Bloggang.com : weblog for you and your gang
บล็อกนิยายหวานสดใสของพิมพ์นรายินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ^^
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๘
๘.
หลังอาหารค่ำ พิมลมาสก็จัดแจงเก็บถ้วยชามมาล้างทำความสะอาดในห้องครัวเสียเองเสร็จสรรพ กลิ่นหอมของดอกปีบลอยล่องผ่านมาเข้าจมูกตลอดเวลา จากที่หญิงสาวหงุดหงิดเรื่องพีรัชเมื่อเช้า ก็ค่อยๆเลือนหายไป
ผู้ชายนิสัยแย่ๆ คนนั้นไม่อยู่ในหัวสมองของเธออีก ทุกครั้งที่ได้กลิ่นดอกปีบหอมชื่นใจ พิมลมาสก็นึกถึงอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น
พี่พันจะทำอะไรอยู่นะ
บ้าจริงยายมาส เขาไม่มีตัวตน เป็นแค่จินตนาการของเธอเท่านั้นเอง เขาจะทำอะไรอยู่ได้ยังไงกันละ! เธอเอ็ดอึงตัวเอง ก่อนจะวางจานกระเบื้องเคลือบใบสุดท้ายลงกับตะแกรง แล้วหันไปเช็ดมือกับผ้าขนหนูใกล้ๆ
ร่างบอบบางในชุดอยู่กับบ้านคือเสื้อยืดลายดาวกับกางเกงขาสั้นสีขาวเดินเรื่อยขึ้นไปบนห้องส่วนตัว เดินตรงไปที่หน้าต่างก็แลเห็นช่อดอกปีบขาวพราวสะท้อนอยู่กับความมืดสลัวละลานตา กลิ่นหอมจรุงรุนแรงแต่กลับยิ่งชื่นฉ่ำปอด พิมลมาสสูดกลิ่นนั้นเข้าไปพร้อมทั้งหลับตาลง ซึมซับความสดชื่นยามนี้เอาไว้เต็มปอด นานหลายต่อหลายอึดใจก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น
หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ รู้สึกว่าต้นปีบซึ่งกำลังออกดอกพราวริมหน้าต่างเปลี่ยนไป ดูดอกมันดกหนาขึ้นมาก จนเธออดเอื้อมมือไปเด็ดดอกไม้หลอดเล็กๆ สีขาวน่ารักนั้นเอามาถือไว้มิได้
พิมลมาสอมยิ้มอย่างพอใจ และหันหลังจะตรงไปที่เตียงนอน ตั้งใจจะเอาดอกปีบหลายดอกในมือไปปักแจกันที่หัวเตียงอย่างที่มักทำประจำ ทว่าพลันนั้นหญิงสาวก็ชะงักกึก นิ่วหน้างุนงง
เตียงนอนของเธอหายไป ห้องดูโล่งเรียบ กว้างขวางและทำจากไม้แผ่นใหญ่ขึ้นมันเงาปลาบ ที่นอนเป็นแคร่ทำจากไม้เช่นกัน มีสี่เสาคลุมด้วยผ้ามุ้งตาถี่เนื้อบางเบา
พิมลมาสก้าวตรงเข้าไปที่เตียงสี่เสามีมุ้งกางล้อมรอบอยู่นั้นอย่างงุนงง ความตกใจเปลี่ยนเป็นมึนงงไม่รู้ตัวนัก เธอเลื่อนมือไปเปิดผ้ามุ้งออกกว้าง อยากรู้อยากเห็นว่าจะมีใครอยู่บนเตียงนั้น
แต่ทว่า...ไม่มีใครเลย นี่เป็นเตียงว่างเปล่า พื้นเตียงรองด้วยผ้าเนื้อนุ่มหลายชั้นจนนิ่มนวลน่าสบาย พิมลมาสเลื่อนลูบที่นอนคลุมด้วยผ้าไหมเนื้อเรียบลื่นอย่างชอบใจ เชื่อแน่ว่าตอนนี้ก็คงจะอยู่ในความฝันย้อนอดีตของเธออย่างเคย
ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ความฝัน หลับไปอีกสักตื่นเธอก็กลับไปอยู่ในห้องนอนของตัวเองแล้วละ
