ความทรงจำอันแสนอุ่น





ความทรงจำอันแสนอุ่น


“ ทำไมผู้คนส่วนใหญ่ไม่หันหน้าบ้านหาแม่น้ำล่ะครับ”
ชายหนุ่มตั้งคำถามที่เขามีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วกับเจ้าของบ้านพัก
หลังการสนทนายืดยาว เกี่ยวกับชุมชนริมแม่น้ำสายใหญ่แห่งนั้น
“เออนั่นสิ” เจ้าของร้านค้าพูดสีหน้าครุ่นคิด
“พวกมอญสร้างบ้านขวางแม่น้ำ เขาเลยเรียกมอญขวางใช่ไหม..”
เจ้าของร้านค้าเปลี่ยนเรื่องถามแทนเป็นฝ่ายตอบ
ชายหนุ่มนิ่งเงียบ ใบหน้าอมยิ้ม
ในใจเขาคิดถึงเรื่องทะลึ่งเกี่ยวกับ”มอญขวาง”ที่เคยได้ยินอำกันในวงเหล้า
“ชาวคลองส่วนใหญ่ หันหน้าบ้านเข้าหาคลองนะครับ
คติสร้างบ้านแต่ละถิ่นก็ต่างกันไปนะผมว่า
บ้างก็ไม่หันหน้าขวางตะวัน ให้หันหน้าขนานลำน้ำ
เอาแน่นอนไม่ได้แต่ที่ผมเดา
เขาไม่ชอบหันหน้าบ้านลงน้ำคงเพราะกลัวโจรขโมยเทียบเรือขึ้นปล้นได้ง่าย ๆ” เขาเอาคำตอบในใจออกมาหยั่งความคิดเห็น
“อือ น่าจะมีส่วน แต่หันหลังบ้านให้แม่น้ำ ใช่ว่าโจรจะปล้นไม่ได้นะ”
ชายกลางคน เจ้าของร้านค้าค้านน่าคิด
“เพียงแต่อาจจะขึ้นเรือนลำบากหน่อย เพราะไม่มีชานมีระเบียงให้ปีนไต่สะดวก”

“สมัยโบราณแม่น้ำคือถนน คนไปใครมา ซื้อขายวายล่องส่งสินค้า แม่น้ำคือตัวเชื่อม ไม่ใช่เป็นตัวกั้น”





ลมแม่น้ำหอบเอากลิ่นดอกจำปีรายตลิ่งมาแตะปลายจมูก
ชายหนุ่มนักเขียนชอบประโยคเปรียบเทียบของชายเจ้าของร้านค้า
“ใช่ แม่น้ำเป็นตัวเชื่อมมากกว่าเป็นตัวกั้น เช่นเดียวกับภูเขา” เขาคิด
“พรมแดนนั้นมาทีหลัง เมื่อมนุษย์เกิดความเห็นแก่ตัว หวงแหนดินแดนแห่งรอยเท้าของตัวเอง”

ผู้คนเดินไต่สันแปมองหาที่ราบลุ่มอุดมไว้ทำการเกษตรและอยู่อาศัย
ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน บางพวกผูกแพไม้ไผ่
ขุดต้นไม้เป็นเรือ ล่องไปตามลำน้ำมองหาดินแดนอุดมสองฟากฝั่ง

“ที่นี่อุดมสมบูรณ์ครับ ป่าเขาลำเนาไพร บ้านเรือนไม้ถึงเต็มเมือง “
น้ำเสียงของเจ้าของร้านภาคภูมิใจในท้องถิ่นตน

“คนข้ามน้ำไปมาหากัน ฝั่งโน่นยังไม่เจริญ ก็ต้องมาพึ่งพาฝั่งนี้
พอเรามีถนน มีรถยนต์เข้าถึง สินค้าก็ขนส่งมาจากกรุงเทพฯโดยตรง...
ซื้อง่ายขายคล่องครับ ริมฝั่งนี้จึงมีแต่ร้านค้าเป็นส่วนใหญ่”
เขาชี้ให้ชายหนุ่มดูภาพเก่าๆ ที่แขวนติดข้างฝา
ซึ่งล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงความอุ่นหนาฝาคั่งดังกล่าว


