนใจก็เช่น "อเมริกัน ที ปาร์ตี้ เฟซบุ๊กส์" เป็นต้น

นอกเหนือจากแง่มุมทางการเมืองแล้ว เฟซบุ๊กเองยังเคยตกเป็นเป้าโจมตีในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องของ "ชนชั้น" อันเนื่องมาจากการตั้งข้อสังเกตของนักคิดนักเขียนอเมริกันหลายคนที่เสนอความเห็นว่า

เฟซบุ๊กเป็น "ชุมชน (จำลอง) ของพวกอภิสิทธิ์ชน" ในขณะที่คนธรรมดา หรือกลุ่มด้อยการศึกษากับคนต่างด้าว (ในสหรัฐ) มักเลือกใช้เว็บอื่น เช่น "มายสเปซ"

ซึ่งเหตุผลสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวก็วกกลับมาจากจุดกำเนิดของตัวเฟซบุ๊กเอง ที่กำหนดให้สมาชิกส่วนใหญ่ต้องเป็นคนผ่านการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเท่านั้น

สำหรับในประเทศไทย

ปัจจุบันมีสถิติสมาชิกผู้นิยม "เล่น" เฟซบุ๊ก เกือบ 4 ล้านคน

และจากเดิมที่เคยใช้เป็นแหล่งติดต่อสื่อสารเรื่องราวระหว่างเพื่อน

ก็เริ่มเปลี่ยนบทบาทมาเป็นแหล่งระบายแนวคิดทางการเมืองอย่างแพร่หลาย อันเนื่องมาจากความสะดวกรวดเร็ว และผู้ใช้สามารถเห็นคนที่ "เห็นด้วย" หรือ "เห็นต่าง" กับความคิดของตนได้ทันทีทันใด

โดยกลุ่มก้อนทางการเมืองของไทยในโลกเฟซบุ๊กที่เห็นชัดเจนผ่านการตั้งชื่อ อาทิ

1. กลุ่มสนับสนุนนายกฯ อภิสิทธิ์ เช่น กลุ่มเฟซบุ๊กมั่นใจคนไทยเกินล้านต่อต้านยุบสภา และชาวเฟซบุ๊กไม่เอาตำรวจมะเขือเทศ

2. กลุ่มสนับสนุนคนเสื้อแดง-นปช. เช่น //www.facebook.com/ UDDThailand และกลุ่มคนที่ตั้งชื่อเฟซบุ๊กด้วยคำว่า เสื้อแดง หรือ red shirts

ปรากฏการณ์เฟซบุ๊กการเมืองต่างสีของไทยยังสร้างความฉงนฉงายให้กับสื่อยักษ์ใหญ่แดนสหรัฐอเมริกาอย่าง "หนังสือพิมพ์คริสเตียนไซเอินซ์มอนิเตอร์" ด้วยเช่นกัน

ไซมอน มอนต์เลก นักข่าวคริสเตียนฯ ซึ่งเกาะติดข่าวม็อบแดงในกรุงเทพฯ เขียนรายงานเรื่อง "Thailand"s red shirts and yellow shirts battle it out on Facebook." มีเนื้อหาระบุว่า

ในแง่การใช้เฟซบุ๊กเป็นกลไกปลุกระดมทางการเมือง ฝ่ายเสื้อแดงดูจะเสียเปรียบ เนื่องจากฐานมวลชนหลักของเสื้อแดงอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดและมีฐานะยากจน โอกาสเข้าถึงอินเตอร์เน็ตจึงน้อยกว่าหลายเท่า เมื่อเทียบกับฝ่าย "เสื้อเหลือง" ซึ่งหนุนรัฐบาลและประกอบด้วยมวลชนคนชั้นกลาง-พนักงานออฟฟิศ


*มอนต์เลกชี้ว่า ในโลกตะวันตกไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนจะเข้ามาแสดงความเห็นและจัดตั้งกลุ่มการเมืองในเว็บไซต์

แต่สำหรับเมืองไทย เฟซบุ๊กถูกกลุ่ม "ขวาจัด" ใช้เผยแพร่ความเกลียดชังทางการเมือง และตามล่าคุกคามทำลายล้างกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับพวกตน

ความรุนแรงในเฟซบุ๊กการเมืองไทยยังโหดร้ายถึงขั้นมีคนจัดตั้งกลุ่ม "เสพศพคนเสื้อแดง" ขึ้นมา เพื่อโพสต์ภาพศพคนเสื้อแดง 80 กว่ารายที่เสียชีวิตขณะร่วมชุมนุม และส่วนใหญ่เป็นแค่พลเรือนธรรมดา!

