หัวใจรสกาแฟ 2
อีตาบ้า!! ! อัมพิกาเข่นเคี้ยวอยู่ในใจพร้อมกระแทกเท้าก้าวฉับๆ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ถึงมันจะผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้วก็เถอะ หน้าตากวนประสาทของนายคนนั้นก็ยังติดตา ไหนจะ
เรื่องมันเริ่มเมื่อนลินีเพื่อนสุดที่รักกับเป็นหนึ่งแฟนหนุ่มของเธอขับรถมาส่งอัมพิกาที่ห้องสมุดกลางก่อนที่ทั้งคู่จะร่ำลาไปหาโลกส่วนตัว หญิงสาวตั้งใจจะไปยืมหนังสือเล่มหนึ่งและมันบังเอิญมีแค่เล่มเดียวเท่านั้น หนังสือต้นเรื่องสถิตย์อยู่ชั้นสูงสุดด้วยว่าความสูงมีไม่พอเพียงจึงต้องเขย่งปลายเท้าเอื้อมมือหมายคว้าออกไปอย่างทุลักทุเล หากอยู่ๆก็มีอีกมือหนึ่งที่ใหญ่กว่ายาวกว่าคว้าฉับไปต่อหน้าต่อตา ซ้ำเจ้าของมือยังทำหน้าตายเดินไปยืมหนังสือที่เคาน์เตอร์ ไม่แม้แต่จะรู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาท ความที่เจ้าหนังสือเล่มนั้นมีค่าเป็นคะแนนรายงาน อัมพิกาจึงซอยเท้าวิ่งตามเมื่อเขาเดินลอยชายออกจากห้องสมุด หญิงสาวแผดเสียงลั่นคู้ณณณณณ...... หยุดก่อน! ได้ผล คนข้างหน้าหยุดกึก! ใช่เขาหยุดแล้ว แต่อัมพิกายังไม่หยุด เพราะต้องรีบสาวเท้าตามคนก้าวยาวๆให้ทัน ซ้ำรองเท้าที่ใส่เป็นส้นเล็กแหลมและพื้นก็ลื่นน้ำฝนซะด้วย หญิงสาวเลยเสียหลักล้มคะมำไปข้างหน้าทางที่มือขโมยยืนอยู่ รู้ว่าต้องล้มแน่ๆแต่หยุดไม่ได้แล้ว อัมพิกาหลับตาปี๋อย่างลืมตัว ตึบ!!! แปลกแฮะ....แทนที่จะสัมผัสกับพื้นซีเมนต์แฉะชื้นกลับรู้สึกว่าตัวเองล้มคว่ำทับอะไรอุ่นๆจะว่าแข็งก็ไม่ใช่นิ่มก็ไม่เชิง หญิงสาวค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น หากทันทีที่ลืมตาก็ประสานกับนัยน์ตาคมกริบของใครก็ไม่รู้แต่มันอยู่ห่างแค่นิ้วเดียว จมูกรั้นนิดๆของเธอบดทับของฝ่ายตรงข้ามจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา ที่ร้ายสุดคือริมฝีปากอิ่มนุ่มทาบสนิทแนบกับริมฝีปากอุ่น หญิงสาวจำต้องรับรู้ความจริงที่ทำให้อยากแทรกแผ่นดินว่าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเธอเหยียดทับอยู่บนร่างของผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อได้สติ ทั้งที่ไม่ค่อยจะมีแล้ว อัมพิการีบลุกขึ้นยืน คนที่ถูกเธอล้มทับเมื่อครู่ก็ลุกเหมือนกัน คราวนี้เห็นชัดว่าเป็นคนเดียวกับที่เธอวิ่งตามมา เสื้อเชิ๊ตขาวของเขาเปื้อนด่างดวงสีน้ำตาลและเจ้าของกำลังชุลมุนอยู่กับการปัด ส่วนเสื้อนักศึกษาของเธอยังปกติดีหญิงสาวจึงไม่เสียเวลากับการขจัดคราบสกปรก เอาหนังสือนั่นมานะ อัมพิกาเอ่ยทวง ทั้งๆรู้สึกวูบวาบบนหน้า ชายหนุ่มหยุดภารกิจกับเสื้อของตัวเองหันมามองหญิงสาวเต็มตาแล้วก็ชะงักพร้อมอุทานอะไรในคอเบาๆทำหน้าอย่างกับคิดอะไรได้งั้นแหละ อัมพิกาเชิดหน้าพยายามเบ่งเสียงเล็กๆของตัวเองให้ฟังดูน่าเกรงขามขึ้นเพื่อคุกคามและช่วยย้ำเตือนความจำของเขา หนังสือนั่นฉันจะหยิบอยู่แล้ว นายมาทีหลังแต่มาตัดหน้าคว้าไปก่อนได้ไง เอาคืนมานะ คราวนี้อัมพิกาเชื่อว่าเห็นสายตาขบขันแกมล้อเลียนอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่าจากคู่กรณี ก็จะไม่ให้เหนือกว่าได้ยังไงเขาตัวสูงกว่าเธอตั้งเยอะ สภาพที่เธอต้องแหงนหน้าข่มขู่เขาในขณะที่เขาชะโงกหน้าลงมามองมันช่างเหมือนมวยคนละพิกัดเสียจริง ยังไม่ทันชกก็แทบจะเดาผลออก เจ็บใจตัวเองหนักทำไมสูงได้แค่นี้ และหญิงสาวก็ต้องเจ็บใจหนักขึ้นเมื่อคู่ต่อสู้ชูหนังสือกวัดแกว่งใส่ในระดับที่เธอเอื้อมไม่ถึง นี่นะเหรอ ผมต้องใช้คุณอยากช้าเองทำไมล่ะ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ผมรีบ ไปล่ะนะ ว่าแล้วคนมือยาวก็ทำท่าจะเดินหนีไปดื้อๆ แต่ก่อนไปยังมีหน้าพูดทิ้งท้าย เมื่อกี้! ผมไม่ขอโทษนะ คุณล้มมาทับผมเอง นี่ดูซิเสื้อผมเปื้อนหมดเลย จะซักออกรึเปล่าก็ไม่รู้ เล่นเอาอัมพิกากำหมัดแน่น โกรธมากจนพูดไม่ออก คนอะไรไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษสักนิด ขอโทษสักคำก็ไม่มีแล้วนี่มันกลายเป็นว่าเธอเป็นสาเหตุทำให้เสื้อเขาเปื้อนใช่ไหม ว่าแล้วก็พลางเอามือขยี้ริมฝีปากแรงๆ อยากจะลบไอ้ความรู้สึกหวาบหวิวกับสัมผัสอุ่นๆของคนนั้นให้หายไป เกิดมายังไม่เคยต้องประกบริมฝีปากกับใครเลย เอ๊ะ! นี่เราเดินเลยซอยเข้าหอมาแล้วนี่น่า อัมพิกาฉุดใจคิดเมื่อมองป้ายบอกชื่อซอย มันเป็นซอยสิบสอง แต่หอของเธออยู่ซอยแปด เพราะมั่วคิดเรื่องอีตานั่นแท้ๆเชียวเลยมาตั้งสองซอย แต่ไหนๆก็เลยมาแล้วเห็นยัยเปิ้ลบอกว่าซอยนี้มีร้านกาแฟเล็กๆบรรยากาศดี ราคาไม่แพง ไปหากาแฟอร่อยๆกินดับอารมณ์ดีกว่า
โดย: JEA IP: 222.123.208.92 วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:1:59:08 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
สระอะไรเอ่ย...ยิ้มได้? ก็ สระ "อิ" ไงจ๊ะ นี่แหละค่ะที่มาของชื่อ "พินทุอิ" สระที่มีหน้าตาเหมือนรอยยิ้ม (จริงๆนะ) มาร่วมแบ่งปันรอยยิ้มและความสุขกันนะคะ
หมายเหตุ
งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาต
หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ กรุณาติดต่อขออนุญาตจากผู้เขียนโดยตรง