๑๑.
พิมลมาสว่ายน้ำเป็นเเต่ไม่แข็งนัก สายน้ำที่เชี่ยวกรากทําให้เธออ่อนเเรงลงอย่างรวดเร็ว หลายครั้งที่เธอจมเเละดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก สําลักขึ้นจมูก ยังไม่ทันไอก็จมน้ำลงไปใหม่ซ้ำเเล้วซ้ำเล่าจนหญิงสาวคิดว่าเธอคงจะขาดใจตายเสียเเล้ว สิ่งที่เผชิญอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ความฝันแน่ๆ ฝันที่ไหนจะเหมือนจริงได้ถึงเพียงนี้...เธอกําลังจะขาดใจตาย คุณพระคุณเจ้า!!
หญิงสาวจมดิ่งลงสู่ใต้กระเเสน้ำอันเชี่ยวกราก มวลน้ำรอบตัวกดดัน บีบทับ ความตายลอยมาใกล้เเค่เอื้อม เธอได้สัมผัสมัน และรับรู้ว่ามันช่างน่ากลัว วินาทีที่สุดแสนทรมาน เธอต้องดิ้นรนต่อสู้กับความตาย พิมลมาสคิดถึงบิดามารดา และ...ใครอีกคนที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอเสมอไม่เคยลืมเลือน
พี่พันภพ!
พรวด!
เพียงคิดถึงเขาเธอก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่ปรารถนา หญิงสาวสำลัก ไอโขลก แม้จะทรมานนักแต่ก็ดีใจราวกับได้เกิดใหม่
"ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่ เจ้าไม่เป็นไรแล้ว" เสียงทุ้มคุ้นเคยดังอยู่ใกล้ๆ เหนือหน้าผากเธอนี่เอง หญิงสาวเกือบคิดว่าตัวเองฝันไป ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นใบหน้าคมเข้มของคนที่เธอเพิ่งนึกถึงอยู่หลัดๆ ดวงตากลมโตก็เบิกกว้าง ตื่นตะลึง
"พี่พัน!"
เขาไม่คุยกับเธอ แต่รั้งร่างของเธอเข้ากับร่างสูงใหญ่เครียดไปด้วยมัดกล้ามของเจ้าตัว ค่อยๆพาเธอกลับเข้าฝั่ง โดยได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่อยู่ริมตลิ่งด้วย
พิมลมาสและพันภพเปียกโชกทั้งคู่ หญิงสาวหอบสะท้าน หนาวสั่น แสบไปหมดทั้งลำคอและโพรงจมูก อากาศที่สูดเข้ามาแต่ละทีช่างสร้างความเจ็บปวด ทว่าคนหน้าคมดุอ่อนโยนที่เปียกปอนอยู่ต่อหน้า ทำให้พิมลมาสตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก
มือบางเอื้อมไปดึงชายพกที่เอวของเขา ดวงตากลมโตคลอขังหยดน้ำ ยามเมื่อชายหนุ่มขมวดคิ้วนิ่งมองเธอกลับมาอย่างประหลาดใจ
"เจ้า..."
"มาส...มาสเองไงคะ พี่พันจำมาสได้ใช่ไหม..." เธอเอ่ยถามเสียงแหบแห้งขึ้นจมูกอู้อี้ ใบหน้าหวานเผือดซีดเซียว ขาวจัดจนอีกฝ่ายทำอะไรไม่ถูก
และก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร ร่างบอบบางเปียกโชกไปทั้งตัวก็ทรุดฮวบลงมาหมดสติอยู่กับตักของชายหนุ่ม ต่อหน้าต่อตาชาวบ้านหลายคนที่อยู่บริเวณนั้น
มีเสียงฮือฮา แอบซุบซิบนินทากันในระยะเผาขนมาจากกลุ่มชาวบ้าน ทว่าเสียงเหล่านั้นไม่เข้าสู่โสตของพันภพเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของเขา เฝ้ามองแต่เสี้ยวหน้าที่ซีดจัดของหญิงสาว และหัวใจเขาจดจ่ออยู่แต่อาการของเธอเท่านั้น
"ไอ้พันภพ มึงปล่อยมือจากแม่จันทร์ของกูประเดี๋ยวนี้!"