นอกจากนี้ เฟซบุ๊กเสื้อแดงยังตกเป็นรองเพราะถูกทางการไล่บล็อก- ปิดอย่างต่อเนื่อง

สฤนี อาชวานันทกุล ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มเครือข่ายพลเมืองเน็ต ชี้ว่า

ในอดีตเว็บ เช่น เฟซบุ๊กถูกใช้เป็นแหล่งโพสต์รูปตลกๆ และ เล่นเกม

แต่นับตั้งแต่สถานการณ์การเมืองเริ่มรุนแรงมากขึ้นในเดือนมีนาคมเป็นต้นมา

กลุ่มผู้สนับสนุนายกฯ อภิสิทธิ์ได้ใช้เว็บเฟซบุ๊กของตัวเองแสดงน้ำเสียงต่อต้านม็อบแดงและจัดตั้งกลุ่มการเมือง

ซึ่งหนึ่งในกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวในโลกแห่งความจริง คือ "กลุ่มเสื้อหลากสี"

"เมื่อเราติดต่อกับเพื่อนผ่านเฟซบุ๊ก ตามสัญชาตญาณแล้วก็มีแนวโน้มจะเชื่อความเห็นของเพื่อนๆ อยู่แล้ว ซึ่งถือว่าอันตรายมาก ถ้าคนในเครือข่ายของเรามีมุมมองเพียงด้านเดียว" สฤนีกล่าว


พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์

มองปรากฏการณ์"เฟซบุ๊ก"

"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การรวมกลุ่ม แต่อยู่ที่รวมกลุ่มกันแล้วยกพวกไปตีคนอื่น ไปถล่มกลุ่มอื่น แตกต่างจากเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้ความไว้เนื้อเชื่อใจมันหายไป คนไว้ใจไม่ได้เหมือนแต่ก่อน"

เกี่ยวกับ "กระแสการต่อสู้ทางการเมือง" ในโลกสังคมออนไลน์ "เฟซบุ๊ก" ของไทยนั้น

ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์แสดงทรรศนะผ่าน "ข่าวสดหลาก & หลาย" ดังนี้

อาจารย์เล่นเฟซบุ๊ก หรือเว็บเครือข่ายสังคมอะไรบ้างรึเปล่า เช่น ใช้สร้างกลุ่มของอาจารย์ หรือกลุ่มนักศึกษาในวิชาที่สอน

เล่น ผมเล่นอยู่แล้ว มีเพื่อนเป็นพันคน แต่ส่วนตัวมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองที่ใช้ในการติดต่อกับคนทั่วไป

ปัจจุบันมีการใช้เฟซบุ๊กและเว็บเครือข่ายสังคมเป็นเครื่องมือทางการเมือง เช่น ใช้โจมตีกลุ่มที่เห็นต่าง หรือสร้างกลุ่มที่มีความคิดเห็นเหมือนกันขึ้นมา อาจารย์มองเรื่องนี้อย่างไร

มันเป็นเรื่องของการพยายามสร้างเครือข่าย จริงๆ แล้วการมีกลุ่มก้อนมันก็ดี ไม่ใช่เรื่องไม่ดี

แต่บางทีมันไม่ใช่การสร้างเครือข่ายทั่วไปไง

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การรวมกลุ่ม แต่อยู่ที่รวมกลุ่มกันแล้ว "ยกพวก" ไปตีคนอื่น ไปถล่มกลุ่มอื่น แตกต่างจากเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้ความไว้เนื้อ เชื่อใจมันหายไป คนไว้ใจไม่ได้เหมือนแต่ก่อน

ยกตัวอย่างเช่น สมัยก่อนเรามี "เว็บบอร์ด" ก็ฮิตกันอยู่พักหนึ่ง ดูแล้วเหมือนกับตอนนี้ที่มีการใช้แสดงความคิดเห็นทางการเมือง มีเลือกข้างเหมือนตอนนี้เลย แต่ที่ต่างกันก็คือ พอเถียงในเว็บบอร์ดจนไปกันใหญ่ก็จะมีเว็บมาสเตอร์มาปิดบอร์ด ยกกระทู้ออกไป

