• ° o . O ขอต้อนรับสู่โลกขำๆ ของคนชอบฝันเฟื่อง O . o ° •
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
7 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

หัวใจรสกาแฟ 2

อีตาบ้า!!! อัมพิกาเข่นเคี้ยวอยู่ในใจพร้อมกระแทกเท้าก้าวฉับๆ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ถึงมันจะผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้วก็เถอะ หน้าตากวนประสาทของนายคนนั้นก็ยังติดตา

ไหนจะ…

เรื่องมันเริ่มเมื่อนลินีเพื่อนสุดที่รักกับเป็นหนึ่งแฟนหนุ่มของเธอขับรถมาส่งอัมพิกาที่ห้องสมุดกลางก่อนที่ทั้งคู่จะร่ำลาไปหาโลกส่วนตัว หญิงสาวตั้งใจจะไปยืมหนังสือเล่มหนึ่งและมันบังเอิญมีแค่เล่มเดียวเท่านั้น หนังสือต้นเรื่องสถิตย์อยู่ชั้นสูงสุดด้วยว่าความสูงมีไม่พอเพียงจึงต้องเขย่งปลายเท้าเอื้อมมือหมายคว้าออกไปอย่างทุลักทุเล หากอยู่ๆก็มีอีกมือหนึ่งที่ใหญ่กว่ายาวกว่าคว้าฉับไปต่อหน้าต่อตา ซ้ำเจ้าของมือยังทำหน้าตายเดินไปยืมหนังสือที่เคาน์เตอร์ ไม่แม้แต่จะรู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาท

ความที่เจ้าหนังสือเล่มนั้นมีค่าเป็นคะแนนรายงาน อัมพิกาจึงซอยเท้าวิ่งตามเมื่อเขาเดินลอยชายออกจากห้องสมุด หญิงสาวแผดเสียงลั่น“คู้ณณณณณ...... หยุดก่อน!”

ได้ผล คนข้างหน้าหยุดกึก!

ใช่เขาหยุดแล้ว แต่อัมพิกายังไม่หยุด

เพราะต้องรีบสาวเท้าตามคนก้าวยาวๆให้ทัน ซ้ำรองเท้าที่ใส่เป็นส้นเล็กแหลมและพื้นก็ลื่นน้ำฝนซะด้วย หญิงสาวเลยเสียหลักล้มคะมำไปข้างหน้าทางที่มือขโมยยืนอยู่ รู้ว่าต้องล้มแน่ๆแต่หยุดไม่ได้แล้ว อัมพิกาหลับตาปี๋อย่างลืมตัว ตึบ!!!

แปลกแฮะ....แทนที่จะสัมผัสกับพื้นซีเมนต์แฉะชื้นกลับรู้สึกว่าตัวเองล้มคว่ำทับอะไรอุ่นๆจะว่าแข็งก็ไม่ใช่นิ่มก็ไม่เชิง หญิงสาวค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น หากทันทีที่ลืมตาก็ประสานกับนัยน์ตาคมกริบของใครก็ไม่รู้แต่มันอยู่ห่างแค่นิ้วเดียว จมูกรั้นนิดๆของเธอบดทับของฝ่ายตรงข้ามจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา ที่ร้ายสุดคือริมฝีปากอิ่มนุ่มทาบสนิทแนบกับริมฝีปากอุ่น

หญิงสาวจำต้องรับรู้ความจริงที่ทำให้อยากแทรกแผ่นดินว่าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเธอเหยียดทับอยู่บนร่างของผู้ชายคนหนึ่ง

เมื่อได้สติ ทั้งที่ไม่ค่อยจะมีแล้ว อัมพิการีบลุกขึ้นยืน คนที่ถูกเธอล้มทับเมื่อครู่ก็ลุกเหมือนกัน คราวนี้เห็นชัดว่าเป็นคนเดียวกับที่เธอวิ่งตามมา เสื้อเชิ๊ตขาวของเขาเปื้อนด่างดวงสีน้ำตาลและเจ้าของกำลังชุลมุนอยู่กับการปัด ส่วนเสื้อนักศึกษาของเธอยังปกติดีหญิงสาวจึงไม่เสียเวลากับการขจัดคราบสกปรก “เอาหนังสือนั่นมานะ” อัมพิกาเอ่ยทวง ทั้งๆรู้สึกวูบวาบบนหน้า