พันเดชปราดเข้ามาหมายยื้อแย่งร่างอ่อนปวกเปียกของหญิงสาวไป ทว่าคาดไม่ถึงว่าพันภพจะดึงร่างหญิงสาวไปกอดไว้แน่น กันให้พ้นมือเขาหน้าตาเฉย
กริยานี้ของเจ้าพันรูปงามคู่แข่งตลอดการของพันเดช ทำเอาชาวบ้านยิ่งอื้ออึง ลือลั่น
"ปล่อยนางให้ข้า นางเป็นของข้า เอ็งไม่เข้าใจรึไอ้พันภพ"
"นางเป็นเมียเอ็งรึ"
"เอ่อ คือ..." พันเดชอึกอัก พริบตาเดียวก็รีบรับสมอ้างอย่างหน้าไม่อาย "ใช่ แม่จันทร์เป็นเมียข้า ส่งตัวนางมาให้ข้า"
"ปดแท้ๆ เอ็งมันไม่เหลือศักดิ์ศรีของนายทหารระดับเจ้าพันเลยนะไอ้เดช"
ไม่เพียงแค่ถ้อยคำหยาบหยาม แต่รอยยิ้มเยาะรู้เท่าทันของพันภพ ยังกระตุ้นต่อมโกรธของอริตลอดกาลอย่างรุนแรงด้วย
"เอ็งหาว่าข้ากล่าวปดรึไอ้พัน"
"แล้วเอ็งปดจริงหรือเปล่าละ"
พันภพย้อนกลับไปทันควันเล่นเอาฝ่ายที่คิดจะตีขลุมหญิงสาวในอ้อมแขนของชายหนุ่มถึงกับสะอึก ตาสองชั้นดําใหญ่ลุกโพลง
"ข้าปดเมื่อไหร่ ถามไอ้ผาดมันดูก็ได้" พันเดชยังพยายามจะเอาชนะ
"ไอ้ผาดมันก็ลูกน้องเอ็ง อย่าเอามาอ้างเลย ไม่มีใครเชื่อเอ็งหรอก ยิ่งเป็นข้า...ยิ่งไม่เชื่อ"
"เเล้วทําไมเอ็งถึงไม่เชื่อ เอ็งรู้จักแม่จันทร์รึ"
โดนย้อนถามเข้าบ้าง พันภพก็ถึงกับสะอึกอึ้งไปเล็กน้อย ทว่าพริบตาเดียวเขาก็เเย้มยิ้ม
"รู้จักสิ...ข้ารู้จักนางดีกว่าเอ็งเสียอีก"
"โป้ปด นางเพิ่งมาจากหัวเมืองอื่นวันนี้ แล้วเจ้าจักมารู้จักนางก่อนข้าได้เยี่ยงไร"
"นางเพิ่งมาวันนี้...อ้อ ถ้าเช่นนั้นเเล้วแม่จันทร์ไปเป็นเมียเอ็งตอนไหนกันรึ ช่วยอธิบายให้กระจ่างได้หรือไม่พันเดช"
"เอ่อ...ข้าจ่ายอัฐชื้อตัวนางมาจากญาติของนางเเล้ว..นางเป็นสมบัติของข้า"
"มิได้ขอรับเจ้าพันเดช ข้ามิได้ปรารถนาอัฐของท่าน เอาอัฐของท่านคืนไปเถิด..ข้ามิอาจยกนางจันทร์ให้ท่านได้ ขอโปรดอภัยด้วย"
พราหมณ์โกษาเอ่ยแทรกขึ้นมา ทำเอาพันเดชถึงกับหน้าเสีย วินาทีนั้นเสียงตีฉินนินทาดังซุบซิบขึ้นโดยรอบจนชายหนุ่มต้องหันไปถลึงตาปรามชาวบ้านสอดรู้เหล่านั้น ก่อนจะมาจบที่พราหมณ์เฒ่า
ชายชราเดินเข้ามา นําถุงใส่อัฐวางไว้เเทบเท้าของเขา จากนั้นจึงรีบตามเข้าไปดูอาการของหลานสาว มิได้ใส่ใจเลยว่าเขาจักได้รับผลจากลมปากของมันอย่างไรบ้าง
นางชื่อจันทร์รึท่านโกษา พันภพเอ่ยถามผู้อาวุโสด้วยเสียงทุ้มนุ่มนวล ให้เกียรติ
ขอรับเจ้าพันภพ นางจันทร์มันเป็นหลานสาวของข้า เพิ่งมาจากหัวเมืองอื่นวันนี้วันแรก น่าสงสารนัก...มาถึงศรีสัชนาลัยเพลาแรกก็เกือบต้องมาเอาชีวิตมาทิ้งเสียแล้ว
ชายชรากวาดตามองไปทั่วร่างบอบบางอ่อนปวกเปียกของหญิงสาวแปลกหน้า ทั้งสงสารและนึกถูกชะตาให้เอ็นดูดั่งว่าอีกฝ่ายเป็นดุจญาติแท้ๆของตัวเองก็ไม่ปาน
นางช่างโชคร้ายนักที่มีความงามเฉิดฉายไปต้องตาต้องใจคนพาลอย่างเจ้าพันเดช เชื่อได้เลยว่า ชีวิตต่อจากนี้ของนางต้องเต็มไปด้วยความยากลำบากเป็นแน่
ข้าจักพานางไปส่งให้ที่เรือนท่าน พันภพบอก หลังจากที่นิ่งครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ตาคมปลาบสีดำสนิทยังคงจับจ้องมองแต่ใบหน้าเนียนละมุนขาวเผือดของหญิงสาวในอ้อมแขนอย่างห่วงใย
ใช่...เขาห่วงใยพิมลมาสที่สุด!
แต่ว่า...ที่เรือนข้ามียาสมุนไพรชั้นดี ชายหนุ่มเอ่ยตามมาก่อนที่โกษาจะได้ตัดสินใจอะไร ...หากท่านโกษามิขัดข้อง ข้าอยากให้พาแม่จันทร์ไปรักษาตัวที่เรือนของข้าสักพักก่อน ท่านจักเห็นเป็นประการใด
โอ้! พราหมณ์เฒ่าอุทานอื้นอึงในลำคอ ความยินดีฉายชัดในดวงตาเรียวรีฝ้าฟาง ข้าจักว่าเยี่ยงไรเล่า มีแต่จักยินดียิ่งที่เจ้าพันเมตตานางหนูมันน่ะสิขอรับ
ถ้าเช่นนั้นข้าจักพาแม่จันทร์กลับเรือนข้า พันภพประกาศเสียงเข้ม ดังกังวานไปทั่ว สุ้มเสียงมีอำนาจของชายหนุ่มดั่งสะกดให้ทุกคนต้องนิ่งรับฟัง ทว่าเพียงผู้เดียวที่ร้อนรนจนทนไม่ได้ก็คือเจ้าพันเดช ศัตรูคู่อาฆาตมาแต่สมัยวัยเยาว์
บัดสิยิ่ง นางหาได้เป็นอันใดกับเอ็งไม่ เหตุใดจึงต้องพานางกลับเรือนพระยาไมตรีด้วย หรือคิดจักใช้อิทธิพลท่านพระยา อยากย่ำยีหญิงผู้ใดก็ได้
ข้ามิเคยกล่าวว่าจักย่ำยีนาง เอ็งอย่ามาหาความ หากข้าจักย่ำยีแม่จันทร์เจ้า ข้าพานางไปที่อื่นมิง่ายกว่าพากลับเรือนบิดาข้ารึ
เอ่อ...
