Bloggang.com : weblog for you and your gang
บล็อกนิยายหวานสดใสของพิมพ์นรายินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ^^
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๕
๑๕.
ลำแสงสุดท้ายของตะวันเป็นสีชมพูอมม่วงงามตา ทั่วทุกถิ่นที่หม่นมัวเมื่อรัตติกาลย่างกรายเข้ามา
อบถูกเรียกเข้าไปใช้งานในครัวนานแล้ว เหลือแต่พิมลมาสที่นั่งเก็บของ ทั้งเศษไม้กลัด ใบตองและดอกไม้สดที่วางอยู่บนแคร่ไม้ไผ่เรียบง่าย
ความจริงพระสนมศรีลักษณาและคณะได้เสด็จกลับไปนานแล้ว หลังจากที่ทรงทำกระทงใบตองเสร็จก็กระวีกระวาดรีบกลับวัง นำกระทงไปถวายให้พระมหาอุปราช
พิมลมาสรู้สึกดีกับพระสนมแต่กับนางข้าหลวงของท่านที่ชื่อคำเยียคนนั้นต่างหาก ที่ดูแปลกๆ
ผู้หญิงคนนั้นคอยจ้องมองเธอตาดุวาว น่ากลัว ทำอย่างกับเป็นศัตรูกันมานานนักหนา ทั้งที่ก็เพิ่งรู้จักกันวันนี้เองแท้ๆ
แต่ไม่นานพิมลมาสก็หมดสิ้นข้อสงสัย ก็แม่คำเยียคนงามแอบมองพันภพบ่อยเหลือเกิน จะว่าไป ตอนแรกที่เธอเห็นแม่คำเยียเมื่อครั้งก่อน เจ้าหล่อนก็แสดงออกชัดเจนอยู่แล้วนี่นะ ว่ารู้สึกเช่นไรต่อพันภพ
พิมลมาสมิได้ขุ่นเคืองหรือแคลงใจใดๆในตัวพันภพเลย เธอเชื่อมั่นเขา ทุกครั้งที่มองกลับไปแล้วเห็นตาคมที่เฝ้ามองเธออยู่ก่อนแล้วเสมอ หัวใจของหญิงสาวก็ไหวสะเทิ้น พองฟูมีความสุข
เธอไม่เหลือหัวใจหรือสมองไว้คลางแคลงหรือหวาดกลัวสตรีอื่น ตราบเท่าที่สองตาของพี่พันไม่แลใคร นอกจากเธอ พิมลมาสก็รู้สึกได้ว่าตัวเองช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีเหลือเกิน
เธอได้พบกับคนที่เฝ้าหวังว่าจะได้พบกับเขาเสียที หลังจากที่รอคอยมาแสนนาน...นานจนคิดว่าสิ้นหวังไปแล้วด้วยซ้ำ
เหนื่อยไหม
เสียงทุ้มนุ่มละมุนดังขึ้นท่ามกลางสายลมบางเบาเย็นสดชื่น หญิงสาวอมยิ้ม รู้ว่าอีกฝ่ายคือใครโดยไม่ต้องหันไปมอง
ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ พี่พันต่างหาก ต้องคอยดูแลอารักขาพระสนมทั้งวัน เหนื่อยไหมจ๊ะ เธอหันไปเลิกคิ้วถามเขาพร้อมรอยยิ้มแจ่มใสที่มุมปาก คนตัวโตเห็นแล้วก็อมยิ้ม ยื่นมือไปกอบกุมมือน้อยไว้หลวมๆ ทว่ามั่นคง
ที่จริงพี่มิได้เหนื่อยอันใด แต่ถึงเหนื่อยเพียงใด หากกลับเรือนแล้วได้มาพบหน้าเจ้า แค่นี้พี่ก็หายเหนื่อยทั้งหมดแล้ว
เลี่ยนจังเลยค่ะ
อือ?
