[How to stop worrying and start living] #7 การป้องกันการเหี่ยว ความกังวล และทำอย่างไรให้มีพลังทำงาน

Rule #1 ให้พักเรื่อยๆ พักก่อนเหนื่อย

จะได้มีแรงอยู่เรื่อยๆ ถ้าฝืนๆๆๆทำไปให้เหนื่อยแล้วมันจะเหนื่อยมาก ทำงานต่อไม่ได้

พักบ่อยๆเช่น พักสายตาทุกๆชั่วโมง นั่งผ่อนคลาย นอนกลางวัน หรือนอนก่อนกินข้าวในตอนเย็น


Rule #2 Relax at Work

อย่าเครียด อย่าให้มีอารมณ์มาก เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้เราเหนื่อย

ให้ relax อารมณ์ให้ได้มากที่สุด เค้าบอกว่าการเหนื่อยกายนั้นเราอาจจะทำงานต่อได้อีก แต่ว่าถ้าเครียด เหนื่อยใจแล้วล่ะก็ เราจะรู้สึกเหนื่อยมากๆโดนที่ยังไม่ต้องออกแรงอะไรด้วยซ้ำ

การ relax ให้เริ่มต้นจากการ relax กล้ามเนื้อ แล้วก็ระหว่างวันให้ดูว่ากล้ามเนื้อส่วนไหนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ให้คลายๆ เช่นเค้าบอกว่า คนเรามักจะคิดว่าถ้าเกร็งกล้ามเนื้อจะดูเหมือนว่าตั้งใจทำงานมากขึ้น แต่ความจริงมันไม่เกี่ยวเลย การใช้สมองไม่เกี่ยวกับการห่อไหล เกร็งตา หรือการขมวดคิ้ว - -;

ที่เค้าแนะนำคือให้ทำตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนลูกแมวเวลาถูกยกขึ้น คล้ายๆสะกดจิตตัวเองให้บอกว่า แขนจงอ่อน แขนจงอ่อน กล้ามเนื้อจงคลายออก ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็จะอ่อนเอง - -;


Rule #3 Relax at Home

ถ้าไม่อยากเหี่ยวไว ก็ต้องไม่เครียด ไม่กังวล relax ให้มากๆ จัดการชีวิตให้ดีๆ

ถ้ามีปัญหาให้พูดคุยกับคนอื่นที่เราไว้ใจได้ เพราะการคุยจะทำให้
1) เหมือนเราไม่ได้สู้อยู่คนเดียว
2) ยกเรื่องหนักอกออกไปจากหัวได้ โล่ง ได้ระบาย
3) พอเราเล่าเรื่องให้คนอื่นฟัง เราจะเรียงความคิดได้ดีขึ้น ได้แง่มุมอื่นของปัญหา แล้วบางทีเราอาจเห็นทางแก้ปัญหาได้

เค้าแนะนำให้ทำต่อไปนี้ที่บ้าน
1) ให้เอาหนังสือให้กำลังใจไว้ใกล้ๆตัว หรือจดอะไรดีๆเอาไว้อ่านเวลาเหนื่อยและท้อ
2) อย่ามัวแต่มองข้อเสียของคนอื่น ให้มองข้อดีของคนอื่น แล้วเราก็จะรู้สึกดีที่ได้รู้จักเค้า (โดยเฉพาะแฟน - -;)
3) สนใจคนอื่นบ้าง เพราะจะืำทำให้
a. ลืมเรื่องของตัวเองได้บ้าง
b. ได้ศึกษาชีวิตคนอื่น ได้พูดคุย ได้มีเพื่อนใหม่ๆ แล้วเราก็จะ Happy :)
4) ทำตารางการทำงานของพรุ่งนี้ก่อนที่จะเข้านอน เพราะจะทำให้ไม่กังวลว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง ในเมื่อเรามีตารางแล้วก็เลิกกังวลได้
5) Relax! Relax! Relax!