เธอมั่นใจดังเช่นหลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมา ดังนั้นร่างบางจึงก้าวขึ้นไปบนเตียงนอนแบบโบราณ จัดแจงปิดมุ้งทบเข้าหากัน แล้วล้มตัวลงนอนบนที่นอนหอมกลิ่นบุหงาแสนหวาน จัดแจงดึงผ้าห่มแพรสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาจรดปลายคางแล้วหลับตาลง
ไม่กี่อึดใจเธอก็จะลืมตาตื่นขึ้นในห้องของตัวเอง และประสบการณ์เหมือนจริงที่พบเจออยู่ตอนนี้ก็จะกลายเป็นเพียงความฝันอีกครั้งหนึ่งที่เธอพบเจอ ไม่ต่างอะไรจากครั้งก่อนๆ
พิมลมาสหลับสนิทไปอย่างรวดเร็ว เวลาผันผ่านไปเรื่อยๆ ทุกสรรพสิ่งเงียบงัน ยินก็แต่เสียงร่ำร้องของหริ่งหรีดเรไรแข่งกันเซ็งแซ่ระงมราวกับกำลังมีงานเลี้ยงครึกครื้น เธอเข้าใจว่าเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเสียงแมลงกลางคืนที่อื้ออึงอยู่ตอนนี้ก็คงจางหายไป ทว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาจากนิทราอีกครั้งหนึ่งนั้น เสียงหริ่งหรีดก็ยังคงดังระงมอึงอื้อ
แต่นั่นยังไม่ทำให้หญิงสาวตระหนกได้ เท่ากับเงาทะมึนของใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเตียง!!
พิมลมาสลุกพรวด ตกใจจนตัวแข็งทื่อพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เบิกตาจ้องมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่นั่งเงียบอย่างกับเป็นรูปปั้น เกือบคิดว่าเขาคงเป็นวิญญาณร้ายที่ตามมาหลอกหลอน ทว่าเมื่อสายตาชินกับความมืด ใบหน้าและกลิ่นหอมคุ้นเคยจากร่างสูงใหญ่ก็ทำเอาพิมลมาสต้องกะพริบตาถี่ๆ ประหลาดใจขึ้นมาแทน
ผู้ชายชุดขาว ที่เธอมักเห็นเขาในฝันอยู่บ่อยๆ!
เขามักคอยยืนมองเธอกับพี่พันภพเสมอ หยุดยืนมองเงียบๆโดยไม่พูดจาอะไร ดวงตาคมดำใหญ่มีอำนาจทอดมองเธอมาอย่างอ่อนโยน ดูราวกับเขามีเรื่องอยากคุยกับเธอมากมาย ทว่าริมฝีปากหนากลับมิได้ขยับเขยื้อน เป็นเธอเสียอีก ที่อดพึมพำ ถามเขาออกมาไม่ได้
คุณเป็นใครคะ...เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า
คนถูกถามแย้มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงก้องเป็นกังวานมีอำนาจ
เคยสิ เจ้านึกไม่ออกจริงๆรึ
ไม่ค่ะ...นึกไม่ออก เธอส่ายศีรษะไปมา ยังคงจ้องเขาตาไม่กะพริบ ใจหายชอบกลกับใบหน้าเข้มคมที่หม่นเศร้าไปของอีกฝ่าย คุณเป็นใครกันแน่ ฉันเห็นคุณบ่อยๆ มีอะไรอยากพูดกับฉันหรือเปล่าคะ
ผู้ถูกถามยิ้มในหน้าแทนคำตอบ ทว่าริมฝีปากหนาได้รูปของเขายังคงปิดสนิท
วูบหนึ่งสายลมเย็นเฉียบพัดพลิ้วมา ผ้ามุ้งพัดสะพือ เพียงแวบเดียวที่หญิงสาวกระพริบตา ร่างหนาของบุรุษในชุดขาวสะอ้านก็พลันหายแวบไป คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอในเวลานี้ กลายเป็นอีกคนหนึ่งที่เธอเคยคุ้น
พี่พัน! เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน!
