หัวใจรสกาแฟ 7
บารีสต้ามือวางอันดับหนึ่งแห่ง ร้านไออุ่น ไม่มีเวลาได้นั่งหน้าละห้อยนานนักแม้ว่าใจจะยังละเหี่ยอยู่ก็ตาม เพราะพอสองสาวเฮอริเคนออกไปสักพักก็มีลูกค้าสาววัยทำงานขาประจำพาเพื่อนสาวหน้าใหม่ เข้ามาให้ต้องรับใช้ เฮ้อ! ดีเหมือนกัน จะได้ชงกาแฟคลายเครียด เผื่อสมองปลอดโปร่งคิดอะไรออกมั่ง คาปูชิโน่ปั่น 1 ลาตเต้เย็น 1 เค๊กช็อคโกแลต 2 คุ๊กกี้เนยสด 2 ครบนะครับ บริกรตาตี่คนขยันทวนรายการพร้อมทั้งยื่นของทั้งหมดซึ่งเรียบร้อยอยู่ในบรรจุภัณฑ์แบบ พร้อมจร มีลูกอมกาแฟแถมให้นะครับ ชื่อ always ตรีโกณพูดพลางยื่นห่อ always ให้ลูกค้าที่พวกเขามักแอบเรียกเอาเองว่า สาวคาปูชิโน่ปั่น แหม! ไม่ยักแถมคนชง เอาน้องคนชงใส่ห่อให้ด้วยได้ไหมคะ เพื่อนของสาวคาปูชิโน่ปั่นแซวเสียงใส ส่อจุดประสงค์ว่าเป็นการหยอกเอินเล่นอย่างคนอารมณ์ดี โธ่! ปล่อยน้องเอาไปสู่ที่เจริญหูเจริญตาเถอะ ยัยอ้อ กลับได้แล้วเดี๋ยวเย็นรถจะติด พี่ไปก่อนล่ะน้อง ขาประจำของร้านไออุ่นดุเพื่อนแล้วกล่าวลา เธอคนนี้มาร้านบ่อยจนค่อนข้างจะสนิทสนมกับบริกรทุกคน คนชงกาแฟที่เกือบถูกจับใส่ห่อยิ้มกว้างพร้อมโค้งศีรษะเป็นการอำลา ส่วนนายหน้าตี๋รี่ไปเปิดประตูส่งถึงหน้าร้าน ขอบคุณมากครับ แล้วมาใหม่นะครับ เปิดประตูส่งลูกค้าสองสาว เลยได้เปิดต่อต้อนรับลูกค้าหนุ่มเข้าร้านอีกคน เอ้อ
ช่างมาได้ต่อเนื่องดีแท้ ตรีโกณเดินตามลูกค้าซึ่งตรงมานั่งที่ประจำ โต๊ะริมหน้าต่างด้านในสุด เอสเปรสโซ่ หรือ season change ครับ เพราะลูกค้ารายนี้มาบ่อยจนจำได้น่ะซิ บริกรถึงค่อนข้างแน่ใจว่า เขาต้องสั่งอะไรสักอย่างในสองอย่างนี้แหละ เอ่อ
วันนี้ผมขอ แมคชีอาโต้ ดีกว่า ไม่อยากกินหวานอย่าง season change เอสเปรสโซ่เฉยๆ ก็เบื่อแล้ว อยากลองดูฝีมือน้องคนที่ชงน่ะ ว่าจะตีฟองนมได้แจ๋วแค่ไหน ถ้าเป็นคนอื่นได้ยินลูกค้าพูดแบบนี้คงเข้าใจว่า เจอลองดีเข้าแล้ว แต่ไม่ใช่นิติรุตต์เพราะเขาไม่เคยลืมเลยว่าตัวเองชงเอสเปรสโซ่ได้ทั้งหอมขมเข้มและสวยได้ก็เพราะลูกค้ารายนี้แแหละ ปกติ พี่หน้าหล่อ จะไม่ค่อยพูด แต่ถ้าพูดที่ไรน่าเก็บไปคิดทุกที