ข้าเชื่อใจเจ้าพันภพ รีบพาแม่จันทร์ไปเถอะขอรับ ข้าเป็นห่วงมันเหลือหลาย โกษารีบตัดบท ไม่อยากให้สองหนุ่มทะเลาะกันมากความ กังวลว่าอาการของนางจันทร์จักยิ่งแย่ เป็นที่รู้กันทั้งคุ้งน้ำ ว่าเจ้าพันทั้งสองมาเจอะกันเมื่อใด ก็ต้องมีเรื่องระหองระแหงทะเลาะเบาะแว้งกันเสมอ และก็เป็นที่รู้อีกเช่นกัน ว่าผู้ที่สร้างเรื่องก่อนต้องเป็นเจ้าพันเดชเสมอ
พันภพเป็นบุรุษที่เงียบขรึมดูยาก ตลอดมาแม้ว่าจักมีใบหน้าหล่อเหลาแต่ก็แทบมิเคยแย้มหัวร่าเริงดั่งเช่นผู้อื่น หนำซ้ำชายหนุ่มยังมิเคยชายตาแลสาวสวยผู้ใดในเมืองศรีสัชนาลัย แม้แต่คำเยีย นางข้าหลวงผู้งามล้ำลือชื่อไปทั่วเมือง เจ้าพันภพก็มิได้แสดงออกถึงความสนิทเสน่หา จนศรีนวลนั้นกลัดกลุ้มนักหนาเฝ้าแต่มาให้เขาดูดวงให้บุตรชายไม่เว้นแต่ละเดือน
แต่ก็ประหลาดนักที่ศรีนวลกลับจำวันเวลาตกฟากของบุตรชายมิได้ ถึงขนาดมีคนร่ำลือว่า ศรีนวลมิใช่มารดาแท้ๆของเจ้าพันภพ เพราะเหตุนี้ โกษาจึงไม่อาจดูดวงของพันภพได้โดยตรง ต้องอาศัยดูผ่านศรีนวลแทน การนี้จึงทำให้ความแม่นยำคลาดเคลื่อนไปบ้าง
พราหมณ์เฒ่าย่อมจดจำได้ เพราะดวงของพันภพที่เขาเคยดูไว้ให้นั้น แปลกประหลาด ไม่เหมือนผู้ใดที่เขาเคยดูมา...ดวง สาบสูญ นั้น เสี่ยงต่อการตายห่าตายโหงเป็นที่สุด
แต่ก็ประหลาดอีก เพราะจากหน้าตาและรูปลักษณะหลายประการของพันภพแล้ว พราหมณ์โกษากลับอยากเชื่อว่า นี่เป็นลักษณะของบุรุษผู้มีบุญบารมี มีสิ่งพิเศษคุ้มครองตัว มิใช่ลักษณะของคนที่จะอายุสั้น หรือจะต้องตายในสภาพที่น่าสังเวชแต่อย่างใด
ไอ้พราหมณ์เฒ่า จำไว้นะ ข้าจักมิให้ท่านแม่มาดูดวงกับคนชั่วช้าเช่นเจ้าอีก เจ้ามันหามีใจยุติธรรมไม่ ข้าพบแม่จันทร์ก่อนแท้ๆ แต่เจ้ากลับจักยัดเยียดนางให้ไอ้พันภพ เจ้าจงใจเป็นศัตรูกับข้าโดยแท้
มิได้ขอรับเจ้าพันเดช ข้าเป็นข้ารับใช้ของพระเป็นเจ้า และข้าหาได้ยกแม่จันทร์ให้เจ้าพันภพไม่ นางแค่จักไปขออาศัยใบบุญเรือนท่านพระยาไมตรีพิทักษ์พงศ์ เพื่อรักษาตัวชั่วคราว หาได้มีเหตุผลอื่นใดไม่
เจ้าคิดว่าข้าโง่เง่านักรึ คิดว่าข้ามองไม่ออกรึไร ว่าไอ้พันภพมัน...
นายท่าน ผาดว่าเรากลับเรือนกันก่อนเถิดขอรับ เจ้าผาดเข้ามาขวางผู้เป็นนายที่ถลันเข้าไปหาพราหมณ์โกษา ตั้งท่าจะเอาเรื่องชายชราในชุดขาวให้สมกับความผิดหวังในใจตัวเอง ทว่าแทนที่พันเดชจะเห็นถึงความปรารถนาดีของลูกน้อง เขากลับผลักร่างหนาของผาดจนเซเสียหลักไปข้างๆ
มึงไม่เกี่ยว ถอยไปไอ้ผาด กูจักสั่งสอนไอ้พราหมณ์ต่ำช้า ให้มันรู้จักผิดชอบชั่วดีเสียบ้าง
มึงนั่นละ จักต้องกลับไปเรียนรู้ผิดชอบชั่วดี ไอ้เดช
พันภพขัดขึ้นท่าทางเอาเรื่อง ทำเอาเดชตาลุกวาบ โชติช่วง
ไอ้พันภพ มึง!!
