Bloggang.com : weblog for you and your gang
บล็อกนิยายหวานสดใสของพิมพ์นรายินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ^^
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๖
๖.
พิมลมาสใช้เวลาว่างระหว่างนี้ตามบิดาไปดูแลงานซ่อมแซมโบราณสถานที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย หญิงสาวรักและหลงใหลทุกสิ่งที่กอปรขึ้นเป็นเมืองเก่าแห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามของวัดต่างๆ โดยเฉพาะลายปูนปั้นที่วิจิตรงดงามของวัดนางพญาของที่นี่ ถือได้ว่าเป็นต้นแบบของเครื่องทองลวดลายโบราณที่มีชื่อเสียงของสุโขทัยมาจนทุกวันนี้
วัดนางพญาที่ศรีสัชนาลัยนี้ เป็นวัดขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในแนวแกนหลักของเมืองศรีสัชนาลัย มีเจดีย์ประธานทรงลังกาตั้งอยู่บนฐานประทักษิณ แต่เดิมนั้น มีช้างปูนปั้นสลับกับเสาประทีปล้อมรอบเหมือนกันกับวัดช้างล้อม แต่ปัจจุบันพังทลายไป เหลือเพียงซุ้มพระยื่นออกมาทั้งสี่ด้าน และมีบันไดทางขึ้นเจดีย์อยู่ด้านหน้า โดยภายในเจดีย์เป็นโถงมีแกนตรงกลางประดับลวดลายปูนปั้นงามล้ำด้วยฝีมือชั้นครู
เมื่อออกมาจากเจดีย์ประธาน ถัดมาก็คือวิหารของวัด เป็นอาคารทึบขนาดเจ็ดห้อง ก่อด้วยศิลาแลงผนังเจาะช่องเป็นลูกกรง ฉาบด้านนอกด้วยลายปูนปั้นลายรักร้อยแข้งสิงห์ประจำยามดอกจันทร์ ส่วนด้านที่เป็นผนังทึบระหว่างช่องลูกกรงประดับลายรักร้อยประจำยามเทพพนม น่าเสียดายที่ลวดลายปูนปั้นที่ทรงคุณค่าพวกนี้กระเทาะหลุดหายไปเป็นจำนวนมาก แต่ลวดลายส่วนที่เหลือนี้ ต่อมาได้มีช่างทองนำมาพัฒนาจนกลายเป็นลวดลายทองโบราณอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของสุโขทัยในปัจจุบัน
พิมลมาสสนใจศิลปะและประวัติศาสตร์ ได้มีโอกาสอ่านเอกสารหลักศิลาจารึกมากมายที่หลงเหลือพอจะทำให้ชนรุ่นหลังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในสมัยนั้นได้ อาจจะไม่กระจ่างทั้งหมด แต่ก็พอให้ได้เห็นภาพชีวิตของผู้คนสมัยสุโขทัยได้ชัดเจนมากขึ้น
บ้านเมืองสุโขทัยที่เจริญรุ่งเรือง มีการค้าขายกับชาวต่างชาติ มีสวนหมาก สวนมะพร้าวและสวนผลไม้ เจ้าเมืองไม่มีการเก็บอาษีอากร และรักราษฏรประดุจลูกหลาน
เป็นแผ่นดินทองของความสุข สมดั่งความหมายของสุโขทัยที่ว่า รุ่งอรุณแห่งความสุข กระทั่งบัดนี้ ผ่านมามากกว่าเจ็ดร้อยปีแล้ว ร่องรอยแห่งความสุขยังคงเรืองรองอยู่ทั่วทุกอณูของโบราณสถานเก่าแก่ เห็นได้จากลักษณะของพระพุทธรูปสุโขทัย ซึ่งงดงาม อ่อนช้อย พระพักตร์เรียวรูปไข่ พระขนงโก่ง นาสิกงุ้มเล็กน้อย พระโอษฐ์บางแย้มยิ้มน้อยๆ เปี่ยมด้วยเมตตาปรานี
พิมลมาสเดินเล่นอยู่รอบๆวัดนางพญา เห็นช่างจากกรมศิลปากรช่วยกันทำงานซ่อมแซมวัดอยู่ จึงไม่อยากรบกวน เธอออกจากวัดนางพญา ขับรถมอเตอร์ไซค์แวะไปที่วัดพระปรางค์แทน
บอกไม่ถูกเลยว่าทำไมทุกครั้งที่แวะมาที่นี่แล้วจะต้องรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด ราวกับได้เข้ามาในสถานที่เคยคุ้น เหมือนเป็นบ้านอีกหลัง ที่เข้ามาแล้ว รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย คุ้นเคยจนบอกไม่ถูก
หญิงสาวก้าวเข้าไปภายในพระวิหารเก่าแก่ซึ่งเปิดโล่ง ปราศจากทั้งผนังและหลังคา วันนี้ไม่ใช่วันหยุดเทศกาล ไม่มีผู้คนมากนัก วันเวลาทำลายกระเบื้องมุงหลังคาโบสถ์สูญหายไปจนสิ้น คงเหลือเพียงต้นเสาศิลาที่เรียงรายเป็นทิวแถวไปจรดด้านในอันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ประธานตั้งเด่นเป็นสง่า เป็นที่เคารพสักการะของผู้คนทั้งหลายที่แวะเวียนมา
หญิงสาวทรุดลงนั่งกราบองค์พระประติมาด้วยใจศรัทธานิ่งแน่ว หากพลันที่ก้มกราบเบญจางคประดิษฐ์ครบสามครั้ง ภาพของสรรพสิ่งรอบกายเธอก็แปรเปลี่ยนไป
หลังคาพระวิหารกลับมางดงามดั่งเพิ่งสร้างมาได้ไม่นาน ในท้องโถงปูเสื่อสานอย่างดี เบื้องหน้าองค์พระมีธูปเทียนจุดเอาไว้สว่างไสวและหลวงพ่อ...ก็ดูงามสะอ้านนัก
นี่มันอะไรกัน!?