Rule #4 Adopt these good habits

1) เอางานออกจากโต๊ะให้หมด ยกเว้นงานที่ทำอยู่

เพราะของเยอะๆจะย้ำเตือนเราว่ามีงานเยอะที่จะต้องทำ จะทำให้กังวลได้ แต่การมีของเยอะๆบนโต๊ะจะทำให้เรางง อาจจะหาของไม่เจอ ทำให้หงุดหงิดไม่มีที่ทำงาน ก็ทำให้อารมณ์เสียได้

เพราะฉะนั้นก็เอาออกไปซะ เก็บเข้ามุม ใส่แฟ้ม ใส่ซอง แล้วค่อยเอาออกมาใหม่

2) ทำงานตามลำดับความสำคัญก่อน

ให้ใช้ energy ไปกับงานที่สำคัญที่สุดก่อน เช่นไม่ใช่ว่าตื่นมาก็เล่นเว็บ check email พอทำเสร็จเราก็เปลืองพลังงานไปส่วนหนึ่งแล้ว ให้ทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่าก่อน

3) ถ้ามีปัญหา ให้หาทางแก้ทันที อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง

ทางแก้นั้นอาจจะเป็นให้หาข้อมูลเพิ่มเติม หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ให้คิดไปเลยในตอนนั้น แล้วจดไว้จะได้ไม่ลืม

การที่คิดแก้ปัญหาไปทันทีเลย จะทำให้ปัญหาของเรา (unsolved problems) น้อยลงไป ก็จะทำให้เรากังวลได้น้อยลงด้วย

4) รู้จักจัดการและแบ่งงานให้เป็น

คือถ้างานเยอะเกินไปแล้วมีคนช่วยได้เนี่ย ก็แบ่งๆไปซะ หัดไว้ใจคนอื่นบ้าง ไว้ใจคนให้ถูก ฝึกดูใช้คนให้ถูกกับงาน จะได้แบ่งความกังวลเรื่องงานออกไปได้บ้าง ถึงการแบ่งงานและการไว้ใจให้คนอื่นทำงานมันจะยากก็เหอะ


Rule #5 ทำงานอย่างกระตือรือล้น และมีความสุขให้ได้

คนเราส่วนใหญ่แล้วไม่ได้เหนื่อยจากงานที่ทำโดยใช้สมองหรอก แต่เหนื่อยล้าจากการกังวลกับงานที่ทำไม่เสร็จมากกว่า >> เพราะฉะนั้นก็ต้องทำงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้นะ

ถ้าเกิดงานที่เราทำมันน่าเบื่อมากๆ ก็ลองทำให้มันน่าสนใจดู เช่นคิดเกมขึ้นมาแข่งกับตัวเอง เช่นวันนี้อ่านเปเปอร์ได้ 2 อัน พรุ่งนี้ก็ลองมาแข่งดูว่าจะอ่านได้เท่าไหร่ หรือเช้านี้ทำอะไรไปแล้วบ้าง พรุ่งนี้ลองดูซิว่าจะได้มากกว่านี้หรือเปล่า ประมาณนั้น

ถ้ายังเบื่ออยู่ ให้คิดว่า ถ้าเราไม่ทำงานนี้ให้เสร็จ คนอื่นก็จะต้องมาทำแทน นั่นหมายความว่าเราถูกไล่ออกแน่ๆถ้าไม่ทำให้มันดีน่ะ - -; เพราะฉะนั้นถ้ายังอยากจะมีกินอยู่ ก็ต้องทำให้ัมันเสร็จ ให้มันดี เข้าใจไหม !?