คนเยี่ยงมึง ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา นางผู้นี้หาใช่เมีย มึงยังกล้าปดว่าเป็นเมียมึง หากกูเอาความนี้ไปแจ้งต่อพระมหาอุปราช ดูสิว่าน้ำหน้ามึงจะเป็นเยี่ยงไร
มึงมิต้องเอาพระมหาอุปราชท่านมาขู่กู! พันเดชเสียงแข็ง ทว่าใบหน้านั้นเผือดซีด เจื่อนไปทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยถึง พระมหาอุปราช ผู้ทรงเป็นเจ้าชายรัชทายาทของพ่อขุนรามคำแหงผู้เกรียงไกร เป็นที่รู้กันทั่วเมือง ว่าพระมหาอุปราชผู้ปกครองเมืองศรีสัชนาลัย จักต้องขึ้นนั่งบัลลังก์ทองของเมืองสุโขทัยสืบต่อไปในภายภาคหน้า
พ่อขุนทรงพระราชทานอำนาจให้พระมหาอุปราชเทียบกันกับพ่อขุนท่านเอง อีกทั้งพระมหาอุปราชก็ทรงเลื่องลือนักหนาในความซื่อตรงเที่ยงธรรม ทรงตั้งมั่นในทศพิธราชธรรม ปกครองไพร่ฟ้าด้วยเมตตา ไอ้พันภพเองก็เป็นทหารสนิทผู้หนึ่งของพระองค์เสียด้วย
นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เดชขุ่นเคืองอีกฝ่ายนักหนา เขาดีกว่า เก่งกว่า แต่เหตุใดพระมหาอุปราชจึงไม่โปรดเขา แต่ทรงโปรดไอ้พันภพจนออกหน้า!
ลือกันว่า พระมหาอุปราชทรงมีพระประสงค์แต่งตั้งพันภพเป็น เจ้าหมื่น มานานแล้ว แต่พระยาไมตรีพิทักษ์พงศ์ บิดาของพันภพทูลขอต่อพระองค์เอาไว้ ว่ามิอยากให้พันภพบุตรชายเกินหน้าเพื่อนฝูงในวัยเดียวกันนัก อีกทั้งพันภพยังอายุน้อยเกินกว่าตำแหน่ง ด้วยเหตุนี้พระมหาอุปราชจึงทรงชะลอคำสั่งเลื่อนยศของพันภพออกไปก่อนเป็นการชั่วคราว
ไอ้พันภพมีตำแหน่งสูงส่งรออยู่ตรงหน้า จักเอื้อมคว้าเมื่อใดก็ย่อมได้มาครอบครอง แต่เขาเล่า...เขาที่อายุมากกว่ามัน ไม่มีตรงไหนด้อยกว่าสักน้อยนิด เหตุใดจึงไม่มีวี่แววว่าจักล้ำหน้ามันบ้างเลยเล่า!
เดชกำหมัดแน่น ยิ่งคิดก็ยิ่งเคืองแค้น แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาได้แต่มองศัตรู อุ้มร่างแน่งน้อยของหญิงสาวที่เขาหมายตาเอาไว้ เดินจากไปพร้อมกับพราหมณ์เฒ่าเจ้าเล่ห์ ในหัวอกกรุ่นไปด้วยไฟแค้น
มันแย่งกูทุกอย่าง...ถ้าไม่มีมัน แม่คำเยียก็คงยอมแต่งงานกับกูไปนานแล้ว นี่มันยังจักมาแย่งแม่จันทร์ไปจากกูอีก ไอ้พันภพมันเกิดมาเพื่อเป็นศัตรูของกูโดยแท้
ชายหนุ่มคำรามก้องในลำคอ ตาดุอาฆาตถลึงพองจ้องตามหลังคู่กรณีไปจนลับตา
ใจเย็นขอรับเจ้าพัน ไอ้พันภพมันหลงแม่จันทร์ก็เป็นผลดีกับเจ้าพันนะขอรับ ผาดพยายามปลอบใจผู้เป็นนาย
ผลดีเยี่ยงไรวะไอ้ผาด มึงไม่เห็นรึ ว่าแม่จันทร์งามเพียงใด...งามเยี่ยงนางฟ้าเช่นนั้น มีรึที่ไอ้พันภพมันจักไม่ลุ่มหลง มันเคยแย่งผู้หญิงกับข้าเสียเมื่อไหร่
ก็เพราะมันลงแรงแย่งกับเจ้าพันนี้อย่างไรละขอรับ ผาดถึงบอกว่านี่เป็นโอกาสของเจ้าพันแล้ว
โอกาสอันใดของมึงวะไอ้ผาด พูดมาให้กระจ่างหน่อยสิ
พันเดชสนใจที่ลูกน้องเอ่ยมา ยามนี้ไม่ว่าจักเป็นทางใด ขอแค่ให้เขาสามารถเล่นงานไอ้พันภพ ศัตรูตัวฉกาจให้ย่อยยับ สูญเสียได้ เขาจักไม่รั้งรอ
ตอนที่ถูกคำเยียผู้งามพร้อมปฏิเสธไม่รับรักเขา เพราะนางผูกใจด้วยกับพันภพนั้น เดชยังแทบอกแตกดาวดิ้น มาครานี้กลับยิ่งร้ายหนักกว่าคราไหน
แม่จันทร์ นางช่างงดงามราวนางอัปสรจากแดนสรวง ชาตินี้หากมิได้นางมาครองคู่แนบข้าง พันเดชคงไม่มีวันตายตาหลับ
ไม่ว่าต้องทำเยี่ยงไร เขาก็จักแย่งชิงนางมาจากเงื้อมมือของไอ้พันภพให้จงได้!!