ครั้งแรกที่เจอกันเมื่อตอนเปิดร้านใหม่ๆลูกค้ารายนี้ก็ประเดิมสั่งเอสเปรสโซ่ พอยกไปเสริฟปุ๊บ พี่แกก็ไม่ได้ต่อว่าต่อขาน เพียงแต่บอกเปรยๆว่า คุณรู้ไหม เอสเปรสโซ่แก้วจิ๋วเนี่ยเป็นกาแฟที่ใช้บอกฝีมือคนชงเลยนะนอกจากรสชาติเข้มข้น ฟองสีทองที่ลอยอยู่ข้างบนก็สำคัญ เจ้าฟองน่ะเมื่อกินหมดแก้วแล้วมันก็ควรจะเหลือคราบติดก้นแก้วบ้างพองาม แล้วพี่แกก็ซดกาแฟทำหน้าเฉย ตัวคนชงมองเอสเปรสโซ่ฝีมือตนเองที่ฟองสีทองร่อแร่เต็มที ก็ให้ใจหายคิดว่าลูกค้ารายนี้คงไม่จะเข้ามากินกาแฟที่ร้านอีก แต่พี่แกก็เข้ามาเรื่อยๆให้ได้แก้ตัว เพียงสองอาทิตย์ให้หลัง เมื่อพี่หน้าหล่อสั่งเอสเปรสโซ่ตามปกติ ช่วงที่เขาเรียกนิติรุตต์เก็บเงิน ขาประจำเอสเปรสโซ่ไม่ได้พูดอะไรมากแค่เอามือมาตบไหล่เขาเบาๆ แล้วพูดว่า แจ๋ว แล้วก็เดินออกจากร้านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉะนั้นในวันนี้ที่พี่แกพูดเหมือนอยากลองดี นิติรุตต์จึงคิดว่าพี่หน้าหล่อคงล้อเล่นตามประสาคนคุ้นเคย แต่ก็เป็นการล้อเล่นในแบบของพี่แกนั่นแหละ ช่วงนี้ดูหน้าตาสดใสขึ้นด้วย จะเรียกว่า พี่หน้าหล่อแต่ขมยิ่งกว่าเอสเปรสโซ่ คงไม่ได้แล้ว บารีสต้าจัดการชงเอสเปรสโซ่ร้อน ตามด้วยฟองนมสีขาวฟูฟ่องเนื้อเนียนละเอียดปิดทับด้านบน ซึ่งรวมแล้วเรียกว่า แมคชีอาโต้ ยกออกไปเสริฟเอง แมคชีอาโต้ ครับพี่ อืมม์
มีคนเขาเปรียบเจ้ากาแฟสูตรนี้ว่าเหมือนผู้ชายมาดเข้มที่มีความอ่อนโยนอยู่ในตัว พี่เคยได้ยินไหมครับ เหอะๆ เห็นหมู่นี่พี่แกหน้าระรื่นขอแซวเล่นแก้เซ็งหน่อยเถอะ งั้นมั้งครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ฝ่ายลูกค้าพูดเพียงแค่นั้น ก็ยกกาแฟขึ้นจิบมองหน้าบริกรยิ้มๆ ก่อนจะเข้าสู่ภวังค์ส่วนตัว ดื่มด่ำเจ้าเอสเปรสโซ่ที่หอมและเข้มเคล้าฟองนมละมุนลิ้นช่างมีความสุขจริงๆ ยิ่งคิดถึงใบหน้าใสบริสุทธิ์กับเสียงเย็นๆ ของคนที่เคยร่วมโต๊ะก็ยิ่งสดชื่น เฮ้อ..