เมืองน่าน ณ กาลครั้งหนึ่ง
เมืองน่าน....กาลครั้งหนึ่ง....
ก่อนถึงเมืองน่าน ต้องผ่านเมืองแพร่ก่อน ก็ขออนุญาตขอแวะทักทายเพื่อนเก่าสักหน่อยว่ากันว่าเมืองแพร่นั้นเป็นเมืองคนดุ แต่ผมเคยไปอยู่เมืองแพร่มาแล้วสมัยวัยกระเตาะ ผมมีเพื่อนชาวเมืองแพร่หลายคน ผมว่าคนเมืองแพร่รุ่มรวยอารมณ์ขันจะตายไป (คนดุก็มีบ้าง ไม่ต่างจากเมืองอื่น ๆ ก็ล้วนมีคนหลากหลายปะปน ดี-เลว ดุร้าย-ใจดี เราจะไปตีเหมาเอาว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ทั้งหมด ไม่ถูกต้องหรอก-จริงไหม) อารมณ์ขันของคนเมืองแพร่นั้น ออกจะน่ารักน่าชัง เขาว่าเดิมเขาชื่อเมืองแพร ก็ดูแต่พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองเขานั่นแหละคือพระธาตุ่อแฮหรือช่อแล ซึ่งหมายถึง ตุงหรือธงแพร แต่ที่มากลายเป็นแพร่ เพราะพวกเขาสงสารคนเมืองง่าว เมืองง่าวนี้คืออำเภองาวที่ขึ้นอยู่กับลำปางปัจจุบัน คนเมืองนี้ถูกตีตราว่าเป็นเมืองคนโง่ ก็เพราะตัดไม้แล้วร้อยเป็นแพ ถ่อลงดอยมา แทนที่จะใช้ช้างชักลากหรือให้ไหลลงห้วยไป คนเมืองอื่นรู้เข้าก็หัวเราะเยาะเอาว่าเป็นพวกคนง่าว
นี่เป็นเรื่องเกทับบลัฟแหลกกันเล่นๆ คนเมืองงาวห้ามน้อยใจโกรธเคืองคนเมืองแพร่เขานะขอรับ เขาว่าเขาช่วยเอาไม่เอกไปแบกไว้ด้วยรักและเห็นใจว่าเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกัน และมีอาชีพทำป่าไม้เหมือนกัน ซึ่งว่ากันว่าป่าไม้ที่เมืองงาวนั้น ดกดื่นกว่าที่ไหนในภาคเหนือ ขนาดว่าเวลาอยู่ในดงป่าสักแหงนหน้ามองฟ้าไม่เห็นเลยหละ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ลำปาง-เขลางค์นครเป็นราชธานีของธุรกิจล้านนาในอดีต มีนายห้างป่าไม้และบริษัทข้ามชาติมาทำมาค้าขาย จนเจริญรุ่งเรือง จนต้องตัดทางรถไฟมาเพื่อขนส่งไม้ เรื่องป่าดกดงดิบนี้ คงไม่ใช่เรื่องโม้ เพราะปัจจุบัน คุณลองขับรถไปทางอำเภองาว ผ่านประตูผาก็จะประจักษ์ตาว่ายังอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้สัก เรียกว่าไม่แพ้แถวแก่งเสือเต้น เมืองแพร่เลยหละ หรือป่าสักที่เมืองน่านก็เช่นกัน
วกมาถึงเมืองน่าน เห็นผู้คนพูดเนิบ ๆ เขายอมน้อยหน้าคนเมืองแพร่ที่ไหน เขาว่าไม่ใช่คนเมืองแพร่ใจดีหรอก คนเมืองน่านต่างหาก ที่ใจดีช่วยคนเมืองงาวให้พ้นง่าว เอาไม้เอกมาแบกไว้แทน เพราะเดิมทีนั้นเขาชื่อเมืองนาน ก็ว่ากันไปให้สนุกสนาน จริงๆแล้ว ชื่อเดิมของเมืองน่านคือนันทบุรี ที่ว่าเมืองนานนั้นคง คนบางกอกนั้นแหละไปตั้งให้ เพราะเมืองน่านอยู่ไกล เต็มไปด้วยป่าไม้ขุนเขาสูงชัน ใช้เวลาเดินทางนานมาก นาน-คนเหนือเขาไม่พูดว่านานหรอกครับ นาน เขาพูดว่า เมิน
เมินมาแล้ว สมัยผมยังทำงานเป็นคนเขียนคำโฆษณาอยู่บริษัทฝรั่งมังค่า ผมเคยใช้ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดภูมินทร์เป็นฉากเอกในภาพยนตร์โฆษณาให้สถาบันทางการเงินแห่งหนึ่ง ทางกองถ่ายร้องจ๊ากเลย บอกว่าไม่ไหวไกล ใช้ภาพจิตรกรรมที่วิหารลายคำวัดพระสิงห์เชียงใหม่แทนไม่ได้หรือ กองถ่ายใหญ่ต้องไปถ่ายเชียงใหม่เป็นหลักอยู่แล้ว ผมหัวชนฝาไม่ยอม เพราะผมชอบของผม พวกเขาเลยแบ่งกองถ่ายเล็กนั่งรถกระบะไปเก็บเฉพาะภาพฝาผนังวัดภูมมินทร์ ส่วนการทอผ้าของชาวไทลื้อหนองบัวนั้นก็มาจัดฉากกันเองที่เชียงใหม่
นั่นมันเรื่องเมินมาแล้ว ปัจจุบันเมืองน่านก็ยังคงใช้เวลาเดินทางเมินนานเหมือนเดิม แต่นั่นไม่ใช่ไม่ดีนะครับ เ พราะป่าดิบดงดำนั่นคือสุดยอดปราการช่วยปกป้องให้เมืองน่านยังคงรักษาเอกลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรมของไว้ได้ ชนิดคนเชียงใหม่เชียงรายค้อนควักๆ ใครจะเจริญเดินทางสะดวกอย่างไร คนเมืองน่านส่วนใหญ่เขาไม่สนใจหรอกครับ เขาอยู่ของเขาสงบ ๆงดงามและมีความสุขตามวิถีของเขา เมื่อทางการไปยุงยงส่งเสริมการท่องเที่ยว คนเมืองน่านบางส่วนก็เป๋ไปเหมือนกัน เ กิดอาการตาโตเป็นไข่ห่าน เห็นเงินๆๆๆๆๆลอยมาเต็มบ้านเต็มเมือง