“บรรพบุรุษผมเป็นชาวไหหลำนะครับ
อพยพมาทางยูนนานแล้วล่องมาทางน้ำแต่ขึ้นฝั่งไปตั้งรกราก แต่งงานกับคนหลวงพระบางและเวียงจันทน์
ผู้คนเมืองนี้ส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีนไหหลำผสมลาว
ผิวขาวสูงหล่อสวย เหมือนผมนี่ไง”
ประโยคท้ายเขาฉลาดเสริมให้เห็นขำ





ภรรยาเจ้าของร้านค้าที่มาร่วมสนทนาด้วย
ขอตัวไปเตรียมอาหารในห้องครัว
ด้านข้างของเรือนแถวไม้ที่หันหลังให้แม่น้ำมีพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสเหลืออยู่ มองดูน่าจะเป็นสวนหย่อมหลังบ้านเก่า
พวกเขาปรับเปลี่ยนเป็นลานอาหาร ชูเมนูพื้นบ้านของถิ่นเกิด
เขาบอกว่าพวกลูก ๆเป็นต้นคิดให้ทำบ้านเป็นเรือนพักแรม
ลูกชายคนเล็กที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยใช้เวลาวันหยุดมาช่วยกิจการครอบครัว
เขาพาเพื่อนนักศึกษามาช่วยออกแบบตกแต่งร้านอาหาร
โดยแขวนตุงไจยและราวไฟสีประดับ
ส่วนโต๊ะอาหารก็ใช้โต๊ะไม้และม้าหินอ่อนซึ่งไม่น่าจะนั่งสบายเท่าไหร่
แต่นั่นก็คงเป็นของที่มีอยู่ในที่แล้ว

ชายหนุ่มยังไม่ได้ลองชิมฝีมือศรีภรรยาเจ้าของร้าน
เพราะเย็นนั้นมีแขกอุดหนุนคึกคัก แม้จะไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว
คนพ่อทำหน้าที่เสมือนผู้จัดการ
โดยมีลูกๆคอยรับออเดอร์ไปส่งให้แม่ในครัวและเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่ม

บางช่วงเขาเห็นเด็กหนุ่มแว่บมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ทำงานออกแบบที่ค้างอยู่ เ
ด็กหนุ่มมีหน่วยก้านทางการค้า ขยันขันแข็งและฉลาดเฉลียว

เห็นแล้วชายหนุ่มนักเขียนนึกไปถึงพาดหัวบทสัมภาษณ์สาวสวยนักบริหารระดับสูงในหนังสือกรุงเทพฯธุรกิจอาทิตย์ที่เพิ่งผ่าน
“ความฉลาดมวลรวมนำสังคมรอด”
คนรักของเขาอ่านแล้วตั้งคำถามกับเขาว่า
“ระหว่างความฉลาดกับความดีคุณเชื่อสิ่งไหน”

“ความฉลาดนั้นน่ากลัวถ้าคู่กับความคดโกงเจ้าเล่ห์
ส่วนความดีนั้นมักมาคู่กับความซื่อใสไร้เดียงสา
ซึ่งต่อมาเรียกกันว่า ความโง่ อันตรงข้ามกับความฉลาดเฉลียว”

เขาคิดเงียบๆในใจ ไม่ได้ตอบถ้อยคำถามคนรัก

ขณะเขาเขียนเรื่องนี้
ภาพบ้านเรือนไม้และพ่อแก่แม่เฒ่า
และความทรงจำอันแสนอุ่นในเมืองเล็ก ๆริมแม่น้ำแห่งนั้น
ก็กลับหนาวเยือกขึ้นมาในห้วงรู้สึก





ชื่อภาพ รักแล้วรักเลย
สถานที่ เชียงคาน เลย
เทคนิค สีน้ำบนกระดาษ
ขนาด ๒๔+๓๖ ซ.ม.







Create Date : 16 พฤษภาคม 2553
Last Update : 17 พฤษภาคม 2553 3:36:30 น. 23 comments
Counter : 1319 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายค่ะ



โดย: nootikky วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:35:29 น.  

