Bloggang.com : weblog for you and your gang
บล็อกนิยายหวานสดใสของพิมพ์นรายินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ^^
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๓
๓.
ร้าน เรือนกาล ยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าเขาจะไม่ได้แวะมาที่นี่หลายปีแล้ว แต่ทุกอย่างก็ไม่เคยเปลี่ยน ราวกับวันเวลาของสถานที่แห่งนี้ได้หยุดเอาไว้ มิได้เคลื่อนผ่านไปไหน จะมีก็แต่ชายชราเจ้าของร้านแห่งนี้ ซึ่งบัดนี้ดูร่วงโรย ซูบเซียวไปมากจนผู้มาเยือนแทบจำมิได้
ผมมารับยายมาสกลับสุโขทัยน่ะครับ เลยถือโอกาสแวะมาเยี่ยมคุณลุงด้วย เห็นยายมาสบอกว่าคุณลุงไม่สบายเป็นยังไงบ้างครับ
ภัทรเอ่ยถามเสียงสุภาพ หลังจากที่ยกมือทำความเคารพชายชราซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ม้าโยกตัวโปรด ริมชายน้ำบริเวณด้านหลังร้านซึ่งร่มรื่น เย็นฉ่ำด้วยกระไอของสายน้ำเจ้าพระยา เส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงประเทศไทย
ก็เจ็บออดๆ แอดๆ ตามประสาคนแก่นั่นละ ไม่เท่าไหร่หรอก...ขอบใจที่อุตส่าห์แวะมาเยี่ยมคนแก่นะภัทร หนูลี
แหม...คุณลุงคะ ลีเป็นแม่คนแล้ว ยายมาสก็โตจนเรียนจบแล้วนะคะ คุณลุงยังเรียกหนูลี หนูเขินออกค่ะ... วรรณวลีพ้อขัดเขิน
ลุงก็เรียกอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร มันชินปากเสียแล้วนี่ คุณสุนทรหัวเราะอารมณ์ดี พลอยให้บรรยากาศในวงสนทนาอบอุ่น เป็นกันเอง แม้จะไม่ได้พบหน้ากันมานานนับปีแล้วก็ตาม
ผมต้องขอบคุณคุณลุงมากเลยนะครับ ที่ให้กำไลถักเส้นนั้นกับยายมาส แต่ว่า...คุณลุงครับ ผมว่าของมีค่าอย่างนั้น ผมคงให้ยายมาสรับเอาไว้ไม่ได้...
ภัทรรีบเอ่ยเข้าเรื่อง นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขากับภรรยาต้องรีบแจ้นมาหาคุณสุนทรที่เรือนกาล
กำไลถักลายโบราณที่ติดอยู่บนข้อมือของลูกสาว สะดุดตาเขาตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ภัทรมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่า นั่นไม่ใช่ ธรรมดา
ให้ยายมาสแกสวมติดตัวเอาไว้เถอะ ของชิ้นนั้นมันเหมาะสมกับแกมาก อย่าให้แกถอดเลยนะภัทร...ถือว่าเห็นแก่ลุง...กำไลถักเส้นนั้น จำเป็น สำหรับยายมาส
ถ้อยคำของผู้อาวุโส ทำเอาคนฟังทั้งหมดถึงกับนิ่งอึ้ง งุนงง โดยเฉพาะวรรณวลี
คุณลุงหมายความว่ายังไงคะ ลีไม่เข้าใจ...กำไลนั่นมีอะไรเหรอคะ แล้วทำไมยายมาสจะต้องสวมมันเอาไว้ด้วยละคะ ก็พี่ภัทรบอกลีเองว่ากำไลนั่นมันเป็นของจริง
มีคนเอามาขายให้ลุงอย่างถูกต้อง หนูไม่ต้องห่วงหรอกนะหนูลี ของนั่นได้มาโดยชอบ...ถึงเจ้าของเก่าเขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นของจริงก็เถอะ
ของล้ำค่าอย่างนั้น จะให้ยายมาสเก็บเอาไว้ได้ยังไงละคะ ยายมาสแกยังเด็ก...ไม่เหมาะหรอกค่ะ วรรณวลีเห็นด้วยกับสามี ที่ต้องการจะนำของเก่าทุกอย่างเก็บกลับเข้าพิพิธภัณฑ์ให้เป็นสมบัติชาติให้มากที่สุด นั่นต่างหากคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่นี่ คุณสุนทรกลับ...
ถือว่าลุงขอเถอะนะ ภัทร หนูลี...ตอนนี้พวกเธออาจจะไม่เข้าใจความหวังดีของลุง แต่ต่อไปเธอจะต้องขอบใจลุง เชื่อสิ
สองสามีภรรยามองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับไปทางคุณสุนทร
ช่วยอธิบายให้พวกเราเข้าใจมากกว่านี้หน่อยได้ไหมครับคุณลุง ภัทรเอ่ยถามเสียงขรึม
ลุงยังอธิบายตอนนี้ไม่ได้ แต่อีกไม่นาน...อีกไม่นานพวกเธอจะเข้าใจทุกอย่าง...มันใกล้เวลาของมันเต็มทีแล้วละ ลุงรู้สึกได้
คุณสุนทรเอ่ยแค่นั้นก็ก้มลงไป หยิบน้ำชาขึ้นมาจิบ ดวงตาฝ้าฟางมองเหม่อออกไปยังท้องน้ำไกลออกไปไร้จุดหมาย ทำเอาทั้งภัทร วรรณวลี และอานนท์ซึ่งนั่งอยู่รายรอบชายชรา ได้แต่มองหน้ากันไปมา
ไม่มีใครเดาความคิดและการตัดสินใจของชายชราได้ และก็เช่นกัน...ไม่มีใครจะไปบังคับให้ท่านอธิบายอะไรที่ท่านยังไม่พร้อมจะอธิบายตอนนี้ได้แน่นอน ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนทำได้เวลานี้ ก็เหลือเพียงแค่เก็บความสงสัยเอาไว้
รอที่คุณสุนทรบอกว่า ใกล้เวลาของมัน แล้วนั้น อย่างอดทน
บ้านของภัทรที่ศรีสัชนาลัย เป็นเรือนไม้สองชั้น ยกพื้นสูง ทำจากไม้ทั้งหลัง หลังคาทรงจั่วมุงกระเบื้องลอนทาสีน้ำเงินเข้ม แบบบ้านเป็นแบบเรียบง่ายโปร่งโล่ง ด้านล่างเป็นลานกว้างล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย พืชผักสวนครัวปลอดสารพิษ และแปลงดอกไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะที่เรียงรายเป็นทิวแถวอยู่ติดกับห้องนอนของพิมลมาส ก็คือต้นปีปสูงตรงซึ่งกำลังเริ่มออกดอกผลิสะพรั่งส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
หลังจากที่จัดแจงเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บให้เข้าที่เข้าทาง อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว พิมลมาสก็เดินไปเก็บดอกปีปมาร้อยพวงมาลัยและจัดแจกันไว้ทั่วไปในห้อง เธอชอบดอกไม้เล็กๆ สีขาวบริสุทธิ์และกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วยให้สบายใจของมัน ทุกครั้งที่กลับมาบ้าน กลิ่นดอกปีบทำให้หวนนึกถึงใครคนหนึ่งเสมอ...
