Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
สนามหลวง

*

สนามหลวง


คือ สถานที่พักผ่อนของคนกรุงเทพฯ ตอนเย็นๆ และ วันหยุดราชการ
สถานที่ จัดงานประจำปี
สถานที่เริ่มต้นของการเดินทางไปยังที่ต่างๆสมัยก่อน
สถานตลาดนัดวันเสาร์ อาทิตย์ สมัยก่อน
สถานที่ แข่งขันว่าวประจำปี
เป็นศูนย์กลางการเจริญเติบโต ด้านธุรกิจ การค้า การลงทุน วงการต่างๆ ของประเทศไทย เช่น วงการแผ่นเสียง เครื่องดนตรี ตลาดเสื้อผ้า อาภรณ์ ของที่ระลึก ตลาดของเก่า ของโบราณ สำนักพิมพ์ หนังสือพิมพ์ หนังสือ เครื่องสังฆภัณฑ์


*ยังจำได้ว่า ครั้งสมัยเมื่อยังเด็กซึ่งในสมัยนั้นก็คงประมาณ ปี พ.ศ. 2500 เข้ามาเที่ยวในกรุงเทพฯ ครั้งใด ซึ่งส่วนมากก็จะมากันในวันเสาร์ วันอาทิตย์ เป็นอันต้องมาเที่ยวเดินตลาดนัดสนามหลวง ซึ่งก็ถือว่าเป็นตลาดนัด ที่ใหญ่ที่สุด และขึ้นหน้าขึ้นตามากที่สุด ในประเทศไทยในยุคนั้นก็ว่าได้ จนตลาด นัดที่เกิดขึ้นใหม่ ในหลายๆที่ หลายๆจังหวัด ก็ต้องอาศัยยืมชื่อว่า ตลาดนัดสนามหลวงไปใช้เป็นเครื่องหมายการค้ากันเป็นทิวแถว ที่นี่มีสินค้าทุกอย่างทุกประเภท ราคาก็แสนถูก จะเอาอะไรหละ ที่เรียกกันติดปากจนถึงทุกวันนี้ ก็คือ "มีสินค้าขายตั้งแต่ ยาสีฟัน ยันเรือรบ " ก็มาเกิดจากที่นี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นของสด หมู เห็ด เป็ด ไก่ อีกทั้งของแห้ง เครื่องใช้ไม้สอยในครัวเรือน เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ ประดา เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องเรือน ทั้งมือหนึ่งออกจากหลังโรงงาน ของหลุดจากโรงจำนำ ของขโมยเขามา และทั้งของใช้แล้ว ที่เรียกว่า ของมือสอง ก็มี ของจากในเมืองไทย ต่างประเทศ ของจากป่า พวก ต้นไม้ เครื่องยาสมุนไพร
ประเภท เขากวาง กระดูก เก้ง กระทิง ละมั่ง เม่น อีเห็น หนังเสือ สัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่น นก ต่างๆ กระรอก กระแต กระต่าย แมวป่า บางที่ก็ยังเห็นมี
สินค้าหลายอย่างก็ต้องมาเปิดตัว และมาแจ้งเกิดกันที่นี่ ก่อน และต่อมา กลายเป็น

สินค้าขึ้นห้างก็มีเยอะแยะ อย่าว่าแต่สินค้าเลย แม้แต่ บรรดา พ่อค้า แม่ขาย ที่ ก่อร่างสร้างตัวเองขึ้นมาได้ จาก ท้องสนามหลวง จนกลายเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี นายห้าง ดังคับฟ้า ก็ หลายคน ว่างๆ จะลองรวบรวม ทำ รายชื่อ ให้ดู คงต้องร้อง อ๋อ ฮากลิ้งกันเป็นทิวแถว

     แต่ที่คู่กับ เศรษฐีมาแจ้งเกิดที่นี่ ก็คงเป็นบรรดามิจฉาชีพ อันได้ แก่ นักล้วง วิ่งราว หัวขโมย ล่อลวง หลอกเด็ก ที่ใช้ ตลาดนัดท้องสนามหลวง ทำมาหารับประทาน ก็ไม่น้อย จนกลายเป็นขบวนการเลย