อย่าเอ็ดไป เจ้าจักให้ผู้คนแตกตื่นกันทั้งเรือนรึ เสียงทุ้มกระซิบขุ่น เช่นเดียวกับดวงตาคมกริบที่วาววะวับพริบพรายใต้เงาสลัวเลือน
อะไรกันเนี่ย...นี่มาสฝันอยู่อีกแล้วเหรอ...พอทีได้ไหม ทำไมมาสต้องฝันเห็นพี่ตลอดเวลาอย่างนี้ด้วย รู้จักกันก็ไม่รู้จักสักหน่อย มาสทำบุญให้ก็ตั้งหลายครั้งแล้ว ทำไมตัวเองไม่ไปสักทีละ มารังควานกันอยู่ได้ ผีบ้า!
พิมลมาสระบายความอัดอั้นอย่างเหลืออด แต่แทนที่ ผีร้าย จะหายไป เขากลับยังคงอยู่ ชัดเจน แจ่มกระจ่าง ทั้งยังส่งลูกตาดุคมลุกวาบพุ่งมาที่เธอเสียด้วย!
หาว่าข้าเป็นผีบ้ารึ!
ไม่เพียงจะตะคอกมาเสียงขุ่น แต่มือใหญ่แกร่งยังคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางของเธอ ค่อนข้างแรง
ทว่าที่ทำให้หญิงสาวตกใจมิใช่เพราะแรงบีบกระชับจากอุ้งมือใหญ่ของเขา แต่เป็น...
พี่พันจับมือเธอ!!
มิใช่เพียงพิมลมาสจะตกใจตาโตแต่พันเองก็ไม่ต่างกันเลย เขาไม่อยากเชื่อว่าจะ จับ มือนางได้ ที่ผ่านมานางคือภูตผีที่ไร้ตัวตนเสมอ จะมีก็เมื่อหลายคืนก่อนที่เขาเคยจับมือนางได้ครั้งหนึ่ง แต่นั่นก็ไมได้ทำให้เขาจับตัวนางได้ในเวลาต่อมา
นางคือภูตผีที่ไม่มีตัวตน...ทว่ายามนี้ทุกความเข้าใจของเขาคลาดเคลื่อนไปสิ้น ผิวเนื้อนุ่มละมุนที่อยู่ใต้อุ้งมือของเขาเรียบลื่นมีชีวิตชีวา นี่เป็นผิวเนื้อของคนแท้ๆ มิใช่ภูตผีที่ไหนแน่!
เจ้า...เป็นคนหรือผีกัน ไฉนมือเจ้าจึงนุ่มนิ่มนัก พันเสียงอ่อนลงพร้อมกันนั้นก็บีบคลึงแขนของหญิงสาวอย่างลืมตัว กระทั่งหันไปสบตากับเธออีกครั้ง ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งน้อยๆ รีบปล่อยมือหญิงสาวแล้วถอยหลังออกจากมุ้งไปแทบไม่ทัน
พิมลมาสหายตะลึง รีบเลิกผ้ามุ้งแล้วก้าวตามเขาออกมา ดวงตากลมโตจับจ้องมองฝ่ายตรงข้าม เมื่อครู่ที่เขาสัมผัสมือ เธอรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือของเขา...ช่างไม่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปเลย
นี่มันอะไรกันแน่!