คนที่เธอเคยเจอเมื่อสิบสี่ปีก่อนที่วัดพระปรางค์...คนที่เธอเพิ่งรู้ว่าเขาชื่อ พัน
แต่เอ...เธอแน่ใจได้อย่างไรกันละว่าเขาจะชื่อนั้นจริงๆ ในเมื่อนั่นเป็นแค่ความฝันของเธอ เธออาจจะตั้งชื่อเขาขึ้นมาเองจากจิตใต้สำนึกก็ได้นี่
ความจริงก็คือ พี่พันอาจจะไม่มีตัวตนอยู่เลย นอกจากในความฝันเลื่อนลอยของเธอนี่เอง
พิมลมาสถอนหายใจเฮือก เศร้าอย่างบอกไม่ถูก พลันนั้นเข็มในมือก็ตำปลายนิ้วจนได้บาดแผล
อุ๊ย!
มาส เป็นอะไรลูก ตายจริง เลือดออกด้วย ซุ่มซ่ามจริงลูกคนนี้ วรรณวลีเดินออกมาจากห้องครัวพอดีกับที่เห็นลูกสาวถูกเข็มร้อยดอกไม้ตำมือจนเลือดออก คนเป็นแม่รีบวางตะหลิวในมือ ปราดเข้าไปคัดเลือดออกให้ลูกรักพร้อมทั้งเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองกดห้ามเลือดให้อย่างห่วงใย
ไม่เป็นไรนะจ๊ะ แผลแค่นี้เดี๋ยวก็หายปวดแล้ว...เป็นอะไรลูก ร้อยดอกไม้แค่นี้ทำไมได้เลือดได้ มัวเหม่ออะไรกันนักกันหนา
เอ่อ...ขอโทษค่ะ มาสไม่ทันระวังเอง...คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวเลือดก็หยุดแล้วละค่ะ
จะไม่ให้แม่ห่วงได้ยังไง แม่มีมาสเป็นลูกสาวคนเดียวนะ มาสเป็นอะไร เล็กน้อยแค่ไหน แม่กับพ่อก็ห่วงทั้งนั้นละ หัวอกพ่อแม่ ไม่อยากให้ลูกต้องเจ็บตัวเลยแม้แต่นิดเดียว...มาสต้องระวังตัวให้มากๆ รู้ไหมลูก
วรรณวลีสอนเสียงนุ่ม คนเป็นลูกพยักหน้า ตาปะหลก
ขอโทษค่ะ มาสจะระวังตัวให้มาก ไม่ทำอะไรให้คุณแม่ตกใจแล้วละค่ะ
เข้าใจก็ดีแล้วจ้ะ เอ้า เลือดหยุดไหลแล้ว เดี๋ยวไปเอาพลาสเตอร์ปิดเสียนะลูก แม่จะไปทำกับข้าวต่อ วันนี้มีหลายอย่างเลย เลี้ยงฉลองการเรียนจบของมาสด้วยไงจ๊ะ
ให้มาสช่วยไหมคะคุณแม่
ไม่ต้องหรอกจ้ะ แม่ทำเองได้สบายมาก มาสเอาดอกไม้ไปจัดในห้องเถอะลูก
วรรณวลีบุ้ยใบ้ให้ลูกสาวไปทำงานของเจ้าตัว ส่วนเธอเองก็วิ่งกลับเข้าไปในห้องครัว แล้วหายเข้าไปในนั้นพิมลมาสหยิบถาดใส่ดอกปีปเข้าไปในห้อง จัดแจงนำพวงมาลัยที่ร้อยเสร็จแล้ววางไว้ที่ข้างหมอน จากนั้นก็นำส่วนที่เหลือมาจัดใส่แจกันเล็กๆ ซึ่งไว้สำหรับใส่ดอกปีปโดยเฉพาะ
ห้องของเธอกรุ่นอวลไปด้วยความหอมหวานแสนสดชื่น พิมลมาสสูดลหายใจเข้าเต็มปอด เพียงครู่เดียวก็อดไม่ไหว ต้องเอนแผ่นหลังลงนอนราบไปกับเตียงนอนนุ่ม ตั้งใจจะหลับพักสายตาสักครู่ แต่ไม่รู้เลย ว่าเผลอหลับไปจริงๆ
ช่อดอกปีบสีขาวพราว ต้องกระแสลมพัดพรูผ่าน และค่อยๆ ปลิดปลิวจากขั้วร่วงสู่พื้นดินอันชุ่มฉ่ำ ทุ่งหญ้าเขียวขจีแต่ก็ค่อนข้างรกทำเอาหญิงสาวซึ่งหยุดยืนนิ่งอยู่ต้องกะพริบตาปริบๆ
เมื่อครู่นี้เองพิมลมาสยังจำได้แม่นว่าเธออยู่ในห้องนอนตัวเอง แต่ตอนนี้...
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น กวาดตามองไปยังวัดเก่าแก่ ภาพตรงหน้าเหมือนช่างคุ้นเคย...พอนิ่งนึกครู่หนึ่ง พิมลมาสก็มั่นใจว่าต้องไม่ผิดแน่ๆ
เธออยู่ที่วัดพระปรางค์!