หญิงสาวเหลียวมองรอบกาย ภาพวาดรอบพระอุโบสถใหม่เอี่ยมสวยงาม ผิดแผกจากเมื่อครู่ราวกับอยู่คนละสถานที่กัน ทว่าเธอยังคงแน่ใจ ที่นี่ต้องเป็นพระอุโบสถของวัดพระปรางค์แน่นอน
แต่ทำไมทุกอย่างถึงเปลี่ยนไปหมดอย่างนี้!
เชิญเสด็จเพคะ พระสนม
เสียงร้องดังขึ้น พริบตานั้นประตูด้านหลังของพิมลมาสก็ถูกเปิดเข้ามา หญิงสาวสองนางในชุดแต่งกายโบราณเดินนำเข้ามาก่อน สองมือของพวกนางประคองพานทองคำใส่ข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียนและพวงมาลัยที่แสนวิจิตรตระการมาด้วย
ทว่าที่ดึงดูดสายตาของพิมลมาสที่สุด กลับเป็นสตรีที่เดินตามเข้ามา นางสวมเทริดทองคำงามเพริดแพร้วจับตา เครื่องแต่งกายแบบโบราณทว่าประณีตงามล้ำทุกอณู เครื่องประดับครบครันพริวพราวยิ่งเสริมให้ใบหน้าคมขำ งามล้ำเหนือผู้ใด
พระสนมก้าวเข้ามาทรุดนั่งลงเทียบข้างกับพิมลมาส หญิงสาวได้แต่เบิกตาจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง ทั้งตระหนก งุนงงยิ่ง
นี่มันอะไรกัน เธอถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ ในโบสถ์อย่างนั้นเหรอ!!
พวงมาลาแลธูปเทียนเพคะพระสนม นางกำนัลผู้อยู่เบื้องขวาเยื้องไปทางด้านหลังเล็กน้อย ก้มหน้ายื่นถาดใส่พวงมาลัยดอกมะลิแซมจำปาหอมกรุ่นส่งให้ผู้เป็นนายอย่างพินอบพิเทา ส่วนนางกำนัลทางเบื้องซ้ายก็ยื่นพานธูปเทียนน้อมส่งตามมาให้
พระสนมรับพานทั้งสองมาแล้วก็วางไว้เบื้องหน้า จัดแจงบรรจงจุดธูปเทียนกับเทียนไขเบื้องหน้าองค์พระประธานด้วยกริยาแช่มช้อย งามตา
พิมลมาสกลืนน้ำลายลงคอ เนื้อตัวแข็งทื่อ เฝ้ามองหญิงสาวสูงศักดิ์ที่อยู่เทียบข้างกับเธออย่างไม่อาจถอนสายตา...ทุกรายละเอียดของรูปร่างหน้าตา เครื่องแต่งกาย กระทั่งกลิ่นบุหงาจากกายนาง ทุกอย่างราวกับมิใช่เพียงความฝัน
ลูกเดินทางมาสักการะ เพื่อแสดงเคารพและศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา ขอบารมีของหลวงพ่อ โปรดปกปักษ์รักษา ดลบันดาลให้เมืองสุโขทัยและศรีสัชนาลัยเรานี้ ร่มเย็นเป็นสุข ขอทวยราษฎร์กินดีอยู่ดี มิมีโรคภัย ภยันตรายใดๆ ให้พ่อขุนทรงเกษมสำราญหฤทัย อายุมั่นขวัญยืนตราบกาลนานเทอญ
พิมลมาสได้ยินถ้อยคำของหญิงสาวข้างๆ ชัดเจน ตอนนี้ไม่เพียงแต่จะแค่ตัวแข็งค้าง แต่หัวใจดวงน้อยยังชาหนึบ
ผู้หญิงคนนี้พูดเรื่องอะไร...พ่อขุนนี่ คือคำที่ชาวเมืองใช้เรียกพระเจ้าแผ่นดินในสมัยสุโขทัยตอนต้นไม่ใช่หรือ!