     สิ่งที่ขึ้นหน้าหน้าขึ้นตา ที่เป็นสัญลักษณ์ของสนามหลวงอีกอย่างหนึ่งก็ คือ หมอดูใต้ต้นมะขาม แต่ก็คงจะบริการรับใช้ คนตรม คนทุกข์ คนมีความรัก คนกำลังจะหาคู่ครอง หรือ คนหวังรวย แต่โทษทีมีบริการเฉพาะวันธรรมดา ส่วนวัน เสาร์ อาทิตย์ ก็คงเป็นคิวของตลาดนัดอย่างที่ว่านั่นแหละ

"แรกมีไฮด์ปาร์ค สนามหลวง"
'ปราศรัยหาเสียง' มีส่วนแตกต่างและคล้ายคลึงกับ 'ไฮด์ปาร์ค'หรือไม่? อย่างไร? ไม่ใช่เรื่องสำคัญใหญ่โต แต่เป็นเรื่องน่าคิดน่าสงสัย แล้วน่าหาคำอธิบายมาเล่าสู่กันฟัง

แรกสุดต้องรู้ก่อนว่า 'ไฮด์ปาร์ค' เป็นวัฒนธรรมการเมืองอย่างใหม่ที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม รับแบบแผนตัวอย่างจากอังกฤษมาสู่สยามประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.2498 อาจารย์สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ (แห่งคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ) อธิบายเรื่องนี้ไว้ในหนังสือแผนชิงชาติไทย จะขอคัดมาดังนี้
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2498 นั้น รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการเมืองครั้งสำคัญ นั่นคือการเปิดให้มีกระบวนการที่เรียกว่า

'การฟื้นฟูประชาธิปไตย' ขึ้นอีกครั้ง กระบวนการนี้เกิดหลังจากที่จอมพล ป. พิบูลสงครามเดินทางไปเยือนต่างประเทศเป็นเวลา 70 วัน และเมื่อกลับมาถึงประเทศไทย ก็ได้เริ่มผลักดันให้มีการฟื้นฟูประชาธิปไตยขึ้น
จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ออกเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ ทั้งใน เอเชีย ยุโรป อียิปต์ และสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน จนถึงวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2498 นับเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งใหญ่ครั้งแรกของผู้นำไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา

นับแต่นั้นจอมพล ป. แสดงท่าทีว่าจะมีการปรับนโยบายใหม่เพื่อที่จะทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นตามแบบที่ได้พบมาในยุโรปและสหรัฐ เช่น
ยินยอมให้มีการเปิดการชุมนุมสาธารณะที่สนามหลวง เพื่อวิจารณ์การบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลได้อย่างเสรี ตามแบบที่เรียกว่า 'ไฮด์ปาร์ก' ซึ่งจอมพล ป. อ้างว่ารับแบบอย่างมาจากอังกฤษ และจอมพล ป. ก็ได้ออกจดหมายลงวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2498 สั่งการไปยังว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้ใช้นโยบายเดียวกันคือ ให้จัดสถานที่สำหรับไฮด์ปาร์กในจังหวัด เช่นเดียวกับสนามหลวงในกรุงเทพฯด้วย (กจช. มท.0201.2.1.56/28)

รายการเปิดไฮด์ปาร์กสนามหลวงครั้งแรกในสมัยนี้ เริ่มขึ้นในวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2498 โดย ทองอยู่ พุฒพัฒน์ และ แคล้ว นรปติ เป็นผู้นำและประเด็นในการเคลื่อนไหวก็คือการคัดค้านแบบเรียนเบสิคของกระทรวงศึกษาธิการ (พิมพ์ไทย 29 สิงหาคม 2498)

แบบเรียนเบสิคก็คือ ตำราเรียนภาษาไทยเบื้องต้นแบบใหม่เขียนโดย กี่ กีรติวิทโยฬาร อธิบดีกรมวิชาการซึ่งเป็นตำราที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศให้ใช้ในปีการศึกษา พ.ศ.2498 และส่งไปพิมพ์ที่ประเทศญี่ปุ่น ตำรานี้ถูกวิจารณ์มากว่าเป็นตำราที่แพงแต่ไร้ประโยชน์ ไม่มีความจำเป็น ทำให้ผู้ปกครองต้องเสียเงินเพิ่ม กลายเป็นประเด็นสำคัญแรกสุดสำหรับการไฮด์ปาร์ก (ดู วิเทศกรณีย์ 2505 : 211-217)
ผมอ่านแผนชิงชาติไทยของอาจารย์สุธาชัย แล้วชื่นใจได้รู้จักประวัติศาสตร์การเมืองไทยตั้งแต่ 2475 ลงมา ทำให้มองเห็นอนาคตรำไรๆว่าหลังเลือกตั้ง 23 ธันวาไปแล้ว ชีวิตเราจะต้องตกระกำลำบากแล้วตกยากได้ทุกข์อย่างไร
เนื้อหาในเล่มนี้เหมาะเอาไปสรุปย่อจัดแสดงทำ 'มิวเซียมการเมืองไทย' แต่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของกรมศิลปากรไม่มีวันเหลียวแลความรู้ดีๆ วิเศษๆ อย่างนี้ เพราะพวกเขารับใช้การเมืองอีกอย่างหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เองพิพิธภัณฑ์แห่งชาติจึงไม่มีเนื้อหาเศรษฐกิจการเมืองไม่ว่ายุคโบราณหรือยุค 2475 ลงมา

