กุมภาพันธ์ 2552

1
4
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
 
All Blog
สอนลูกเองก็ได้...ง่ายจัง9 : เรื่องของน้องเก่ง


ฉิก : หวัดดีครับ มาต่อกันเลยดีกว่านะครับ
คุณป้อมครับ ตกลงว่าเรื่อง"ไม่กินข้าว"ของน้องวิน เมื่อครั้งที่แล้วนี่มีสาเหตุจากอะไรกันแน่ครับ

ป้อม : ครับ วันนี้ผมขอเล่าcaseตัวอย่างให้ฟังอีกcaseนึงเลยนะครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า...

ฉิก : Stopppppp!!!!! เดี๋ยวๆๆๆๆๆ ยังไม่เฉลยของเก่าเลย จะเริ่มcaseใหม่อีกแล้วเหรอ ไหงทำยังงี้ล่ะครับ

ป้อม : คือผมอยากให้ลองเปรียบเทียบกับcaseนี้น่ะครับ จะได้เห็นภาพรวมชัดเจนขึ้นว่าผมกำลังพูดถึงอะไรน่ะครับ ลองพยายามวิเคราะห์ดูทีละอย่างๆ แล้วลองมาปะติดปะต่อกันเป็นภาพใหญ่ และ ลองเปรียบเทียบกับcaseที่แล้วดู น่าจะเห้นความเหมือนในความแตกต่างนะครับ

ฉิก : (งง...)

ป้อม : เริ่มเลยนะครับ มีน้องคนนึง สมมติว่าชื่อน้องเก่งนะครับ คุณแม่พามาปรึกษาปัญหา"การเรียนตก และ ทะเลาะกับน้อง"

น้องเก่งตอนนี้อายุ 9 ขวบแล้ว อยู่ชั้นป.3 รร.แนววิชาการแห่งนึง คุณพ่อคุณแม่เป็นอาจารย์มหาลัยทั้งคู่ มีน้องสาวคนนึงอายุ 4 ขวบ ชื่อน้องก้อย

น้องเก่งนี่เป็นเด็กที่เรียนเก่งสมชื่อเลย ที่ผ่านมาได้ที่1 ของห้องมาตลอดตั้งแต่ชั้นอนุบาล คุณแม่แกเล่าด้วยความภาคภูมิใจมากว่า คุณแม่แกเตรียมตัวอย่างดีเลยตั้งแต่ตอนท้อง กินอาหารและยาบำรุงกันเต็มที่ มีการกระตุ้นพัฒนาการเด็กในท้องด้วยเครื่องมือสื่อสารกับเด็กในท้อง และ เพลงคลาสสิกของ Mozart

คลอดออกมาก็เลี้ยงดูอย่างดี ให้กินนมแม่จนถึงอายุ 1 ขวบ กินอาหารที่มีประโยชน์และอาหารเสริมพวกซุปไก่สกัด น้ำมันปลา โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง วิตามินรวมอะไรทำนองนั้น

คุณแม่แกเริ่มกระตุ้นพัฒนาการลูกตั้งแต่ยังแบเบาะด้วยการให้ฟังเพลงของMozart(อีกแล้ว) ฟังซีดีเพลงภาษาอังกฤษ ชวนลูกพูดภาษาอังกฤษ อ่านหนังสือนิทานให้ฟังทุกคืน ซึ่งน้องเก่งก็มีแววเป็นเด็กฉลาดตั้งแต่อายุน้อยๆ จดจำทุกอย่างที่แม่สอนได้ดี และ พูดโต้ตอบผู้ใหญ่ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้ดีตั้งแต่ยังไม่ถึง 2 ขวบ

เนื่องจากคุณแม่เริ่มเห็นความฉลาดที่มีอยู่เต็มเปี่ยมของลูกน้อยแล้ว จึงปรึกษากับคุณพ่อ และลงความเห็นกันว่าต้องส่งเสริมความสามารถของลูกอย่างเต็มที่ ให้สมกับความ"อัจฉริยะ"ของน้องเก่ง

ดังนั้น พอขึ้นชั้นบริบาลปุ๊บ คุณแม่ก็เลยพาน้องเก่งไปเข้าเรียนตามcourseต่างๆที่มีในห้างทันที ไม่ว่าจะเป็น TumbleTots โปรแกรมจากประเทศอังกฤษ ที่ให้เด็กปีนป่ายของเล่นในห้องแอร์ , JMC ที่เป็นหลักสูตรดนตรีในเด็กเล็กของYamaha, เรียนศิลปะ, ว่ายน้ำ, เทควันโด้, เรียนภาษาอังกฤษกับครูฝรั่ง และ Kumonคณิตศาสตร์....