 
อยู่ไหนเล่นสุดสะแนน 29นี้


โดย: tucarryon วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:44:17 น.  

 
สวัสดีหนูติ๊ก
อ่านชื่อถูกเปล่าเนี่ย ยินดีที่มาทักทายครับ

น้าตุ๊เอ่ย
ผมอยู่กทม.
มาประชุมกรรมการเรื่องสั้นแพรวครับ
ดูว่าจะอยู่จน๑๘ เสร็จธุระแล้ว
น่าจะได้กลับทุ่งดาว ส่วนจะได้ไปเชียงใหม่หรือไม่นั้น
แล้วแต่ฟ้าลิขิต 555

ตอบคุณอุ้มสีด้วย
สุดสะแนนนั้นมันเป็นสถานที่สิงสถิตย์ของเหล่าโบฮีเมียน
เพื่อนฝูง ไปไหนก็นักเจอกันที่นั่นแหละ
เหมือนร้านรวงผึ้ง สวนจตุจักร
หรือร้านตอร์ตีญ่าแฝลต แห่งสะพานหัวช้างของผองเหล่าโลกียชน คนวรรณกรรม สมัยก่อนที่หนูยัง(คง)เป็นวุ้นอยู่


โดย: ดาวส่องทาง วันที่: 16 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:56:51 น.  

 
บางทีเราทุกคนก็ต้องเจอกับความเครียด ท้อแท้ สิ้งหวัง
นั้นไม่ใช้อะไรที่แปลกไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอ แต่การที่คุณยอมรับว่ากลัวสิ่งนั้นต่ะหากละ
ที่เรียกว่าความกล้า กล้าทีจะยอมรับในสิ่งที่คุณกลัว กล้าจะยืนหยัดเเละต่อสู้กับมัน
แต่วันนี้ถ้าสิ่งที่คุณแบบรับไว้นั้นมันเกินกว่าที่คุณจะทนได้ ถ้ายังงั้น
วันนี้คุณลองเปิดใจให้ พระเจ้าเข้ามามีส่วนช่วยคุณคลายปัญหาของคุณได้มั้ย
ลองดูสิเเล้วคุณก็จะผ่านทุกอย่างไปได้อย่างแน่นอน!!
เหมือนที่ฉันได้ผ่านมานมาจนได้!


โดย: gh IP: 124.120.21.107 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:02:57 น.  

 
พี่ปอน

ชอบศิลปะสีน้ำแบบ realistic อย่างนี้มากๆเลยค่ะ

ถ้าเจอนิทรรศการแบบนี้ที่ไหน จะเดินเข้าไปดูได้นานๆ อยู่กับภาพสีน้ำ จนตัวซีดจางไปกับภาพ

ประทับใจจัง

ความทรงจำอันอบอุ่น

อุ่นได้อีก

บลอกพี่ปอนเป็นหม้อหุงข้าว....


....อุ่นทิพย์


โดย: Love At First Click วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:21:20 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณปอน ขอบคุณมากที่แวะไปอ่านบล็อคอาจารย์เฟื้อนะคะ รู้สึกเกร็ง ๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้คุยกับนักเขียนที่ชื่นชอบ

อ่านข้อเขียนของคุณปอนทีไร เหมือนได้นั่งพักใต้ร่มไม้ตากแดดรำไร มีลมเย็น ๆ พัดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้โชยมาบาง ๆ ชอบแนวเขียนแบบบล็อคนี้มากเลยค่ะ มีภาพวาดที่ใช้โทนสีอ่อนโยนเย็นตา ตัวหนังสืออ่านแล้วอบอุ่นหัวใจ

ขอบคุณที่เขียนงานดี ๆ และวาดภาพงาม ๆ ให้โลกได้ชื่นชมนะคะ


โดย: haiku วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:06:34 น.  

 
beautifully written as always


โดย: rainysea IP: 202.12.97.100 วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:50:38 น.  