เจ้าคงจักเป็นวิญญาณร้ายอิทธิฤทธิ์แก่กล้า จึงสามารถเนรมิตรูปกายได้เหมือนคนทุกกระเบียดเช่นนี้ ชายหนุ่มต้องรวบรวมสมาธิอยู่อึดใจใหญ่ กว่าจะหันกลับมาเล่นงานหญิงสาวได้อีกครั้ง ดวงตาคมดุแข็งกระด้าง ตั้งแง่แสดงความเป็นอริ ทว่าเมื่อเจ้าตัวได้แลเห็นคนบนเตียงเลิกผ้ามุ้ง เยี่ยมหน้าออกมาเท่านั้นก็ถึงกับนิ่งขึงไปอีกคำรบหนึ่ง
ผิวขาวผ่องผุดผาดของนาง ยามต้องกับแสงจันทร์ระเรื่อที่สาดเข้ามาจากริมหน้าต่างรวมกับสายตาที่ชินกับความมืดของเขา ทำให้พันภพแลเห็นรายละเอียดบนใบหน้างามได้แจ่มชัดยิ่ง
และมัน ชัดเจน เกินไป!
ข้าจักทำเยี่ยงไรกับเจ้าดี นางผีร้าย...ให้หมอผีมาจับถ่วงน้ำเสียดีไหม ชายหนุ่มคำราม หงุดหงิด หาทางออกไม่ได้
ใจร้าย มาสก็บอกไปตั้งหลายครั้งแล้ว ว่าไม่ใช่ผีสางนางไม้ที่ไหน เมื่อไหร่จะเชื่อ จับแขนเมื่อกี้ ยังไม่รู้อีกเหรอ ว่ามาสก็เป็นคน มีเลือดเนื้อเหมือนกันกับพี่พันนั่นละ
บอกเขาไปเช่นนั้นเธอเองก็อดชะงักมิได้เช่นกัน ทำไมเธอจึงพูดเช่นนั้น ในเมื่อนี่ก็คือ ความฝัน ของเธอเท่านั้นเองมิใช่หรือ...
ถ้านี่เป็นความฝัน มันก็เหมือนจริงมากๆ เหมือนขนาดที่เธอเองก็ยังงุนงง คิดว่าเป็นความจริงนั่นเชียวละ!
พิมลมาสผุดลุกขึ้นจากเตียงนอน ก้าวตรงไปประจันหน้ากับอีกฝ่าย ไม่รู้สึกประหวั่นใดๆ เพราะความคุ้นเคยที่มีต่อเขามาเนิ่นนาน
เธอเห็นเขามาตั้งสิบสี่ปี มีหรือจะไม่รู้ว่าพี่พันเป็นคนเช่นไร
เจ้าจักทำอันใด...อย่าเข้ามา คนตัวโตเห็นท่าไม่ดี รีบถอยหลังกรูด
ก็จะให้พี่พันมองหน้ามาสชัดๆ ไงคะ เธอตอบหน้าตาเฉย
ไม่ ข้าจักไม่มองหน้าเจ้านางผีร้าย! พันเบือนหน้าหนี ทำเชิดคอแข็ง คิดว่าหากทำใจแข็งเสียแล้ว ภาพลวงตาเหล่านี้ก็จักหายไป ที่ไหนได้
นางยังคงยืนมองเขานิ่งๆ ริมฝีปากบางสวยคลี่ยิ้มน้อยๆ ขบขัน!
พี่พัน...จำมาสไม่ได้จริงๆ เหรอ เราเคยเจอกันเมื่อสิบสี่ปีก่อนที่วัดพระปรางค์ไง พี่พันเก็บตุ๊กตาหมีเป่าแก้วของหนู...เอ้ย ของมาสได้ไงคะ
ตุ๊กตาหมีเป่าแก้ว... หัวคิ้วเข้มหนาเป็นปื้นของเขาขมวดมุ่น ดวงตาที่เมินมองไปทางอื่นเลื่อนกลับมาจับจ้องใบหน้างามของหญิงสาวตรงหน้า
"ค่ะ ตุ๊กตาหมีของมาส...พี่พันเก็บได้แล้วคืนมาให้มาสไง จำได้ไหม เราเคยเจอกันมาก่อน...เจอกัน โดยที่ไม่ได้ฝันไปอย่างนี้...