ฉิก : โอ้ แม่เจ้า!!!!!! เด็กสมัยนี้เขาเรียนกันเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ

ป้อม : ยังไม่หมดครับ พอเข้าประถมก็ยังมีเรียนพิเศษกับครูประจำชั้นตอนเย็นหลังเลิกเรียน เสาร์และอาทิตย์ ก็ยังมีเรียนเปียโน Kumon และ เรียนเสริมวิชาวิทยาศาสตร์ ภาษาไทย สังคมกับครูรร.กวดวิชา และ พอช่วงใกล้สอบแข่งขัน ยังมีการจ้างครูมาสอนต่อที่บ้านแบบตัวต่อตัวอีกจนถึง 4 ทุ่ม!!!!

ฉิก : โอ้! พระเจ้าจอร์ช แล้วเด็กเขาจะมีเวลาว่างกับเขาบ้างมั้ยเนี่ย เรียนกันเต็มเหยียดซะขนาดนั้น

ป้อม : คุณแม่เขาบอกว่า ที่ต้องให้เรียนเยอะขนาดนั้นก็เพราะ หากมีเวลาว่างเมื่อไหร่ ลูกก็จะดูโทรทัศน์ ดีวีดี หรือ เล่นเกมคอมพิวเตอร์ทันที แทนที่จะให้ลูกเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระอย่างนั้น สู้เอาเวลาไปเรียนดีกว่า มีประโยชน์กว่ากันมาก และ ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าชื่นใจมาก เพราะลูกไปสอบแข่งขันที่ไหนก็กวาดรางวัลมาได้ทุกครั้ง

ฉิก : ที่เล่าๆมา ผมก็ไม่เห็นว่ามันมีปัญหาอะไรเลยนี่ครับ ใครที่มีลูกเก่งๆอย่างงี้ก็น่าจะดีใจ ภูมิใจด้วยซ้ำ

ป้อม : ที่แม่เขาพามาเพราะว่า พักหลังมานี่ น้องเก่งเขาเริ่มชักติดเกมส์คอมพิวเตอร์ออนไลน์หนักข้อขึ้นเรื่อยๆน่ะครับ เล่นกันจนดึกดื่นทุกคืน ตอนเช้าก็ปลุกไม่ค่อยตื่น เริ่มไม่ค่อยสนใจเรียน และ ผลการเรียนก็เริ่มตกลงเรื่อยๆ ล่าสุดตกลงมาเป็นที่ 10 ของห้องแล้ว แม่เขาก็เลยรับไม่ค่อยได้

อีกอย่างที่แม่เขาเริ่มสังเกตเห็นคือ ช่วงนี้น้องเก่งเริ่มมีอารมณ์รุนแรง ขี้หงุดหงิด โมโหง่าย เมื่อวันก่อนน้องเก่งทำ Kumon ไม่ผ่าน น้องเก่งโกรธตัวเองมาก ก็เลยเอาข้อสอบอันนั้นเขวี้ยงลงพื้น แล้วก็เอาเท้ากระทืบๆๆๆๆๆๆอย่างแรง จนครูที่ศูนย์และเพื่อนๆตกใจกันหมด คุณแม่นี่อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีเลยครับ

ที่สำคัญ ช่วงนี้น้องเก่งเริ่มทะเลาะกับน้องสาวบ่อยขึ้นเรื่อยๆ และ เริ่มตีน้องแรงๆเวลาไม่พอใจ วันก่อนก้อเพิ่งตบหัวน้องสาวจนหน้าคว่ำมาแล้ว แม่น้องเก่งโมโหเลยฟาดน้องเก่งไปตั่งหลายที แต่น้องเก่งก็ยังไม่ยอมสำนึกผิด แม่เขาเลยต้องพามาปรึกษาปัญหานี้ไงล่ะครับ