แต่วัดพระปรางค์ที่อยู่ตรงหน้าเธอเวลานี้ มิใช่วัดเก่าคร่ำ หลังคาโบสถ์หายไปหมดเกลี้ยงอย่างที่เธอเคยคุ้น ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างใหม่เอี่ยม งดงามอลังการตระการตา ไม่เหมือนโบราณสถานอายุมากกว่าเจ็ดร้อยปี แต่เหมือนวัดหลวงที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีเสมอมามากกว่า อีกอย่างก็คือ ที่นี่ไม่มีพระปรางค์องค์ใหญ่ด้านหลังพระอุโบสถอย่างที่เธอเคยเห็น
หรือที่นี่จะไม่ใช่วัดพระปรางค์ที่เดียวกับที่เธอรู้จัก?
มาๆ มาตรวจดวงหน่อยเถิดพ่อพัน พ่อพราหมณ์โกษาท่านนี้ เลื่องลือกันไปทั้งศรีสัชนาลัย ว่าท่านเก่งนัก รู้แจ้งอดีตอนาคตเชียวละ
พิมลมาสหันไปมองตามเสียงของหญิงสูงวัยผู้หนึ่งที่ดังมาจากด้านหลังไม่ไกลกันนัก พลันนั้นเธอก็ต้องตะลึงตัวแข็งทื่อ เพราะสตรีสูงวัยที่เห็นอยู่ต่อหน้าแต่งตัวช่างผิดแผกทั่วไป ทั้งห่มผ้าแถบสีสดทั้งนุ่งโจงกระเบน ที่สำคัญ สาวใหญ่เดินคู่มากับใครอีกคนที่เธอรู้จักดีเสียด้วย
ผู้หญิงคนนี้เป็น แม่ ของพี่พันอย่างนั้นหรือ
ลูกหาต้องการแจ้งประจักษ์อนาคตไม่ขอรับท่านแม่ ชายหนุ่มซึ่งถูกมารดาคะยั้นคะยอแกมบังคับให้ตามมา เอ่ยเสียงเรียบ
โง่จริงพ่อพัน รู้แจ้งอนาคตสิ เป็นเรื่องดี แม่จักเอาดวงเจ้ากับแม่เนียนมาให้ท่านหมอดูด้วย ว่าสมพงศ์กันรึไม่
ท่านแม่ขอรับ ลูกยังมิคิดเรื่องแม่เนียน
ลูกแม่อายุมิใช่น้อยแล้ว จักมิแต่งงานหาได้ไม่ คนมันจักนินทาว่าร้ายกันได้ปะไร
แต่ลูก...
ช่างเถิด เจ้ามิต้องกล่าวอันใดแล้วพ่อพัน มากับแม่แต่เพียงอย่างเดียวก็พอ
ผู้เป็นมารดาไม่ยอมรับฟังความเห็นของบุตร แต่กลับดึงแขนพาลูกชายซึ่งตัวโตกว่ามาก มุ่งตรงไปที่ริมชายน้ำ
ดวงตากลมโตของพิมลมาสจ้องมองชายหนุ่มร่างสูงตรง ท่าทางสง่าดูมีอำนาจน่าเกรงขามอยู่ในตัวเอง เขาเดินเคียงมากับสตรีสูงวัยผิวค่อนข้างขาว ใบหน้าคมสะสวยสมวัย มีบ่าวตามมาด้วยสองนาง ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่งกายราวกับกำลังอยู่ในละครย้อนยุค
แต่ที่น่าอัศจรรย์กว่าอะไรทั้งหมดก็คือ สาวใหญ่คนนั้นและบ่าวไพร่เดินทะลุผ่านตัวเธอไปหน้าตาเฉย!
พิมลมาสตกใจ อ้าปากค้าง อุทานไร้เสียง เธอหันขวับมองตามทั้งสี่คนนั่นไป ยังทำอะไรไม่ถูก มึนงงกับสภาวะของตัวเองตอนนี้เป็นที่สุด
นี่เธอฝันอีกแล้วใช่ไหม!?
หญิงสาวตะลึงสับสนอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะตัดสินใจสาวเท้าก้าวตามบุคคลทั้งสี่ไป ความอยากรู้อยากเห็นผุดพุ่ง ราวกับว่าเรื่องของพัน ก็คือเรื่องที่เธอควรจะ รับรู้ ด้วยเช่นกัน
ไม่ช้าร่างของชายชราในชุดนุ่งขาวห่มขาว ผมยาวสีเอกเลาขมวดมุ่นเก็บเอาไว้ที่ท้ายทอยก็ปรากฏแก่สายตา มีชาวบ้านหลายคนกำลังเข้าแถวเรียงคิวกันให้หมอดูตรวจดวงชะตาให้ ทุกคนล้วนแต่งกายในชุดชาวบ้านสมัยโบราณ นั่นคือหากเป็นสตรีก็จะรัดผ้าแถบนุ่งโจงกระเบนสีหม่น แต่ถ้าเป็นชายก็ไม่นิยมสวมเสื้อ นุ่งแต่โจงกระเบนแบบง่ายๆ
พันกับมารดาของเขาดูเด่นสะดุดตาเมื่อก้าวเข้าไปในหมู่ชาวบ้านที่แต่งกายแบบเรียบง่ายธรรมดาพวกนั้น ทุกคนต่างพินอบพิเทาเกรงกลัว คนที่กำลังดูดวงกับพ่อหมออยู่ก็รีบหลบแวบ หลีกทางให้โดยอัตโนมัติ
ข้าอยากจักดูดวงให้พ่อพันลูกข้าสักหน่อย ท่านพราหมณ์ช่วยหน่อยเถิด ตรวจดวงชะตาให้ลูกข้าด้วย
สาวใหญ่ทรุดนั่งบนเสื่อนุ่มพร้อมบุตรชาย
ถ้าเช่นนั้นข้าใคร่ขอวันเดือนปีเกิดของบุตรท่าน พราหมณ์โกษาถือกระดานชนวนพร้อมทำงานของตนเอง ทว่าสาวใหญ่กลับส่ายหน้า
ลูกพันของข้าหามีวันเดือนปีเกิดไม่...ข้าได้ยินมาว่าท่านสามารถดูดวงชะตาได้ แม้มิรู้ฤกษ์ตกฟาก จริงเท็จเป็นประการใดรึ
อ้อ ข้าเข้าใจละ รอประเดี๋ยวนะท่าน
พราหมณ์ชราหลับตา ทำสมาธิ แล้วนิ่งเงียบไป ท่ามกลางการรอคอยอย่างอยากรู้อยากเห็นของทุกคน พ่วงเอาความอึดอัดคับข้องใจของพิมลมาสตามเข้าไปด้วย เธออดตื่นเต้นไม่ได้ อยากรู้ว่าดวงชะตาของพันจะดีร้ายอย่างไร
หวังว่าเขาจะมีแต่สิ่งดีๆ ตอบแทน...หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น...