กลิ่นหอมเย็นแสนชื่นใจลอยกรุ่นอวลอยู่รอบกาย หญิงสาวค่อยๆลืมตาขึ้น กวาดตามองไปรอบๆ อดตกใจไม่ได้กับสภาพภายในเรือนไม้เนื้อหยาบหลังคามุงจากแปลกตาไม่คุ้นเคย
เธออยู่ที่ไหนกัน...นี่ไม่ใช่บ้านของเธอนี่ หรือว่า...
ไวเท่าความคิดที่ร่างบางรีบสลัดผ้าห่มผืนบางเนื้อหยาบที่คลุมตัวเองอยู่ วิ่งลงจากเรือนไม้หลังคามุงจากหลังย่อม เพื่อจะได้เห็นทุกสิ่งรอบกายใต้แสงจันทร์สีเงินยวงกระจ่างตา
ต้นปีบมากมายเป็นทิวทุ่งกำลังพร้อมใจกันออกดอกสีขาวพราวสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมตลบไปหมดทั่วอาณาบริเวณ และไม่ห่างจากเรือนที่เธอเพิ่งก้าวลงมา เรือนไทยใหญ่โตอลังการตระหง่านง้ำอยู่เบื้องหน้า ก็ทำเอาหญิงสาวถึงกับตะลึงตัวชา
ที่นี่คือที่ไหนกัน!
เธอพยายามทวนความทรงจำก่อนสิ้นสติ สิ่งที่ทำให้กลัวจับใจมีตั้งแต่ใบหน้าหล่อเหลาสำอางของพีรัชหรือเจ้าพันเดช...สีแดงขุ่นของสายน้ำยมที่ไหลเชี่ยว และ...
พี่พัน... เธอพึมพำชื่อของคนที่ติดอยู่ในความทรงจำสุดท้ายก่อนจะสิ้นสติ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบกายอีกครั้ง แล้วจึงแลเห็นร่างหนึ่ง นั่งขัดสมาธินิ่งเงียบอยู่ใต้โคนต้นไทรใหญ่ไกลออกไป
คุณลุงโกษา พิมลมาสพึมพำ ค่อยยิ้มออกมาได้แล้วเดินตรงเข้าไปหาชายชรา ทว่าเพียงไม่กี่ก้าวร่างบางก็ทรุดลงไปนั่งพับเพียบพร้อมไอโขลก
ตื่นแล้วรึแม่จันทร์ พราหมณ์เฒ่าเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ ทอดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอื้อเอ็นดู
ค่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะคุณลุง...หนูจำได้ว่า ก่อนจะหมดสติ หนูตกลงไปในน้ำยม น้ำไหลแรงมาก...หนูคิดว่าตัวเองตายไปแล้วเสียอีกค่ะ เธอเงยหน้าเอ่ยถามเขา เสียงยังแหบแห้งจนน่าใจหาย
เจ้าก็เกือบตายไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่ได้เจ้าพันท่านช่วยเอาไว้
เจ้าพัน...คุณลุงหมายถึง เจ้าพันเดชเหรอคะ หญิงสาวงุนงง
ย่อมหาใช่ไม่ ผู้ที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้ คือเจ้าพันภพ บุตรชายคนเดียวของท่านพระยาไมตรีพิทักษ์พงศ์ เจ้าของเรือนหลังนี้ต่างหาก
เจ้าพันภพเหรอคะ... พิมลมาสพึมพำ หัวใจไหวโครมคราม
เจ้าพันภพก็คือพี่พันภพของเธอใช่ไหม...คงเพราะมีชื่อคล้องกับตำแหน่ง คนจึงเรียกรวมกันไปเลยว่า เจ้าพันภพ ซึ่งต่างกับเจ้าพันเดช ซึ่งคงมีชื่อจริงๆว่า เดช เฉยๆ
เจ้าพันภพท่านรู้จักเจ้าด้วย ข้าประหลาดใจนัก แม่จันทร์...เจ้าไปรู้จักมักจี่กับเจ้าพันท่านตั้งแต่เมื่อไหร่รึ ชายชราทรุดลงนั่งต่อหน้าหญิงสาวพลางเอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาใจนัก
เอ่อ คือ...ก็ไม่เชิงรู้จักหรอกค่ะ หนูเคยพบเขามาก่อน...ยังไม่มีโอกาสพูดคุยกันจริงจังเลยสักครั้ง
งั้นรึ แปลกจริง... ชายชรายกมือลูบเคราสีดอกเลาของตัวเองอย่างครุ่นคิด ท่าทางของเจ้าพันภพที่เขาเห็น ไม่เหมือนคนไม่สนิทสนมกับแม่จันทร์เลย คนไม่สนิท มีหรือจักเสี่ยงชีวิตลงไปช่วยนางจากกระแสน้ำยมที่เชี่ยวกรากเช่นนั้น
ดวงตาเรียวรีฝ้าฟางไปตามวัย ทว่ายังฉายชัดถึงความเป็นผู้คงแก่เรียนตวัดมองพิมลมาสอย่างพินิจ เจ้าตัวครุ่นคิดวุ่นวายอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสียงเรียบ จริงจัง
รู้รึไม่ เจ้าพันภพท่านเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเจ้าทีเดียวนะนางหนู...ข้าคิดว่า ท่านจักจมลงไปกับเจ้า มิโผล่กลับขึ้นมาแล้วเสียอีก