ฉิก : แล้วได้คุยกับน้องเก่งเขาเองบ้างไหมครับ

ป้อม : ครับผมก็ชวนน้องเขาคุยเรื่องทั่วๆไปก่อนน่ะครับว่า เวลาว่างๆตอนพักเที่ยงที่รร. นี่น้องเก่งเขามักจะชอบทำอะไรบ้าง

น้องเก่งก็ตอบว่า "ก็เข้าห้องสมุดอ่านหนังสือน่ะครับ ผมชอบอ่านหนังสือเกินชั้นเรียน เพราะ มันมีโจทย์ยากๆท้าทายดี นี่ผมอ่านเลขของม.3แล้วนะ"

ผมก็ถามต่อว่า แล้วไม่ไปเล่นกับเพื่อนๆบ้างเหรอ

น้องเก่ง "อี๋...ไม่เอาหรอก พวกนั้นชอบเตะฟุตบอลกัน เหงื่อไหลไคลย้อย เหม็นมากครับ สกปรกจัง เชื้อโรคทั้งนั้น"

ผมถามอีกว่า แล้วเขามีเพื่อนที่สนิทๆกันบ้างมั้ย

น้องเก่ง "ก็มีบ้างในพวกที่เล่นเกมด้วยกัน แต่ผมเองก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับเพื่อนๆในห้องดี เพราะ ส่วนใหญ่ชอบคุยกันแต่เรื่องไร้สาระ ถ้าคุยกับพวกนี้มากๆ เดี๋ยวผมก็สมองฝ่อกันพอดีสิครับ"

ผมถามต่อว่า อยู่ที่บ้านได้ช่วยแม่ทำงานบ้านบ้างอ๊ะปล่าว

น้องเก่ง "แม่บอกว่าไม่ต้องทำครับ เพราะมีพี่เลี้ยงคอยทำให้อยู่แล้ว แม่บอกขอให้ตั้งใจเรียนให้มากๆก็พอ"

ระหว่างนั้น น้องก้อยน้องสาวของน้องเก่งก็เดินเข้ามาดึงแขนแม่ แล้วบอกว่า เบื่อแล้ว อยากลับบ้านแล้ว น้องเก่งพอเห็นน้องทำอย่างงั้นก็เอามือไปผลักหน้าน้องก้อย น้องก้อยก็เลยชกท้องพี่ชายเข้าให้ น้องเก่งคราวนี้เริ่มโมโหก็เลยเอามือเขกกระโหลกน้องสาวเต็มแรง

ผมคอยสังเกตคุณแม่นะครับว่า จะทำยังไงบ้าง คุณแม่เห็นท่าไม่ดีก็เลยรีบแยกลูกทั้งสอง และ หัวเราะเขินๆ บอกว่าที่บ้านเขาทะเลาะกันอย่างงี้แหล่ะ บอกว่าอายหมอมากเลย

จู่ๆน้องก้อยก็หันมามองหน้าพี่ชาย และ โพล่งคำพูดออกมา

"ไอ้สารเลว!!!!!"

ผมถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ พอตั้งสติได้ ก็บอกคุณแม่เขาว่าน้องก้อยนี่ความสามารถทางภาษาสูงมากเลยนะครับ

แม่เขาก็หัวเราะอีก คราวนี้หัวเราะจนตัวงอเลย บอกว่าผมไม่ต้องมาประชดหรอก คือลูกสาวคนเล็กเนี่ย เขาชอบดูละครหลังข่าวกับคุณแม่มาก เลยจำคำพูดแปลกๆเหล่านี้มาใช้บ่อยๆ

ตบท้าย แม่เขาถามกับผมว่า "ทำไมลูกๆของคนอื่นเขาไม่เห็นเป็นอย่างงี้เลย พี่ๆน้องๆเขารักกันดีทั้งนั้น"

อืมมมมมมมม..... นั่นน่ะสิครับ

ฉิก : ผมว่านะ สาเหตุต้องมาจากเกมคอมพิวเตอร์นั่นแน่เลย แย่มากเลยนะครับ ทำให้เด็กก้าวร้าว เพราะ ซึมซับความรุนแรงมาจากในเกมแหงๆ