"ฝันไปอย่างนั้นรึ" ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ทำหน้าฉงนหนัก
"ค่ะ ตั้งแต่วันนั้นที่เราเจอกัน มาสก็ฝันเห็นพี่พันเสมอเลย...น่าแปลกมาก ทำไมมาสถึงฝันเห็นพี่อยู่เรื่อยๆ ก็ไม่รู้"
"เจ้าฝันถึงข้า เรื่อยมาอย่างนั้นรึ"
"ใช่ค่ะ ที่ผ่านมาเป็นอย่างนั้น แต่ไม่รู้ว่า ทำไมช่วงหลังๆ มานี่ ฝันเหมือนจริงเสียด้วย อย่างกับไม่ใช่ความฝันแน่ะ"
คนฟังถึงกับอึ้ง ได้แต่มองอีกฝ่ายตาปริบๆ เหมือนไม่อยากเชื่อ แต่ก็แปลกที่เขาไม่ยักค้านเธอหัวชนฝาอย่างเดิม
พันภพนิ่งเงียบไปจนเธอประหลาดใจ รับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติ ดวงตากลมโตแหงนเงยขึ้นมองชายหนุ่มเขม็ง
"ไม่ด่า หาว่ามาสหลอกแล้วเหรอคะ..."
ถามเขาไปเช่นนั้น เธอก็ลุ้นแทบแย่
"ข้าเอง...ก็พอจักจำได้อยู่ ว่าเคยพบเด็กหญิงนางหนึ่งที่วัดพระปรางค์...นางชื่อเหมือนเจ้า"
โธ่...นั่นละ มาสเอง"
แต่ว่า... พันภพทอดเสียง ยังคงจ้องมองพิมลมาสเขม็ง อัดอั้น
ไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องประหลาดอย่างนี้จะเกิดกับเขาด้วย...ชีวิตนี้ดูเหมือนจะมีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นกับเขามากมายเหลือเกิน
แต่ว่าอะไรคะพี่พัน...
เจ้ามิใช่ผีร้ายแน่รึ เขาไม่ตอบแต่กลับย้อนถามมา ดูจะยังไม่แน่ใจ ทำเอาหญิงสาวถอนใจเฮือก ก้าวไปต่อหน้าคนตัวโตในระยะประชิด
ตรงไหนที่มาสเหมือนผีร้ายกันละ พี่พันดูสิ ผีที่ไหนจะน่ารักขนาดนี้
พันภพทำหน้าพิลึก คล้ายอยากยิ้มแต่ยิ้มไม่ออก เห็นแล้วพิมลมาสก็อดขำไม่ได้
หากเจ้ามิใช่ภูตผี แล้วไยข้าจึง... ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา เกือบสัมผัสแก้มเปล่งปลั่งของอีกฝ่าย แต่หยุดตัวเองได้ก่อน แล้วรีบถอยหลังไปจนติดผนังห้อง หากมิใช่ภูตผี เหตุใดเจ้าจึงมาปรากฏกายให้ข้าเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพลาก่อนก็ที่วัดพระปรางค์ มาเพลานี้ยังมานอนที่นอนของข้าอีก...เจ้าหาใช่คนธรรมดาไม่
มาสก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่ามาสมาที่นี่ได้ยังไง มาสไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันความฝันหรือความจริง พิมลมาสอธิบายเสียงเข้มจริงจัง มาสรู้แค่ว่า ดีใจที่ได้เจอพี่พัน ดีใจที่ในโลกนี้มีพี่พันที่สามารถมองเห็นมาสได้...ถ้าพี่พันเกลียดกลัวมาส มาสก็ไม่เหลือใครเป็นที่พึ่งอีก มาสต้องอยู่คนเดียวโดดเดี่ยว...ก็ไม่มีใครสักคนที่มองเห็นมาสได้อย่างพี่พันแล้วนี่คะ
หากไม่มีผู้ใดมองเห็นเจ้าได้ เจ้าก็คือผีร้ายอย่างมิต้องสงสัย เขายังกล่าวหา ทว่าคราวนี้เสียงเบาลงไปมาก
มาสไม่ใช่ผีร้าย...ก็บอกแล้ว ว่าไม่ใช่ไง
คนตัวเล็กเสียงเครือ น้อยใจ จนขนาดนี้แล้วเขายังไม่วายกล่าวหาเธออยู่อีก
ถ้าเป็นคนอื่น มาแสดงท่าหวาดกลัวเธอคงไม่รู้สึกอะไรเท่านี้ แต่นี่เป็นพี่พันภพ เขาเท่านั้นที่เธอไม่ต้องการให้มองกันในแง่ร้าย
แต่คนที่เธอแคร์ที่สุด กลับตั้งป้อมหวาดกลัวกันได้ลงคอ!