ขอโทษค่ะ หนูไม่ทันระวังเอง... พิมลมาสกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกกลัวตามที่พราหมณ์โกษาเอ่ย เธอเองก็รู้สึกได้ ว่าใต้กระแสน้ำนั้นมีแรงดึงดูดมหาศาล คิดว่าตัวเองคงไม่รอดแล้วด้วยซ้ำ
ไม่น่าเชื่อว่าพี่พันภพจะตามลงไปช่วยเธอขึ้นมาได้ เขามักปรากฏกายในช่วงเวลาที่เหลือเชื่อเสมอ
เจ้าต้องไปขออภัยต่อเจ้าพันท่านเอง มิใช่ขออภัยต่อข้า แม้พิมลมาสจะพูดจาผิดแผกไปจากคนทั่วไปบ้าง แต่ชายชราก็เดาความหมายที่เธอต้องการสื่อได้ เพียงแต่...บางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวผู้งดงามเบื้องหน้า ดูจะมีปริศนาให้ต้องค้นหา
"เจ้าพันก็ช่างกระไรเลย...ดวงไม่ดีเเท้ๆ"
พราหมณ์เฒ่าพึมพําเสียงเบา เเละหญิงสาวก็ถึงกับหูผึ่ง
"เกี่ยวกับที่คุณลุงเคยดูดวงให้พี่พันภพ ใช่ไหมคะ"
"เจ้ารู้เรื่องที่ข้าดูชะตาให้เจ้าพันด้วยรึ" ชายชราเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ นางรู้เรืองนื้ได้อย่างไรกัน
"เอ่อ...คุณลุงเป็นหมอดูมีชื่อเสียง...หนูพอจะได้ยินกิตติศัพท์มาบ้าง เเล้วเจ้าพันภพท่านก็เป็นคนใหญ่โต ยังไง...ท่านแม่ของเจ้าพัน ท่านก็ต้องให้พราหมณ์มือดี ที่ไว้ใจได้อย่างคุณลุงโกษา ช่วยตรวจดวงให้เจ้าพันท่านอยู่เเล้ว จริงไหมคะ"
"เออ...เอ็งนี่มันช่างเจรจานัก นอกจากจักเเต่งเนื้อเเต่งตัวมิเหมือนชาวบ้านทั่วไปเเล้ว ยังพูดจาฉาดฉาน ถามจริงๆเถิดนังหนู เจ้าเป็นใคร มาเเต่ไหนกันรึ ดูเยี่ยงไรเเล้วก็คงหาใช่คนเเถวนี้ไม่''
"หนูมาจากศรีสัชนาลัยนี่ละค่ะ เอ่อ...เพียงแต่เป็นศรีสัชนาลัยที่แตกต่างจากที่นี่นิดหน่อยค่ะ..." พิมลมาสอึกอัก ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้ผู้อาวุโสเข้าใจ ตอนนี้ในสายตาท่านก็คงหาว่าเธอไม่เต็มเต็ง ขืนพูดอะไรมากไปกว่านี้ละก็...
"แตกต่างเยี่ยงไรรึ" พราหมณ์โกษายังคงติดใจที่หญิงสาวเอ่ยมาอยู่
"ก็...มันบอกไม่ถูกค่ะ รู้แต่ว่าแตกต่าง...อย่าให้หนูเปรียบเทียบเลยนะคะว่ามันแตกต่างยังไง..."
หญิงสาวยิ้มเจื่อน หลบตาคมค้นคว้าของผู้อาวุโสลงมองต่ำ กระไอดินกลิ่นหญ้า ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายเธอเวลานี้ช่างสมจริง ชัดเจน ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว...เธอเกือบตายตอนที่ตกแม่น้ำยม ตอนนี้ยังแสบคอขื่นจมูกไม่หายอยู่เลย
นี่ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่เธอฝันถึงพี่พัน...ตอนนี้ทุกอย่างสมจริง และเธอก็ไม่รู้เลยว่า เมื่อไหร่เธอจะสามารถตื่นจากฝันร้ายนี่ได้เสียที
...เธออยากกลับบ้าน คิดถึงคุณพ่อคุณเเม่...กลัวเหลือเกินว่าอาจไม่มีโอกาสกลับบ้าน...เธอไมรู้ด้วยซ้ำว่าจะทําอย่างไรต่อไปดี
ดวงตากลมโตคลอไปด้วยหยดน้ำใส หญิงสาวใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้งลวกๆ กลั้นสะอื้นอย่างสุดความสามารถ
"ไม่เป็น หาต้องกลัวสิ่งใดไม่ มาถึงเรือนท่านพระยาไมตรีพิทักษ์พงศ์เเล้ว อยู่ที่นี่เจ้าจักปลอดภัย ต่อให้เป็นเจ้าพันเดช ก็หาทําอันตรายเจ้าได้ไม่"
"เจ้าพันเดชเป็นคนร้ายกาจอย่างนี้มานานเเล้วหรือคะ"
"เจ้าพันเดชท่านเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าหมื่นดวง เลยถูกตามใจมาแต่เล็กแต่น้อย ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องเอาเเต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้...อย่าถือสาท่านเลยนะ ข้าจักฝากฝังเจ้าไว้กับเเม่นายศรีนวล เเม่นายจักปกป้องเจ้าได้"