ป้อม : เอาอีกแล้ว ทำไมคุณถึงสรุปอะไรง่ายๆเกินไปแบบนั้นซะล่ะ มีอะไรซ่อนอยู่มากกว่านั้นหรือเปล่า ลองกลับไปคิดดูใหม่อีกทีนะครับ

ฉิก : ( หนอย...ดูมันพูดสิครับ ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเอง"โง่"ยังไงไม่รู้ ฮึ่ม!!!!! ฝากไว้ก่อนเหอะ..... )

นั่นสิครับ สงสัยต้องให้คุณผู้อ่านช่วยผมอีกแล้ว ลองแสดงความเห็นกันเข้ามาดูนะครับ (รับรองครับว่า ไม่โดนกัดหรอก)




Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2552 19:28:47 น.
Counter : 1075 Pageviews.

7 comments
  
รู้สึกเหมือนกำลังอ่านหนังสือ เมื่อลูกท้าทายคุณ
เข้ามาตอนแบตหมดแล้วค่ะ คิดอะไรไม่ออก ไว้ต้องกลับมาอ่านใหม่

แต่ถ้าจะกรุณา ก็เฉลย เถอะค่ะ ขอบคุณค่ะ
โดย: อร IP: 58.64.112.37 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:08:24 น.
  
คิวงาน เอ้ย คิวตารางเรียนของน้องเก่ง แน่นเอี๊ยดขนาดนี้
ไม่มีเวลาว่างทำกิจกรรมร่วมกันกับครอบครัว (ประสา พ่อ แม่ พี่ๆ น้องๆ เลย)
เล่นอะไร แบบเด็กๆเค้าเล่นกัน (คาดว่าคงเล่นไม่เป็นด้วยอ่ะ)

ตึงไปเด็กก้อแสดงความเครียดออกมา
หย่อนไปพ่อแม่ก้อเครียดแทนเด็ก

อิอิ แล้วทางสายกลาง เรียน เล่น สนุก มีความสุข มีตัวอย่างบ้างรึปล่าวค่ะ

ยังไงก้อคิดว่า พื้นฐานตอนเด็กเล็ก ในการหัดช่วยเหลือตัวเอง
ช่วยทำงานบ้าน เล็กๆน้อย เข้าใจว่า เด็กทุกคนตอนเล็กต้องชอบกวาดบ้าน แน่ๆ
เพียงแต่ผู้ใหญ่ จะคิดว่า ยุ่ง ช้า สกปรก เล็กอยู่ ไม่ให้ทำ
แล้วก้อมีคนให้ทำอยู่แล้ว
แล้วอยากให้เด็กเรียนอย่างเดียว ทั้งที่จริงๆเด็กต้องมีเวลาเล่นอย่างอื่นตามวัยบ้าง

แค่นี้ดีกว่าค่ะ
โดย: ปลายดินสอ วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:22:57 น.
  
อัจฉริยะปั้น (ให้เละ) ได้
โดย: แม่ของหนู IP: 222.123.157.247 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:18:06 น.
  
อ่านคอมเมนต์คุณ "แม่ของหนู"
แล้วนึกถึงพ่อธีร์เลยค่ะ

พ่อธีร์บอกว่า ไม่อยากให้คนแปลความหมายของหนังสือ (คณิตศาสตร์เรื่องง่าย สอนได้ก่อนอนุบาล)
เป็นการสร้างอัจฉริยะ หรือเด็กเก่งเลย


พ่อธีร์บอกว่า
อยากจะบอกว่า ... การสร้างเด็กให้เก่ง

1. ควรอยู่ในมือของพ่อแม่ (ไม่ใช่สร้างได้เพราะมีสูตรสำเร็จ ไม่ใช่เก่งเพราะไปเรียนอะไรที่มันเป็นสูตรสำเร็จ)

2. และพ่อแม่ทำโดยไม่คาดหวัง
ยากนะคะ ทำโดยไม่คาดหวังว่าจะเห็นลูกเก่งขึ้นมา
ไม่ได้หวังผลเหรียญรางวัล หรือการแข่งขัน

แต่ .. ทำเพราะ เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องทำ คือ

สอน เพื่อ เปิดโอกาสให้ลูกได้มีพื้นฐานที่ดี
เมื่อถึงวันหนึ่ง ซึ่งเขาพร้อมจะเลือกทางเดินของเขาเอง

