Bloggang.com : weblog for you and your gang
บล็อกนิยายหวานสดใสของพิมพ์นรายินดีต้อนรับทุกท่านค่ะ^^
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๐
๑๐.
หญิงสาวยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ กวาดตามองไปรอบๆกายอย่างตระหนก งุนงง ไม่เข้าใจจนนิดเดียว
เมื่อครู่เธอยังวิ่งหนีพีรัชออกทางหลังร้านขายน้ำที่หน้าอุทยานฯอยู่เลย แล้วทำไม...
ดวงตากลมโตแหงนเงยขึ้นพินิจหลังคาวิหารงามอลังการเบื้องหน้า ด้านหลังพระวิหารยามนี้ว่างเปล่า ไร้ซึ่งยอดปรางค์ประธานองค์ใหญ่อย่างที่เคยเห็นในปัจจุบัน...ซึ่งตามประวัติศาสตร์นั้น เป็นที่ทราบกันว่า ปรางค์ประธานของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียงนั้น ถูกสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้นราวพุทธศตวรรษที่๒๑ โดยสมเดชพระบรมไตรโลกนาถที่ทรงขยายอำนาจทางการเมืองมายังดินแดนหัวเมืองทางเหนือ
แน่นอนว่าวิหารอลังการที่อยู่ต่อหน้าเธอยามนี้ ก็แตกต่างสิ้นเชิงกับโบราณสถานที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลาอย่างที่เคยคุ้น
ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน...?
พิมลมาสได้แต่พึมพำ งุนงง เธอก้มลงมองสำรวจตัวเอง ลองจิกเล็บก็พบว่า เจ็บ ไม่ว่าอย่างไร นี่ไม่มีทางใช่ความฝันแน่ๆ
แถมทั้งชาวบ้านทั้งหญิงและชายแต่งกายในแบบย้อนยุค ต่างก็มองมาที่เธอแล้วซุบซิบนินทา ราวกับว่าเธอเป็นของแปลก หลุดมาจากต่างดาวอย่างไรอย่างนั้น
ทุกคนที่นี่มองเห็นเธอ!
พิมลมาสสรุปเช่นนั้นได้ไม่ยาก ใจดิ่งวูบเหมือนตกจากตึกสูงเสียดฟ้า นี่ไม่ใช่ความฝันประหลาดอย่างที่เธอเคยฝันถึงบ่อยๆ แต่เป็นความจริงที่สุดอัศจรรย์อย่างนั้นใช่ไหม!
ไม่ตลกเลย เธออยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า แปลกที่แปลกเวลา...พิมลมาสอยากให้นี่เป็นเพียงความฝันอย่างเช่นทุกครั้งมากกว่า แต่สัมผัสทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวนั้นชัดเจนแจ่มกระจ่างยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
อุ้ย ขอโทษค่ะ กระทั่งเธอเผลอไปชนเข้ากับหญิงสาวซึ่งนุ่งห่มผ้าซิ่นลายสวย เครื่องประดับทั้งกำไล กรองคอ และต่างหู ล้วนทำจากทองคำตระการตา
เจ้านี่ช่างล้นนัก หาดูตาม้าตาเรือไม่ หญิงผิวคล้ำแต่งกายด้วยผ้าแถบสีพื้นคาดอก นุ่งผ้าโจงกระเบนเนื้อหยาบซึ่งตามหลังผู้เป็นนายมาติดๆ เอ่ยปากอย่างไม่พอใจ และเหยียดหยาม เพราะเครื่องแต่งกายของผู้ที่ถอยหลังมาชนนางนั้น ช่างแปลกประหลาดพิลึกพิลั่น
ถอยไปนางคนบ้า อย่าเข้าใกล้คุณหนูของข้า! สาวใช้ที่ตามมาผลักร่างของพิมลมาสออกห่างจากนายสาวของตนเอง ท่าทางรังเกียจเหยียดหยาม
คนพวกนี้เห็นเธอเป็นคนบ้า แต่งกายประหลาด ทั้งที่เธอก็แต่งตัวธรรมดา เสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงวอร์มขายาวสีน้ำเงิน ไม่มีอะไรแปลกประหลาดสำหรับเธอ แต่สำหรับคนพวกนี้แล้ว คงยิ่งกว่าประหลาดไปมากมายหลายเท่า
พิมลมาสไม่มีแก่ใจอยากทะเลาะกับคนแปลกหน้า เธอเลี่ยงไปที่ริมแม่น้ำยม ไม่รู้จะไปไหน ดูว่าหนทางของตัวเองช่างมืดมน สับสน
เธอไม่รู้จักใครเลย...ต้องทำอย่างไรถึงจะกลับบ้านได้นะ
หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งกับโคนต้นก้ามปูใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำยมที่เชี่ยวกราก น้ำเป็นสีแดงขุ่นน้อยๆ ไหลไปเรื่อยดูแล้วก็เพลินตา หากไม่มีเรื่องกลุ้มใจก็คงเพลินใจกับธรรมชาติได้มากกว่านี้
เฮ้อ...