ชายหนุ่มหยุดภารกิจกับเสื้อของตัวเองหันมามองหญิงสาวเต็มตาแล้วก็ชะงักพร้อมอุทานอะไรในคอเบาๆทำหน้าอย่างกับคิดอะไรได้งั้นแหละ อัมพิกาเชิดหน้าพยายามเบ่งเสียงเล็กๆของตัวเองให้ฟังดูน่าเกรงขามขึ้นเพื่อคุกคามและช่วยย้ำเตือนความจำของเขา “หนังสือนั่นฉันจะหยิบอยู่แล้ว นายมาทีหลังแต่มาตัดหน้าคว้าไปก่อนได้ไง เอาคืนมานะ”

คราวนี้อัมพิกาเชื่อว่าเห็นสายตาขบขันแกมล้อเลียนอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่าจากคู่กรณี ก็จะไม่ให้เหนือกว่าได้ยังไงเขาตัวสูงกว่าเธอตั้งเยอะ สภาพที่เธอต้องแหงนหน้าข่มขู่เขาในขณะที่เขาชะโงกหน้าลงมามองมันช่างเหมือนมวยคนละพิกัดเสียจริง ยังไม่ทันชกก็แทบจะเดาผลออก เจ็บใจตัวเองหนักทำไมสูงได้แค่นี้ และหญิงสาวก็ต้องเจ็บใจหนักขึ้นเมื่อคู่ต่อสู้ชูหนังสือกวัดแกว่งใส่ในระดับที่เธอเอื้อมไม่ถึง

“นี่นะเหรอ ผมต้องใช้คุณอยากช้าเองทำไมล่ะ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ผมรีบ ไปล่ะนะ” ว่าแล้วคนมือยาวก็ทำท่าจะเดินหนีไปดื้อๆ แต่ก่อนไปยังมีหน้าพูดทิ้งท้าย “เมื่อกี้! ผมไม่ขอโทษนะ คุณล้มมาทับผมเอง นี่ดูซิเสื้อผมเปื้อนหมดเลย จะซักออกรึเปล่าก็ไม่รู้”

เล่นเอาอัมพิกากำหมัดแน่น โกรธมากจนพูดไม่ออก คนอะไรไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษสักนิด ขอโทษสักคำก็ไม่มีแล้วนี่มันกลายเป็นว่าเธอเป็นสาเหตุทำให้เสื้อเขาเปื้อนใช่ไหม ว่าแล้วก็พลางเอามือขยี้ริมฝีปากแรงๆ อยากจะลบไอ้ความรู้สึกหวาบหวิวกับสัมผัสอุ่นๆของคนนั้นให้หายไป เกิดมายังไม่เคยต้องประกบริมฝีปากกับใครเลย

เอ๊ะ! นี่เราเดินเลยซอยเข้าหอมาแล้วนี่น่า

อัมพิกาฉุดใจคิดเมื่อมองป้ายบอกชื่อซอย มันเป็นซอยสิบสอง แต่หอของเธออยู่ซอยแปด เพราะมั่วคิดเรื่องอีตานั่นแท้ๆเชียวเลยมาตั้งสองซอย แต่ไหนๆก็เลยมาแล้วเห็นยัยเปิ้ลบอกว่าซอยนี้มีร้านกาแฟเล็กๆบรรยากาศดี ราคาไม่แพง ไปหากาแฟอร่อยๆกินดับอารมณ์ดีกว่า




ภายใน ‘ร้านไออุ่น’ วันนี้ ลูกค้าไม่แน่นจนน่าอึดอัด แต่ก็ไม่บางตาจนดูเหงาหงอย ทันทีที่อัมพิกาเปิดประตูร้านเข้ามา บริกรร่างตุ้ยนุ้ยยิ้มจนตาหยีรีบตรงเข้าไปทักทาย พร้อมจัดแจงหาที่นั่งให้ “สวัสดีครับ จะรับอะไรดีครับ”

“เอ่อ! นั่นน่ะซิคะ ” อัมพิกาไล่สายตาไปที่เมนู ทั้งๆที่รู้ว่าอยากกินกาแฟแต่ไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรดี

“ขอพี่แนะนำนะครับ วันนี้ทางร้านเรามีกาแฟสูตรใหม่” บริกรชี้ให้หญิงสาวดูป้าย เมนูพิเศษ