เขาจะได้เดินไปทางนั้นได้ โดยมีความพร้อม


3. ทำแล้ว .. ต้องทำให้ครบ
ไม่ใช่ทำแต่ด้านวิชาการ

ต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้ "เติบโต" ด้วยตัวของเขาเองด้วย

เหมือน ผลไม้ที่มีโอกาสสุกอยู่บนต้น
ไม่ใช่ ผลไม้ที่โดนปลิดมาก่อน เพื่อให้สุกในโรงบ่มแก๊ส
โดย: แม่ภุชงค์ และชมภูมิ IP: 203.99.253.12 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:02:37 น.
  
โอ ถ้าเข้ามาอ่านเรื่องนี้ก่อนออกหนังสือเล่ม 5 มีหวังต้องขอยืมตัวอย่างไปประกอบหนังสือแน่ ๆ

ตัวอย่างของดิฉันนี่ดู "เด็ก ๆ" ไปเลยนะคะ เมื่อเปรียบเทียบกับของคุณหมอ

แต่ "ไม่เล่นหรอก สกปรก มีเชื้อโรค" นี่ ได้ยินประจำ

พ่อแม่กรอกเข้าทางหู เด็กพ่นต่อออกมาทางปาก

แล้วก็ "แหม เก่งจัง พูดจาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่"

อ้าว ก็พูดแบบเด็กไม่เป็นนี่หว่า ไม่เคยเล่นกับเพื่อน แล้วจะพูดแบบเด็กได้ไง ถ้าเผลอพูดแบบเด็ก ๆ ก็ไม่มีใครชมน่ะซิ
โดย: พุทธิตา IP: 202.28.181.220 วันที่: 5 มีนาคม 2552 เวลา:7:34:35 น.
  
ละครหลังข่าวเป็นรายการที่ไม่ควรให้เด็กดูเลยจริงๆ ไม่ได้อะไรเลย การเป็นพ่อแม่ต้องเสียสละ เพิ่งจะรู้ก็ตอนเป็นแม่คนนี่หละค่ะ ฮ่า ฮ่า

เรื่องน้องเก่งกับน้องต้นก็คนละขั้ว หาตรงกลางให้เจอคงดีไม่น้อย จำไว้เป็นอุทธาหรณ์สอนใจตัวเองเวลาสอนบันบัน
โดย: IcyRose วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:6:12:42 น.
  
น่าจะไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก และขณะครู โทรทัศน์ และเกมคอมพิวเตอร์มีบทบาทมากกว่าพ่อแม่
โดย: เจี๊ยบ IP: 10.182.255.60, 203.144.240.232 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:10:19:06 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฉิกซิงแซ
Location :
นครศรีธรรมราช  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]



เกิดและโตที่กรุงเทพ
เป็นศิษย์เก่าร.ร.ใกล้บ้าน คือ วัดสุทธิ
จับพลัดจับผลู สอบติดหมอจุฬา แบบงงๆ
แล้วมาต่อเฉพาะทางด้านเด็กที่ มอ. หาดใหญ่

บังเอิญมาเจอ"จอม" ที่ต่อมากลายมาเป็นคู่ชีวิต
เลยได้มาอยู่อยู่ภาคใต้ยาวเลย
ไม่ได้กลับมาอยู่กทม.อย่างที่ตั้งใจไว้
เพราะ"คุณนาย"ไม่ชอบรถติดอย่างแรง

เป็นอาจารย์ด้านโรคหัวใจเด็กที่ มอ.ได้ไม่เท่าไหร่
ก็มาได้ข่าวดีว่าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว

ต้องมาตัดสินใจกันอีกว่าจะไปเรียนต่อที่ ILLINOIS, USA
ดีหรือเปล่า เพราะ "ผบทบ." กลัวหนาวมาก เลยลาออกมาซะเลยดีกว่า

ตอนนี้ สบายๆกับงานที่คลินิก 2 แห่ง
ว่างๆก็เล่นกับลูกสาว(น้องพลอย)และ ลูกชาย(น้องเพชร)จอมซนน้อยๆ และ หาเรื่องไปเที่ยวกับครอบครัวบ้างตามสะดวก

New Comments