เวลาผ่านไป จวบจนตะวันรอนอ่อนแสง เวลาค่ำใกล้มาเยือนเต็มที พิมลมาสยังไม่รู้เลยว่าจะจัดการอย่างไรกับชีวิตตัวเองดี
เธอจะอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดไม่คุ้นเคยแห่งนี้แต่เพียงลำพังคนเดียวได้อย่างไร
คิดไปแล้วก็เป็นห่วงบิดามารดา ป่านนี้พวกท่านคงกังวลเรื่องการหายตัวไปของเธอกันใหญ่โตแล้ว
หยดน้ำตาเอ่อท้นออกมาจากดวงตากลมโตคู่สวย หญิงสาวรีบใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง แต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย น้ำตาของเธอยังร่วงเผาะ ทะลักทะลาย
ร้องไห้ทำไมรึแม่หนู
เสียงทอดถามอย่างอ่อนโยนนั้น ทำเอาหญิงสาวชะงัก รีบหันขวับไปมองเจ้าของเสียงนั้นทั้งน้ำตานองหน้า ดวงตากลมโตเบิกโตเมื่อแลเห็นชายสูงวัยในชุดขาวถนัดตา
คุณลุงโกษา...
เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึ แปลกจริง ข้าไม่ยักจำได้ ชายชราพึมพำแย้มยิ้มใจดี
คุณลุงไม่รู้จักหนูหรอกค่ะ แต่หนูเคยเห็นคุณลุง คุณลุงเป็นหมอดูแม่นมากเลยใช่ไหมคะ พิมลมาสรีบปาดน้ำตาทิ้ง มองอีกฝ่ายอย่างคุ้นเคยและไว้วางใจ ผู้อาวุโสขมวดคิ้วน้อยๆ แปลกใจและสนใจขึ้นมาทันที
ข้าเป็นพราหมณ์ ผู้ถ่ายทอดโองการเทวะของพระเป็นเจ้า ส่วนจักแม่นยำรึไม่ เจ้าก็ต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง
ไม่ต้องพิสูจน์หรอกค่ะ หนูเคยเจอคุณลุงมาก่อน...คุณลุงช่วยหนูด้วยนะคะ พิมลมาสผวาเข้าไปจับมือเหี่ยวย่นสากระคายของผู้อาวุโสมาเขย่าอย่างลืมตัว ตอนนี้เธอสามารถจับต้องผู้คนในอดีตได้ ไม่ใช่เฉพาะแค่พันภพคนเดียว สัมผัสทุกอณูรอบกาย เหมือนจริงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ มันน่ากลัวและยิ่งชวนให้หวั่นใจ
เธอกลัวว่าจะไม่ได้มีโอกาสกลับขึ้นไปเห็นหน้าบิดามารดาอีกแล้ว...
นางหนู ใจเย็นๆก่อน มีเรื่องอันใดที่ข้าช่วยเหลือเจ้าได้ ข้าก็จักช่วย พราหมณ์ชรายิ้มละไม ใจดี นึกเอ็นดูถูกชะตาหญิงสาวผู้แต่งกายประหลาดล้ำนางนี้ไม่น้อย
คุณลุง...ช่วยแนะนำวิธีตื่นจากความฝันให้หนูหน่อยสิคะ
หา เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ ชายสูงวัยนิ่วหน้า คิดว่าตนเองหูฝาด
หนูกำลังฝันอยู่ค่ะ หนูไม่อยากฝันอย่างนี้เลย คุณลุงช่วยให้หนูตื่นหน่อยได้ไหมคะ หนูกลัว... หญิงสาวน้ำตาซึมและไม่ช้าก็หยดริน ร่วงเผาะลงมา ท่ามกลางความฉงนของพราหมณ์เฒ่าที่มองมาไม่วางตา
พอเห็นน้ำตาของเด็กสาวคราวลูกหลานก็อดเวทนามิได้
เอ้าๆ อย่าร่ำไห้ อยากให้ข้าช่วยการใดจงว่ามา ข้าช่วยได้ก็จักช่วยเอาบุญ แต่ว่า...เจ้าชื่ออะไรรึ
ชื่อพิมลมาสค่ะ เธอตอบโดยไม่ต้องคิด เล่นเอาอีกฝ่ายขมวดคิ้ว อุทานในลำคอ
หะ ชื่อกระไรนะ?
พิมลมาส...เอ่อ...ชื่อ จันทร์ค่ะ เธอเปลี่ยนใหม่ นึกได้ว่าชื่อเต็มของตัวเองอาจวิลิศมาหลาเกินไป
อ้อ ชื่อจันทร์...นางหนูเอ้ย ตอนนี้เจ้าหาได้ติดอยู่ในความฝันอันใดไม่ เจ้าสนทนาด้วยข้าดีอยู่ แล้วไยจักเป็นความฝันไปได้เล่า
ฝันค่ะ นี่เป็นความฝันจริงๆ นี่เป็นความฝันของหนู
วะ ก็ข้าบอกแล้วว่าไม่ใช่ความฝันก็ไม่ใช่สิ เอ็งนี่มันประหลาดนัก ชายชราเอ็ดอึง ระอาปนขบขัน หน้าตางุนงง ไม่รู้เรื่องรู้ราวของอีกฝ่าย
ที่นี่ที่ไหนคะ ปีอะไร สมัยไหน...ทำไมทุกคนถึงแต่งตัวอย่างกับอยู่ในสมัยสุโขทัยเลยละคะ พิมลมาสกวาดตามองผู้คนที่เดินไปมาอยู่ไกลออกไปโดยรอบ อดหวาดหวั่นไม่ได้
ขออย่าให้เป็นอย่างที่กลัวเลย สาธุ!
เหตุใดถามเช่นนี้ ที่นี่ก็คือศรีสัชนาลัยเมืองคู่แฝดของสุโขทัยที่พ่อขุนรามเป็นผู้ปกครองอยู่อย่างไรเล่า โกษาบอกพลางยกมือท่ามศีรษะทำความเคารพเจ้าของพระนามที่เขานับถือ
พ่อขุนราม...พ่อขุนรามคำแหงแห่งสุโขทัย...พ่อขุนที่ทรงเป็นผู้ประดิษฐ์อักษรไทย สร้างหลักศิลาจารึกน่ะหรือคะ...
เสียงย้อนถามของพิมลมาสแหบแห้ง ในลำคอของเธอมีตีบตัน ขมปร่าไปหมด
หัวจิตหัวใจเธอไหวโครมครามเลื่อนลั่น ความหนาวเหน็บพุ่งเข้ามาเยือนทั่วร่างบอบบาง เธอเฝ้าภาวนาขอให้ตัวเองเข้าใจผิด ให้ทุกสิ่งเป็นความฝันหรืออะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่ เรื่องจริง!
ก็พ่อขุนรามคำแหงนั่นละ เจ้าจักให้เป็นผู้ใดอีกรึที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรเช่นนี้
คำตอบอย่างภาคภูมิของชายชรา ไม่ช่วยใดๆกับหญิงสาวเลย เธออ้าปากค้าง เบิกตาโตแทบถลน ตกใจถึงขีดสุด
แน่ละว่าเธอยกย่องเทิดทูนพระราชประวัติ พระมหากรุณาธิคุณของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่ทรงเก่งกล้าสามารถ ทรงพระดิษฐ์อักษรไทยขึ้นมาใช้เมื่อราวปีพศ.๑๘๒๖ เป็นต้นแบบของภาษาไทยในปัจจุบัน ทั้งยังทรงสร้างศิลาจารึกหลักที่หนึ่งขึ้นมาจากแท่งหินชนวน จารึกเรื่องราวในรัชสมัยของพระองค์และความเป็นไปของสุโขทัย สร้างคุณูปการแก่ประวัติศาสตร์ชาติไทย ทำให้โฉมหน้าของสุโขทัยในอดีตพลิกกลับมามีชีวิต อวดสู่สายตาชาวโลก
ทรงเป็นทั้งกษัตริย์นักรบและนักพัฒนา เลื่อมใสในพระพุทธศาสนานิกายหินยานอย่างมั่นคง ตลอดรัชสมัยของพระองค์เกือบยี่สิบปี นับเป็นบุญของทวยราษฎร์โดยแท้ ที่มีพ่อขุนผู้ปรีชาสามารถถึงเพียงนี้
แต่ว่า...