ไม่มีอะไรค่ะ มาสดีใจที่มีส่วนช่วยให้พี่พันหายเหนื่อยได้ พิมลมาสยิ้มกว้างแลเห็นไรฟันขาวสะอาดเหมือนไข่มุก รอยยิ้มของเธอสว่างสดใส คนมองอดไม่ได้จะรั้งร่างน้อยเข้ามาชิดอกอุ่นของตัวเองโดยอัตโนมัติ
พี่พันภพ
เจ้ามิได้โกรธ ที่พี่ทำให้เจ้าเสียโอกาสเข้าไปสุขสบายในวังใช่ไหม เขาชิงถามก่อนที่เธอจะได้เอ่ยคำใด หญิงสาวอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะรีบส่ายหน้าไปมา
เปล่านะคะ มาสอยู่ที่นี่ สบายดีทุกอย่างแล้ว ไม่อยากไปอยู่ในเวียงวังที่ไหนหรอกค่ะ
จริงรึ เจ้าอาจจักยังไม่รู้ หากได้เข้าวัง อย่างเจ้าบางทีอาจได้เป็นถึงพระสนม...
มาสไม่ไปไหน เธอชิงบอกก่อนที่เขาจะเอ่ยไปเรื่อย มาสไม่รู้จักใครเลย นอกจากพี่พันคนเดียว จะให้ไปไหนได้ยังไงละคะ
เจ้าอยากอยู่ที่นี่ เพราะรู้จักพี่อยู่คนเดียวเท่านั้นรึ คนตัวโตถามอย่างผิดหวัง หน้าคมเข้มสลดวูบดูจ๋อยน่าสงสารจนหญิงสาวไม่กล้าจะแกล้ง
"พี่พันก็น่าจะรู้ว่ามันไม่ใช่" เธอเหลือบมองเขา เเล้วก็ก้มหน้างุดแทบไม่ทัน แก้มผ่องร้อนวูบวาบ โชคดีที่เป็นเวลาโพล้เพล้เต็มที อีกฝ่ายถึงไม่ได้เห็นแก้มร้อนฉ่าของเธอ "ถ้าไม่มีพี่พัน มาสก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ มาสดีใจมากที่ได้มาเจอพี่..."
เธอเงยหน้าสบตาคมกริบที่มองมานิ่งนาน รอยยิ้มแสนหวานละมุนของเธอค่อยๆคลายลงเพราะตาคมกริบเข้มจัดของเขาที่มองมานิ่งแน่ว เธอรู้สึกราวกับกําลังถูกเจ้าของดวงตาคมกล้าคู่นั้นดูดกลืน ด้วยห้วงรักนั้นสยายปีกโอบล้อมเธอและเขาเอาไว้แน่นหนา
ความรู้สึกนี้ ผ่านวันเวลาอันแสนยาวนานนับตั้งแต่ที่เธอจําความได้...บางทีมันอาจยาวนานยิ่งกว่าชีวิตของเธอ ย้อนไปเมื่อแสนไกลในบรรพกาล นานนับกัปกัลป์
"พี่ก็ดีใจนัก ทั้งดีใจ เป็นสุขยิ่ง ที่ได้มีเจ้าอยู่ด้วยกันเช่นนี้...อยู่กับพี่ อย่าไปไหนนะพิมลมาส"
แรงกอดกระชับของเขาแน่นหนา อบอุ่น แต่ทั้งหมดนั้น ไม่เท่ากับถ้อยคำเพียงไม่กี่คำที่บ่งบอกว่า พันภพเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเธอ
หญิงสาวหลับตา ปล่อยหัวใจตัวเองให้ล่องลอยไปกับความสุขชุ่มชื่นที่ได้รับ ในอ้อมกอดของพันภพ นี่คือคำตอบของทุกสิ่งที่เธอตามหา
สายลมพรูมาแรงเป็นครู่ ก่อนจะโชยเอื่อยอ้อยสร้อยเหมือนเดิม ดอกปีบดกหนาบนต้นส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วท่าน้ำสะบัดหลุดจากขั้ว ปลิวตกลงมาจนลานดินหน้าท่าน้ำขาวพราวไปทั่ว และจังหวะนั้นเอง มีดอกหนึ่งปลิวเข้ามาตกบนเส้นผมยาวนุ่มสลวยของพิมลมาส
ชายหนุ่มบรรจงหยิบดอกปีบสีขาวบริสุทธิ์นั้น ทัดเข้ากับข้างใบหูนุ่มนิ่มของหญิงสาว มองเธอด้วยสายตาภูมิอกภูมิใจ นั่นเพราะพิมลมาสของเขางามยิ่งกว่าพระจันทร์บนฟากฟ้า