นี่มัน ไปกันใหญ่แล้วนะ...
พึมพำไปเช่นนั้นแล้ว พิมลมาสก็ใจหายแวบ เพราะคนข้างๆ ซึ่งกำลังเงยใบหน้างามทอดมององค์พระปฏิมาอยู่อย่างเลื่อมใส หันขวับมาทางเธอในพลัน
ผู้หญิงคนนี้ได้ยินเสียง และก็อาจจะมองเห็นเธอด้วย!
คำเยีย เมื่อครู่เจ้าพูดกับข้ารึ
มิได้เพคะพระสนม เมื่อครู่ หม่อมฉันหาได้กล่าวถ้อยใดไม่ นางกำนัลชื่อคำเยียหมอบ กราบทูล
ถ้าเช่นนั้นเจ้ารึนางบาง ที่เอ่ยถ้อยเมื่อครู่ พระสนมหันไปทางนางกำนัลอีกคนหนึ่ง
มิได้เพคะ หม่อมฉันก็หาได้เอ่ยถ้อยใดไม่เช่นกันเพคะ
ถ้าเช่นนั้นเมื่อครู่เสียงผู้ใดเล่า ข้าได้ยินออกชัดแจง
รึจักมีผู้ใดแอบเร้นกายเข้ามาเพคะ คำเยียกวาดสายตาไปทั่ว พิมลมาสได้แต่นั่งนิ่งทื่อ กลอกตามอง สายตาดุกร้าวของนางกำนัลฝ่ายขวาของพระสนม!
มิมีผู้ใดหรอกคำเยีย ข้าคงหูฝาดไปเอง...พวกเจ้าออกไปรอข้างนอก ข้าจักทำสมาธิอยู่ในนี้เพียงลำพังสักครู่
เพคะ
สองนางทำความเคารพด้วยการกราบกรานผู้เป็นนาย ก่อนค่อยๆถอยหลังเดินด้วยเข่าออกจากวิหารไป ทิ้งเอาไว้เพียงพระสนมโฉมงาม กับบรรยากาศภายในพระวิหารที่สงัด วังเวง
เงียบมากจนพิมลมาสคิดว่า หากเธอหายใจแรงกว่านี้สักนิด คนที่อยู่ข้างๆ คงได้ยินและรับรู้ได้ถึงตัวตนของเธอ
เมื่อพระสนมหลับตา เข้าสมาธินิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง พิมลมาสจึงค่อยๆขยับตัว เธอเดินเข่าถอยหลังออกจากพระวิหาร และก็ต้องหนักใจเมื่อมาพบกับบานประตูทำด้วยใบเนื้อหนา สลักเสลาลวดลายงดงาม หากเธอเปิดประตูไม้บานนี้ออกไป เสียงเปิดประตูคงทำให้พระสนมและคนที่รออยู่เบื้องนอกรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้แน่ๆ
ทว่าเมื่อยื่นมือไปแตะบานประตู ทุกสิ่งกลับว่างเปล่า พิมลมาสกะพริบตาปริบๆ งงงัน พลันนั้นหญิงสาวก็กลั้นใจ ก้าวผ่านบานประตูไม้ออกไป
คุณพระ เธอผ่านออกมาได้!
หญิงสาวหันขวับไปมองที่หน้าประตูอย่างงุนงง ไม่อยากเชื่อตาตัวเอง หัวจิตหัวใจไหวสะท้านเลื่อนลั่น ตระหนกกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ ชนิดว่าถ้าหากหัวใจจะวายไปในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ไม่น่าแปลกเลย
ยิ่งเมื่อก้าวออกจากวิหารมาแล้ว ไม่ได้พบแค่สองนางกำนัลสาวสวยของพระสนม แต่กลับมีชายอีกคนที่ทำให้เธอชะงัก ตาค้าง
พี่พัน!