วิ้ว...
สายลมเย็นฉ่ำพัดมาพร้อมกลิ่นหอมจรุงของดอกปีบที่เธอคุ้นเคย หญิงสาวหันมองไปยังที่มาของกลิ่นกรุ่นคุ้นเคย เยื้องไปด้านหลังที่ริมแม่น้ำยม บัดนี้มีต้นปีบสูงใหญ่ ตั้งตระหง่านง้ำ ผลิดอกขาวไสวพราวไปทั้งต้น
มันต้องไม่ใช่ความจริงสิ ต้องไม่ใช่...
เอาเถิดๆ ข้าคร้านจักเถียงเจ้า นี่เจ้าคงไม่มีที่อยู่ เป็นคนจรเร่ร่อนสินะ ชายชรานิ่วหน้าน้อยๆ กวาดมองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วก็ถอนใจเฮือก เจ้าช่างแต่งกายประหลาดนัก ข้าเองก็อยู่เรือนเพียงลำพัง ไม่รู้จักหาผ้านุ่งผ้าห่มที่ไหนให้เจ้า สงสัยจักต้องไปขอหยิบยืมแม่นายศรีนวล...เอ หรือว่าจักฝากเจ้าไว้ที่เรือนของแม่นายเสียเลย...
ชายชราลูบเคราพลางครุ่นคิด ไม่ช้าก็ตัดสินใจได้
เอาละ ข้าจักนำเจ้าไปฝากไว้กับแม่นายศรีนวลน่าจักดีกว่า
แม่นายศรีนวล...แม่ของพี่พันภพน่ะเหรอคะ
เจ้ารู้จักเจ้าพันด้วยรึ พราหมณ์เฒ่าแปลกใจยิ่ง
เอ่อ...พี่เขาไม่รู้จักหนูหรอกค่ะ หนูรู้จักเขาอยู่ฝ่ายเดียวค่ะ หญิงสาวแก้ตัวเสียงอ่อย
เหตุใดเป็นเช่นนั้น เจ้านี่ช่างประหลาดนัก
ชายชราบ่นพลางยิ้มขำ ท่าทางใจดีของโกษาทำให้พิมลมาสผ่อนคลาย หญิงสาวค่อยๆ ยิ้มออกมาได้บ้าง แต่ไม่ทันไรก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะเสียงหนึ่ง
เจ้า เจ้าเป็นใครกัน
เสียงตะโกนถามห้าวห้วน วางอำนาจเหนือกว่าดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง พิมลมาสหันขวับไปมองตามเสียงนั้นแล้วก็เบิกตากว้าง ตกตะลึง
นายพีรัชมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน!
ยังจักมองอีก ข้าถามว่าเจ้าเป็นผู้ใด มิได้ยินรึ ชายหนุ่มถามซ้ำ เสียงห้วน วางอำนาจเหนือกว่า ตาคมยังคงจ้องมองหญิงสาวไม่กะพริบ
คุณ...คุณเองก็หลงเข้ามาที่นี่เหมือนกันกับฉันเหรอ! หญิงสาวก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มซึ่งเหมือนพีรัชราวกับเป็นฝาแฝด แม้เขาจะสวมใส่เครื่องแต่งกายแบบทหารโบราณแต่รูปร่างหน้าตาของเขา มองท่าไหนก็คือพีรัชชัดๆ
พูดอันใดของเจ้า เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึ ชายหนุ่มงุนงง ตาคมกระด้างยังจับจ้องมองใบหน้างามของพิมลมาสไม่วางตา
ทว่าสายตาของเขาเป็นสายตาของคนที่ ไม่รู้จัก กันชัดๆ!