ทว่า...
ลูกชายของท่านเป็นคนพิเศษยิ่งกว่าคนทั่วไป... พราหมณ์เฒ่าค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองสบตากับพัน แล้วเอ่ยต่อมาทั้งที่ตาเรียวเล็กยังไม่วอกแวกไปทางใด ชะตาของผู้หลงทาง...ไร้บ้าน ไร้ซึ่งมาตุภูมิ...และจักต้องพลัดพรากจากบุคคลผู้เป็นที่รักเสมอ...
คุณพระ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นเล่า...นี่...ท่านดูผิดไปรึไม่ ศรีนวลอุทานหน้าตื่น
มิผิดเป็นแน่...บุตรชายของท่าน จักอยู่กับท่านได้อีกมินาน
ลูกข้าจักเคราะห์ร้ายอย่างนั้นรึ! ศรีนวลยกมือทาบอก ตื่นตระหนก โอย...จักถึงชีวิตเชียวรึท่านโกษา
ชายชราขีดเขียนในกระดานชนวน นิ่วหน้าครุ่นคิดหนักครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าไปมา ท่าทางยุ่งยากใจไม่น้อย
บุตรท่านผู้นี้มีดวง สาบสูญ ชัดมากขอรับ
เอิ้ก!
ท่านแม่ ทำใจดีๆ ไว้ก่อนขอรับ! พันแทบรับร่างอ่อนยวบของมารดาแทบไม่ทัน สตรีสูงวัยถึงกับคอพับคออ่อนเมื่อได้ยินคำทำนายในทางไม่สู้ดีของชายชราในชุดขาว พวกบ่าวไพร่ต้องรีบเข้ามาช่วยกันบีบนวดเป็นการใหญ่ ทำเอาพิมลมาสที่มองดูอยู่ถึงกับร้องลั่น
อย่ามุงกันเข้าไปอย่างนั้นค่ะ เดี๋ยวคุณป้าก็ไม่มีอากาศหายใจกันพอดี!
พิมลมาสเผลอร้องบอกไป แต่ไม่มีใครได้ยินที่เธอพูดเลย ทุกคนรุมเข้าไปหาผู้อาวุโสซึ่งแน่นิ่งไป สองสาวใช้หายาดมกันให้วุ่นวาย แต่โชคร้ายที่ไม่มีใครเตรียมของติดมาเลย
พี่พัน ให้พวกนี้ออกไปสิคะ มันอันตรายนะ หญิงสาวเข้าไปหยุดอยู่เยื้องทางด้านหลังของพัน ร้องบอกชายหนุ่มที่กำลังช่วยสาวใช้ดูอาการมารดาอย่างห่วงใย
แต่เขาจะได้ยินเสียงเธอได้อย่างไรกัน ในเมื่อที่นี่ไม่มีใครรู้ตัวตนของเธอเลย...
พิมลมาสจำได้ว่าในกระเป๋ากางเกงขาสามส่วนของตัวเองมียาดมติดเอาไว้ด้วย แวบหนึ่งอดคิดไม่ได้ว่าบางทีอาจจะช่วยอะไรคนกำลังเป็นลมได้ เธอหยิบยาดมขึ้นมาแล้วเบียดร่างข้ามผ่านพัน เอื้อมมือไปรอยาดมเข้ากับปลายจมูกของสาวใหญ่
คิดง่ายๆ ว่าคงผ่านเขาไปได้ เหมือนเช่นที่ผ่านคนอื่น ทว่า...
เจ้าของใบหน้าคมเข้มหันขวับมา ปลายจมูกโด่งเป็นสันสวยเฉียดแก้มนุ่มของพิมลมาส กระไอร้อนวูบจากลมหายใจของเขา ทำเอาหญิงสาวตะลึงเบิกตาโพลง ก่อนจะหันไปสบตาคู่สวยที่ทอดมองมาตรงๆ ทว่าไม่ใช่แค่ดวงตาที่สบกัน แต่ปลายจมูกยังชนกันจังๆ
พริบตานั้นพิมลมาสถึงกับตัวแข็งทื่อ
พี่พันเห็นเธอหรือ!
พี่พัน อ้าว ป้าศรีเป็นอะไรหรือจ๊ะ
เสียงหวานของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น เรียกความสนใจของทุกคน บ่าวทั้งสองของศรีนวลหน้าชื่นทันทีที่แลเห็นสตรีสาวสวยวัยกำดัดในชุดหรูหรางามสมฐานะบุตรสาวของพ่อค้าใหญ่แห่งศรีสัชนาลัย
แม่เนียน แม่เนียนเจ้าขา ช่วยแม่นายด้วยเจ้าค่ะ แม่นายเป็นลมยังมิดีขึ้นเลยเจ้าค่ะ
ข้ามียาลม ข้าจักดูแลป้าศรีเอง พวกเอ็งถอยไป ผู้มาใหม่ปราดเข้ามานั่งข้างร่างที่นอนหนุนตักลูกชายเจ้าตัวอยู่ ใบหน้าของแม่ศรีนวลยังคงซีดเซียว ย่ำแย่
เนียนหันไปรับยาลมซึ่งบรรจุอยู่ในกระปุกเครื่องเคลือบดินเผาลายสวยมาจ่อรออยู่ที่ปลายจมูกของสาวใหญ่ อีกมือหนึ่งก็บีบนวดแขนบ่าไหล่ให้คนป่วย และจังหวะหนึ่งที่หญิงสาวแตะไปถูกมือของชายหนุ่มซึ่งประคองมารดาอยู่
ใบหน้าคม งามหมดจดของเนียนแดงเรื่อ ก่อนเจ้าตัวจะอายม้วน ก้มหน้างุด พึมพำเสียงแผ่วเบามีจริต
ขออภัยเจ้าค่ะ ข้ามิได้ตั้งใจ พี่พันอย่าได้ถือสานะเจ้าคะ
มิเป็นไร
พันจำต้องละสายตาจากข้างกายเพื่อมองหญิงสาวผู้มาใหม่ ดวงตาคมไหววูบฉายความสับสนชั่วแวบ
โอย...ทำเยี่ยงไรดี...ทำเยี่ยงไรดีเล่าครานี้...