คนเมืองน่านกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ เขาไม่ชอบนะครับ เขากลัวห้างใหญ่ใจดำมาครองเมือง เขากลัวร้านแหลกหล่วน สะดวกลื้อตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงมาเข่นฆ่าร้านชำของพ่ออุ้ยแม่ป้า เขากลัวฝรั่งตาน้ำข้าวเอาเงินมาฟาดหัวคนพื้นบ้านพื้นเมืองโน ขาย ขาย ขาย สิ้นทุกสิ่งจนไม่เหลือผ้าซิ่นลายน้ำไหลใส่ เขาเลยจัดโครงการ ถนนงามนามอนุรักษ์น่าน คัดค้านการสร้างถนนสี่เลนทั้งในและนอกเมืองน่าน โดยมีสมาคมศิลปินน่าน เป็นแม่งานใหญ่ รวมพลจัดกิจกรรมหลากหลาย เพื่อเปล่งเสียงจากเบื้องลึกของลูกหลานเมืองน่าน ไม่ต้องการถนนสี่เลน และหากจะดื้อด้านที่จะสร้าง พวกเขาก็ขอสิทธิ์ในการออกแบบถนนของพวกเขาเอง
ถนนที่ไม่ต้องตัดต้นไม้ใหญ่ ถนนที่ใช้เฉพาะรถเครื่องและรถถีบ ภายใต้ร่มเงาไม้ที่มีอยู่ร่มเย็นมาแต่ดั้งแต่เดิม น่าสนใจครับ นี่เป็นครั้งแรกที่คนในพื้นที่ลุกขึ้นมาบอกคนบางกอกว่า ไม่เอาความเจริญแบบมาตรฐานบางกอก ทำไมต้องเมดอินบางกอกทั้งประเทศ ทำไมต้องทำลายอัตตลักษณ์ของชุมชนนั้นๆ ทำไมต้องสี่เลน ทำไมและทำไม ในวันที่๑๙-๒๐ พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ณ ถนนผากอง ข้างคุ้มเจ้าราชบุตร เชิญชวนทุกท่านที่สนใจ รับฟัง หรือเข้าร่วมกิจกรรม วาดภาพ อ่านบทกวี แสดงดนตรี ภาพถ่าย และมุมเสวนาแลกเปลี่ยน โดยไม่จำจัดเฉพาะคนเมืองน่าน ท่านที่สนใจใคร่ร่วมกิจกรรม ไปพบกันที่เมืองน่านครับ
๑เส้นทางสายโรแมนติก เชียงคำ-ท่าวังผา น่าน ๒ ๓ ๔ ทิวทัศน์รายรอบ หอศิลป์ริมน่าน เขียนปี ๒๕๕๑ ครั้งที่ไปแสดงภาพเชียนที่นั่น
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2553 |
|
25 comments |
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2553 17:44:16 น. |
Counter : 2224 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: โมโม่ (4leafwonder ) 16 พฤศจิกายน 2553 14:34:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: ภูเพยีย 17 พฤศจิกายน 2553 9:03:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: โมโม่ (4leafwonder ) 17 พฤศจิกายน 2553 10:08:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดาวส่องทาง IP: 58.9.158.79 17 พฤศจิกายน 2553 18:25:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนอนเมืองกรุง IP: 10.20.3.30, 202.28.180.202 18 พฤศจิกายน 2553 13:18:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 18 พฤศจิกายน 2553 14:31:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: กวิสรา IP: 67.167.94.141 19 พฤศจิกายน 2553 0:17:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: โมโม่ (4leafwonder ) 19 พฤศจิกายน 2553 12:05:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: หกพัน..ไมล์ IP: 180.180.216.45 19 พฤศจิกายน 2553 23:01:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: oa (rosebay ) 20 พฤศจิกายน 2553 11:51:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: ธาธันยา IP: 203.107.196.63 21 พฤศจิกายน 2553 5:09:54 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
โดย: meenna วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:3:44:56 น.