พูดอะไรของคุณ เมื่อกี้ก่อนมาที่นี่ เรายังคุยกันอยู่เลย...นี่คุณจำอะไรไม่ได้เลยหรือคะ
เธอนิ่วหน้า ไม่ได้อยากจะเสวนากับเขานักเลย แต่สถานการณ์ตอนนี้มันแปลกประหลาด และก็มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เธอรู้จักและคิดว่าเขาเองก็น่าจะตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับเธอ
แต่เอาเข้าจริงแล้ว อีตาพีรัชนี่ก็ท่าทางจะ พึ่งพาอะไรไม่ได้ หนำซ้ำนิสัยไม่ดีก็ยังคงเหมือนเดิม
ข้าจดจำเจ้ามิได้ เพราะมิได้พานพบมาก่อน แต่บัดนี้สืบไปข้าจักจดจำเจ้า ข้าคือพันเดช เจ้าละ ชื่อใด เป็นอันใดกับพราหมณ์โกษารึ
พิมลมาสสะอึกอึ้ง เบิกตาโพลง ตัวแข็งทื่อ รับรู้ได้ในพลันว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ปกติ
เขาไม่ใช่พีรัช!!
เป็นอันใดของเจ้า เหตุใดจึงมองข้าเช่นนั้น
พันเดชยื่นมือจะแตะไหล่ของหญิงสาว ทว่าอีกฝ่ายผวาเฮือก รีบถอยหลังกรูดไปหลบอยู่ด้านหลังของพราหมณ์โกษา ยึดชายชราเอาไว้เป็นเกราะกำบัง
แม่ของนางเป็นญาติของข้าเองขอรับ เจ้าพัน โกษารีบบอกพันเดชเสียเอง
พิมลมาสกะพริบตาพริบๆ เท่าที่เธอทราบมา ในสมัยสุโขทัยจะเรียกยศของนายทหารในระดับต่างๆ ตั้งแต่ไพร่ นายสิบ นายห้าสิบ นายร้อย เจ้าพัน เจ้าหมื่น ไปจนถึงระดับพระยา นอกจากนี้ยังมีการแบ่งระดับทหารเป็นสามเหล่า โดยทหารขั้นต่ำคือเหล่าพลทหารราบเรียกว่า นายตีน ทหารขั้นกลาง คือเหล่าพลม้า เรียกว่า นายม้า และทหารขั้นสูง ก็คือเหล่าพลช้าง เรียกว่า นายช้าง
บางที ผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นนายทหารระดับนายพัน พราหมณ์โกษาจึงได้เรียกเขาว่า เจ้าพัน
นางเป็นญาติของเจ้ารึ เหตุใดข้าจึงมิเคยพบหน้า...แล้ว นางชื่อเรียงเสียงใดกัน เจ้าพันเดชซักถี่ยิบ แต่พราหมณ์เฒ่าก็คล่องแคล่วว่องไว สมองมิได้เชื่องช้าดังเช่นวัยที่ล่วงเลยผ่านมาเนิ่นนานของเจ้าตัว
แม่จันทร์ เพิ่งมาจากเมืองเพชรบูรณ์วันนี้เองขอรับ
เจ้าชื่อจันทร์รึ พันเดชมองข้ามผ่านชายชราไปที่สาวสวยหน้าแฉล้ม นางยังคงเอาแต่มองเขาอย่างหวาดระแวงไม่เป็นมิตร แต่กริยานั้นช่างน่าเอ็นดูจนพันเดชอดยิ้มไม่ได้ อย่าได้กลัวข้าเลยจันทร์ ข้าหาได้คิดร้ายต่อเจ้าไม่ ข้าเพียงอยากเป็นสหายด้วยเจ้า...
ชายหญิง คงไม่เหมาะหากจักเป็นสหายกัน หลานข้าเพิ่งเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย หากเจ้าพันหามีธุระอันใดไม่แล้ว ข้ากับหลานคงต้องขอตัว...
ช้าก่อน เจ้าอย่าเพิ่งไป
เอ๊ะ! พิมลมาสตกใจ เพราะจู่ๆ พันเดชซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่บึกบึนก็ตามเข้ามาคว้าข้อมือเธอไว้แน่น หญิงสาวพยายามสะบัดให้หลุด แต่ก็ไร้ผล เธอเงยหน้าขึ้นมองฝ่ายตรงข้ามตาขุ่นคลั่กในทันที
ปล่อยนะ คุณพีรัช
เจ้าว่ากระไรนะ
เอ่อ...ปล่อยค่ะ เจ้าพันเดช พิมลมาสรู้สึกตัวว่าพลาดไป ที่ดันหลงเรียกอีกฝ่ายว่าพีรัช ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ ที่นี่ราวกับเป็นดินแดนในอดีต ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะได้พบเจอกับสิ่งอัศจรรย์อย่างนี้...
คนตรงหน้านี่ก็ช่างเหมือนพีรัชราวกับฝาแฝด บางที...เขาอาจจะเป็นอดีตชาติของผู้ชายคนนั้นก็เป็นได้
หากเป็นเช่นนั้นจริง พีรัชกับเจ้าพันเดช ก็เจ้าชู้ นิสัยไม่ดีพอกัน!
เหตุใดเจ้าจักต้องทําท่ารังเกียจรังงอนข้านักหนาด้วยเล่า เจ้าก็ประจักษ์เเจ้งเเก่ใจเเล้วว่าข้าคือผู้ใด เหตุใดจึงทำเมินหมิ่นเกียรติข้า"
"ฉันไม่ได้หมิ่นเกียรติคุณ คุณเองต่างหาก มีสิทธิ์อะไรมาจับมือฉันอย่างนี้ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"ไม่ ข้าเป็นถึงเจ้าพัน ข้าจักทำอันใดก็ย่อมได้"
"บ้า เจ้าพงเจ้าพันอะไร ปล่อยฉัน...โอ๊ย"
หญิงสาวอุทานลั่น ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บปวด มือของเขาเเกร่งหนาอย่างกับปลอกเหล็ก เธอออกเเรงสะบัดดิ้นรนจนข้อมือเจ็บเเปลบไปหมด เเทนที่เจ้าพันเดชจะยอมปล่อยเธอเสียที เเต่กลับยิ่งยึดมือเธอไว้เเน่นเข้า ท่าทางสนุกสนานกับความทุกข์ของเธอมาก
โรคจิตชัดๆ!!
เจ้าพันเดช โปรดปล่อยมือจากหลานสาวข้าด้วย นี่มันในวัดในวานะท่าน
วัดวาเกี่ยวอะไร เจ้ามิต้องแส่ให้มากความ ไอ้ผาด มึงเอาเงินจ่ายให้ท่านพราหมณ์ไป ข้าจักซื้อตัวนางจันทร์ไปอยู่เรือนข้า
อะไรนะ! พิมลมาสอุทานเสียงดัง มองคนที่บอกว่า จะซื้อ ตัวเธออย่างไม่เคยพบเคยเห็น
คุณพระคุณเจ้า นี่เธอตกมาอยู่สมัยโบราณที่คนสามารถค้ามนุษย์กันได้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก โอ๊ย...ทำอย่างไรดี
หญิงสาวหันไปสบตากับพราหมณ์โกษาอย่างขอความช่วยเหลือ หวังว่าเขาคงไม่เห็นแก่เงินมากกว่าตัวเธอ และก็ใจชื้นขึ้นหน่อย เพราะเมื่อผาดลูกสมุนของพันเดชโยนถุงเงินส่งให้แทบเท้าของชายชรา พราหมณ์โกษาก็ก้มลงเก็บขึ้นมาแล้วยื่นส่งคืนให้
รับเงินของท่านกลับไปเถิดเจ้าพันเดช นางผู้นี้ มิใช่ทาสของข้า ข้าหาขายนางให้ผู้ใดได้ไม่
เป็นแค่หมอดูหมอเดายังจักเรื่องมากอีก พันเดชตะคอกเข้าใส่ชายชรา ก่อนจะดึงร่างหญิงสาวเดินหนีไปด้วยกันกับตัวเองดื้อๆ
พอโกษาจะตามไปก็ถูกผาดเข้ามาขวางเอาไว้ ชายชราพยายามจะผลักทหารหนุ่มแต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ สุดท้ายก็ถูกคนหนุ่มกว่าผลักล้มโครม ก้นจ้ำเบ้า
อย่ามายุ่งดีกว่า รับเงินแล้วก็ไสหัวกลับบ้านเจ้าไปเสีย นายข้าให้ค่าตัวหลานสาวเจ้าแล้ว จงกลับบ้านไปใช้เงินให้สุขสบายเถิด
ไม่ได้...อย่ายุ่งกับแม่หนูนั่น...
ปล่อยฉัน...ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ ช่วยด้วย!!