“first kissครับ เป็นการผสมระหว่างกาแฟโบราณแบบไทยที่เน้นหวานมันส์ กับความหอมขมเข้มของเอสเปรสโซ่ ทางเราคิดสูตรขึ้นเองลองดูไหมครับ” บริกรร่างอวบชี้ชวนอย่างร่าเริง แม้จะรู้สึกทะแม่งๆกับชื่อ แต่หญิงสาวก็ตกลง เพราะเห็นท่าทางชวนชิมของบริกรแล้วก็ดูน่าสงสารหากจะปฏิเสธคำแนะนำที่แสนน่ารักนั่น

อัมพิกาฆ่าเวลาด้วยการเอาเมนูของทางร้านมาอ่านเล่น นึกติดใจบรรยากาศน่ารักของร้านไออุ่นอยู่เหมือนกัน ราคาก็ไม่แพงเดี๋ยววันหลังจะชวนนลินีมาชิมบ้างดีกว่า หลังจากนั่งรอประมาณห้านาทีแม้จะไม่ได้เงยหน้าก็รู้สึกว่ามีบริกรนำเอากาแฟที่ร้อนจนควันฉุยมาวาง กลิ่นหอมแตะจมูกชื่นใจ แต่!!!

“อ้าว! คิดว่าจะเป็นกาแฟเย็นซะอีก ลืมถามก่อนซะด้วย” อัมพิกาพึมพำ ปกติถ้ากินกาแฟตามร้านเธอชอบสั่งกาแฟเย็น ส่วนกาแฟร้อนน่ะไว้ไปชงกินเองที่หอก็ได้

“อากาศเย็นแบบนี้ ดื่มกาแฟร้อนดีกว่านะครับ อุ่นดี จะได้ไม่เป็นหวัดไงครับ” เสียงบริกรเปลี่ยนไปคงจะเป็นคนใหม่ แต่ก็ยังรักษาความสุภาพและเป็นมิตรของน้ำเสียงเหมือนคนที่แล้ว

แต่เมื่ออัมพิกาเงยหน้าขึ้นวิมานอันแสนสุขก็ถลายในทันควัน “นาย!…” ใช่แล้วจำได้ดีเชียวล่ะหน้าตากวนประสาทแบบนี้มีคนเดียวในโลก

อีกฝ่ายก็คงตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน “โอ๊ะ...อะ...เอ่อ...คุณ? ...นี่ตามมาถึงนี่เชียวเหรอ”

“ใครว่าฉันตามนาย” เลือดเริ่มขึ้นหน้าอีกครั้ง ถ้ารู้ว่าตานี่ทำงานที่ร้านนี้ จ้างจะไม่มีวันมาเลยจริงๆ

“จะไปรู้เหรอ นึกว่าติดใจ เอ่อ เลยตามมาอีก”

“อีตาบ้า” ด้วยสุดจะทนอัมพิกาโวยวายลั่น อีกฝ่ายเอารีบเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากตัวเองเป็นสัญญาณให้เงียบ “จุ๊ๆ เงียบหน่อยซิคุณ คนเขามองกันทั้งร้านแล้ว เดี๋ยวเจ้าของร้านหาว่าผมทำอะไรลูกค้า พาลไล่ผมออกพอดี”

“ดีเลย เขาจะได้รู้ว่ามีลูกน้องไร้มารยาทที่สุดในโลก” หญิงสาวไม่ยอมลดล่ะ คราวนี้เธอเป็นต่อแล้วซิ เห็นหมอนั่นทำหน้าเลิกลั่กเหลียวซ้ายแลขวา แกล้งให้ตกงานซะดีไหมล่ะเนี่ย

“ง่า! ใจเย็นๆ นะครับ ดื่มกาแฟดีกว่าเดี๋ยวเย็นหมดนา”

ที่อย่างนี้ทำเป็นมาพูดดี ยังไม่ทันที่อัมพิกาจะว่ากล่าวต่อไปเสียงกระดิ่งที่แขวนตรงประตูก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณว่ามีลูกค้ารายใหม่เข้ามา บริกรตรงหน้าฉวยโอกาสนั้นทิ้งลูกค้าที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อ ไปต้อนรับรายใหม่