พี่ไม่รู้หรอก มาสเฝ้าดูพี่มานานขนาดไหนแล้ว...มาสมีแต่ความรู้สึกดีๆ ให้พี่พัน...แต่พี่ไม่เคยคิดอย่างเดียวกันเลย ถ้ามาสเป็นผีร้ายจริงๆ คิดเหรอว่าป่านนี้พี่จะได้มายืนกลัวกันอยู่อย่างนี้น่ะ ตอนท้าย คนใจน้อยขึ้นเสียงดังอย่างลืมตัว ทำเอาพันถึงกับเบิกตาโต
ความรู้สึกดีๆ ที่นางว่ามานั่นคือสิ่งใด...
เจ้าจักฆ่าข้ารึ เสียงห้าวถามเบาๆ แต่ที่ได้รับก็คือตากลมโตตวัดขุ่นเคือง
ฆ่าได้ที่ไหนกัน ต่อให้ทำได้ก็ไม่มีทางทำหรอก ใครจะทำร้ายคนที่เรารักได้ละ
เจ้าว่าเยี่ยงไร พ่อหนุ่มโบราณเบิกตาโต ตื่นตระหนก คิดว่าตัวเองคงหูฝาด ทว่าอีกฝ่ายนั้นยังคงย้ำตามมาชัดเจน
มาสรักพี่พัน...มาสรู้ว่ามันต้องเป็นความรักแน่ๆ ตลอดเวลาที่มาสฝันเห็นพี่พัน มาสก็ผูกพัน คิดถึงแต่พี่...พี่พันไม่ต้องกลัวหรอกนะคะ ไม่ว่ามาสจะเป็นอะไร มาสไม่มีวันทำอันตรายคนที่มาสรักอยู่แล้วละ...
พันถึงกับตะลึงงัน ยื่นนิ่งประดุจรูปปั้น ไม่อยากเชื่อกับถ้อยคำของอีกฝ่าย เขาไม่ได้หูฝาด ฟั่นเฟือน คิดไปเอง พิมลมาสเอ่ยทุกคำช่างชัดเจนทะลุทะลวงโสตประสาทของเขา
นางรักเขา...นาง รัก เขารึ!
ข้า...เอ่อ...ข้า... ชายหนุ่มสับสนยิ่ง ทว่าครู่เดียวก็ตัดสินใจได้และค่อยๆ เอื้อมมือใหญ่ของตัวเองแตะแผ่วเบาลงไปบนผิวแก้มนุ่มนิ่มของหญิงสาว ยังไม่ทันได้กดน้ำหนักสัมผัสกับความนุ่มหยุ่น ชายหนุ่มก็สะดุ้งน้อยๆ เพราะมือบางของพิมลมาสยกขึ้นมากุมกระชับมือหนาของเขาไว้แน่น เป็นฝ่ายแนบฝ่ามืออุ่นของเขาเข้ากับแก้มนุ่มๆ ของเธออย่างเต็มใจเสียเอง
ไม่เพียงแค่เขาจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเธอ...กระทั่งหยดน้ำตาเย็นชื้นของหญิงสาวก็ด้วย
ผู้หญิงตรงหน้ามีทุกสิ่งดุจเดียวกันกับเขา ร่างกายนี้มีเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ
พันภพเพ่งพินิจดวงตากลมโตพริบพรายสะท้อนแสงในเงาสลัวของคนตรงหน้านิ่งแน่ว บรรยากาศเย็นสบายกรุ่นกลิ่นหอมของดอกไม้ราตรีช่างหอมหวานยวนใจ แสงจันทร์ส่องสาดเข้ามาพอให้แลเห็นทุกสรรพสิ่ง ความงามของสตรีตรงหน้าราวกับมีมนต์สะกดให้เขาลืมตนไปชั่วครู่
พิมลมาส...เจ้ารู้หรือไม่ ความจริงแล้วพี่เองก็...