เสียงครวญเบาๆ ดังมาจากศรีนวล เรียกความสนใจของทุกคนให้หันไปทางสาวใหญ่ในพลัน
ท่านป้าฟื้นแล้ว เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ดีขึ้นแล้วหรือไม่
เจ้า...แม่เนียนรึ สาวใหญ่งุนงงอยู่แวบหนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ ว่าเจ้าตัวเองที่นัดแนะเนียนให้มาเจอะกันที่วัดเอง
เจ้าค่ะป้าศรี ข้ามาถึงก็เห็นป้าศรีเป็นโรคลม จึงได้มาช่วยเหลือ...ข้าเป็นห่วงป้าศรีนัก ท่านดีขึ้นแล้วหรือไม่เจ้าคะ
เนียนยิ้มละไม เฝ้าบีบนวดแขนให้ผู้อาวุโสอย่างเอาอกเอาใจ ฝากเนื้อฝากตัว พี่พันบุตรชายคนเดียวของแม่ศรีนวล รูปงามเลื่องลือไปทั่วคุ้งน้ำ มีหญิงสาวมากมายต้องตาต้องใจพี่พัน แต่แม่ศรีนวลก็เลือกให้นางเป็น ว่าที่ ศรีสะใภ้
เช่นนี้แล้ว จักมิให้นางยกย่องชื่นชมป้าศรีนวลได้อย่างไรเล่า
แม่คุณ...ป้าดีขึ้นแล้วจ้ะ โถ...ดูเถิดพ่อพัน แม่เนียนงามนัก งามทั้งกายและใจ อุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยแม่...เจ้าเห็นหรือไม่
พอได้สติ ศรีนวลก็รีบช่วยเนียนทำคะแนน คนกลางที่รู้เต็มอกว่ามารดาถือหางแม่เนียนได้แต่ยิ้มเจื่อน
ขอรับ แม่เนียนเป็นหญิงที่หาได้ยาก
พันตอบรับเสียงเรียบ หากเท่านั้นก็พอแล้วที่จะทำให้เนียนอายม้วนต้วน ส่วนศรีนวลนั้นค่อยยิ้มออกมาได้บ้าง
ทว่าเป็นเพียงไม่กี่วินาที ก่อนที่สาวใหญ่จะจำได้ ว่าอะไรเป็นต้นเหตุให้นางต้องตระหนกถึงขั้นลมสว้านเช่นนี้
ท่านโกษา...จริงสิ ท่านโกษาเล่า ท่านโกษาไปไหนเสียแล้วพ่อพัน!
ข้าอยู่นี่ ข้าไปเจียดยาลมจากหลวงพ่อมาให้ท่าน ดื่มเสีย จักได้ดีขึ้น
พราหมณ์โกษากลับมาพร้อมถ้วยยาในมือ นำมายื่นให้ต่อหน้าศรีนวล สาวใหญ่รับมาดื่มแล้วก็เย็นชื่นในช่องอก ท่าทางแช่มชื่นขึ้น
ขอบคุณท่านนัก ข้ามิเป็นไรแล้ว ห่วงก็แต่พ่อพันลูกข้า...ท่านพอจักมีวิธีสะเดาเคราะห์ให้บุตรของข้ารึไม่
คำถามอย่างกระตือรือร้นของศรีนวล ทำให้ชายชราในชุดขาวต้องนิ่วหน้า หนักอกหนักใจ
ชะตาเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมิได้ง่าย
แต่จักต้องเปลี่ยนได้สิ ท่านมีวิชาอาคม...ท่านต้องช่วยเหลือลูกข้าได้
ข้าก็แค่ผู้ถ่ายทอดโองการเทวะ มนุษย์เราทุกผู้เกิดมา ล้วนมีชะตาที่พระพรหมเจ้าท่านลิขิตไว้...ฝ่าฝืนมิได้หรอกท่าน
ศรีนวลถึงกับคอตก หน้าเสียไปอีกคำรบหนึ่ง เมื่อผู้ที่นางหมายมั่นจักให้ช่วยเหลือ กลับตัดรอนกันเสียแล้ว
ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยความกังวลหันมาทางผู้เป็นบุตรชาย พันเองก็ปลุกปลอบนาง ด้วยการดึงมือนางไปกุมไว้แน่น
เกิดอันใดขึ้นหรือเจ้าคะท่านป้า...พี่พันดวงไม่ดีหรือเจ้าคะ เนียนซึ่งนิ่งฟังอยู่ครู่หนึ่งอุทานขึ้นมาบ้าง ทุกเรื่องของพี่พัน ย่อมต้องเกี่ยวกับนางเสมอ
เอ่อ...ก็...นิดหน่อยน่ะแม่เนียน หามีอันใด เจ้าหาต้องใส่ใจไม่
มิได้เจ้าค่ะท่านป้า ทุกเรื่องของพี่พัน ข้ามิใส่ใจมิได้เจ้าค่ะ หญิงสาวตอบฉาดฉาน ทำเอาพันหันขวับไปมองตาดุวาบ
เอ่อ...แม่เนียนห่วงใยเจ้า อย่าได้ถือสาน้องเลยนะพ่อพัน ศรีนวลรีบไกล่เกลี่ย รู้สึกเช่นกันว่าแม่เนียนช่างประพฤติมิงาม
เป็นสาวเป็นนาง ถึงรักใคร่ฝ่ายชายเพียงใด แต่ก็จักต้องสงวนกริยาท่าที มิควรแสดงออกโจ่งแจ้งเปิดเผยประดุจหญิงงามเมือง
ข้าขอบใจเจ้านัก แม่เนียน...แต่ข้ากับท่านแม่เรามากันนานแล้ว คงต้องกลับเรือนเสียที เจ้าคงมิว่า หากข้ากับท่านแม่ขอแยกจากตรงนี้
เจ้าค่ะ เชิญเถิดเจ้าค่ะป้าศรี...พี่พัน
เนียนก้มหน้า จ๋อยไปถนัดตา พันไม่สนใจนางเลย เขาประคองแม่ศรีนวล พาลุกขึ้นแล้วเดินจากนางไปหน้าตาเฉย
ทว่าเพียงออกเดินไม่กี่ก้าว พันก็ชะงักกึก หันกลับมองด้านหลัง พาให้ทั้งมารดาและบ่าวทั้งสองต้องหยุดเดินตามไปด้วย บ่าวประจำตัวของเนียนเองก็รีบสะกิดบอกนายสาว เข้าใจว่าพันหันมามองผู้เป็นนายด้วยความอาลัยที่ปิดไม่มิด