หวัดดีมีนนา ยิป
ยินดีต้อนรับครับผม
งานหนังสือคราวที่ผ่านมานี้ ผมเห็น "บ้านดวงใจ" ของแพรว แบบไม่มีปกนอกเล่มนึงครับ
กับ สู่อ้อมแขนแผ่นดินล้านนา ปกฟ้า แบบเก่าและแก่เกินจะเปิดอ่านได้ใส่ห่อพลาสติกไว้ ทั้งสองเล่มอยู่ร้านหนังสือเก่าแถวหน้า อ่อ มีอีกเล่มนึงจำชื่อประมาณ " ฟ้ายังมีที่ว่างให้เธอวาด" หรือเปล่าครับ ที่เขียนกับคุณกุดจี่ เห็นสาวน้อยคนนึงถือใส่ถุงผ่านไป
โดย: พชร IP: 124.120.197.109 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:4:39:05 น.
หวัดดีพชร
ขอบคุณรายงานข่าววรรณกรรม
ฟ้ายังมีที่ว่างให้เธอวาด เป็นรสมบทกวีคัดสรร
โดยสำนักพิมพ์ไม่ยมก ของกุ๊ดจี่ครับ
บ้านดวงใจ ดีใจจังที่หมดจนได้ เล่มมันหนาราคาก็เลยหยิบจับลำบากหน่อย
สู่อ้อมแขนแผ่นดินล้านนา นั้นพิมพ์ครั้งที่สองคุณเห็นไหม
สำนักพิมพ์(ลืม) ที่ขายหนังสือเก่านั่นแหละเขาจัดพิมพ์
ป่านฉะนี้ น่าจะไม่มีให้รีรอและลังเลอีกแล้วนะ
พี่ปอน
รออ่านเรื่องที่นางเอกควงปืนไปปล้นดาวพลูโตค่ะ เดี๋ยวจะเป็นแม่ยก เชียร์นางเอกที่ดาวพระศุกร์
โดย: Love At First Click วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:26:46 น.
จ้า จะเขียนอีกเรื่อง ผู้หญิงย้วยซ้าย ผู้ชายย้วยขวา
ต่างมาจากดาวโพรุง 555
สวัสดีค่ะพี่ปอน
ทุ่งดาวหนาวหรือยังคะ
วันนี้แอบไปเห็นภาพบรรยากาศม่วนชื่นของพี่ค่ะ
v
v
ตุ๊ แครี่ออน
ปอน มาชารี
ไวท์ มือนั้นสีขาว
แวะเยี่ยมบ้าน ต้นกล้า ม้าก้านกล้วย
หลังกลับจากอุดร ผ่านบ้านไผ่ ค่ำ ๑๒ พฤศจิก ๒๕๕๓
v
v
และตอนนี้ก็อยากเห็นหนังสือใหม่ของพี่ปอนแล้วค่ะ
ดีใจด้วยนะคะ อยากเห็น ๆ ปกชูมานใหม่เหมือนกัน
เชื่อมือแพรว สนพ. ต้องทำสวยหนังสือให้พี่ได้สวยแน่ ๆ เลยค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะพี่ปอน
โดย: ภูเพยีย วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:10:58 น.
สวัสดีภูเพยีย
ทุ่งดาวหนาวลม เป็นปกติ ตั้งแต่ข้าวตั้งท้องมาน
ป่านฉะนี้จวนคลอด
เห็นรูปที่เพซบุ้คไพหรือเปล่า
อุบาทว์ตาแหงมๆ
คราวก่อนที่เนชั่น มีคนส่งเมล์ไปให้
เห็นรูปใครไม่รู้ ตาก็ไม่ลืม แถมพลุ้ยซะ
อนิจจังไม่เที่ยงวัน ก็คือมื้อเช้า
บอกกล่าวใครจะเอารูปไปลง
กรุณาเลือกรูปที่ประจานเจ้าของรูปน้อยหน่อย เน้อ...
พี่ปอนคะ
ชูมานจะพิมพ์อีกครั้งหรือคะ
เป็นเล่มที่ชอบมากอีกเล่มนึง
ว่าไปแล้ว...ก็ชอบงานของพี่เกือบหมดนั่นแล
(เอ๊ะ เกือบหมด-หมายความว่าไงนะเนี่ย ? พี่คงสังสัยใช่มั้ย ^_^ )
โดย: หนอนฯ IP: 10.20.3.30, 202.28.180.202 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:47:17 น.
สวัสดีหนอน
ชูมาน พิมพ์อีกครั้งจ้า
ดีจังที่ยังชอบเธออยู่
ผมก็ยังรักมั่นเธอไม่เสื่อมคลาย
แม้มันจะเป็นรอยแผลแห่งวันวาน
แต่ก็ยังอุ่นความหมายสำหรับวันพรุ่งนี้เสมอ
ขอบคุณหนอนใจดี