พิมลมาสยื้อตัวเองเอาไว้สุดฤทธิ์ ไม่ยอมตามพันเดชไปไหนเป็นอันขาด แต่นิ้วมือของเขาแกร่ง ทรงพลัง แน่นหนาอย่างกับปลอกเหล็ก เธอบิดจนข้อมือปวดร้าวไปหมดก็ยังไม่ได้อิสรภาพที่ต้องการเลย พิมลมาสเริ่มเข้าตาจน เเละเคืองขุ่น มือน้อยอีกข้างเหวี่ยงเข้าไปเต็มๆซีกหน้าด้านหนึ่งของพันเดช เสียง เผียะ ดังลั่น
พันเดชสะท้านสะเทือนไปทั้งชีกหน้า เผลอปล่อยมือจากหญิงสาว และพิมลมาสฉวยจังหวะนั้นวิ่งสุดฝีเท้า
ไม่มีใครช่วยเธอได้ ตนเป็นที่พึ่งเเห่งตน!!
ร่างบอบบางวิ่งเข้าไปในพุ่มไม้หนาทึบเบื้องหน้า มุ่งไปที่ริมตลิ่ง บางที่เธออาจต้องเลือกทางเลือกสุดท้าย...ถ้าไม่มีทางจริงๆพิมลมาสก็จะโดดลงเเม่น้ำยมให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ไปตายเอาดาบหน้ายังดีกว่าถูกเจ้าพันบ้าอะไรนั่นย่ำยี
หญิงสาววิ่งไม่คิดชีวิต สุ่มทุมพุ่มไม้เกาะเกี่ยวผิวผ่องตามร่างกายเป็นริ้วรอยขีดข่วนเลือดซิป ทว่าพิมลมาสมิได้สนใจ เธอวิ่งไปจนสุดที่ริมตลิ่ง เเลเห็นสายน้ำยมเชี่ยวกรากรออยู่เบื้องล่าง
พิมลมาสหยุดเท้าเอาไว้ก่อนจะถลำตกลงไปในแม่น้ำได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น หัวใจเธอไหวระทึก ความหวาดกลัวแล่นพล่าน รู้ว่าหากพลัดตกลงไปในกระแสน้ำเชี่ยวกกรากขนาดนี้คงไม่แคล้วต้องดับดิ้นแน่ๆ
เธอยังไม่อยากตาย เธอยังอยากอยู่กับพ่อแม่และทุกคน...ทว่า...
"มาหลบอยู่ตรงนี้เอง คิดว่าวิ่งหนีมาอย่างนี้แล้วจะพ้นมือข้ารึ...เจ้าช่างกล้านักที่บังอาจมาตบหน้าข้า มานี่!"
"ไม่ อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะ...ว๊าย!!"
"จันทร์!!"
ชั่ววินาทีก่อนที่พันเดชจะเข้ามาถึงตัว พิมลมาสก็ขยับหนีไปจนสุดชายตลิ่ง ย่างก้าวสุดท้ายของเธอไม่มีพื้นดินรองรับ ดังนั้นร่างบางจึงหงายหลังละลิ่วตก ตู้ม!! ลงไปในกระแสน้ำเชี่ยวเบื้องล่าง ท่ามกลางอาการตื่นตะลึงคาดไม่ถึงอย่างยิ่งของตัวต้นเหตุ
พันเดชตั้งท่าจะกระโดดน้ำตามหญิงสาวลงไปเหมือนกัน แต่ผาดตามไม่ทันแล้วรีบดึงร่างหนาของผู้เป็นนายเอาไว้แน่น
"อย่านะขอรับเจ้าพัน ขืนนายลงไปตายแน่ๆ น้ำเชี่ยวขนาดนั้น ไม่มีทางรอดหรอกขอรับ!"
"ปล่อยกูไอ้ผาด กูจักรีบไปช่วยแม่จันทร์!"
"ไม่ขอรับ เป็นตายอย่างไรข้าก็มิปล่อย เจ้าพันจักตามลงไปมิได้ขอรับ" ข้ารับใช้คนสนิททำดั่งปากว่า ด้วยการยึดร่างเจ้านายเอาไว้ไม่ยอมให้กระโดดตามหญิงสาวลงน้ำไป พันเดชขัดใจเลยระบายโทสะด้วยการกระทืบเจ้าผาดจนมันร้องโอดโอย
"ไอ้เลว น้ำแค่นี้ มึงคิดว่ากูจักกลัวหัวหดรึ มึงคิดจริงๆรึว่ากูจักช่วยแม่จันทร์ไม่ได้ เพราะมึงคนเดียว ถ้าไม่เพราะมึง ป่านนี้กูลงไปช่วยแม่จันทร์ได้แล้ว ไอ้ตัวซวย!" พันเดชด่าทอคนสนิทพลางกระทืบฝ่ายนั้นไม่ยั้ง เจ้าผาดร้องโอดโอยลั่น ไม่กี่อึดใจพราหมณ์โกษาก็กระย่องกระแย่งวิ่งตามมาทัน ชายชรามองตามไปในแม่น้ำยมที่ไหลเชี่ยว ทันเห็นร่างของพิมลมาสจมลงไป
"ตายแล้ว แม่จันทร์" ชายชราร้องลั่นหน้าเสีย ทำเอาพันเดชถึงกับชะงัก หน้าเจื่อน
"ข้ามิได้ตั้งใจ หลานสาวเจ้ากลัวข้าจนไถลตกน้ำไปเอง ข้าเองก็เสียใจนักที่เรื่องมากลายเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างไรข้าจักจ่ายอัฐ..."