เนียนตาโตเบิกกว้าง เกิดความหวังรำไร ในหัวใจพองโต ทว่าอึดใจเดียวก็ต้องเหี่ยวแฟบ เพราะพันหยุดเหมือนมองใครที่ข้างกาย แต่มิใช่นาง
ครู่หนึ่งชายหนุ่มจึงกลับไปประคองมารดาแล้วเดินจากไป เหลือทิ้งไว้ให้ก็แต่ความงุนงงของผู้อยู่เบื้องหลัง
เนียนและบ่าวของนางต่างฉงนนัก ว่าชายหนุ่มเหลียวมองผู้ใดถ้ามิใช่หญิงงามผู้เพียบพร้อมอย่างแม่เนียนที่ยืนอยู่ตรงนี้
แต่ผู้ที่ตกอยู่ในความฉงน มิได้มีแค่เนียนและบ่าวของเจ้าตัว พิมลมาสเองก็ถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะกระดุกกระดิก
เธอยังคงตกใจที่พี่พันเพ่งมองมาเมื่อครู่
เขาเห็นเธอ...พี่พันเห็นเธอแน่ๆ พิมลมาสรู้สึกเช่นนั้น!
มาส ตื่นได้แล้วลูก มานอนอะไรตอนตะวันทับตา โบราณท่านถือนักหนา ไม่ให้นอนตอนนี้...ลูกคนนี้นี่
วรรณวลีเอ็ดอึงเมื่อเข้ามาในห้องแล้วเห็นลูกสาวนอนหลับสนิท ไม่มีทีท่าว่าจะยอมตื่นง่ายๆ เธอเรียกจนพิมลมาสงัวเงียรู้สึกตัว แล้วจึงบ่นตามหลังมาเบาๆ
คนบนเตียงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง สองมือถูกเจ้าตัวยกขึ้นขยี้ตา ภาพเหตุการณ์ที่วัดเชลียงเมื่อครู่หายไปหมด ตอนนี้เธอกลับมาที่ห้องนอนของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ทุกอย่างเป็นความฝันเสมือนจริง อีกแล้ว
มาสเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ค่ะ อากาศน่านอนจังเลยนะคะคุณแม่
น่านอนก็ยังนอนไม่ได้จ้ะ อย่าลืมสิ แม่อุตส่าห์ทำกับข้าวตั้งหลายอย่างต้อนรับหนูกลับมาบ้านเราทั้งที ยังไงก็ต้องไปกินข้าวกับพ่อแม่ก่อนจ้ะ อะไรกัน กลับมาปุ๊บก็จะนอนเลย อีกหน่อยก็อ้วนกันพอดี
มาสอยากอ้วนกว่านี้อีกหน่อยค่ะคุณแม่ จะได้อวบอิ่ม
อะไรกัน อยากอวบ มีแต่คนเขาอยากผอมบางอย่างเรากันทั้งนั้น นี่มาแปลก อยากอวบ วรรณวลีมองลูกสาวขำๆ
ก็คนสมัยโบราณเขาชอบคนอวบๆ มีน้ำมีเนื้อหน่อยไม่ใช่หรือคะ คนสมัยก่อนไม่ชอบผู้หญิงผอมแบบบางอย่างพวกเราตอนนี้สักหน่อย
พูดอะไรของลูกกัน คนสมัยก่อนอะไรลูกมาส แม่ไม่เห็นเข้าใจเลย วรรณวลีงงกับคำพูดของลูกสาว และเหมือนว่าฝ่ายนั้นก็เพิ่งรู้สึกตัว ร่างเล็กสะดุ้งน้อยๆ มองเธอหน้าตาตื่น
เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะคุณแม่ มาสก็...พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเองค่ะ
จริงน่ะ? มารดายังไม่อยากเชื่อ
จริงสิคะ
แต่แม่ว่าไม่จริงมั้ง....นั่นแน่ะ แอบไปมีแฟนเอาไว้แล้วไม่ยอมบอกแม่หรือเปล่าเนี่ย ไม่ได้เลยนะ รักใครชอบใครก็ต้องพามาแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จักนะจ๊ะ
โอยๆ ไม่มีจริงๆ ค่ะคุณแม่ พิมลมาสโบกมือว่อน รีบก้าวลงจากเตียงเข้าไปซุกกอดมารดาไว้แน่น ออดอ้อนออเซาะ โถ...ถ้ามาสมีคนพิเศษ มาสต้องรีบแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักอยู่แล้วละค่ะ ใครรักมาสก็ต้องรักครอบครัวมาสด้วยสิคะ มาสไม่ทำอะไรให้คุณพ่อคุณแม่ต้องผิดหวังแน่นอนค่ะ
จริงน่ะ วรรณวลีหรี่ตา กลั้นยิ้มขันมองลูกสาว เห็นพิมลมาสพยักหน้ายืนยันแข็งขัน
จริงที่สุดในสามโลกเลยค่ะ
โอเคๆ งั้นก็ไปล้างหน้าล้างตาเถอะจ้ะ เดี๋ยวจะได้ไปทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที
มื้ออาหารที่บ้านมื้อแรกที่ได้รับประทานพร้อมหน้าพร้อมตากันนั้น ยังคงอบอุ่น มีความสุขเหมือนเช่นแต่ก่อน ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวเล็กๆ ที่สมาชิกทุกคนรักใคร่กลมเกลียวกัน โดยเฉพาะบิดาและมารดา แต่ก่อนพิมลมาสเคยเห็นพ่อรักแม่อย่างไร ทุกวันนี้ท่านก็ยังคงรักกันหวานอบอุ่นไม่เสื่อมคลาย
เธอเคยแอบถามมารดา ว่ามีเคล็ดลับอะไรในการมัดใจพ่อ แต่แม่ก็บอกง่ายๆ แค่ว่า...