"ขอบคุณมากนะคะ" พิมลมาสเอ่ยเบาๆหลังจากที่อึ้งไปครู่หนึ่ง เธอมองฝ่ายตรงข้ามอย่างซาบซึ้งตื้นตัน ไม่ได้รู้จักมักจี่กันมาก่อนเเท้ๆเเต่ผู้อาวุโสก็ยังอุตส่าห์ช่วยเหลือเธอ "ตอนนี้หนูเหมือนคนหลงทาง ไม่มีที่ไป...ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากคุณลุง หนูก็ไมรู้ว่าตัวเองจะไปทางไหนดี ขอบพระคุณ คุณลุงโกษามากเลยนะคะ"
เธอยกมือไหว้ผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม อ่อนโยน กริยาของหญิงสาวทำให้ผู้อาวุโสยิ่งนึกเอ็นดูเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ถึงท่าทางเหมือนม้าดีดกะโหลก แต่ก็ยังนุ่มนวลรู้จักมารยาทเยี่ยงกุลสตรีที่ผ่านการอบรม
เจ้าอย่าได้คิดมาก เห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ช่วยได้ข้าก็อยากช่วย
ไหนๆ นางคนไหนรึ ที่พ่อพราหมณ์จักฝากฝังไว้ที่เรือนข้า
เสียงเรียบไว้ตัวทว่าดูมีอำนาจอยู่ในทีดังขึ้น ทั้งพิมลมาสและโกษาต่างหันไปมองผู้ที่ก้าวขึ้นเรือนมา ตาคมกริบดุเฮี้ยบของศรีนวล ปัดผ่านชายชรา พุ่งตรงมาที่หญิงสาวแปลกหน้า และจับจ้องอยู่เช่นนั้น
นางคนนี้รึท่านโกษา
ขอรับท่าน...นางจันทร์มันเป็นหลานของข้าเอง เพิ่งมาจากต่างเมือง...บ้านข้าคับแคบ อีกทั้งคงไม่เหมาะ หากจักให้มันอาศัยด้วยที่เรือน ข้าเห็นมันมีแววเฉลียวฉลาด เลยคิดว่า หากแม่นายศรีนวลรับมันเอาไว้ คงถือเป็นบุญของนางจันทร์มันยิ่งแล้วขอรับ
โกษาทอดเสียงเรียบเรื่อย ฟังระรื่นหู ศรีนวลกะพริบตาพลางสำรวจตรวจตราไปทั่วร่างบอบบางอ้อนแอ้นของ แม่จันทร์
แม้ยามนี้อีกฝ่ายจักอยู่ในชุดเครื่องแต่งกายที่เรียบง่ายมิได้โดดเด่นเลย ทว่าความงดงามผ่องใสของใบหน้านวลลออนั้นก็ยังจับตาคนมองมิให้เมินไปไหนได้
หลานท่านรึ...เหตุใดจึงมิเหมือนกันเลย นางจันทร์ผู้นี้มันงามนัก งามยิ่งกว่าแม่คำเยียเสียอีก
โอย...มิได้หรอกขอรับ นางจันทร์มันก็แค่เด็กมอมแมม ไหนเลยจักเทียบกับแม่นางคำเยียผู้เพียบพร้อมทุกประการได้...ขอแค่ท่านเอ็นดูจันทร์มันบ้างสักเล็กน้อย ก็ถือเป็นวาสนาของมันแล้วขอรับ แทนที่โกษาจะยินดีกับคำชมของศรีนวล แต่ชายชรากลับอ่อนน้อมเจียมตน ก่อนจะหันไปกระตุ้น หลานสาว เบาๆ ยังจักเฉยอยู่อีกรึนางจันทร์
เอ่อ...สวัสดีค่ะ เอ้ย...หนูไหว้ค่ะ ท่าน พิมลมาสรีบยกมือไหว้ศรีนวล และหลุดปากทักทายท่านตามความเคยชิน ก่อนจะนึกขึ้นได้ การทักทายว่า สวัสดี เริ่มใช้กันแพร่หลายในสมัยนายกรัฐมนตรี จอมพลป.พิบูลสงคราม เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๖ นี่เอง
มือไม้แข็งนัก
เอ่อ...แม่นายขอรับ ข้าไม่ดีเอง...
มิเป็นไร ข้าจักอบรมสั่งสอนมันให้เอง มิต้องกังวลท่านโกษา
ศรีนวลเอ่ยออกมาเท่านั้น ชายชราก็ถึงกับถอนใจเฮือก โล่งอก
ขอบพระคุณแม่นายยิ่งขอรับ เท่านี้ข้าก็หมดห่วง ตายตาหลับแล้วขอรับ
ยกยอข้าเกินไปแล้ว ท่านแวะมาก็ดี ข้าจักไหว้วานขอให้ท่านช่วยผูกดวงให้ลูกข้าหน่อย ท่านจักทำให้ได้หรือไม่
ศรีนวลเปลี่ยนเข้าสู่เรื่องที่ค้างคาใจตัวเองมาหลายเพลา ตั้งแต่ที่พราหมณ์โกษาดูดวงครั้งล่าสุดให้กับพันภพนั่นแล้ว
เอ่อ...แม่นาย ข้าต้องขออภัยจริงๆ เรื่องผูกดวงให้เจ้าพัน ข้าเกรงว่าจักไร้ประโยชน์นะขอรับ ชายชรากล่าวตามสัจจริง
ลูกข้าจักเคราะห์หนักถึงเพียงนั้นเชียวรึ...ผู้อื่นเคราะห์หามยามร้ายเพียงใด ท่านก็สะเดาะเคราะห์ต่อชะตาให้ได้มานักต่อนัก แล้วเหตุใดกับลูกข้า ท่านจึงมิยอมช่วยเหลือเล่า
มิใช่ข้าไม่ช่วย แต่มันช่วยมิได้จริงๆขอรับแม่นาย ดวงเจ้าพันท่าน...แรงมาก ผู้ที่มีดวงลักษณะนี้ หากไปในทางดีก็จักดีใจหาย เลิศไปด้วยยศศักดิ์ทุกสิ่งอัน แต่หากว่าลองร้ายแล้ว...ก็จักร้ายแรงที่สุด แรงถึงขั้นว่า อาจจัก...เอ่อ...