คิดถึงเขาอีกล่ะ เมื่อเช้ายังโทรไปอรุณสวัสดิ์อยู่เลย สงสัยคืนนี้ต้องโทรไปราตรีสวัสดิ์อีกรอบ นั่นแกชงกาแฟให้ใครว่ะ เห็นนิติรุตต์กำลังเอากาแฟใส่กับนมร้อนผสมช็อคโกแลต ตรีโกณเลยเอ่ยถามงงๆ ก็ลูกค้ามีรายเดียวเองนี่นา แล้วก็เสริฟเรียบร้อย ว่าจะคิดสูตรกาแฟร้อนที่เหมาะกับคนเป็นหวัดไงพี่ เพื่อวันหลังเจอลูกค้าตั้งโจทย์แบบนี้อีกจะได้แก้ทัน ตรีโกณพยักหน้ารับรู้ นึกสงสัยในความสัมพันธ์ของคนที่เขาเห็นเป็น ไอ้น้องชาย กับสาวตากลมคนนั้นอยู่เหมือนกัน เพราะตั้งแต่เธอคนนั้นออกจากร้านไปหมอนี่ก็ทำท่าไม่สเบยเอาซะเลย แต่มันก็ไม่ยักเล่าอะไรให้ฟัง แล้วตรีโกณเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบสอดเรื่องส่วนตัวของใครซะด้วยซิ อ้าว แก้วนั้นใช้ไม่ได้เหรอรุตต์ เห็นคนช่างคิดสูตรกาแฟวางแก้วที่เพิ่งทำไว้เฉยๆ เลยอดถามไม่ได้ แล้วตรีโกณก็ลองยกขึ้นจิบๆ มันก็เหมือนม็อคค่าร้อนธรรมดา สงสัยไอ้รุตต์มันคงว่ายังไม่แปลกพอ เพิ่งนึกได้น่ะพี่ คนเป็นหวัดไม่ควรกินกาแฟ เดี๋ยวตาสว่างไม่ได้นอนพักผ่อนกันพอดี ต่อไปถ้าลูกค้าสั่งแบบวันนี้อีกพี่ก็บอกไปแบบนี้ล่ะกัน พูดเสร็จก็ถอนหายใจ เฮ้อ
เธอคนนั้นจะรู้ไหมเนี่ยว่าเรากลุ้มขนาดไหน เป็นห่วงขนาดไหนไม่รู้ป่านนี้ไปหาหมอรึยัง ตอนแรกตั้งใจจะชงม็อคค่าร้อนให้ เห็นว่าเป็นของโปรดก็กลัวคนเป็นหวัดจะตาแข็ง สรุปคนชงนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบเจ้าม็อคค่าร้อนให้หมดแก้วด้วยความเสียดายอย่างคนรู้ค่ากาแฟ ทั้งๆที่นิติรุตต์ออกจะเลี่ยนช็อคโกแลตก็ชอบซะที่ไหนล่ะ หลังจากยิ้มส่งลูกค้าหน้าหล่อขาประจำออกจากร้านไป จู่ๆหัวสมองของบารีสต้าก็ใสปิ้งขึ้นมา
เอาแบบนี้ให้คนเป็นหวัดกินน่าจะดีนะ นิติรุตตเริ่มบรรจงจัดการอุ่นนมร้อนที่ตักแยกมาต่างหากกะว่าชงได้สักสองสามแก้ว ผสมหัวเชื้อกลิ่นมิ้นท์ลงไปกะปริมาณให้กลิ่นหอมติดจมูกคนกินแต่ไม่มากจนทำให้เวียนหัวแล้วคนให้เข้ากัน ความจริงถ้าเขาจะทำกาแฟร้อนกลิ่นมิ้นท์มันจะไม่ยุ่งยากขนาดนี้เลย ก็แค่เอาน้ำเชื่อมที่ผสมหัวเชื้อกลิ่นมิ้นท์ไว้แล้วมาเทใส่เจ้าเอสเปรสโซ่ร้อนเติมนมไปก็เป็นอันเสร็จ แต่เพราะไม่อยากให้คนที่กำลังไม่สบายกินกาแฟน่ะซิเลยต้องคิดสูตรเป็นนมร้อนกลิ่มมิ้นท์ หวังให้กลิ่นหอมเย็นจะช่วยทำให้คนเป็นหวัดหายใจโล่งขึ้นและนมอุ่นๆคงช่วยให้หลับสบาย เลยต้องลงทุนปรุงนมร้อนขึ้นมาใหม่ เพราะการชงนมที่ถูกวิธีจะใช้น้ำเชื่อมเทอักๆเหมือนชงกาแฟก็ไม่ได้มันจะไม่เข้ากัน ต้องปรุงรสหวานด้วยน้ำตาลทรายขาวเท่านั้น เฮ้อ