“สวัสดีครับพี่ วันนี้รับคาปูชิโน่ปั่นเหมือนเดิมรึเปล่าครับ?” เสียงทุ้มๆต้อนรับลูกค้าแสนจะแสลงหู อัมพิกาไม่ได้หันไปมอง ใครจะอยากสนเกลียดนักเชียว แล้วก็เลยมาสนใจกับกาแฟร้อนบนโต๊ะ ถึงจะรังเกียจว่าเขาคนนั้นเสริฟ แต่กลิ่นหอมๆ ก็ทำให้อดใจไม่ได้ที่จะยกมาจิบชิม

เแรกที่กาแฟสัมผัสลิ้นความขมปร่าทำให้ต้องหลับตาปี๋ แต่เมื่อฝืนใจกลืน รสหวานก็มาแทนที่ เริ่มจากปลายลิ้น ค่อยๆแผ่ซ่านสู่ลำคอ เป็นความหวานที่ไม่เลี่ยน หากหวานมันส์กลมกล่อมนุ่มละมุน อีกทั้งความอุ่นนั้นเล่า ค่อยๆซาบซ่าน เริ่มตั้งแต่ริมฝีปาก ลำคอ กระเพาะ จนแผ่ไปทั่วร่างกาย แม้อากาศออกจะเย็นเพราะฝนที่ตกหนักเมื่อเช้าและเครื่องปรับอากาศ แต่อัมพิกากลับรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว

อืมม์ ขม แล้วก็ค่อยๆหวาน แถมอบอุ่นดีจัง หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ตอนนี้ลืมเรื่องที่ขุ่นใจไปแล้ว นั่งละเลียดกาแฟร้อนจนหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เกลี้ยงแก้ว ว่าแล้วก็กลับดีกว่า ไม่อยากเห็นหน้าอีตานั่นด้วย เดี๋ยวจะพาลอารมณ์เสียเปล่าๆ

อัมพิกาส่งสัญญาณให้บริกรซึ่งแน่ล่ะไม่ใช่นายนั่นมาเก็บเงิน

“เป็นยังไงบ้างครับ first kiss?” อุตส่าห์เรียกคนอื่นแล้วเชียว ทำไมต้องเสนอหน้ามาด้วยนะ อยากจะตอบไปว่า เหมือนน้ำล้างจาน ก็นึกอายๆกับแก้วเกลี้ยงๆ ตรงหน้า

“ขมปี๋ จนเฝื่อนคอ ที่อุตส่าห์กินจนหมดเนี่ย เพราะเสียดายเงินหรอกนะ” คำตอบของหญิงสาวทำเอาอีกฝ่ายหน้าจ๋อยลงถนัดตา ดีสมน้ำหน้า เนี่ยมันยังไม่เท่ากับที่นายทำกับฉันหรอก

“ขอโทษจริงๆนะครับ พอดี first kiss แก้วนี้ผมคิดสูตรขึ้นมาเองแหละ ไม่นึกว่ามันจะขมไป วันหลังมาใหม่นะครับ เดี๋ยวจะเพิ่มปริมาณให้เป็นพิเศษ แล้วก็จะปรับปรุงสูตรเป็น อืมม์….ต้องเรียกว่า second kiss ซินะครับ ให้หวานขึ้นด้วย จะได้ถูกใจคุณ”

คำขอโทษปนกระแสเว้าวอนขอความเห็นใจ ทำให้อัมพิกาหน้าร้อนๆ คิดไปถึงสัมผัสอุ่นๆที่ริมฝีปากเมื่อเที่ยง โอ๊ย เราเป็นอะไรไปเนี่ย เพราะอีตานี่แท้ๆเลย ทำไมต้องเจอะเจออีกก็ไม่รู้

“จ้างฉันก็ไม่มาอีกเป็นอันขาด” ไอ้ที่ตอบไปน่ะไม่ตรงกับใจซะหน่อย แต่ก็ อยากทำอะไรให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกเจ็บซะบ้างสะใจดี แต่หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าทางฝ่ายโน้นก็เตรียมแผนการณ์ไว้รองรับเหมือนกัน

“พรุ่งนี้มานะครับ แล้วผมจะเอาหนังสือที่คุณอยากได้มาให้ วันนี้ขอเอากลับไปอ่านก่อน”