หือ
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อขานรับในลำคอ พลางตวัดตาคมดุ จ้องเขม็งมาที่เธอ พิมลมาสยิ้มกว้าง ใจชื้นทันทีที่พบว่า เขามอง ตรงมา ที่เธอแน่นอน
พี่พันจริงๆ ด้วย
เธอดีใจลืมตัว คว้ามือของเขากุมไว้แน่น แต่แล้วก็ต้องใจหายวูบอีกครั้ง เพราะสิ่งที่คว้าได้นั้น มีเพียงความว่างเปล่า
เธอไม่มีตัวตน...นี่ตกลงว่าเธอตายไปแล้ว หรือกำลังฝันอยู่กันแน่!
พิมลมาสหน้าเผือดซีด ตื่นตระหนก สับสนจนต้องกัดริมฝีปากระงับความหวั่นไหว
พี่พันเจ้าคะ คำเยียมีของมาให้ท่านด้วย นี่เจ้าค่ะ คำเยีย นางกำนัลสาวผิวคล้ำ ใบหน้าคมขำหมดจดก้าวเข้ามาอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มในชุดทหารดูสง่างามมีอำนาจ ใบหน้าคมสันเรียบนิ่ง ต่างจากฝ่ายหญิงที่ตื่นเต้นยิ่ง ยามเมื่อเจ้าตัวค่อยๆ ยื่นพวงมาลัยมะลิสดพวงโตให้ชายหนุ่ม
ท่าทางขวยเขินของคำเยียบอกอะไรมากกว่าแค่เป็นการมอบของให้กันธรรมดา เพื่อนของนางพร้อมทั้งเหล่านางกำนัลคนอื่นๆ รวมทั้งทหารหลวงหลายนายที่ยืนอยู่ไม่ไกล ต่างพากันซ่อนยิ้มขบขัน จะมีก็เพียงพันเท่านั้น ที่ยังตีหน้าขรึมดุ นิ่งสนิท
ข้ามิมีความจำเป็นอันใดจักต้องใช้พวงมาลา เก็บของเจ้าไปเถิด
พี่พัน คำเยียตกใจ ไม่คาดว่าเขากล้าทำให้นางเสียหน้า
เป็นที่รู้กันทั่วว่านางคือนางกำนัลคนโปรดของพระสนมศรีลักษณา พระสนมของพระมหาอุปราช ทั่วทั้งสุโขทัยและศรีสัชนาลัย ล้วนมีแต่ผู้คนให้เกียรติ ชื่นชม ยกย่อง บุรุษมากหน้าดีพร้อมล้วนต้องการแต่งงานกับนาง จักมีก็แค่เขาผู้เดียว ชายเดียวในเมืองที่ไม่เหมือนผู้ใด ทั้งผิวพรรณที่ขาวสะอ้านเกินกว่าชายทั่วไปในนคร ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม แม้จักมิได้กินหมากฟันดำเช่นค่านิยมของชาวเมืองทุกผู้ ทว่าพันภพก็ยังคงรูปงามล้ำเหลือ
ข้ารับหน้าที่ดูแลพระสนมอยู่ หาว่างไม่ เจ้ามีอันใด ไว้คุยกันเมื่อข้าออกราชการจักดีกว่า
พี่พัน ข้า...
ชายหนุ่มเมินหน้าหนีไปทางอื่น เป็นการตัดบทไม่ต้องการสนทนากับนางอย่างเปิดเผย คำเยียนิ่งอึ้งก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น ขุ่นเคือง
พี่จักต้องเสียใจที่ทำร้ายจิตใจข้าเยี่ยงนี้!
นางไม่วายขู่อาฆาตมาดร้ายก่อนสะบัดหน้าเดินเลี่ยงไปอย่างทระนง เฝ้าหวังว่าพันภพจะตามมางอนง้อ แต่รอแล้วรอเล่าก็ต้องผิดหวัง
เขามิได้สนใจจะมองนางเลย กลับเอาแต่มองไปยังความว่างเปล่าข้างกาย ราวกับว่าตรงนั้นมีสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคำเยียผู้นี้อยู่
พี่พันมองสิ่งใด นี่เขา กล้า มิแยแสคำเยียจริงๆรึ!
ตะวันรอนอ่อนแสง หลังจากส่งเสด็จขบวนของพระสนมศรีลักษณากลับเข้าวัง ก็พ้นหน้าที่ของเขา ชายหนุ่มสั่งเลิกแถวทหารแล้วจึงหันหลังกลับไปที่ม้าคู่ใจ เหยียบบังโกรนส่งตัวขึ้นไปนั่งเหนืออาชาอย่างสง่างาม
ทว่ายังมิทันได้บังคับม้าคู่ใจวิ่งห้อไปเบื้องหน้า จู่ๆ เจ้าตัวก็เปลี่ยนใจบังคับม้าให้หยุดกะทันหัน
พิมลมาสเดินตามเขามา และหยุดเฝ้ามองชายหนุ่มอย่างสิ้นหวัง รู้ว่าเขากำลังจะทิ้งเธอไป...จะโทษใครได้เล่า ในเมื่อเธอไม่มีตัวตนอยู่ที่นี่ ไม่มีใครเห็นเธอรวมทั้ง เขา ก็ด้วย
เธอก็เป็นแค่อากาศธาตุสำหรับพี่พัน...