คนกินจะรู้ไหมเนี่ยว่าคนทำพิถีพิถันขนาดไหน ชายหนุ่มเทนมร้อนกลิ่นมิ้นท์ที่ผสมน้ำตาลกะให้หวานพอดีใส่แก้วกาแฟสองใบ จากนั้นก็เริ่มเอานมสดสำหรับตีเป็นฟองมาอุ่นจนได้อุณภูมิพอเหมาะ แล้วจัดการจุ่มเครื่องทำฟองนมลงไปกดสวิตช์ ทั้งเครื่องและคนทำร่วมแรงร่วมใจกันอยู่สัก 10 วินาทีก็ได้ฟองนมสีขาวราวหิมะ เนื้อนุ่มเนียนละเอียดบ่งบอกถึงความชำนาญของคนตี นำไปปิดหน้านมร้อนกลิ่นมิ้นท์ที่เตรียมไว้แล้ว ตกแต่งด้วยยอดสะระแหน่เล็กๆสีเขียวสดใส เป็นอันเสร็จพิธี รสดี รูปงาม เหลือแต่นามเอาเพราะๆหน่อยนะ เข้าท่าๆ อย่างเนี้ยพี่บุ๋นอนุมัติชัวร์ แล้วแกจะให้มันชื่ออะไรว่ะ พรุ่งนี้พี่จะได้เพิ่มเป็นเมนูพิเศษของร้านเรา ดีเหมือนกันเด็กๆที่มากับพ่อแม่จะได้มีนมร้อนแปลกๆกินมั่ง เสียงชื่นชมของบริกรพันธุ์แท้แห่งร้านไออุ่นเอ่ยเป็นคนแรก เมื่อได้รับมาตราฐานIAUN คนทำก็ใจมาเป็นกอง พอถูกทวงถามเรื่องชื่อ หลังจากนิ่งคิดสักพักก็บอกกับฝ่ายศิลป์ของทางร้านซึ่งกำลังเอากล้องดิจิตอลมาเก็บรูปไปเพิ่มในแฟ้มเมนู โดยเอาวัตถุประสงค์ของคนคิดสูตรนั่นแหละเป็นที่ตั้ง care for ก็แล้วกันพี่ตี๋ นิติรุตต์ทำหน้าที่ในร้านกาแฟจนฟ้าเริ่มมืด บารีสต้าคนขยันก็ขอเวลาพักผ่อนออกไปหาข้าวกินสักครึ่งชั่วโมง ก่อนออกไปก็เอาเจ้านมสดกลิ่นมิ้นท์ที่ทำไว้เมื่อบ่ายแล้วยังเหลือพอที่จะชงได้อีกแก้วมาอุ่นให้ร้อน นำใส่แก้วกระดาษไขแบบพร้อมจร ตกแต่งฟองนมข้างบนตามด้วยสะระแหน่ยอดเล็ก ก็เป็นอันได้ care for สำหรับเยี่ยมคนป่วย แล้วนิติรุตต์พร้อมเจ้า care for ที่บรรจุความห่วงใยจนล้นแก้วยิ่งกว่าชื่อ ก็เดินมาถึงหอซอยแปด ชายหนุ่มนั่งที่ม้าหินอ่อนยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความแล้วส่งไปหา หนึ่งในสมาชิกของหอนี้