อาจจักอันใดท่านพราหมณ์ แจ้งมาให้หมดเถิด!
ยิ่งพราหมณ์เฒ่าลำบากใจจะกล่าว สาวใหญ่ก็ยิ่งร้อนรน วุ่นวายใจ บรรยากาศช่างกดดันบีบคั้น กระทั่งพิมลมาสที่นั่งรับฟังอยู่ด้วย ยังอดใจหายไม่ได้
พี่พันจะมีเคราะห์หนัก...มิน่า ลุงโกษาถึงพูดว่า เขาเสี่ยงชีวิตลงไปช่วยเธอในแม่น้ำยมนั้น อันตราย มาก...
หญิงสาวยกมือเรียวข้างหนึ่ง กดตรงดำแหน่งหัวใจของตัวเองเอาไว้แน่น...แค่คิดว่าเขาจะต้องเป็นอะไร ใจเธอก็เจ็บหนึบ ร้าวรานเสียแล้ว
อย่าให้ข้าพูดเลยขอรับแม่นาย...ข้าบอกได้แต่เพียงว่า เจ้าพันท่านจักมีอันตราย แม่นายให้เจ้าพันระวังตัวเอาไว้ให้มาก พ้นวันจันทร์เพ็ญเดือนสิบสองไป ทุกอย่างอาจจักดีขึ้น ชายชราหาทางออกจนได้ และหนทางนี้สำหรับผู้ฟัง ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ
เช่นนั้นข้าจักให้ลูกข้าทำบุญให้มาก ข้าเอบก็จักใส่บาตรทำบุญ อุทิศส่วนบุญกุศลให้ลูกข้ามิขาด...ผลบุญที่ข้าทำ คงจักช่วยผ่อนหนักเป็นเบาให้พ่อพันได้บ้าง
แม่นายคิดได้เยี่ยงนั้น นับเป็นเรื่องดีขอรับ โกษาเห็นด้วยกับศรีนวล นั่นเองที่ทำให้สาวใหญ่แย้มยิ้มออกมาได้ สีหน้าดูดีขึ้น
เจ้าจงปิดเรื่องที่ได้ยินเพลานี้เอาไว้ให้มิดชิดนะนางจันทร์ ข้าหาต้องการให้ผู้ใดนำความเรื่องนี้ไปถึงหู ให้พ่อพันระคายใจแต่อย่างใดไม่ ศรีนวลหันมาสั่งพิมลมาสเสียงเข้มงวด
เจ้าค่ะ หนูไม่บอกใครแน่นอนค่ะ
ดี ว่านอนสอนง่าย จักได้อยู่เรือนข้าได้ราบลื่น ศรีนวลพออกพอใจ ตาคมปลาบยังคงจับจ้องมองใบหน้าขาวผ่องนวลใยของสาวใช้หน้าใหม่ไม่วางตา เป็นครู่ทีเดียวกว่าที่จะผละจากไปได้
ลับหลังร่างศรีนวล พิมลมาสก็ถึงกับถอนหายใจเฮือก โล่งอกอย่างบอกไม่ถูก
เจ้าจงอยู่ที่นี่ ปรับตัวให้เข้ากับทุกคนให้ได้แล้วเจ้าจักสุขสบาย หากไม่จำเป็น อย่าไปไหนมาไหนเพียงลำพัง มันอันตราย เจ้าเข้าใจไหม พราหมณ์โกษาสั่งสอนหวังดี
เข้าใจค่ะ ขอบคุณคุณลุงมากเลยนะคะ พิมลมาสยกมือไหว้ชายชราอีกครั้ง ยิ่งซาบซึ้งตื้นตันกับความปรารถนาดีที่อีกฝ่ายมอบให้
ไม่อยากเชื่อเลยว่าในสถานที่โบราณปรัมปราแห่งนี้ เพื่อนใหม่ต่างวัยที่เธอรู้จักจะมีไมตรีให้มากมายถึงเพียงนี้
แต่เธออยากกลับบ้านเหลือเกิน...ไม่รู้ว่า หากเธอนอนหลับไปสักงีบ แล้วจะสามารถกลับไปที่โลกเดิมของตัวเองได้ไหมหนอ
-----------------------------
------------------------------------
****** คุยต่อจากคราวที่แล้วค่า
ขอบคุณ คุณ sakeena ค่ะ
พี่พันมารับไปแล้วค่าาา เดี๋ยวกวานมุ้งมิ้งแล้วค่าาา แต่ยังไม่เต็มที่นะ รออีกหน่อยค่า ^^
ขอบคุณคุณ nasa ค่ะ
พีรัชไม่ใช่พระเอกค่า แต่พี่พันอยู่ไหน...แงๆ,,,ลงได้ไม่ถึงเฉลยค่ะ แต่ว่า...รับรองว่าแฮปปี้น้าาาา >//////<
ขอบคุณคุณ nako ค่ะ
มาต่อให้แล้วค่า ขอโทษที่หายไปนานนะคะ แหะๆ ....
*********