**แรกมี'ไฮด์ปาร์ค'สนามหลวง สมัยจอมพล ป. (พ.ศ.) 2498 คอลัมน์ สยามประเทศไทย โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ**




*ก่อนเป็นสนามหลวง เรียก"ทุ่งพระเมรุ"เป็นป่าพงรกกลางพระนคร

คอลัมน์ สยามประเทศไทย - มติชน วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10944

โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ


     สนามหลวงมีมาแต่แรกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ในรัชกาลที่ 1 อยู่ระหว่างพระบรมมหาราชวัง (วังหลวง) กับพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เป็นบริเวณที่โล่ง จัดให้มีขึ้นอย่าง สนามหน้าจักรวรรดิ ของพระนครศรีอยุธยา

ใช้เป็นที่สร้างพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ชั้นสูง คนทั่วไปจึงเรียกว่า "ทุ่งพระเมรุ"

ถ้าไม่มีงานพระเมรุก็ปล่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่าราวหนองบึงที่ชุมนุมของสัตว์เลื้อยคลาน เป็นอาหารของไพร่บ้านพลเมืองที่ถูกเกณฑ์ ดังมีในเนื้อร้องขับเพลง ลาวแพน (น่าจะแต่งในสมัยรัชกาลที่ 3-4) ดังนี้

มาข้อยจะกล่าว ถึงพวกลาวเป่าแคนแสนเสนาะ

มาสอเพาะ เข้ากับแคนแสนขยัน

เป็นใจความยามยาก จากเวียงจัน

ตกมาอยู่เขตขัณฑ์ อยุธยา

อีแม่คุณเอ๋ย เฮาบ่เคยจะตกยาก

ตกระกำลำบาก แสนยามก็นี่นักหนา

พลัดทั้งที่ดินถิ่นฐาน พลัดทั้งบ้านเมืองมา

พลัดทั้งปู่พลัดทั้งย่า พลัดทั้งตาทั้งยาย

พลัดทั้งแม่ลูกเมีย พลัดทั้งเสียลูกเต้า

พลัดทั้งพงศ์ทั้งเผ่า ทั้งลูกเต้าก็หนีหาย

บักไทยมันเฆี่ยน บักไทยมันขัง จนไหล่จนหลังของข้อยนี่ลาย

จะตายเสียแล้วหนา ที่ในป่าดงแดน

ผ้าทอก็บ่มีนุ่ง ผ้าถุงก็บ่มีห่ม

คาดแต่เตี่ยวเกลียวกลม หนาวลมนี่เหลือแสน

ระเหินระหกตกยาก ต้องเป็นคนกากคนแกน

มีแต่แคนคันเดียว ก็พอได้เที่ยวขอทานเขากิน

ตามาอยู่ในเมือง ต้องถีบกระเดื่องกระด้อย

สีซ้อมตำต้อย ตะบิดตะบอยบ่อฮู้สิ้น

ถือแต่เคียวเกี่ยวหญ้า เอาไปให้ม้าของเพื่อนมันกิน

เที่ยวซมซานไปทุกบ้านทุกถิ่น จะได้กินก็แต่เดน

แสนอึดแสนจน เหมือนอย่างคนตกนาฮก

มืดมนฝนตก เที่ยวหยกๆ ถกเขมร

ถือข้องส่องคบ จับกบทุ่งพระเมรุ

เปื้อนเลนเปื้อนตม เหม็นขมเหม็นคาว

จับทั้งอ่างท้องขึง จับทั้งอึ่งท้องเขียว

จับทั้งเปี้ยวทั้งปู จับทั้งหนูท้องขาว

จับเอามาให้สิ้น มาต้มกินกับเหล้า

เป็นกรรมของเฮา เพราะอ้ายเจ้าเวียงจัน เพื่อนเอย ฯ

สนามหลวงก่อน พ.ศ.2500 เป็นหนองน้ำมีหญ้าป่าพงรกเหมือนเนื้อร้องลาวแพน ผมเคยเห็นกับตาน่ากลัวจริง ยุคนั้นจึงไม่มีใครมาเล่นเพ่นพ่านเหมือนทุกวันนี้