หญิงสาวเงยหน้า อมยิ้มละไม เก้อเขินกับสายตาพริบพราวของเขาจนพานหายใจหายคอไม่ออก ต้องเสหันไปมองบนแคร่ไม้ไผ่ด้านหลังแทน
พี่พันมาก็ดีแล้ว นี่ค่ะ มาสทำไว้เผื่อพี่พัน เผื่อแม่นายกับท่านพระยาด้วยค่ะ พิมลมาสผละออกจากร่างสูงใหญ่แกร่งไปทั้งตัวของเขา หันไปคว้าเอากระทงใบตองที่ตัวเองนั่งทำมานานขึ้นอวดแทน แล้วก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจเสียด้วย
งามนัก พี่มิเคยเห็นโคมลอยที่ใดงามเยี่ยงนี้มาก่อนเลย
คนถูกชมยิ้มปลื้ม ตากลมโตยิบหยีแต่ก็พริบพราวทีเดียว
วันเพ็ญเดือนสิบสองนี้ พี่พันมีนัดกับหญิงคนไหนแล้วหรือยังคะ
ถามเช่นนี้ ต้องถูกทำโทษ พันภพหัวเราะเบาๆในลำคอ แสร้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ฝ่ายนั้นสะดุ้งโหยง ร้องลั่น
อย่านะ มาสก็ต้องถามก่อนสิ พี่พันออกเสน่ห์แรง...เห็นแม่คำเยียมองพี่ออกบ้อยบ่อย เธอค่อนขอด งอนๆ
ถ้าคำเยียมองพี่บ่อยแล้วมาสเห็น เช่นนี้ก็แสดงว่า เจ้าเองก็มองพี่บ่อยเหมือนกัน ชายหนุ่มยิ้มหน้าบาน แช่มชื่น ความดุดัน น่าเกรงขามที่เจ้าตัวมักแสดงให้เห็นเสมอ ไม่มีหลงเหลืออีกเลยในยามนี้
เขาเหมือนผู้ชายธรรมดา ไม่ใช่นักรบชายชาติทหารในโลกอดีต หากสลัดเครื่องแต่งกายที่พันภพสวมใส่อยู่ แล้วนำเครื่องแต่งกายในยุคสมัยของเธอสวมเข้าไปแทน เขาก็คงเหมือนกับกับคนธรรมดาในโลกของเธอนี่เอง
เสียดายเหลือเกิน ทำไมเขาจะต้องเป็นคนในอดีตด้วยนะ...
หญิงสาวหน้าสลดไปเมื่อนึกถึงความเป็นจริงที่ไม่อาจบิดผันเป็นอย่างอื่น ไม่ว่าจะพยายามไม่นึกถึงเพียงใด แต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี
น้องมาส เป็นอันใดรึ
ท่าทางสลดโศกเศร้าลงไปกะทันหันของหญิงสาว ทำให้คนที่มองอยู่อด เดือดร้อน มิได้
เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร... เธอบอกปัดเสียงอ่อย หน้าจ๋อย
เจ้าปดพี่
เธอมองเขาตาละห้อย หม่นหมอง แปลกนัก ทั้งที่ความมืดโรยตัวเข้ามาแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังเห็นด้วยว่าเธอเป็นเช่นไร
มานี่ นั่งนี่ก่อน พันภพประคองไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาว กดให้เธอนั่งลงไปบนแคร่ไม้ไผ่ตัวโตด้านหลัง ทำอย่างกับเธอเป็นตุ๊กตาส่วนตัวของเขาอย่างนั้นละ
พอให้เธอนั่งลงแล้ว คนตัวโตก็ทรุดตามลงมาคุกเข่านั่งต่อหน้าในระยะกระชั้น กลายเป็นเขาอยู่เตี้ยกว่าเธอไปเล็กน้อย แต่การนั่งในลักษณะนี้ของพันภพ ยิ่งทำให้พิมลมาสขัดเขิน เพราะราวกับเธอตกอยู่ในอ้อมแขนกักกันของเขา ไม่สามารถลุกหนีไปไหนได้
ไหนจะลูกตาคมพราวหวานละเมียดที่จ้องตรงมาอีก...จะถึงขึ้นช็อกตายไหมเนี่ยยายมาส!