พ่อพัน คุยกับผู้ใดอยู่รึลูก!
เสียงเคาะประตูปังๆ ตามมาด้วยเสียงเอ็ดอึงของศรีนวล มนต์ขลังแสนหวานพลันวูบหาย พร้อมๆกับที่พันภพต้องละสายตาจากคนตรงหน้า หันมองไปที่ประตูห้องอย่างหนักใจ
ถ้าแม่ของเขาเห็นพิมลมาสเข้า ต้องเป็นเรื่องแน่ๆ
แต่จะกลัวอะไรเล่า ในเมื่อไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นนางได้ นอกจากเขาคนเดียวมิใช่หรือ
รอพี่ตรงนี้ก่อน ประเดี๋ยวพี่กลับมา พี่มีเรื่องอยากบอกกับเจ้ามากมาย...รอพี่นะ แม่จันทร์
เสียงทุ้มราวมีมนต์สะกด แม้พิมลมาสมิได้รับปากเขาแต่หญิงสาวก็พยักหน้ายืนยันแข็งขัน นั่นเองพันภพจึงยอมเดินไปเปิดประตูให้มารดา
เจ้าคุยกับผู้ใดอยู่รึพ่อพัน แม่ยืนฟังอยู่ตั้งนานสองนานแล้ว ลูกซ่อนผู้หญิงที่ไหนเอาไว้ในห้อง
มิได้ขอรับท่านแม่ ลูกคงละเมอพูดคนเดียวเสียมากกว่า
ศรีนวลขมวดคิ้ว เขม้นมองลูกชายอยู่อึดใจหนึ่ง จึงค่อยเยี่ยมหน้ากวาดตามองเข้าไปภายในห้องมืดสลัวของบุตรชาย ทุกอย่างเงียบเชียบ สงบนิ่ง ปราศจากวี่แววของสิ่งมีชีวิตอื่นใดจริงๆ
เห็นเช่นนี้ สาวใหญ่ก็โล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง
ค่อยยังชั่ว...แต่แม่ก็ยังติดใจอยู่ไม่หาย สงสัยว่าลูกจักถูกผีอำเสียแล้วกระมัง เพลาพรุ่งไปวัดให้หลวงพ่อท่านตรวจดวงชะตาให้หน่อยเถิด หน้าลูกยิ่งหมองๆอยู่ แม่ใจคอมิสู้ดีเลย
ลูกมิได้เป็นอันใด อย่าได้รบกวนพระคุณเจ้าเลยขอรับท่านแม่ พันภพตอบมารดา ทว่าสายตาของเขากลับกวาดมองไปรอบๆ ห้องด้านในที่โล่งกว้างอย่างวุ่นวายใจ
นางหายตัวไปที่ใดกัน ก็นางสัญญาแล้วว่าจักรออยู่ก่อนมิใช่รึ?