"เฮ้ย มีผู้หญิงตกน้ำ ใครก็ได้ ช่วยที!"
เสียงชาวบ้านเริ่มดังโกลาหลที่ไกลออกไปทางท้ายน้ำ พันเดชกับโกษาพลันชะงัก รีบวิ่งตามไปดู ภาพที่เห็นทำให้เจ้าพันหนุ่มรูปงามถึงกับเบิกตาโพลง เดือดดาล ถึงกับคำรามลั่น
"ไอ้พัน!"
----------------------
---------------------------------
Create Date : 14 พฤษภาคม 2557
Last Update : 14 พฤษภาคม 2557 7:25:27 น.
Counter : 1543 Pageviews.
4 comments
Share
Tweet
ขอบคุณคุณ sakeena ค่ะ
มาต่อให้อีกนะคะ ช่วงนี้คนเขียนขยัน อิอิ เรื่องนี้มีความลับรอเฉลยเยอะเลยค่ะ แหะๆ ^^
***** ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามานะคะ ^^
ษาค่ะ
------------------------------------------
โดย:
พิมพ์นรา
วันที่: 14 พฤษภาคม 2557 เวลา:7:28:13 น.
ร้ายทุกชาติเลยนะ รอเฉลยไปเรื่อยๆๆ
เย้ๆๆ พี่พันมาแล้ว รีบๆๆเอานู๋จันทร์ไปเก็บเลย อย่าให้เจ้าเดชมันรังแกได้นะ
โดย: sakeena IP: 110.169.247.50 วันที่: 14 พฤษภาคม 2557 เวลา:9:38:45 น.
เก็บ 4 ตอนรวด ตอนแรกนึกว่าพีรัชจะเป็นพะรเอกซะแล้ว ตกใจหมด แล้วพ่อพันชาตินี้อยู่ไหนน้อ
โดย: nasa IP: 110.78.186.241 วันที่: 14 พฤษภาคม 2557 เวลา:21:23:58 น.
เย้ เย้ พี่พันมาแล้ว หายไปนานเลย
พี่พันช่วยหนูจันทร์ด้วย
โดย: nako IP: 49.230.68.170 วันที่: 14 พฤษภาคม 2557 เวลา:22:15:19 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
พิมพ์นรา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [
?
]
Group Blog
<<
พฤษภาคม 2557
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
14 พฤษภาคม 2557
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๐
All Blog
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๘ (ลงเป็นตอนสุดท้ายนะคะ^^)
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๗
หนึ่งใจนิรันดร บทที่๑๖
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๕
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๔
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๓
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๒
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๑
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๑๐
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๙
หนึ่งใจนิรันดร บทที่ ๘
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่ ๗ (ขอเปลี่ยนชื่อเป็น "หนึ่งใจนิรันดร" นะคะ)
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๖
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๕
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๔
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๓
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๒
มนตร์จันทร์พันภพ บทที่๑
Friends Blog
Doungtawan
ป้ามด
fluffyboy101
N_BEE810
เนยสีฟ้า
ammataya
wilmington
ธรารินทร์
เม-ดา
คีตภา
wayo
ลันเตา...
หมาดำล่องหน
หินสีม่วง
Webmaster - BlogGang
[Add พิมพ์นรา's blog to your weblog]
Link
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
มาต่อให้อีกนะคะ ช่วงนี้คนเขียนขยัน อิอิ เรื่องนี้มีความลับรอเฉลยเยอะเลยค่ะ แหะๆ ^^
***** ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามานะคะ ^^
ษาค่ะ
------------------------------------------