แล้วเพราะว่ายังไงเราก็ต้องทำมัน ไม่มีทางอื่น ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหม เพราะฉะนั้นทางที่ดี เราก็ควรจะมีความสุขกับมันซะ ถ้ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วเราก็โดนจ้างมาให้ทำใช่เปล่า

ในเมื่อยังไง้ยังไงเราก็ต้องทำ ก็มีทางเลือกที่ว่าจะทำแบบจมทุกข์กับมัน หรือจะทำแบบมีความสุขกับชีวิตที่เลือกไม่ได้แล้วของเรานี้ คำตอบคือ เราก็ต้องสนุกกับมันใช่ไหม เข้าใจนะน้ำตาล

แล้วอีกอย่าง ถ้าเราสนุกกับมัน เวลามันจะผ่านไปเร็ว ทำให้เราไม่มานั่งเบื่อ นั่งอืด และงานก็จะเสร็จอย่างเร็วไว รีบจบ จะได้กลับบ้านนอน ดีไหมล่ะ

แล้วเค้าบอกว่าถ้าเรา*คิด*ว่างานมันน่าสนุก eventually เราก็จะรู้สึกว่างานมันน่าสนุกจริงๆนั่นแหละ ก็เหมือนกับข้อข้างบนๆที่บอกว่า เราคิดว่าเราเป็นยังไง เราก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ

การที่จะทำให้เรามีพลังทางหนึ่งก็คือ give a pep talk ทุกเช้า
คือพอตื่นนอนขึ้นมาแล้วเนี่ย เราก็คล้ายๆสะกดจิตตัวเอง (อีกแล้ว - -;) เช่น

นี่นะ วันนี้เราต้องทำ 1,2,3 เพราะถ้าเราอยากจบ เราอยากมีกินล่ะก็เราก็ต้องทำ ในเมื่อเราต้องทำ ก็ทำอย่างมีความสุขซะนะน้ำตาล จะได้เรียนจบไวๆ เธอไม่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับหัวข้อนี้เหรอ มันมี a, b, c, d ลองดูซิว่ามีอย่างอื่นหรือเปล่า หรือเค้าทำยังไงกับอันนี้ๆๆๆ เอางี้ ตั้งโกลของวันนี้ไว้ว่าจะต้องทำ 1,2,3 ให้เสร็จ แล้วตอนเย็นจะได้กินอย่างมีความสุข ตกลงไหม

ประมาณนี้ ก็จะทำให้เรามีพลังขึ้นได้ แล้วก็อาจจะบอกตัวเองทุกๆชั่วโมงว่า เรามีความสุขกับงานที่ทำ จงมีความสุข แล้วก็ยิ้ม ยิ้ม ยิ้มมันเข้าไป บอกตัวเองว่าเราโชคดีที่มีครอบครัวที่น่ารัก มีคนที่รักเราอยู่ มีงานทำ มีข้าวกิน ไม่เห็นจะต้องทุกข์ จะต้องเบื่อเลยจริงไหม แค่ทำตรงนี้ให้จบ ก็ผ่านไปได้อีกขึ้นแล้ว เราเชื่อว่าน้ำตาลต้องทำได้ และทำได้ดีด้วย เราไม่ได้โง่นี่นา นี่แค่เป็นการวัดความอึดเฉยๆ ยิ้ม แล้วทำให้เสร็จนะ


8<--------------------------

อันนี้ไม่เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้หรอก แต่อยากเอามาไว้ด้วย เป็นข้อคิดจากการ์ตูนเรื่อง ป๋าอัจฉริยะ เล่ม 23 เค้าบอกไว้ว่า

การที่จะทำความเข้าใจ ต้องอาศัยความพยายามหรือ..?
การที่จะทำความเข้าใจ ต้องใช้ความอดทนอย่างนั้นหรือ..?

เปล่า.. ไม่ใช่เลย
...
ที่สำคัญคือ...
การมีความปรารถนาที่จะรู้
...
ขอเพียงมีความรู้สึกเช่นนั้นก็พอแล้ว


นั่นสิ การมีความปรารถนาที่จะรู้ ต้องทำยังไงกันนะ

 

Create Date : 26 กรกฎาคม 2550		0 comments
Last Update : 26 กรกฎาคม 2550 12:22:23 น.
Counter : 784 Pageviews.
Share Tweet