ตั้งใจว่าจะกลับมานอนพักตั้งแต่บ่าย แต่จนแล้วจนรอด อัมพิกาก็เอาแต่นอนตาค้าง กินพาราก็แล้วหัวไม่เห็นหายปวดตัวไม่เห็นหายร้อน น้ำตาไหลพรากจนตาที่กลมอยู่แล้วบวมแดงหนักเข้าไปอีก หญิงสาวบอกกับตัวเองว่า ที่น้ำตาไหลไม่ได้ร้องไห้เพราะ ใคร สักหน่อย เป็นเพราะพิษไข้ต่างหากล่ะ ตัวมันร้อนมากเลยต้องขับน้ำตาออกมาคลายร้อน เสียงเพื่อนซี้ข้างห้องเคาะประตูพร้อมร้องเรียกแสบหู คนป่วยเลยต้องรวบรวมเรี่ยวแรงลุกไปเปิด เป็นไงมั่งอั้ม ฉันเอาข้าวต้มมาฝาก เดี๋ยวแกกินซะนะ เอ่อ..เมื่อกี้ไอ้นีโทรมามันบอกว่าคงถึงหอค่ำนี้แหละ ดีเหมือนกันคืนนี้แกจะได้มีคนเฝ้าไข้ พูดพลางก็จัดแจงเอาข้าวต้มเทใส่ชามอย่างคนคุ้นเคยที่เข้าออกห้องนี้เป็นปกติ โธ่! อั้ม นี่แกร้องไห้จนตาบวมเป่งเลยรู้เปล่า อย่าไปคิดถึงมันเลยนะ ไอ้ผู้ชายเลวๆพรรค์นั้น ดีนะเนี่ยได้รู้เช่นเห็นชาติมันก่อนที่แกจะถลำไปมากกว่านี้
.! @ # * & % $ * # @
.. พิริยาพรบริภาษ ไอ้ผู้ชายหลายใจ ในความคิดเธอไปเรื่อย หลังจากที่ได้แถลงการณ์ชุดใหญ่ไปแล้วเมื่อตอนกลับมาจากร้านกาแฟ นายนั่นกับฉัน ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย แล้วฉันก็ไม่ได้ร้องไห้ บอกไปตั้งร้อยครั้งทำไมไม่เข้าใจซะทีนะเปิ้ล อัมพิกาโวยวายเสียงสั่นระริก โมโห จริงๆ พูดถึงแต่เรื่องลามกของนายนั่นอยู่ได้ เขาจะไปมีอะไรกับผู้หญิงที่ไหนสักร้อยสักพันคนก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ไม่เข้าใจเหรอ แล้วทำไมสมองมีแต่ฉากเลิฟซีนของคนบ้านั่นก็ไม่รู้ แล้วหญิงสาวก็หาเหตุผลให้ตัวเองว่า ก็เราไม่เคยเห็นหนังสดซึ่งๆหน้า ช่างทำกันไปได้ไม่มียางอายเลยรึไงนะ มันก็เลยแค่ติดตามาเท่านั้น เท่านั้นจริงๆนะ ปี๊บ ๆ ๆ เสียงมือถือได้รับข้อความ คนเป็นหวัดเอามากดอ่าน พอรู้ว่าเป็นของใครเท่านั้นแหละ ก็ขว้างมือถือลงเตียงที่นอนอยู่อย่างลืมตัว โชคดีที่คนขว้างไม่ค่อยมีแรงมือถือเลยไม่บุบสลาย พิริยาพรคว้าเอาไปอ่านมั่ง อยากรู้ว่าใครส่งอะไรมาทำให้เพื่อนสาวทำท่าจะเป่าปี่อีกแล้ว ผมมาเยี่ยมไข้ รออยู่ข้างล่าง พอจะลุกมารับของฝากไหวไหม ถ้าไม่ไหววานใครมารับไปที อี๋ย์ ยังมีหน้ามาหาอีก เดี๋ยวชั้นลงไปรับของฝากเองอั้ม จะ แสดงความขอบคุณ แทนแกให้สาสมเลย คอยดูฤทธิ์แม่เปิ้ลมั่งเถ๊อะ ไม่ต้อง เดี๋ยวอั้มลงไปเอง อัมพิกาพูดเบาก็จริงแต่กระแสเสียงเด็ดขาด หญิงสาวตั้งใจจะลงไปเพื่อแสดงให้เพื่อนเห็นว่า เธอกับนายนั่นไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ ไม่รู้สึกอะไรสักนิดที่นายนั่นไปเฟลิตกับสาวสายเดี่ยว คนเขาอุตส่าห์เอาของมาเยี่ยม จะเสียมารยาทได้ไงล่ะเปิ้ล แม้ว่าพิริยาพรจะร้องห้าม ก็กลัวเพื่อนจะลงไปร้องไห้ให้คนหลายใจนั่นเห็น เดี๋ยวตานั่นจะดูถูกว่าผู้หญิงอ่อนแอ แล้วก็กลัวเพื่อนจะไปหลงคารมกะล่อนปลิ้นปล้อนเข้าอีกรอบ แต่ก็ไม่สามารถรั้งคนหัวแข็งเอาไว้ได้ ซ้ำยังถูกสั่งเอาไว้อีกว่าไม่ต้องตามลงไป แต่ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน พิริยาพร ไม่จำเป็นต้องตามให้เห็นนี่นา เห็นคนป่วยเดินลงมาหาด้วยตัวเอง นิติรุตต์ก็ยิ้มอย่างโล่งใจ สงสัยคงหายโกรธ แล้วยังเดินไหวแสดงว่าไม่เป็นอะไรมาก ชายหนุ่มชวนคุยร่าเริง ค่อยยังชั่วแล้วเหรออั้ม ผมเอานมร้อนมาฝากนะ ผสมกลิ่มมิ้นท์ด้วย จะได้ช่วยให้หายใจโล่งขึ้น แล้วนมอุ่นๆเนี่ย เขาว่ากินก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบาย อั้มจะได้พักเยอะๆ หายไวๆไง บอกแล้วไงว่าจะไม่พูดกวนโมโหให้ระคายหูเธอสักคำ เห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยืนเฉย พอยื่นแก้วนมให้ก็รับไปแต่โดยดี เฮ้อ
พ้นข้อหาแล้วมั้งเรา งั้นก็คงไม่ต้องไปขุดคุ้ยไอ้เรื่องบ้าๆนั่นมาสาธยายให้ฟังแล้ว เพิ่งคิดสูตรขึ้นมาใหม่ด้วยนะ อั้มเป็นลูกค้ารายแรกที่ได้ชิมเลยล่ะ มันมีชื่อว่า care for พูดไปยิ้มไป ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเรี่ยวแรงที่หาไปตั้งแต่บ่ายกลับมาอีกครั้ง ค่อยมีกำลังใจกลับไปชงกาแฟหน่อยวันนี้ต้องกลับไปอยู่ถึงปิดร้านตอนสี่ทุ่มด้วยซิ สิ่งแรกที่แตะจมูกหญิงสาวคือกลิ่นหอมเย็นของมิ้นท์ชวนให้หายใจคล่องจริงๆด้วย พอได้จับแก้วก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ที่เริ่มแผ่ซ่านจากปลายนิ้ว เรื่อยมาจนถึงมือและลามไปทั้งตัว กลิ่นหอมๆของนมสดผสมมิ้นท์ชวนให้น่าลิ้มลอง ไหนจะการตกแต่งที่สวยสะอาดตา