          Blog รอบเกาะรัตโกสินทร์ เพื่อเป็นการ ระลึกถึงอดีต แห่งเราชาวสยาม ตั้งแต่ การโยกย้ายพระนครจากเดิมอยู่ที่ ฝั่งธนบุรีมายัง ฝั่งพระนคร ในปัจจุบัน ภายหลังการ กอบกู้เอกราชของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้จากพม่าในคราว กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่ารามัญ เป็นครั้งที่ 2 กรุงศรีอยุธยาต้องเสียหาย ยับเยิน เหลือแต่ซาก ปรักหักพัง บอบช้ำ ผู้คน ถูก ฆ่า ล้มหายตายจาก เหลือคณานับ ที่เหลือ จากสงครามคราวนั้น ก็ ต้อง ดิ้นรน ต่อสู้ กอบกู้ เอกราช จนเป็น ไท ทุกวันนี้ซึ่งต้อง สละ ด้วยชีวิต เลือดเนื้อ ของบรรพชน ของพวกเรา เอง จนเรา เป็น เราที่ มีเลือดมีเนื้อ มี กิเลศ มีตัณหา ยื้อแย่ง แข่งขัน ทะเลาะ ฆ่าฟัน กันเอง ทุกวันนี้

ศูนย์กลางของ พระนคร อยู่ที่ พระบรมมหาราชวัง และสนามหลวง ก็ คือ ศูนย์กลางของ ผู้คนชุมชน ในการพบปะ พักผ่อน และกิจกรรมต่างๆมากมาย ต่อจากนั้น จึง ก่อเกิด กิจกรรมของ ผู้คน ที่ เริ่ม อพยพ หลั่งไหล เข้ามา อยู่ ในเขตพระนคร การก่อเกิดสถานที่ ต่างๆในประวัติศาสตร์ ล้วนเป็นราก เป็น เหง้า แห่ง สรรพสิ่งต่างๆ ทั่วทั้ง กรุงในปัจจุบัน ซึ่งต่างก็ มี ตำนาน มีเรื่องราวต่างๆ มากมายเกิดขึ้น มี จิต-วิญญาณ แห่งการก่อเกิด สรรพสิ่งทั้งสิ้นพร้อมสถานที่นั้นๆ ซึ่งบางแห่งยังดำรงอยู่ บางแห่งเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา บางแห่งหลงเหลือเพียงแค่ความทรงจำ..เรามารำลึกถึงอดีตเหล่านั้นร่วมกัน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความทรงจำของสถานที่เหล่านั้น ความทรงจำนั้นจะได้คงอยู่กับเรา

ปัจจุบัน กรุงเทพฯ ของเรากำลัง เป็น เมืองฟ้า อมร สว่างไสวด้วย แสง สี อันวิจิตร งดงาม ตระการตา ผู้คน สดใส อิ่มเอม สะดวกสบายด้วย ยวดยาน ชีวิตความเป็นอยู่ อย่างมีความสุข เพื่อเป็น อนุสสติ แก่อนุชนรุ่นหลัง และ เรา ท่านบางคนที่ อาจได้หลง ลืม หรือ เพลิดเพลินหรือ กำลัง มึนๆ งงๆ อยู่กับ ปัจจุบัน และอนาคตที่สวยหรู หรือ วุ่นวาย สับสน และเพื่อเตือนสติแก่ชนรุ่นหลัง ที่ เรียกว่าคนรุ่นใหม่ได้

รับ รู้ มิได้ หลง ระเริง เตลิดเปิดเปิง ไป กับ อารยธรรม สมัยใหม่ ที่เรียกว่า โลกยุคโลกาภิวัตน์ ที่ กำลัง ทะลักทะลาย ถาโถม จนลืม ราก และ เหง้า ของ เรา เอง