เอ่อ...พี่พันอย่าไปนั่งกับพื้นเลยค่ะ...มันไม่เหมาะ พี่เป็นถึงเจ้าพัน... เธออึกอัก ทั้งตกใจและประหม่ากับการกระทำของเขา ก็ที่นี่ เจ้าพันภพนั้นใหญ่โตไม่ใช่น้อย มีแต่คนเคารพนบนอบ แล้วการที่เขามาคุกเข่าต่อหน้าเธออย่างนี้ เกิดมาใครมาเห็นเข้าจะทำอย่างไร
เจ้าพันมันคือตำแหน่งหน้าที่การงาน จริงๆแล้วพี่ก็คือพันภพ เป็นพี่พันของเจ้า
คำตอบมั่นใจของเขา ทำคนฟังกะพริบตาปริบๆ ตื้นตัน
พันภพไม่เคยเลยจะใช้อำนาจบาตรใหญ่กับเธอหรือใครๆ เขาช่างแตกต่างจากเดชในทุกสิ่งทุกอย่าง
พี่พันภพเคยบอกว่า...พี่ฝันเห็นมาสมานานแล้ว มาสอยากรู้ค่ะ ว่าพี่รู้จักมาสแค่ไหน แล้ว...ทำไมเราสองคนถึงฝันถึงอีกฝ่ายได้...พี่ว่ามันแปลกไหมคะ
มันเป็นพรหมลิขิต เขาเอ่ยเสียงเบา ตาคมจับจ้องหญิงสาวนิ่งแน่ว พรหมลิขิตชักนำให้เราพบกันเมื่อสิบสี่ปีก่อน...จากนั้นก็ดึงเราให้ไกลห่างเหมือนอยู่กันคนละโลก
พันภพนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ ตาคมกริบไม่คลาดจากใบหน้านวลงามของหญิงสาว
พี่ฝันเห็นเจ้าเสมอ เห็นบ้านเมืองประหลาดแปลกตาของเจ้า แต่พี่ไม่สามารถพูดคุยกับเจ้าได้ ความรู้สึกนี้มันทรมานนัก ดั่งว่าชะตากลั่นแกล้ง...เมื่อแกล้งจนพอใจแล้ว ก็พาเรากลับมาพบกันอีก ก็ตอนนี้ไง ในที่สุดเราก็ได้มาพบกันเสียที... เขาทอดเสียงอ่อนโยน มือใหญ่เลื่อนลงมากุมกระชับมือเล็กๆของหญิงสาวซึ่งวางแนบข้างลำตัว เจ้าจักอยู่ที่นี่กับพี่ตลอดไปได้หรือไม่พิมลมาส
เธอชะงักงัน หน้าเจื่อน อยากตอบรับเขาใจจะขาด แต่เมื่อนึกถึงบุพการีที่รอคอยอยู่อีกฟากหนึ่งของห้วงเวลาแล้ว ใครเลยจะสามารถตัดใจได้ง่ายๆ
พี่พันบอกว่า...เห็นมาสมาตลอดเช่นกัน ถ้าอย่างนั้น พี่พันก็คงเห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ กับบ้านเมืองของมาสด้วยเหมือนกันสิคะ เธอตัดสินใจถามตามตรง ในเมื่อเธอเองยังเห็นเขาในเครื่องแต่งกายย้อนยุค ใช้ชีวิตเยี่ยงคนโบราณเมื่อเจ็ดร้อยปีก่อน ถ้าเช่นนั้นในทางเดียวกัน พันภพก็น่าจะเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของเธอในโลกปัจจุบันด้วยสิ
เขารู้ ว่าเธอไม่เหมือนทุกคนที่นี่...
ดวงตากลมโตทอดมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างรอคอยคำตอบ พันภพนิ่งเงียบไปอย่างมีนัย ใบหน้าเรียวได้รูปก้มลงต่ำจนเธอไม่อาจแลเห็นแววตาของเขา
พี่พันภพเองก็คงรู้ ว่าเราแตกต่างกันมากขนาดไหน... เสียงหวานใสแผ่วเศร้าและสั่นเครือเพราะลำคอของคนพูดนั้นเริ่มตีบตัน
หญิงสาวกวาดตามองไปทั่ว บริเวณนี้ดอกปีบเบ่งบานสะพรุ่งขาวโพลนตัดกับความมืดที่โรยตัวเข้าครอบคลุมทุกสรรพสิ่ง ใบและดอกต้นปีบยามต้องสายลมพลิ้วไหวเริงร่าดุจดั่งพร้อมใจกันล้อสายตาเธอ
"สถานที่ที่เจ้าอยู่...คืออนาคตของสุโขทัยใช่หรือไม่" เขาเปิดปากถามออกมาจนได้
"ต่อจากนี้ไปอีกไม่นาน อาณาจักรอยุธยาทางตอนล่างจะเข้มแข็ง เป็นปึกแผ่นยิ่งใหญ่ มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงบุญญาบารมีมากมาย ผลัดกันขึ้นปกครองแผ่นดินยาวนานถึงสี่ร้อยสิบเจ็ดปี สุโขทัยจะกลายเป็นแค่หัวเมืองหนึ่งของอยุธยา ของกรุงธนบุรี จนถึงรัตนโกสินทร์...ในที่ที่มาสอยู่บ้านเมืองเราเป็นปึกแผ่นร่มเย็น แม้สุโขทัยจะไม่ใช่ราชธานีใหญ่โต แต่ก็เป็นเมืองมรดกโลก เป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญของอนุชนในชาติ...พี่พันเคยเห็นใช่ไหมคะ เมืองเชลียงและศรีสัชนาลัยในอนาคต"
"พี่ได้เห็น" เขาพยักหน้า ยอมรับ ก่อนจะเอ่ยต่อ บ้านเมืองแปลกตา วัดพระปรางค์ที่ทรุดโทรมเปลี่ยนไป เห็นแล้วช่างเศร้าใจนัก
พิมลมาสกลับเป็นฝ่ายบีบกระชับอุ้งมือใหญ่ของเขาเอาไว้แน่น เข้าใจถึงความโศกเศร้าของเขา
บ้านเมืองที่พยายามทุกอย่างเพื่อจะรักษาเอาไว้ ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่อาจหนีพ้นไปจากชะตากรรม ไม่ว่าสิ่งใดในโลกใบนี้ ย่อมต้องมีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา
พี่พันเชื่อว่า มาสมาจากอนาคตจริงๆเหรอคะ พี่พันไม่คิดว่า มาสจะเป็นคนบ้า เพ้อเจ้อ เป็นคนสติไม่สมประกอบเหรอคะ
ไม่หรอก...พี่รู้ว่า มาสกับพี่ เราแตกต่างกัน เขาถอนหายใจยาว ยอมรับความจริงอย่างสงบ ดูเหมือนเขาจะรู้อะไรที่มากกว่าเธอ
พี่พันรู้ได้ยังไง...พี่พันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาสมีตัวตนหรือเปล่า แล้วทำไมพี่พันถึงเชื่อว่ามาสเป็นคนที่มาจากโลกอนาคตละ
พี่...เอ่อ... ชายหนุ่มทำท่าจะเล่า แต่แล้วก็กลับนิ่งเงียบ เลยกลายเป็นพิมลมาสเองที่ตื่นเต้น อยากรู้
พี่พันมีอะไร บอกมาสมาเถอะค่ะ มาสอยากรู้
พี่เคยปรึกษาเรื่องของเรากับท่านโกษา... เขาเอ่ยออกมาจนได้ ท่านบอกด้วยว่า คนที่พี่เห็นในฝัน มีตัวตนอยู่จริง พี่ก็ไม่อยากจะเชื่อหรอกนะ แต่ตอนที่เห็นเจ้าในน้ำยม...ตอนนั้น พี่ก็รู้แล้วว่า...ที่ท่านโกษาพูดมา มันเป็นความจริงทั้งหมด
พันภพหลุบตาลงต่ำซ่อนประกายบางอย่างในแววตาของตนเองเอาไว้จากหญิงสาวตรงหน้า ทว่าท่าทางเคร่งขรึมของเขาช่างบีบคั้นหัวใจเธอ
พิมลมาสพลอยพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นิ่งอึ้งตามอีกฝ่าย นานหลายอึดใจที่หนุ่มสาวทั้งคู่ปล่อยให้สายลมอาบไล้ผิวกาย ปล่อยความครุ่นคิดของเจ้าตัวล่องลอยไปไกล ไร้จุดหมาย กระทั่งพันภพค่อยๆ ทรงกายลุกขึ้น หยุดยืนตระหง่านอยู่ต่อหน้าหญิงสาว
พิมลมาสเบิกตามองเขา รอคอยว่าชายหนุ่มจะว่าอย่างไร
ค่ำวันเพ็ญเดือนสิบสองนี้ หน้าประตูเมืองศรีสัชจักมีงานเผาเทียนเล่นไฟมิต่างจากในเมืองสุโขทัย ลอยกระทงแล้ว เราไปเที่ยวด้วยกันนะพิมลมาส
พี่พัน...