 
ขอบคุณทุกท่าน
มีคนอ่านด้วยใจสักคนสองคน
และได้รับอะไรไปบ้าง
ก็ชื่นใจแล้วครับ

และถ้าเป็นแฟนนักอ่าน
ในกุลสตรีฉบับวางตลาดอยู่นี้
มีคอลัมน์ชื่อ ฟ้ากว้างทางใจ
ON THE RHYTHM OF LIFE
ของพิบูลศักดิ์ ละครพล ครับ
ตอนแรกชื่อ ขอบฟ้า-เขตฝัน


โดย: ดาวส่องทาง IP: 58.9.158.181 วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:14:19 น.  

 

สวัสดียามบ่ายค่ะพี่ปอน

คำถามเดิม ของคนเขลา...

จอด glitter แปลว่าอะไรคะ
ใครทราบช่วยตามไปบอกที

โดย: Love At First Click วันที่: 13 พฤษภาคม 2553 เวลา:13:59:32 น.


คำว่าห้ามจอด glitter แปลว่า ไม่ต้องการให้ผู้ที่มาคอมเม้นท์ ใส่ภาพต่างๆ ให้รกบล็อกค่ะ

ยกเว้น emotion น่ารักๆ เท่านั้น

เข้าใจนะคะ เพราะบางครั้ง ภาพเหล่านั้นรกสายตาจริงๆ ค่ะ

แล้วบางครั้งก็ไม่เข้ากับบรรยาบล็อกในตอนนั้นเอาซะเลย


โดย: addsiripun วันที่: 14 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:18:49 น.






โดย: ดาวส่องทาง วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:30:05 น.  

 
ชื่อภาพ รักแล้วรักเลย :D
ฮิฮิ ชอบภาพแล้วยังทำให้ชอบชื่อของภาพอีก ฮะฮะ
...

สวัสดีพี่ปอน ปอนจัง
ตั้งใจแวะมาอ่านและทักทายค่ะ


โดย: เฝา* IP: 119.245.19.164 วันที่: 18 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:33:39 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับอ้ายปอน

ถ้าบ้านเมืองสงบ
เฮาคงได้เสียใจ๋กับการจากไปของอ้ายวาณิช
เสียใจ๋กับการจากไปของนักเขียนคุณภาพแห๋มคนของเมืองไทยเน้อครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:52:03 น.  

 

ตั้งใจเข้ามาสวัสดี
มาอ่าน..
แล้วก็จะบอกว่า

ได้ยิ้มกับคำว่า ขอบฟ้า-เขตฝัน ..ชอบค่ะ เพราะมาก
ขอบฟ้าที่เป็นมายา ทว่าไม่เคยมีจริงหรือเราไม่เคยเห็น
หรือคล้ายเส้นเขตฝันที่ไม่มีวันจะสิ้นสุด

ชอบความหมายของคำว่าโน แมน แลนด์ของเพื่อนนายอำเภอของพี่ค่ะ เห็นภาพ เพราะตะเข็บชายแดนมักมีเรื่องราวมากมายที่ไม่ได้เห็นและเป็นข่าว มันไร้ ไร้ ไร้...ไปซะทุกอย่าง...จะเอามาเขียนก็วุ่นวายอีก คนเราน่ะ ถ้าบ้านอุ่นแล้ว ใครจะอยากไปเกาะรั้วบ้านคนอื่นอยู่เนาะ กลับกลายเป็นหนีร้อนมาเจอร้ายกว่าอีก ตอนนี้บ้านเราก็ไม่ต่างกับเขา หรืออีกไม่นานเราก็จะหนีไปพึ่งเขาก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
ชอบคำนี้อีกเช่นกันค่ะ..พวกเขาซ่อนขอบฟ้าไว้ใต้รองเท้า..สักวันคงได้หาหนังสือเล่มนี้มาอ่านบ้าง 'โรม ฟลอเรนซ์ ปิซา ความฝันใต้รองเท้า'
ขอบคุณค่ะ:)



โดย: ภูเพยีย วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:8:02:21 น.  