คลิกที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่



*ภาพบนขวา : พลับพลาพิธีท้องสนามหลวง
ภาพล่างขวา : สนามหลวงในอดีตมุมจากถนนราชดำเนิน
ภาพบนซ้าย : งานพระเมรุพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทุ่งพระเมรุ ท้องสนามหลวง
ภาพล่างซ้าย : สนามหลวงในอดีตถ่ายจากมุมสูง


ขอขอบคุณ ข้อมูลและภาพบางส่วน จาก
-กรุงเทพฯ มาจากไหน?./สุจิตต์ วงศ์เทศ./สนพ.มติชน.2548
-บันทึกเรื่องเมืองสยาม./สมพงษ์ เกรียงไกรเพชร./สนพ.ประจักษ์การพิมพ์.2526



ข้อมูลเพิ่มเติม

H O M E




Create Date : 30 กรกฎาคม 2550
Last Update : 1 กันยายน 2551 18:07:06 น. 13 comments
Counter : 5891 Pageviews.

 
แต่ก่อนไปบ่อยเพราะเรียนที่ธรรมศาสตร์

ตอนนี้ไม่ค่อยได้ไปแล้ว

คิดถึงสนามหลวง


โดย: อิ๊กคิวซัง วันที่: 30 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:33:50 น.  

 
มีรูปย้อนอดีตสวยๆกับสถานที่แถวนั้น เอามาแปะได้เลยนะ..คุณอิ๊กคิวซัง


โดย: jenifaae วันที่: 30 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:14:16 น.  

 
รุ้จักสนามหลวงครั้งแรก ก้อตอนที่แม่พาไปซื้อของที่ตลาดนัดสนามหลวงนั่นแหละ เมื่อก่อนเป็นจับจ่ายซื้อของในวันเสาร์อาทิตย์ ก่อนที่จะย้ายมาเป็นตลาดนัดจตุจักร อย่างทุกวันนี้ แล้วตอนที่เป็นวัยรุ่นขึ้นมาหน่อย (ยุค 2520's) ก้อมักจะไปหาซื้อตำรับตำรา ที่นั่น เพื่อเตรียมตัวสอบ entrance


โดย: Golden Drag IP: 124.120.118.183 วันที่: 30 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:42:00 น.  

 
ตลาดนัด สนามหลวง ในความ ทรงจำ
เช้า วันหนึ่ง ตอนผมอายุ 20 ปี ผม ไป ยืน อยู่ ริม รั้ว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ตรงที่มีกระบอกปืนใหญ่ปัจจุบัน) มี แม่ค้า เดิน ไปมา มากมาย และ ผู้คน มาก หน้า หลาย ตา เพื่อนของผม รวมทั้งผม จำนวน สอง สาม คน ไป ตั้งโต๊ะ ด้านใน ริมรั้วมหาวิทยาลัย แล้ว ตะโกน ขายหนังสือ เล่ม ละ 10 บาท ชือ บันทึกลับจากทุ่งใหญ่ ผู้คน ตอนแรก ก็ มองกลัวๆ แต่ ไม่ช้า ก็เข้ามาซื้อ ไป อ่าน เพื่อนผม สวัสดิ์ มิตรานนท์ (ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว) ตะโกน อย่างไม่ย้อท้อ ว่า "พ่อแม่พี่น้องครับ มาดู ความชั่วของผู้ที่เอาทรัพย์สินของทางราชการไปล่าสัตว์ ในเขตคุ้มครองสัตว์ป่า" ที่ต้องตะโกน เพราะ โทรโข่ง เรา ก็ไม่มีใช้ ตะโกนอยู่อย่างนั้น จน เสียงแหบแห้ง ครับ กรณี ทุ่งใหญ่ นเรศวร ที่ โด่งดัง เริ่ม จากโต๊ะที่ยกมาจาก คอมมอนรูม คณะนิติฯ บวกกับเสียงตะโกน ของคน สองสามคน (สิ่งนี้สอนผมว่า ความถูกต้อง ถ้ายืนหยัด ก็ ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ )


โดย: สมาชิกชมรมอนุรักษ์ มธ.2516 IP: 124.121.65.37 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:9:51:35 น.  