ทว่าพริบตาที่พันบังคับม้าให้หันมาทางเธอ หัวใจอ้างว้างของพิมลมาสก็อุ่นวาบ สายตาที่เคยว่างเปล่าของเขาเพ่งตรงมาที่เธอ พิมลมาสแลเห็นเงาของตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาคมกล้าของเขาด้วย
เจ้าเป็นผู้ใดกัน...เป็นคนรึภูติผีกันแน่
หญิงสาวอ้าปากค้าง เบิกตาโพลง อุทานลั่นในบัดดล
พี่พันเห็นมาส!
เจ้าชื่อ...มาส รึ เขาทวนชื่อที่เธอเรียกตัวเองอย่างไม่แน่ใจนัก หัวคิ้วหนาเป็นปื้นขมวดลู่
พี่ชายจำมาสไม่ได้หรือคะ เมื่อสิบสี่ปีก่อน มาสกับพี่พันเจอกันที่วัดพระปรางค์นี่ไงคะ พี่พันเก็บตุ๊กตาหมีเป่าแก้วของมาสได้ จำได้ไหมคะ พิมลมาสรีบถามเร็วปรื๋อ
สิบสี่ปีก่อน...ตุ๊กตาหมี วัดพระปรางค์... ชายหนุ่มพึมพำ หน้าคมยิ่งยับยุ่ง เคร่งขรึม
ใช่ค่ะ จำได้แล้วใช่ไหม มาสก็คือเด็กผู้หญิงคนนั้นไงคะ มาสคือเจ้าของตุ๊กตาตัวนั้น หญิงสาวยิ้มกว้าง ใบหน้ากระตือรือร้น พร้อมกันนั้นที่มือบางชี้เข้าหาตัวเอง เป็นการยืนยันมั่นเหมาะว่าเธอคือเด็กหญิงเมื่อสิบสี่ปีก่อนไม่ผิดแน่นอน
เขาต้องจำได้สิ เธอยังจำเขาได้เลยนี่นา
เจ้าชื่อมาส ที่แปลว่า พระจันทร์รึ ชายหนุ่มเอ่ยถาม หลังจากนิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่
ใช่ค่ะ จริงๆ ชื่อพิมลมาส แต่พี่พันเรียกว่ามาสเฉยๆ ก็ได้ค่ะ
นางผีร้าย เหตุใดจึงตามหลอกหลอนข้าตลอดทั้งยามหลับยามตื่น อยากได้วิญญาณข้านักรึ
เอ๊ะ อะไรกัน... คนถูกกล่าวหาตาโต เริ่มงง
จงไปเสียให้พ้น ข้าหากลัวเจ้าไม่ คนเยี่ยงข้า พันภพ มิเคยสยบให้กับความชั่วร้ายใดๆ!
มาสไม่ใช่ผี แล้วก็ไม่ใช่ความชั่วร้ายอะไรสักหน่อย คนถูกกล่าวหาหน้างอหงิก ไม่พอใจ
ผีร้ายที่ใดจักยอมรับ ไปเสีย อย่าได้มารังควานข้าอีก มิเช่นนั้นจักหาว่าข้ามิเตือนหาได้ไม่!
มาสไม่ได้รังควานพี่พันสักหน่อย มาสไม่มีที่ไปต่างหากละ! พิมลมาสแหวกลับไปอย่างลืมตัว ทั้งน้อยใจเขาและอ้างว้างโดดเดี่ยวในสถานที่ไม่คุ้นเคย แถมทั้งครั้งนี้ก็ไม่เหมือนทุกคราว หากเป็นความฝันเช่นแต่เดิม ไม่กี่อึดใจเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นแล้ว แต่นี่...
ผ่านมาหลายชั่วโมง จากแสงแดดเปรี้ยงจนบัดนี้ตะวันโรยราอ่อนแสง ใกล้เข้าสู่ราตรีกาลอันมืดมิดเข้าไปทุกขณะ แต่เธอก็ยังไม่สามารถตื่นจากฝันย้อนอดีตครั้งนี้ได้เสียที
ความรู้สึกที่เหมือนตัวเองอยู่คนเดียวท่ามกลางดินแดนและคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก มีแค่เขาคนเดียวที่เธอคุ้นเคยและหวังเป็นที่พึ่ง แต่ ขอนไม้ หนึ่งเดียวนี้กลับตราหน้า หาว่าเธอเป็น ผีชั่วร้าย ที่คอยจ้องตามรังควานเขาเสียนี่!