 
สวัสดีเฝา ๆ
รักแล้วรักเลย นี่นะ
ตั้งใจมาก็ยินดี
เราไม่ได้ไปเยี่ยม เฝา ๆ สบายดีนะ

สวัสดีกะว่าก๋า
มองตาก็รู้ใจ
เขียนคำไว้อาลัยยังไม่ได้ดั่งใจ
เชิญทุกท่านไปไว้อาลัยให้วาณิช จรุงกิจอนันต์
ที่บล็อกยิปซีสีน้ำเงินนะครับ
พรุ่งนี้คิดว่าคงหาทางไปวัดธาตุทองได้
วันนี้นนทบุรีก็โดนถล่มหนัก ทุกท่านคงได้รับทราบข่าว

ภูเพยีย
ขอบคุณมากครับสำหรับความเป็นแฟนพันธุ์แท้
ตอนขอบฟ้า เขตฝัน เขายังไม่เปลี่ยนหัวให้เลยครับ
การอ่านระหว่างบรรทัดของภูเพยีย ทำให้ต้องบอกว่า
ตอนที่สอง ณ ที่แม่น้ำคดเคี้ยวไหลหายลับ
ข้ามๆไปก่อนนะครับ (สถานการณ์บ้านเมืองมันวุ่นวาย
ทำลายสมาธิหนัก ไฟลนก้น เขียนไม่ได้ดั่งที่ใจวางไว้ มันแห้งมาก-กลับมาอ่าน ต้องกุมขมับ แก้ไขแล้วจะส่งไปให้อ่านพิเศษ ในหนังสือ แก้ไม่ทันแล้ว อางอิงยังหลุดไปอีกต่างหาก -น่าละอายใจจริง ๆ)

งานของเราโดดไปจากภาพรวมของหนังสือนะ
รู้สึกจะหนักไปด้วย
ระยะหลังนี้ ไม่มีปฏิกิริยาจากคนอ่านเลย
ชักขนลุก
แม้จะได้โพลเป็นอันดับหนึ่งสมัยกระท่อมดินทุ่งดาว
แต่มาชุดหลังนี้ เงียบฉี่เลย
ทำไงล่ะ เกรงใจผู้อ่าน บรรณาธิการหนังสือ
แต่เราก็เกรงใจตัวเองเหมือนกัน

มีคนรุ่นก่อนๆเขาพูดลึกซึ้งกินใจว่า
การมีชื่อเสียงนั้นยาก แต่การรักษามันไว้ยิ่งยากกว่า

เรามาคิด การรักษามันไว้ไม่ยากนะ
ยิ่งมีชื่อเสียงแล้วยิ่งง่าย
แต่การสร้างสรรค์ให้ดียิ่งขึ้นๆกว่าเก่านี่สิยากกว่า

ผมเชื่อนะ
ไม่มีมืออาชีพคนไหนอยากย่ำอยู่กับที่
หรือยืนบนความสำเร็จหรือชื่อเสียงเก่า ๆหรอก

เพราะเบื้องลึกหัวใจของเขามีดาวเหนือดวงหนึ่ง
ซึ่งกระพริบแสงส่องโคนรุ้ง
เตือนให้มุ่งมั่นไปสุดขอบฟ้าเขตฝัน เสมอ-เสมอ

แม้จะรู้ว่า มันไม่มีอยู่จริง




โดย: ดาวส่องทาง วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:12:41 น.  

 
...




ยังมีผองเพื่อนด้าว............แดนสวรรค์
ไฟหมอกหมองเลือนพลัน...รุ่งแก้ว
แสงกานต์กล่อมไพรวัลย์....ผลิช่อ ชนนา
บุญสรรพทรวงเลิศแล้ว.......ทุกข์ร้อนคลายเสมอ


…………………………………………………………


• ... รอบอาณา - จักรแห่ง แปลง "สุข" นี้
ต้น-ไมตรี , ดอก-รัก , ฝักฝัน-อ่อน
กิ่งก้าน-พร้อม , ผลิ-หน่อ , ช่อหวัง-วอน
รากหยั่ง-ช้อน ... ความชื้น ... ยืนต้น-ชม ...