แต่กับเฟซบุ๊กนี่มันตามตัวได้ รู้ว่าใครเขียน พอรู้ตัวก็ตามไปถล่มกันต่อ ไม่จบไม่สิ้น

แถมบางทีมีการหลอกเข้ากลุ่มด้วย เพื่อเพิ่มจำนวนคน

ปรากฏการณ์นี้มีน้ำหนักเพียงใดต่อสังคม และถ้ามีการลง "ใต้ดิน" จะมีผลกระทบต่อโลกออนไลน์อย่างไรบ้าง รัฐจะมีการกำกับดูแลได้มากน้อยเพียงใด

มีน้ำหนักอย่างมาก เพราะมันจะเกิดการรวมตัวของคน

ยกตัวอย่างเช่น เกิดเหตุการณ์ที่เด็กไม่เข้าเรียน เพราะไม่พอใจความคิดเห็นทางการเมืองของผู้สอน

หรือมีการบีบให้ออกจากงานเพราะแนวคิดทางการเมืองไม่ตรงกับหัวหน้า เป็นต้น

ผมคิดว่าเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ขาดความเชื่อใจกัน อาจจะอ่านความคิดเห็นแค่ไม่กี่ประโยคก็เหมารวม ตีตราอีกฝ่าย จนสุดท้ายก็ไว้ใจใครไม่ได้ ระแวงไปหมด ผมขอถามว่า คุณจะไว้ใจใครได้อย่างไร?

และที่สำคัญคือ เมื่อก่อนเข้าเว็บด่ากันเดี๋ยวก็ปิด เลิก แต่เดี๋ยวนี้มันถึงตัว มันมาถึงตัวเราจริงๆ อาจเป็นเพราะคนเรามันเปราะบางก็เป็นได้

เราควรจะใช้ SNSs อย่างไร ถ้าอยากจะแสดงความคิดเห็นทาง การเมืองต่อไป

ก็คงต้องสร้างกลุ่มเพื่อนที่ไว้ใจ แอ็ดเพื่อนเฉพาะคนที่รู้จัก

กับคำถามที่แล้ว เรื่องการจัดการของรัฐ ผมมองว่ามี 2 ประเด็นที่น่า สนใจตรงจุดนี้ กล่าวคือ

เรื่องแรกคือการโพสต์อะไรแรงๆ มันไม่ถึงขั้นผิดกฎหมาย

แต่มัน "ผิดใจ" กัน

และสุดท้ายก็โดนยกพวกถล่ม

เรื่องที่สอง คือ กรณีนี้มันไปไกลกว่า รัฐแล้ว รัฐทำอะไรไม่ได้ แต่มันจะเกิดปรากฏการณ์สังคมเล่นกันเอง ตรวจสอบอีกฝ่ายอยู่ตลอด และก็จัดทีมตีกันในเว็บไปตามเรื่อง

ส่วนตัวผมเองก็เคยเจอกรณีเพื่อนที่คบกันมาเป็นสิบปี ผมเพิ่งมารู้แนวคิดทาง การเมืองของเขาเมื่อเร็วๆ นี้ ในเฟซบุ๊ก ก็แปลกดี

บางคนเลิกคบเราไปเลยก็มี ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทะเลาะกันด้วยซ้ำ

Credit : ข่าวสดออนไลน์ 1 มิถุนายน 2553 หน้า 21

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2553
1 comments
Last Update : 3 มิถุนายน 2553 18:56:00 น.
Counter : 822 Pageviews.

 

ประกาศค่ะ !!!! ขอความช่วยเหลือนะคะ
รบกวนสมาิชิกชาว Facebook, MySpace,Orkut, Friendster และ Hi5
ตอบแบบสอบถามวิทยานิพนธ์เรื่องความพึงพอใจจากการใช้เว็บไซต์เครือข่ายสังคม
จากผู้ให้บริการทั้ง 5 ให้ด้วยนะคะ ขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ (รบกวนช่วยส่งต่อด้วยนะคะ)

//junienina.wordpress.com/2010/06/27/questionnaire-satisfaction-from-using-social-networking-sites/

 

โดย: Girl of Summer 28 มิถุนายน 2553 14:25:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.