แล้วก็...ก่อนเที่ยงคืนวันเพ็ญนี้ พี่จักขอคำตอบจากเจ้าได้หรือไม่ เขาถามต่อ น้ำเสียงนุ่มทุ้มมิได้บีบคั้น แต่คนฟังก็ยังรู้สึกกดดันอยู่ดี
พี่พัน มาสไม่แน่ใจจริงๆค่ะ มาสเป็นห่วงพ่อกับแม่...
เอาเถิดพี่เข้าใจ ไว้ค่อยมาตอบพี่ แต่ว่า ตอนนี้...พี่มีของจักมอบให้เจ้าอย่างหนึ่ง รับนี่ไว้สิพิมลมาส นี่เป็นของแทนตัวพี่ที่อยากมอบไว้ให้เจ้า...
พันภพดึงของบางอย่างที่ชายพกของตัวเองมา แล้วยื่นส่งให้หญิงสาว เธอนิ่งมองของที่อยู่ในมือแกร่งของเขาอย่างฉงน ครู่หนึ่งหญิงสาวก็เอื้อมมือออกไปรับของในมือแกร่งของเขามาแต่โดยดี
ทันทีที่ของสิ่งนั้นมาอยู่ในมือบางของเธอ แสงจันทร์ก็สะท้อนกับโลหะเนื้อเหลืองเงาวับงามจับตา
พิมลมาสกะพริบตาปริบๆ งงงัน ไม่อยากเชื่อว่าพันภพจะมีของอย่างนี้ ก็สิ่งที่อยู่ในมือเธอตอนนี้คือ...
จี้เพชรรูปดอกบัว...พี่พันเอาของนี่มาจากไหนกันคะ
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างฉงน ประหลาดใจยิ่ง มั่นใจว่าของที่อยู่ในมือเธอไม่มีทางเป็นศิลปะของผู้คนในยุคสมัยนี้ นี่เป็นผลงานของช่างฝีมือสมัยใหม่ เพราะดีไซน์ดูทันสมัย รูปดอกบัวบานคลี่กลีบอวดพลอยสีเหลืองน้ำดีที่เป็นเกสรอยู่ตรงกลาง กลีบดอกบัวทั้งหมดฝังเพชรน้ำใสสะอาดล้อแสงจันทร์เป็นประกายพราวแม้ว่าจะอยู่ใต้เงามืด
ไม่ต้องสงสัยเลย...จี้เพชรรูปดอกบัวนี้คงมีราคาขนาดประเมินค่ามิได้เชียวละ
ของนี่ จำความได้มันก็เป็นของพี่อยู่แล้ว ท่านแม่บอกว่า...ท่านสั่งช่างทำให้พี่โดยเฉพาะ แต่พี่ว่ามันไม่น่าใช่ ของนี่เหมือนเป็นของทำขึ้นสำหรับผู้หญิงมากกว่า แต่เมื่อมันเป็นของที่ท่านแม่มอบให้ พี่ก็เก็บรักษาเอาไว้กับตัวเสมอ...หวังว่าเจ้าคงไม่รังเกียจของสิ่งนี้นะ พิมลมาส
เขามองเธออย่างรอคอย หญิงสาวทราบดีว่าพันภพมิได้สนใจมูลค่าราคาของสิ่งของนี้ สำหรับเขาแล้ว คุณค่าของมันก็คงอยู่ที่ความพึงพอใจของเธอ
พิมลมาสซึ้งใจจนน้ำตาคลอ มือบางกำจี้แสนสวยนั้นเอาไว้แน่น ก่อนที่เจ้าตัวจะพยักหงึกๆ
มาสจะรังเกียจได้ยังไงละ ของอะไรที่พี่พันมอบให้ เป็นของล้ำค่าของมาสทั้งนั้นละค่ะ เธอยิ้มละไม ดวงตากลมโตคลอน้ำตาไห่งความตื้นตัน เมื่อจ้องมองของในมือตัวเองก็แลเห็นกำไลข้อมือสลักลายที่สวมอยู่ วินาทีนั้น หญิงสาวจึงนึกขึ้นได้ มาสไม่มีอะไรจะให้พี่พัน นอกจาก..."
ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดดลจิตดลใจให้เธอเลื่อนมือไป ลองถอดกำไลนั้นออกดูอีกครั้ง ทั้งที่รู้ดีว่ามันถอด ไม่ออก
ทว่าคราวนี้ ทุกอย่างกลับผิดคาด เพราะกำไลที่ไม่เคยถอดได้ ครั้งนี้กลับถอดออกอย่างง่ายดาย
พิมลมาสกะพริบตาปริบๆ งุนงง แต่เธอไม่มีเวลามากนัก มือบางยื่นกำไลข้อมือลายเก่าโบราณไปต่อหน้าชายหนุ่ม
"กำไลอันนี้ มีผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งมอบให้มาสมา...มาสเคยรับปากกับท่าน ว่าจะรักษาของชื้นนี้เอาไว้อย่างดี...มาสให้พี่พันนะคะ มาสเชื่อว่าพี่พันจะดูแลของชิ้นนี้ได้ดีเหมือนกันกับมาส...แต่ถ้าพี่พันเห็นว่าของของมาส มีราคาเทียบไม่ได้กับของของพี่ละก็..."
"มิได้ พี่หาคิดเช่นนั้นไม่"
พันภพรีบร้องบอกหญิงสาว แล้วคว้าเอากำไลข้อมือสีทองอร่ามนั้นเอาไว้ใต้อุ้งมือหนาของเจ้าตัวทันควัน ทว่าความร้อนใจ ทำให้ชายหนุ่มเผลอตะครุบมือน้อยนุ่มนิ่มของหญิงสาวเอาไว้ด้วย
พิมลมาสสะดุ้งน้อยๆ มือของเขาร้อนผะผ่าว แต่เธอไม่มีแรงใจจะดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการนั้นเอาเลย
ทำอย่างไรดีหนอพิมลมาส...คราวนี้มาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่เลือกยากเหลือเกิน
พี่พันอยากให้เธอลืมตัวตนแต่เดิมของตัวเองเพื่อเขา แต่เธอจะทำได้อย่างไรกัน ในเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าตอนนี้พ่อกับแม่คงกำลังทุกข์ใจเพราะการหายตัวไปของเธออยู่
ระหว่างหัวใจกับผู้ให้ชีวิต...ไม่ว่าจะทางไหน เธอก็ล้วนแต่ ขาดไม่ได้ ทั้งคู่
-------------------
--------------------------------
Create Date : 12 มิถุนายน 2557
Last Update : 12 มิถุนายน 2557 8:53:37 น.
Counter : 795 Pageviews.