• ... ช่างแกร่งกล้า เหลือเกิน เผชิญโชค
จึงทนโศก เจ็บ,ชัง ทั้งขื่นขม
รอหมอกควัน นั้นสลาย พร้อมสายลม
จักครบสม งามสรรพ ทรัพย์บันดาล ...


…………………………………………………………

.
.
.


โดย: ploythana วันที่: 20 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:43:26 น.  

 
สวัสดีครับพี่ปอน

ผมเงื้อง่าว่าจะไปเชียงคานตั้งนานแล้ว
แต่ยังไม่ได้ไปสักที
ภรรยาสนับสนุน เธออยากให้ผมไปเที่ยวและพักที่นั่น
แล้วเธอจะได้ตามไปอีก


ขอแจมนิดว่า คนที่ว่าฉลาดๆแล้วทำให้โลกร้อนเป็นไฟ สู้เป็นคนโง่เสียดีกว่า...


โดย: พ่อพเยีย IP: 124.122.196.172 วันที่: 21 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:02:09 น.  

 
... มีความสุขมาก ๆ ค่ะ





รวมสายใยผูกคล้อง...........ภพขวัญ
มิตรภาพคือรางวัล..............ร่างไว้
สมดุลสรรพสัมพันธ์............หนุนเนื่อง
นานัปการให้.....................เด่นห้วงเห็นผล


…………………………………………………………


… หลากสายใย ยึดเหนี่ยว เป็นเกลียวเข้า
อย่างแผ่วเบา อ่อนบาง บนทางฝัน
ไกลแสนไกล ใต้ฟ้า มาเกี่ยวกัน
ผูกสัมพันธ์ แนบชิด จิตวิญญาณ ...


... เพียงรินรด กรดรัก สักเล็กน้อย
แล้วปลดปล่อย ออกฤทธิ์ ต้านพิษผลาญ
มิตรภาพ อาบชื่น ฟื้น-อาการ
เริ่มประสาน สมดุล หนุนเนื่องไป ...


…………………………………………………………
.
.
.



โดย: ploythana วันที่: 23 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:04:13 น.  

 
ผ่านมาเมียงมองเจ้าค่ะ


โดย: sღmnღng IP: 118.172.215.154 วันที่: 24 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:17:53 น.  

 
... มีความสุขมาก ๆ ค่ะ ...




สมการสรรค์ค่าล้ำ-..........เลอตะวัน
สบสุขทุกข์เราปัน............ร่วมต้าน
ตรองโจทย์รับแสงวัน........ตรงตอบ
มิตรภาพเกินหลักล้าน.......เริ่มล้วนมหาศาล


…………………………………………………………


... ห้วงตะวัน ตรง-สว่าง ต้องย่างก้าว
มากคน,ข่าว ขวักไขว่ ให้ผันผ่อน
ภาพละไม หมอกบาง ต่างแสงรอน
เริ่มฉาบย้อน ฉายช่วง แต่งดวงมาน ...


... เติมกำลัง รับค่า อุษา-เอื้อ
ด้วยความเชื่อ พร้อมภักดิ์ สมัครสมาน
ยามชิดใกล้ ให้เขา - เราเบิกบาน
สร้างสมการ ... ผสานทุกข์ ... คืนสุขใจ ...


…………………………………………………………
.
.
.


โดย: ploythana วันที่: 24 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:56:40 น.  

 
ภาพสีสวยสุดใจ
เห็นภาพแรกกับภาพที่สามก็เดาว่าเป็นเชียงคาน
อยากไปแต่ยังไม่ได้ไปเสียทีค่ะ

อยากได้กลิ่นดอกจำปีโชยมาจากริมน้ำบ้าง
ตอนเด็กๆ บ้านพี่ที่ชอบไปเล่นกับเขา มีจำปีต้นใหญ่ ออกดอกขาวพราว หอมกรุ่น
ชอบเวลาที่เขาเก็บใส่กรวยใบตองให้เอากลับบ้าน
แล้วพอโต ก็ชอบซื้อดอกจำปีที่ร้อยขดเป็นตับ หอมชื่นใจ

โลกวุ่นวายอยู่ทุกวันเพราะความฉลาดไปอยู่กับความเลวร้าย
ยิ่งฉลาดแต่ไม่มีสติและธรรมะกำกับ ยิ่งทำลายล้างได้มากเกินจะคิด

คุณปอนสบายดีนะคะ
การสร้างสรรค์งานที่ดีกว่าเก่าคงไม่น่าจะทำได้ง่าย ถ้าคร่ำเคร่งกับมันเกินไป
อย่างน้อยที่สุด งานในบล็อกนี้ก็ทำให้คนมาดูอารมณ์ดีกว่าเดิม เพิ่มมาอีกคนหนึ่งค่ะ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 25 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:00:17 น.  