 
สนามหลวง

ประวัติตลาดนัดใน กทม เริ่มครั้งแรก พ.ศ.....[ม่ะมีข้อมูล ขอติดไว้ก่อนน้า] จัดในบริเวณวังสราญรมย์ ใกล้ๆบ้านหม้อ แค่ข้ามสพานมอญบ้านหม้อก็ถึงรั้ววังสราญรมย์แล้ว
สมัยโน้นนนน.....ประกวดน.ส.ไทยที่นี่ เจ้าภาพสมาคมวชิราวุธ ถ้าเรียกไม่ครบเต็มยศก็กรุณาอภัยให้เถิด และก่อนๆโน้นอีก ประกวด นางสาวไทยจัดที่สวนลุมพินี ในงานฤดูหนาวเรียกว่า งานรัฐธรรมนูญ [ทันสมัยตอนนี้ จิงๆ]
มาที่ตลาดนัด เมื่อตลาดนัดวันอาทิตย์ภายในวังสราญรมย์คับแคบ จึงย้ายไปรอบๆสนามหลวง ใช้งานอยู่สักสิบปีสิบห้าปี คับแคบอีกแล้ว จึงย้ายไป JJ ณ.ปัจจุบัน และเพิ่มวันเสาร์อีกหนึ่งวัน

............................



โดย: Yoawarat วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:10:51:41 น.  

 
ตลาดนัด สนามหลวง กับ เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516

ใครจะเชื่อ ว่า ตลาดนัดสนามหลวง นั้น มีส่วนเกี่ยวกพัน กับ เหตุการณ์ 14 ตุลา ในช่วงนั้น เมื่อ มี ตลาดนัด ก็ มัก มี เด็กพลัดหลง กทม. ก็เลย ต้องติดตั้ง เครื่องขยายเสียง รอบๆ สนามหลวง เป็น ลำโพง รูปยาวๆ ถ้าจำไม่ผิดสีเขียวแก่ รูปร่างคล้ายไม้ไอติม สมัยก่อน ตอน ปลายช่วงบนบานออก มีรูพรุน เพื่อ กระจายเสียง
ที่เกี่ยวเพราะ มี ช่วงหนึ่ง คนไปชุมนุม ใน สนามฟุตบอล ธรรมศาสตร์ เยอะมาก จน ล้น ออกมาถึง สนามหลวง ในช่วง กลางคืน ในการ ชุมนุม การสื่อสารกับคนมาร่วม ชุมนุม นี้ สำคัญมาก เมื่อ คน ล้นออกไปที่ สนามหลวง เจ้าเพื่อนผม ก็ บอกว่า ต้องหาวิธี สื่อสารกับคนข้างนอก ก็เลย พ่วง สายลำโพง เข้ากับ ระบบลำโพง รอบ สนามหลวง และ ใช้เครื่อง แอมปริฟาย ต่อ เข้าไปสู่ระบบ กระจายเสียง รอบสนามหลวง เท่านี้ ก็ใช้ได้


โดย: คนต่อลำโพง IP: 124.121.56.140 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:13:07:14 น.  

 
น้องสาวก็เคยพลัดหลงกับคุณแม่ และตัวเองที่สนามหลวงเหมือนกัน แต่ก็โชคดีที่เจอ ก่อนจะไปขอประกาศที่เครื่องขยายเสียง..โชคดีปายย...

**ขอบคุณทุกๆเสียงที่เข้ามาแวะเยี่ยม blog นี้**


โดย: jenifaae วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:18:41:55 น.  

 


โดย: แพรว IP: 58.9.110.131 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2550 เวลา:6:35:14 น.  

 
it is really nice and wondeful Sanamluang'


โดย: sky train IP: 203.113.80.139 วันที่: 1 มกราคม 2551 เวลา:16:38:02 น.  

 
Wow so good , like a back to the old time ....

Hi ....

How are you ?


Today glad to see you again .....

Thank you for past picture ...



โดย: Opey วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:0:30:05 น.  

 
full


โดย: '' IP: 119.42.72.169 วันที่: 21 มิถุนายน 2551 เวลา:14:46:42 น.  

 
สงสัยต้องไปหา หาหนังสือ เ
เกี่ยวกับ 14 ตุลาคม มาอ่าน
บ้างแล้วละค่ะ


โดย: ่Jeab (rayasuree2526 ) วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:9:45:41 น.  

 
อยาดเห็นรูปสนามหลวงตอนเป็นตลาดนัดจัง


โดย: hua IP: 180.180.64.54 วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:21:06:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.