ดวงตากลมโตคลอไปด้วยหยดน้ำ ความน้อยใจแล่นลิ่ว เอ่อท้น
คนบ้า คนเขาหลงดีใจว่าตัวเองเห็นเขา ทำไมทำกันแบบนี้...
เอ่อ... ชายหนุ่มอึกอัก เริ่มรับมือไม่ถูก เพราะหญิงสาวโฉมงามที่อยู่ต่อหน้า จู่ๆ ก็ขึ้นเสียงใส่เขา แล้วก้มหน้าร่ำไห้สะอื้นเหมือนเด็กๆ
อารมณ์ของนางพลิกผันไปมาจนเขาตามไม่ค่อยจะทัน จากที่เคยหวั่นเกรงว่านางอาจเข้ามาทำร้าย ก็กลับลังเล ไม่แน่ใจ
น้ำตานั่นก็เป็นมารยาของผีร้ายใช่หรือไม่?
อย่าร่ำไห้ ผีที่ใดกัน ร่ำไห้เยี่ยงนี้
มาสไม่ใช่ผี เธอเงยหน้าค้านเสียงแข็ง
เจ้าเป็นผี ก็หามีผู้ใดเห็นเจ้าไม่
มาสไม่ใช่ผีจริงๆ นะ มาสยังไม่ตาย! เธอยืนยันหนักแน่น ทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ เธอตายไปแล้วหรือไม่กันแน่หนอ สิ่งที่เผชิญอยู่ตอนนี้มีหลายอย่างที่แตกต่างจากความฝันทั้งหลายที่เคยพบเจอมาเสียด้วย
ตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงสายลม กระไอดิน กลิ่นดอกไม้ป่า กลิ่นธรรมชาติที่หาไม่ได้ในโลกเดิมที่คุ้นเคยมาทั้งชีวิต
ทุกอย่างเสมือนเป็นความจริงทั้งหมด ยกเว้นก็แต่...ตัวตน ของเธอ!
หรือเธอจะตายไปแล้วจริงๆ ดวงจิตถึงล่องลอยมาที่นี่!
เจ้าจักเป็นสิ่งใดหาเกี่ยวข้องกับข้าไม่ จงไปตามทางของเจ้า อย่าได้ตามรังควานกันอีก...ข้าจักกลับเรือน ห้ามตามมาอีก เข้าใจหรือไม่
พันภพทำเสียงเข้มดุ น่ากลัว ดวงตาดำใหญ่ทอดมองหญิงสาวนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะโหนตัวขึ้นไปนั่งสง่างามอยู่บนหลังม้าอีกครั้ง
เขาหันกลับมามองเธออย่างลังเลชั่วแวบก่อนตัดใจควบม้าจากไป พิมลมาสได้แต่มองตามอีกฝ่ายไปจนลับตา ท่ามกลางป่าทึบรอบกายที่เงื้อมเงาของต้นไม้ไหวเอนตามแรงลมโบกกระชั้น ก่อเกิดเสียงอึงอลโหยหวน น่ากลัว
ลำต้นไผ่ตงเสียดสีกันส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเสียดร้าวเขย่าประสาท พิมลมาสปวดศีรษะเพราะเสียงนั้นจนต้องหลับตาแน่นพร้อมยกมองมือขึ้นอุดหูตัวเอง หวังให้เสียงเหล่านั้นทุเลาลง ทว่าหญิงสาวไม่อาจรับรู้เลย ว่ากำไลโบราณที่เจ้าตัวสวมอยู่ สะท้อนแสงอาทิตย์สุดท้ายของวัน วาวสว่างวูบ
เสียงต้นไผ่เสียดร้าวเข้ามาในโสตประสาทหายไปในพลัน รอบกายกลับฉ่ำเย็นอย่างประหลาด พิมลมาสค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองสรรพสิ่งรอบกายที่เปลี่ยนไปอีกครั้งด้วยความอัศจรรย์ใจ ท่ามกลางความมืดมิด เธอแลเห็นเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งกำลังวิ่งโลดเต้นไปมาอย่างร่าเริง ไม่ไกลกันนักมีร่างของหนุ่มสาวและชายวัยกลางคนที่เธอเคยคุ้นเป็นอย่างดี
หนุ่มสาวคู่นั้นก็คือพ่อแม่ของเธอ ส่วนชายวัยกลางคนนั่นจะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากคุณปู่สุนทร
มาส มานี่จ้ะลูก มาสวัสดีคุณปู่ก่อนจ้ะ
เด็กหญิงวิ่งเตาะแตะเข้ามาหา ตามที่มารดาเรียก ตากลมโตใสแป๋วจับจ้องมองสุนทรอย่างสนใจ ขณะที่มือน้อยๆ ยกขึ้นกระพุ่มไหว้อย่างอ่อนเดียงสาแต่ช่างน่าเอ็นดู
ซาหวัดดีค่า คุงปู...