 
สวัสดีครับHoneyLemonSoda

ขอบคุณครับสำหรับคำเตือน
ใช่ครับ ถ้าเราหมกมุ่น ตั้งใจมากไป ไม่เคยเป็นผลดี
งานจะแข็ง เพราะเกร็งมากไป
ก็ต้องทำใจสบาย ๆ เป็นไปตามธรรมชาติ
ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากครับ
(ต้องให้กำลังใจตัวเองเรื่อย ๆครับ)

ผลงสนของคนฉลาดทั้งหลาย
เห็นผลแล้วครับ ว่าเลวร้ายเหลือ
เกินคาดหมายครับ
สงสารคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่
รับผลร้ายไปด้วย
น่าเศร้ามาก


โดย: ดาวส่องทาง วันที่: 25 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:34:36 น.  

 






สวัสดีค่ะพี่ปอน
ก่อนนี้ ภูเพยียกล้า ๆ กลัว ๆ เรื่องการเขียน
คิดไปเองว่าจะเขียนไม่ดี แต่เมื่อถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดที่ตัวเองมีคือรักที่จะอ่านและหาเวลาอ่านหนังสือเสมอ มีดีอย่างเดียวด้วยซ้ำค่ะและกำไรที่ได้จากการอ่านคือมีใจที่จะลงมือเขียน

ภูเพยียเองมีความทรงจำแสนอบอุ่นอย่างเดียวที่เคยได้ยิน เป็นความรู้สึกที่ดีที่สุด คอยตอกย้ำในใจอยู่บ่อย ๆ และยังหล่อเลี้ยงในใจเสมอว่า เขียนเถอะ เขียนได้ก็มีความสุขแล้ว อย่ากังวลว่ามันจะดีหรือไม่ดี นับแต่นั้นมา ก็คิดแค่นี้จริง ๆ อยากเขียนอะไรก็เขียน ไม่มีใครอ่านแต่เราก็เขียนขอเงราไป

สำหรับมืออาชีพอย่างพี่ปอน ภูเพยียมองเป็นเรื่องธรรมดามาก มันมีขึ้น มีลง บางทีเขียนมามาก ๆ มันรู้สึกตันขึ้นมาดื้อ ๆ ภูเพยียว่า ใคร ๆ ก็เป็นค่ะ ยิ่งอยากให้ดีมันก็ไม่ได้อย่างใจ เป็นเพราะความเป็นมืออาชีพทำให้รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบต่องาน ต่อตัวเองและผู้อ่านด้วย นั่นคือความรู้สึกเราทั้งนั้น ลึก ๆ ก็เชื่อว่าทุกครั้งที่พี่ปอนวางปากกาจบลงในแต่ละบท พี่ปอนยิ้มกับงานเขียนของตัวเองได้ ความจริงเราควรจะพอใจกับมันตรงนั้นก่อน แล้วเราก็เขียนงานชิ้นใหม่ แค่พอใจเราก็มีความสุขแล้วค่ะพี่ ไม่เห็นต้องกดดันตัวเองเลยค่ะ เราไม่สามารถทำให้คนอ่านพึงพอใจงานเราได้ทั้งหมดหรอกค่ะ เขียนตามใจใครมันก็ไม่ใช่เราอยู่แล้วน่ะ