อัมพิกาอยากบอกว่าไม่มีทางแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ถ้าไม่อ่านเล่มนั้นซึ่งมันก็คือหนังสือแปลไทยของนวนิยายกึ่งประวัติศาสตร์ประเทศรัสเซียก็ต้องอ่านภาคแปลภาษาอังกฤษ ตอนแรกก็ทำใจไว้แล้วล่ะว่าต้องเปิดดิคมือหงิกแต่เมื่อมันมีทางที่ดีกว่าก็....“ก็ได้ แต่นายอย่าเบี้ยวนะ”

“ผมมีชื่อนะ เรียกนายๆอยู่นั่นแหละ ผมชื่อรุตต์ แล้วคุณชื่ออะไรล่ะ”

เชอะใครอยากรู้ชื่อนายไม่ทราบยังมีหน้ามาถามชื่อเขาอีก อัมพิการัวตอบแบบเต็มยศยาวเหยียดทั้งชื่อจริงพร้อมนามสกุลทั้งที่เพื่อนๆมักเรียกเพียงชื่อเล่นของเธอ แสดงออกเต็มที่ว่า ‘ฉันไม่มีวันจะสนิทสนมกับคนอย่างนายรุตต์นี่แน่ๆ’ ก่อนจะเชิดหน้าเดินออกจากร้านหากเดินไปได้ไม่ไกลก็ได้ยินเสียงตะโกนของคนกวนประสาทแว่วมา

“ตกลงพรุ่งนี้ เจอกันที่นี่ ตอนห้าโมงครึ่งนะครับ อั้ม”

เอ๊ะ อีตานี่รู้ชื่อเล่นเราได้ไง หญิงสาวอยากจะย้อนกลับไปถามแต่เห็นฝ่ายตรงข้ามหลบแว๊บเข้าร้านเลยขี้เกียจ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาคิดบัญชี เดี๋ยวคืนนี้ไปนอนคิดหาเรื่องป่วนอีตาบ้านี่ดีกว่า ต้องแก้แค้นให้สมใจ

หลังจากส่งลูกค้าคู่กรณีไปแล้ว นิติรุตต์ ก็กลับเข้ามาในร้านอีกครั้ง พอดีกับที่ลูกค้าขาประจำเรียกเก็บเงิน “ทำไม คาปูชิโน่หวานกว่าทุกวันล่ะน้อง แต่ก็ไม่เป็นไร เครียดๆกินหวานบ้างก็ดีเหมือนกัน”

บริกรหนุ่มหน้าทะเล้นอมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเปิดประตูส่งหญิงสาวในชุดฟอร์มออฟฟิศสีเทา ซึ่งมักชอบเข้ามานั่งอ่านหนังสือเคล้าคาปูชิโน่ปั่นเสมอ “ขอบคุณมากครับ วันหลังเชิญอีกนะครับ ร้านไออุ่นยินดีรับใช้”






 

Create Date : 07 มิถุนายน 2552
2 comments
Last Update : 10 มิถุนายน 2552 22:27:44 น.
Counter : 378 Pageviews.

 

ชอบค่ะ...หิว...อยากกินกาแฟอีกแล้ว....

 

โดย: JEA IP: 222.123.208.92 8 มิถุนายน 2552 1:59:08 น.  

 

งุ้งิๆ นางเอกเหมือนอ้อนะเนี่ย (นิสัย ความสวยมันคนละเรื่องกาน ฮ่าๆ)

อ้อชอบกาแฟนะ เมื่อก่อนตอนปีหนึ่งปีสอง นั่งอยู่ได้ร้านกาแฟ ทุกวี่วัน
มันหอม ขม

ขอบกลิ่นกาแฟด้วยน่ะค่ะ

 

โดย: ต้นอ้อสีม่วง 18 มิถุนายน 2552 8:42:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พินทุอิ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สระอะไรเอ่ย...ยิ้มได้? ก็ สระ "อิ" ไงจ๊ะ นี่แหละค่ะที่มาของชื่อ "พินทุอิ" สระที่มีหน้าตาเหมือนรอยยิ้ม (จริงๆนะ)
มาร่วมแบ่งปันรอยยิ้มและความสุขกันนะคะ

หมายเหตุ
งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาต หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ กรุณาติดต่อขออนุญาตจากผู้เขียนโดยตรง
Friends' blogs
[Add พินทุอิ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.