ไม่รู้สิจ๊ะ แม่เห็นพ่อแล้วก็รู้สึกรัก ผูกพันกับเขาเลย แม่กับพ่อไม่ต้องใช้อะไรมาก..แค่คิดถึงอีกฝ่ายเสมอ ไม่ทำให้คนที่เรารักต้องเจ็บก็เท่านั้นเองจ้ะ
พิมลมาสไม่เข้าใจสิ่งที่มารดาบอกนัก เธอไม่รู้ว่าเจ้าความรู้สึกที่สามารถรักและผูกพันกับใครสักคนตั้งแต่แรกพบเป็นอย่างไร
ความรู้สึกแค่ชั่วแรกที่เห็นหน้ากัน มันรุนแรงมากพอจะส่งผลไปทั้งชีวิตได้จริงๆ น่ะหรือ
หญิงสาวหวนนึกไปถึงพี่พัน ชายหนุ่มหน้าคมในความฝันของเธอ... ความรู้สึกทุกครั้งที่ได้เห็นเขานั้นแสนประหลาด
อย่างกับได้พบเจอคนสนิทคุ้นเคย...คนที่แค่ได้เห็นหน้าก็ดีใจจนแทบน้ำตาไหล
อ้อ พรุ่งนี้ท่านพระครูที่วัดพระปรางค์ ท่านจะจัดพิธีทอดผ้าป่า หาเงินมาดูแลวัดน่ะ พ่อกับแม่ไปงานนี้ด้วย หนูไปด้วยกันนะมาส
ภัทรเอ่ยบอกลูกสาว ทำเอาพิมลมาสอึ้ง ตาโต
ตายจริง มาสยังไม่ได้เตรียมชุดเลยนะคะ
แม่เตรียมไว้ให้แล้วจ้ะ วรรณวลีรีบบอกให้ลูกสาวคลายใจ
ค่อยยังชั่ว ขอบคุณค่ะคุณแม่ พิมลมาสค่อยยิ้มออกมาได้อย่างโล่งอก บางทีก็อดเกรงใจมารดาไม่ได้ ท่านคอยดูแลเธอทุกอย่างเสมอเลย
งั้น...พรุ่งนี้เช้ามืด มาสช่วยคุณแม่ทำกับข้าวไปถวายพระที่วัดด้วยนะคะ
ได้จ้ะ แต่ว่า...มาขอช่วยแม่เองอย่างนี้ ห้ามตื่นสายละ ไม่งั้นมีปรับจริงๆ ด้วย
วรรณวลีสัพยอก ทำเอาลูกสาวหน้าบึ้งไปเล็กน้อยอย่างเสแสร้ง
โธ่...มาสก็แค่ตื่นสายบ้าง นิดหน่อยเองค่ะ แค่นี้ก็ต้องแซวด้วย
ไม่หน่อยละมั้งจ๊ะ บางวันแม่ต้องปลุกเราเป็นชั่วโมง กว่าจะยอมตื่น หลับลึกน่ากลัวนะเราน่ะ
วรรณวลีตำหนิไม่จริงจังนัก นั่นเพราะอาการหลับลึกปลุกไม่ยอมตื่นของลูกสาวนั้นเป็นเมื่อสมัยที่เพิ่งกลับมาจากไปเที่ยววัดพระปรางค์วันแรกๆ แต่หลังจากนั้นแล้วพิมลมาสก็ไม่เคยมีอาการดังว่าอีก
ที่เหลือให้เห็นบ่อยๆ ก็จะมีเพียงหลับลึกธรรมดา เขย่าตัวปลุกไม่กี่อึดใจก็ตื่น
เดี๋ยวนี้ไม่หลับอย่างนั้นอีกแล้วค่ะ คุณแม่วางใจได้
จ้า หนูไม่เป็นอย่างนั้นอีก แม่ก็ดีใจ
วรรณวลียิ้มละไมให้ลูกสาว รู้สึกดังที่เอ่ยบอกเอาไว้ทุกประการ...
เธอแทบขาดใจตอนที่เห็นลูกสาวหลับไม่ยอมตื่น ตอนนั้นถึงขั้นพาตัวพิมลมาสไปส่งโรงพยาบาล แต่คุณหมอก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเด็กน้อยมีอาการเหมือนอย่างคนปกติทั่วไปที่หลับลึก ถึงคุณหมอจะยืนยันอย่างนั้น หัวใจคนเป็นแม่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้อยู่ดี กังวลไปสารพัด กลัวว่าลูกรักจะเป็นอันตรายอะไร ยิ่งพิมลมาสเพ้อถึงแต่ พี่ชายๆ วรรณวลีก็ยิ่งร้อนใจ
ลูกฝันถึงสิ่งใด พี่ชายไหนกัน...แน่นอนว่าเธอไม่ได้เก็บความสงสัยเอาไว้ ทันทีที่พิมลมาสฟื้น วรรณวลีก็รีบสอบถามจากลูกน้อย และคำตอบที่ได้ก็คือ...
พี่ชายที่วัดพระปรางค์ไงคะคุณแม่...พี่ชายที่เอาน้องหมีมาคืนหนู...เอ๊ะ จริงด้วย น้องหมีของหนูหายไปไหนละคะคุณแม่
เอ๊ะ...แม่ไม่เห็นน้องหมีของหนู ตั้งแต่เมื่อวาน ตอนที่เรากลับจากวัดแล้วนะจ๊ะ วรรณวลีงุนงง ท่าทางของพิมลมาส ดั่งว่าลูกรักยังตื่นไม่เต็มที่ ดูเจ้าตัวมึนงงอย่างไรชอบกล
ไม่จริง...ก็หนูรับน้องหมีมาจากมือพี่ชายแล้วชัดๆ ทำไมน้องหมีหายไปอีกละคะ...ฮึก...