ภูเพยียนึกถึงความปรารถนาแรงกล้าที่กามูส์เคยเขียนไว้นะคะว่า “ คุณภาพ ” ไม่สำคัญเท่ากับ “ ปริมาณ ” เพราะเหตุว่า เมื่อมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างที่ตั้งใจในปริมาณที่เต็มที่แล้ว “ คุณภาพ ” ก็จะตามมาเอง
จริง ๆ นะคะ เชื่อแบบนี้ โลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืนหรอกค่ะ ชัยชนะ พ่ายแพ้ ชื่อเสียง เป็นเพียงของชั่วคราวทั้งนั้น เราเองก็เข้าใจไปไม่ถึง หากลึกซึ้งแก่นแท้มันได้ ชื่อเสียงก็คือสิ่งไร้สาระมาทดสอบชีวิต มาให้รางวัลเรา มาให้เราชุ่มฉ่ำ แต่เรานั่นแหละที่ไปติดกับมันเข้า ทุกวันนี้ภูเพยียก็ยังเชื่อมือว่าพี่ปอนตั้งใจทำงานแล้วนี่คะ คนอ่านแบบภูเพยียเยอะแยะไป ตามอ่านเงียบ ๆ ไม่ได้ส่งเสียงออกมา เราก็อ่านงานคนนั้นคนนี้ในที่ของเรา บางทีกำลังใจจากเพื่อนดี ๆ ก็เหมือนน้ำพุของชีวิต ผุดขึ้นมาเป็นกำลังใจ แต่ในที่สุดแล้ว น้ำพุนั้นน่ะมันอยู่ในใจของเราทุกคนอยู่แล้ว ภุเพยียเชื่อว่าพี่ปอนก็ต้องพบมัน น้ำพุที่ทำให้ชีวิตแช่มชื่นได้ด้วยตัวเราเอง เหมือนเส้นขอบฟ้าที่เราไม่เคยเห็นแต่เชื่อว่ามันมีและเส้นขอบฝันที่เราสามารถฝันได้ไร้ขอบเขตและไม่มีที่สิ้นสุดนั่นแหละค่ะ

ด้วยความนับถือ
:)








โดย: ภูเพยีย วันที่: 25 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:20:02 น.  

 
มีความสุขมาก ๆ ค่ะ ...




สรรค์ศีลธรรมถิ่นบ้าน.....................เกณฑ์บน ระบอบเอย
ดำว่าดำขาวดล.............................เด่นได้
พงศ์พันธุ์นิวาสตน..........................ชนะเลิศ
รวมฤทธารักให้.............................กระหึ่มห้วงใจสมาน


..................................................................................


• ... คือผืนดิน ....“สิน” น้ำใจ ... ให้อิงพัก
ควรปกปักษ์ ไตร่ตรอง มองมุมใหม่
แม้นเปราะบาง ต่างประเด็น ไม่เป็นไร
ใช่อื่นไกล กรอบเกณฑ์ เว้นขาว-ดำ ...


• ...จักบังเกิด เปิดประกาย สายแสงจ้า
หยาดน้ำฟ้า ชโลมใจ ให้ชุ่มฉ่ำ
ล้วนเผ่าพงศ์ วงศา พึ่งพา-นำ
ทุกหยดล้ำ กำซาบ อาบแดนดิน ...


..................................................................................
.
.
.


โดย: ploythana วันที่: 27 พฤษภาคม 2553 เวลา:11:52:54 น.  

 
ขอบคุณภูเพยีย
มีกำลังใจเยอะเลย
นั่งเงื้อง่ามาห้าหกวันแล้ว
เขียนไม่ได้สักบรรทัด
จนท้องอืด เครียดลงกระเพาะ
ต้องไปหายาขับลมมารับประทาน วุ่นวายไปอีก

วันนี้ก็นั่งจ้องจนเลิกจ้องแล้ว
มาแอ่วบล็อกดีกว่า
กามูส์พูดไว้งั้นเหรอ ดีจังๆ
คัดๆเอานะ มะพร้าวทั้งสวน หากกะทิดี ๆ ไม่ได้เชียวเหรอ
ขอบคุณนะ
เพี้ยง พรุ่งนี้ๆ
วันนี้ ยอมแพ้


โดย: ดาวส่องทาง วันที่: 30 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:37:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาวส่องทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ดาวส่องทาง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.