รบกวนอันใด หลวงพ่อท่านมีเมตตากับชาวบ้าน ท่านหาคิดมากเช่นเจ้าหรอก เชื่อแม่สิ
ขอรับ ท่านแม่ว่าเยี่ยงไร ลูกก็ว่าเยี่ยงนั้น
ทีเช่นนี้ละตามใจแม่นัก ทีแม่จักหาหญิงดีๆให้ตบแต่งด้วย กลับไม่ยินดี เจ้านี่ก็แปลกนักพ่อพัน มารดาบ่น ไม่จริงจังนัก สำหรับศรีนวล นางรักลูกชายคนเดียวเกินกว่าจะกล้าหักหาญน้ำใจ เมื่อพันยืนกรานไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวบ้านไหน ศรีนวลก็ได้แค่พยายามเกลี้ยกล่อมแต่มิได้บังคับน้ำใจ
นางเป็นสตรี อาบน้ำร้อนมาก่อน เข้าใจหัวอกหญิงที่สามีมิได้รักใคร่ และมิเคยเห็นดีด้วยเลยกับการแต่งงานโดยมิได้สมัครใจ
เสียก็แต่ลูกชายช่างเรื่องมากเหลือหลาย จนอายุเข้าไปขนาดนี้แล้วก็ยังไม่คิดสนใจสตรีนางใด กลายเป็นที่โจษขานกันถ้วนทั่วแล้วถึงความผิดปกติของพ่อพันภพ
ลูกขออภัย ที่ทำให้ท่านแม่ต้องเป็นทุกข์เรื่องลูกขอรับ พันภพยกมือไหว้มารดา ก่อนจะถอนใจเฮือก ตัดสินใจยอมโอนอ่อนตามใจท่านบ้าง เอาเป็นว่า วันพรุ่ง ลูกจักไปหาหลวงพ่อที่วัดกับท่านแม่ก็แล้วกันนะขอรับ
เอาใจแม่แค่นี้หาพอไม่หรอกพ่อพัน ศรีนวลค้อนขวับให้ลูกชาย แต่รอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าทำให้ทราบได้ว่าเจ้าตัวมิได้โกรธเคืองจริงจัง ถ้าอยากให้แม่สบายใจ ก็จงเร่งเลือกเมียมาให้แม่ได้อุ้มหลานเร็วๆ เถิด อย่าได้ชักช้า เวลาวารีไม่เคยรอผู้ใด รู้ไหมพ่อพัน
ลูกรู้ขอรับ
เจ้าก็เข้าใจเรื่อย แต่มิยอมทำตามสักที
พันภพยิ้มเฉยเสียกับเสียงค่อนขอดของมารดา นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบๆ ห้องโล่งกว้างของตนเองอีกครา ในห้องช่างว่างเปล่าจนน่าใจหาย
ใช่...จากที่เคยไม่ต้องการเห็นหน้าแม่จันทร์ ตอนนี้เขากลับรู้สึกประหลาดยิ่งกว่าเดิม ความรู้สึกนี้กดดันให้ยิ่งทุรนทุราย
หรือเขาจักเป็นเช่นเดียวกับนาง...ถ้อยคำว่า รัก นั้น ให้ความรู้สึกเช่นนี้ใช่หรือไม่
---------------------------------------------------
Create Date : 12 พฤษภาคม 2557
Last Update : 12 พฤษภาคม 2557 0:29:07 น.
Counter : 694 Pageviews.
1 comments
Share
Tweet
ว๊ายๆๆบอกรักพี่พันก่อนด้วย นางสุดยอดคร่า รวบหัวรวบหางพี่พันเย้ย กั๊กๆๆๆๆๆ
โดย: sakeena IP: 58.11.138.113 วันที่: 12 พฤษภาคม 2557 เวลา:11:16:36 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
พิมพ์นรา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [
?
]
Group Blog
<<
พฤษภาคม 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
12 พฤษภาคม 2557
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๘
All Blog
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๘ (ลงเป็นตอนสุดท้ายนะคะ^^)
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๗
หนึ่งใจนิรันดร บทที่๑๖
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๕
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๔
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๓
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๒
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๑
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๐
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๙
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๘
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่ ๗ (ขอเปลี่ยนชื่อเป็น "หนึ่งใจนิรันดร" นะคะ)
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๖
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๕
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๔
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๓
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๒
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๑
Friends Blog
Doungtawan
ป้ามด
fluffyboy101
N_BEE810
เนยสีฟ้า
ammataya
wilmington
ธรารินทร์
เม-ดา
คีตภา
wayo
ลันเตา...
หมาดำล่องหน
หินสีม่วง
Webmaster - BlogGang
[Add พิมพ์นรา's blog to your weblog]
Link
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.