ไม่ใช่ลูก ต้องเรียก คุณปู่จ้ะ
คุงปู...
เสียงเล็กๆ ไม่ชัดเจนนั้น เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคน คุณสุนทรยื่นมือใหญ่หนาเข้ามาลูบศีรษะเล็กๆของแม่หนูตัวจ้อย พลางเอ่ยเสียงอ่อนโยน
ดีใจที่ได้เจอหนูอีกนะจ๊ะ ไหน มาให้ปู่อุ้มหน่อยสิ
เด็กน้อยซึ่งปกติไม่คุ้นชินกับคนแปลกหน้าง่ายๆ กลับยินยอมให้สุนทรโอบอุ้มวางบนตัก ตาโตดำขลับเฝ้ามองชายแปลกหน้าอย่างสนใจ
จำไว้นะเจ้ามาส พ่อกับแม่ของหนูรักหนูมาก...ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไร ขอให้นึกถึงพ่อแม่ สัญญากับปู่นะ ว่าจะต้องดูแลพ่อกับแม่เขา ไม่ไปไหน
เด็กหญิงเอียงคอมองคุณสุนทรอย่างฉงน ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวจะเข้าใจที่ผู้อาวุโสเอ่ยออกมาแค่ไหน ทว่าอึดใจต่อมา แม่หนูก็ผงกศีรษะปลกๆ
ตายจริง รู้เรื่องที่คุณปู่พูดด้วยหรือลูก! วรรณวลีอุทาน ไม่อยากเชื่อว่าบุตรสาวตัวน้อยวัยสองขวบเศษจะเข้าใจที่สุนทรเอ่ยมายาวเหยียดนั่น
เห็นอย่างนี้ เจ้ามาสไม่ธรรมดาหรอกนะ ใครว่าเด็กไม่รู้เรื่องอะไร ใช่ไหมลูก สุนทรหัวเราะ พยักพเยิดกับแม่หนูที่นั่งอยู่บนตัก แล้วพูดต่อ จำไว้นะเจ้ามาส ไม่ว่ามีเรื่องทุกข์ยากแค่ไหน เจ้าจงตั้งมั่นถึงพ่อแม่ ลูกที่กตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ นอกจากจะเป็นการเสริมบุญบารมีให้ตัวเองแล้ว ตัวหนูเองก็จะมีแต่มงคลไปจนชั่วชีวิต
คุณสุนทรสอนพิมลมาสตัวน้อย แต่พิมลมาสซึ่งเป็นหญิงสาวแล้วก็ยังจำถ้อยคำของผู้อาวุโสได้เป็นอย่างดี
หญิงสาวยกมือพนมกึ่งกลางอก หลับตาทำสมาธินิ่งแน่ว ระลึกถึงพระคุณของบิดามารดา พลันนั้นเองพิมลมาสก็รับรู้ได้ถึงฝ่ามืออบอุ่นของใครคนหนึ่ง ลูบผะแผ่วมาที่ใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน ทะนุถนอม
มาส เป็นยังไงบ้างลูก...มาสของแม่ไม่เป็นไรใช่ไหม...
หญิงสาวลืมตาขึ้นมอง แล้วก็ต้องประหลาดใจยิ่ง เมื่อพบว่าตอนนี้ตัวเองมิได้อยู่ในห้องส่วนตัวอย่างเคย แต่เป็นสถานที่อีกแห่งซึ่งแปลกตา ไม่คุ้นชิน
คุณแม่...