5 comments
Share
Tweet
ขอบคุณ คุณ sakeena ค่ะ
ค่ะ เรื่องนี้มีหลายชาติซ้อน เพราะเดิมทีชื่อเรื่องคือ มนต์จันทร์พันภพค่ะ เป็นการบ่งบอกว่า มีภพเกี่ยวพันมามากมาย พระนางมีเรื่องผูกพันกันมานานแสนนานเลยค่ะ
พี่พันแต่งกับใครไม่ได้หรอกค่ะ รักหนูมาสขนาดนี้ อร๊ายยยย >////<
ขอบคุณ คุณ ดอกฝิ่นค่ะ
ขอบคุณค่าาาา คนอ่านน่ารักมากเลยค่าาาา แต่ช่วงต่อจากนี้จะเศร้าๆหน่อยนะคะ T^T
ขอบคุณ คุณ nasaค่ะ
อิอิ จะถูกจับแต่งงานจริงๆค่ะ แต่ว่า...มีเหตุเสียก่อน ... แฮ่....ช่วงนี้ออกเศร้าๆ หน่อยนะคะ T^T
*****ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามานะคะ ขอบพระคุณทุกการติดตามค่าาา
ษาค่ะ
----------
----------------------
โดย:
พิมพ์นรา
วันที่: 12 มิถุนายน 2557 เวลา:9:00:22 น.
นู๋มาสจะตัดสินใจเยี่ยงไรละนี่... อยู่ภพนี้แล้วจะมีภพซ้อนก่อนหรือหลังจากแลกของกันรึป่าว.... รออ่านต่อนะค่ะ อย่าให้รอนานน๊า...คิดถึงน่ะ ดูแลรักษาสุขภาพด้วยจ้า
โดย: ดอกฝิ่น IP: 119.63.78.246 วันที่: 12 มิถุนายน 2557 เวลา:12:02:49 น.
อยากอยู่แทนนู๋มาสจังเลย
โดย: sakeena IP: 124.122.68.241 วันที่: 12 มิถุนายน 2557 เวลา:13:39:15 น.
หนูมาสจะตอบว่ายังน๊า
โดย: nako IP: 49.230.110.208 วันที่: 12 มิถุนายน 2557 เวลา:22:11:48 น.
เลือกยากจริงๆ เพราะตัวเองมายังไงก็ไม่รู้ แล้วจะอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่ล่ะ แต่ยังไงพี่พันก็เป็นคนที่รักมานานแล้วนะหนูมาส เก็บความสุขนี้ไว้ดีกว่า
โดย: nasa IP: 110.78.186.79 วันที่: 13 มิถุนายน 2557 เวลา:10:44:36 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
พิมพ์นรา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [
?
]
Group Blog
<<
มิถุนายน 2557
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
12 มิถุนายน 2557
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๕
All Blog
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๘ (ลงเป็นตอนสุดท้ายนะคะ^^)
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๗
หนึ่งใจนิรันดร บทที่๑๖
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๕
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๔
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๓
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๒
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๑
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๐
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๙
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๘
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่ ๗ (ขอเปลี่ยนชื่อเป็น "หนึ่งใจนิรันดร" นะคะ)
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๖
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๕
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๔
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๓
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๒
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๑
Friends Blog
Doungtawan
ป้ามด
fluffyboy101
N_BEE810
เนยสีฟ้า
ammataya
wilmington
ธรารินทร์
เม-ดา
คีตภา
wayo
ลันเตา...
หมาดำล่องหน
หินสีม่วง
Webmaster - BlogGang
[Add พิมพ์นรา's blog to your weblog]
Link
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ขอบคุณ คุณ sakeena ค่ะ
ค่ะ เรื่องนี้มีหลายชาติซ้อน เพราะเดิมทีชื่อเรื่องคือ มนต์จันทร์พันภพค่ะ เป็นการบ่งบอกว่า มีภพเกี่ยวพันมามากมาย พระนางมีเรื่องผูกพันกันมานานแสนนานเลยค่ะ
พี่พันแต่งกับใครไม่ได้หรอกค่ะ รักหนูมาสขนาดนี้ อร๊ายยยย >////<
ขอบคุณ คุณ ดอกฝิ่นค่ะ
ขอบคุณค่าาาา คนอ่านน่ารักมากเลยค่าาาา แต่ช่วงต่อจากนี้จะเศร้าๆหน่อยนะคะ T^T
ขอบคุณ คุณ nasaค่ะ
อิอิ จะถูกจับแต่งงานจริงๆค่ะ แต่ว่า...มีเหตุเสียก่อน ... แฮ่....ช่วงนี้ออกเศร้าๆ หน่อยนะคะ T^T
*****ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามานะคะ ขอบพระคุณทุกการติดตามค่าาา
ษาค่ะ
----------
----------------------