โอ๋ๆ อย่าร้องจ้ะ ลูกมาสคนเก่ง เดี๋ยวคุณแม่ซื้อน้องหมีตัวใหม่ให้แล้วกันนะจ๊ะ
ไม่เอา...มาสจะเอาน้องมีตัวนั้น คุณแม่พามาสกลับไปตามหาน้องหมีนะคะ นะๆ
มือป้อมๆ เล็กๆ ดึงชายกระโปรงเธอเอาไว้ แววตาที่มองมาออดอ้อนเว้าวอน น่าสงสารจนคนเป็นแม่หรือจะทนใจแข็งอยู่ได้
ก็ได้จ้ะ ถ้ามาสสัญญากับแม่...ว่าจะไม่หลับลึก ทำให้แม่ตกใจอีก...แม่จะพามาสไปหาน้องหมีที่วัดพระปรางค์ ตกลงไหม?
ตกลงค่ะ
เด็กน้อยยิ้มแป้น หน้าบาน ให้สัญญาทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองบ้าง
วันรุ่งขึ้นวรรณวลีก็พาลูกไปที่วัดพระปรางค์อีก เทียวเดินหาหมีน้อยของพิมลมาสไปทั่ว แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว พบแต่ความว่างเปล่า วันนั้นเธอตัดสินใจขับรถแวะเข้าไปหาซื้อตุ๊กตาตัวใหม่ทำจากไหมพรมให้ลูกสาวที่ในเมือง นั่นเองพิมลมาสจึงค่อยๆ ลืมหมีน้อยตัวเดิมที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยของเจ้าตัวได้
พร้อมกันนั้น อาการหลับลึกจนน่ากลัวของลูกรักก็หายไปด้วย จนทุกวันนี้
แต่วรรณวลีก็ยังไม่เคยรู้เลย ว่า พี่ชาย ที่พิมลมาสบอกว่าเคยเห็นเขาที่วัดพระปรางค์จนต้องเก็บเอามาฝันถึงนั้น คือใครกันแน่
ก็ในวันที่เธอวิ่งตามลูกสาวไปที่ริมแม่น้ำยมนั้น เธอไม่เห็นใครเลยนี่นา นอกจากพิมลมาสที่ยืนอยู่ใต้ต้นปีบต้นนั้นแต่เพียง ลำพัง
--------------------------------
-----------------------------------------------
Create Date : 22 ตุลาคม 2556
Last Update : 4 ธันวาคม 2556 18:58:45 น.
Counter : 965 Pageviews.
8 comments
Share
Tweet
***คุยต่อจากคราวก่อนนะคะ.....
ขอบคุณคุณ sakeena ค่ะ
อิอิ พูดอย่างนี้คนเ้ขียนดีใจจังเลยค่ะ >//////< ช่วงนี้ยังไม่ได้ออก จะทยอยมาลงให้อ่านก่อนนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่าาาาา
ขอบคุณ คุณ nasa ค่ะ
เจอกันค่ะ แต่รออีกเดี๋ยวก่อนนะคะ หาสื่อนำทางก่อนค่ะ อิอิ ^^
โดย:
พิมพ์นรา
วันที่: 22 ตุลาคม 2556 เวลา:6:34:51 น.
จะได้เจอกับพี่พันนานๆๆแล้วใช่มะ
โดย: sakeena IP: 124.120.28.220 วันที่: 22 ตุลาคม 2556 เวลา:12:23:14 น.
รอตอนต่อไปค่า
โดย: nako IP: 203.154.149.228 วันที่: 22 ตุลาคม 2556 เวลา:12:27:06 น.
มาทักทายน้องจ้า ทำไมไม่เอาลงถนนนักเขียนล่ะน้องษา
โดย: พี่มนต้นไม้ (
Setakan
) วันที่: 22 ตุลาคม 2556 เวลา:16:10:22 น.
เรื่องนี้ต้องตั้งใจอ่าน เพราะฉากอยู่ที่สุโขทัยบ้านพี่เอง
โดย: พี่หมูน้อย IP: 202.28.248.42 วันที่: 24 ตุลาคม 2556 เวลา:13:19:48 น.
มี typo เล็กๆน้อยๆจะให้ช่วยแก้ให้ไหมอ่ะ
โดย: พี่หมูน้อย IP: 202.28.248.42 วันที่: 25 ตุลาคม 2556 เวลา:15:16:10 น.
ดูท่าพี่พันจะได้หายมาโลกปัจจุบันล่ะมั้ง แล้วมีอะไรเกี่ยวข้องกะแหวนหนอ
โดย: nasa IP: 110.78.149.196 วันที่: 28 ตุลาคม 2556 เวลา:11:37:50 น.
มาตามอ่าน อิอิ
โดย: แนทค่า (
อย่าใส่มะนาวในกล่องข้าวผัด
) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2556 เวลา:18:56:28 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
พิมพ์นรา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [
?
]
Group Blog
<<
ตุลาคม 2556
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
22 ตุลาคม 2556
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๓
All Blog
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๘ (ลงเป็นตอนสุดท้ายนะคะ^^)
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๗
หนึ่งใจนิรันดร บทที่๑๖
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๕
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๔
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๓
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๒
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๑
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๐
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๙
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๘
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่ ๗ (ขอเปลี่ยนชื่อเป็น "หนึ่งใจนิรันดร" นะคะ)
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๖
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๕
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๔
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๓
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๒
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๑
Friends Blog
Doungtawan
ป้ามด
fluffyboy101
N_BEE810
เนยสีฟ้า
ammataya
wilmington
ธรารินทร์
เม-ดา
คีตภา
wayo
ลันเตา...
หมาดำล่องหน
หินสีม่วง
Webmaster - BlogGang
[Add พิมพ์นรา's blog to your weblog]
Link
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
***คุยต่อจากคราวก่อนนะคะ.....
ขอบคุณคุณ sakeena ค่ะ
อิอิ พูดอย่างนี้คนเ้ขียนดีใจจังเลยค่ะ >//////< ช่วงนี้ยังไม่ได้ออก จะทยอยมาลงให้อ่านก่อนนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่าาาาา
ขอบคุณ คุณ nasa ค่ะ
เจอกันค่ะ แต่รออีกเดี๋ยวก่อนนะคะ หาสื่อนำทางก่อนค่ะ อิอิ ^^