มาสรู้สึกตัวแล้ว! วรรณวลีตื่นเต้น ดีใจจนต้องรีบดึงมือลูกสาวขึ้นมาแนบกับแก้มนุ่มของตัวเอง แม่ดีใจจังเลยลูก
เกิดอะไรขึ้นหรือคะ พิมลมาสงุนงง มองมารดาตาปริบๆ ก่อนจะกวาดตามองรอบกาย ที่นี่...ดูอย่างไรก็ โรงพยาบาล ชัดๆ
มาสหลับลึกอีกแล้วน่ะสิ แม่กับพ่อช่วยกันปลุกเท่าไหร่ลูกก็ไม่ยอมตื่น เราก็เลยพาลูกมาที่โรงพยาบาล ยังไงก็อยากให้มาสอยู่ใกล้หมอมากกว่า...รู้ไหมจ๊ะ พ่อกับแม่แทบจะขาดใจ...ทำไมหนูนอนหลับไม่รู้เรื่องอย่างนี้ละลูก
เสียงเจือสะอื้นสะเทือนใจของมารดา ทำให้คนเป็นลูกสะท้อนใจและยิ่งรู้สึกผิด
ขอโทษค่ะคุณแม่...มาสขอโทษนะคะ มาสก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
วรรณวลีลูบผมนุ่มสลวยและเลยไปถึงหน้าผากมนของลูกรัก
ช่างมันเถอะลูก...แม่เข้าใจ ขอแค่ให้ผ่านวันสิบห้าค่ำเดือนสิบสองนี้ไปได้ ทุกอย่างก็จบแล้วละ
คุณแม่ว่าไงนะคะ พิมลมาสตาโต เข้าใจว่าตัวเองอาจจะหูฝาด ฟังถ้อยคำของมารดาผิดพลาดไป
เปล่า ไม่มีอะไรจ้ะ คนเป็นแม่ส่ายหน้า แล้วก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง ลูกหิวหรือยัง เดี๋ยวแม่จะไปซื้อของกินมาให้ อย่าเพิ่งหลับก่อนนะจ๊ะ
วรรณวลีถามพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ เธอหันไปส่งยิ้มหวานให้ลูกสาว ก่อนคว้ากระเป๋าถือเดินตัวปลิวออกจากห้องผู้ป่วยพิเศษไป ทิ้งให้พิมลมาสได้แต่นั่งมองตามผู้บังเกิดเกล้าไปตาปริบๆ
ทำไมมีแต่เรื่องให้เธองุนงงมากมายไปหมด ทั้งเรื่องที่อาการหลับลึกกลับมาหาเธออีกหลังจากที่ไม่เคยเป็นมานานสิบกว่าปีนี่ก็อีก...
ดวงตากลมโตดำขลับ ตกลงมองกำไลข้อมือแสนสวยสีทองสุกปลั่งที่ตัวเองสวมอยู่โดยไม่ตั้งใจ ลวดลายแสนสวยสลักเสลาอ่อนช้อยงดงาม ดูช่างเพลินตาและมีเสน่ห์อย่างประหลาด
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอก็ประหลาดไม่แพ้กัน...จะต้องทำอย่างไรถึงจะรู้ได้ละ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
------------------------------
Create Date : 15 ธันวาคม 2556
Last Update : 15 ธันวาคม 2556 9:28:39 น.
Counter : 921 Pageviews.
4 comments
Share
Tweet
จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับหนูมาสน๊า รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ
โดย: nako IP: 49.230.104.213 วันที่: 15 ธันวาคม 2556 เวลา:13:37:32 น.
ถ้ายังไม่พ้นคืนเพ็ญนู๋มาสอาจกลับไปสู่อดีตตอนไปใช่มะ
โดย: sakeena IP: 124.122.127.32 วันที่: 15 ธันวาคม 2556 เวลา:20:20:09 น.
จับแนวไม่ถูกเลยค่ะเรื่องนี้ ฟังดูเหมือนไม่ใช่เรื่องดีที่มาสย้อนอดีต มันเกิดอะไรขึ้นหนอ
โดย: nasa IP: 110.78.186.66 วันที่: 16 ธันวาคม 2556 เวลา:13:34:43 น.
พี่พันใจร้ายจริงเลย ชิส์
วันเพ็ญเดือนสิบสองน้ำก็นองเต็มตลิ่ง..
พระสนมนี่แปลกๆนะ ไม่รู้สมัยนั้นจะเรียกงี้เปล่าเนอะ อ่านแล้วนึกถึงหนังจีน
พริวพราว นี่ก็แปลก จะว่าเป็นพริบพราว หรือ พริ้งพราว ดีล่ะ
โดย: พี่หมูน้อย IP: 202.28.248.42 วันที่: 17 ธันวาคม 2556 เวลา:14:55:19 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
พิมพ์นรา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [
?
]
Group Blog
<<
ธันวาคม 2556
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
15 ธันวาคม 2556
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๖
All Blog
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๘ (ลงเป็นตอนสุดท้ายนะคะ^^)
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๗
หนึ่งใจนิรันดร บทที่๑๖
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๕
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๔
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๓
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๒
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๑
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๐
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๙
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๘
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่ ๗ (ขอเปลี่ยนชื่อเป็น "หนึ่งใจนิรันดร" นะคะ)
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๖
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๕
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๔
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๓
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๒
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๑
Friends Blog
Doungtawan
ป้ามด
fluffyboy101
N_BEE810
เนยสีฟ้า
ammataya
wilmington
ธรารินทร์
เม-ดา
คีตภา
wayo
ลันเตา...
หมาดำล่องหน
หินสีม่วง
Webmaster - BlogGang
[Add พิมพ์นรา's blog to your weblog]
Link
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.