สีขาวราวปุยนุ่นของฟองนมเนื้อละเอียดตัดกับเขียวสดใสของยอดสะระแหน่อ่อน แค่มองก็จินตนาการได้แล้วว่ารสชาติจะอบอุ่นหอมหวานขนาดไหน ในภวังค์นั้นอัมพิกาเคลิบเคลิ้มจนเกือบยกขึ้นมาจิบชิม ท่ามกลางการลุ้นระทึกของอีกฝ่าย แต่จู่ๆภาพที่วนเวียนในสมองมาตลอด ภาพที่บอกตัวเองว่าแค่ติดตามาเท่านั้น ก็วกมาหลอกหลอนอีกคำรบ เจ็บจี๊ดที่หัวใจเหมือนโดนมีดกรีด แล้วจิตใต้สำนึกในส่วนที่เจ้าของก็คงไม่รู้ตัวออกคำสั่ง แบบที่ทั้งตัวเองและคนที่ยืนอยู่ด้วยคาดไม่ถึง อัมพิกาเหยียดแขนไปข้างหน้าจนสุด ค่อยๆคว่ำมือข้างที่ถือเจ้า care for ลงช้าๆ สายตาเย็นชาจับจ้องคนตรงหน้าที่รอยยิ้มสดใสจางลงเรื่อยๆ ตามปริมาณการไหลออกจากแก้วของน้ำนมสีขาวขุ่น หยดน้ำอุ่นๆกระทบกับพื้นหญ้าด้านล่างกระเซ็นมาโดนปลายขากางเกงของทั้งคู่ ท้ายสุดน้ำสีขาวและฟองนมพร้อมยอดสะระแหน่ก็ไปกองเป็นเสบียงให้เหล่ามดแมลงบนพื้น สำหรับอัมพิกานั่นคือความสะใจ ถ้าจะให้สะใจยิ่งกว่านี้ต้องเอานมร้อนๆนั่นสาดหน้าไปเลย นายนั่นจะได้ไม่มายุ่งกับเราอีก ปราณีเท่าไหร่แล้วแค่เทลงพื้น หญิงสาวเหวี่ยงแก้วเปล่าลงถังขยะใกล้ๆ แล้วเดินห่างออกมาไม่มีคำพูดใดๆ สำหรับนิติรุตต์ กลับรู้สึกเหมือนโดน เธอคนนั้น เอานมร้อนนั่นสาดโครมเข้าให้ กำลังใจที่เริ่มจะมีไม่รู้เหือดแห้งไปตั้งแต่ตอนไหน อุตส่าห์บรรจงทำทุกขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน อุตส่าห์เดินถือเอามาให้จากร้าน เป็นห่วงเป็นใยสารพัด แล้วดูสิ่งที่ได้ตอบแทน
ชายหนุ่ม ไม่รู้ว่าเธอคนนั้นเป็นอะไรไป ถ้าโมโหไม่พอใจน่าจะพูดกันดีๆก็ได้ ไม่อยากพูดดีโวยวายก็ได้เอ๊า ทุบแรงๆแบบที่เคยทำก็ได้
แต่ไอ้การไม่พูดไม่จาเลยแบบนี้เขาไม่รู้จะทำยังไง ให้ตายเถอะ อัมพิกาโกรธแบบนี้น่ากลัวจริงๆ นิติรุตต์ยื่นนิ่งราวต้องคำสาป สายตาเซื่องซึมมองตามหลังหญิงสาวผู้เดินห่างออกไปช้าๆ ไม่มีคำพูดใดๆหลุดจากปากของคนที่มักจะอารมณ์รื่นกวนชาวบ้านเขาทั่วอีกแล้ว หลังจากสะใจได้วูบเดียวเท่านั้น คนที่กำลังเดินกลับขึ้นหอก็ต้องบังคับตัวเอง อย่าเชียวนะเจ้าน้ำตา อย่าได้ไหลออกมาตอนนี้ ไว้ขึ้นห้องก่อนซิ เดี๋ยวใครไม่รู้จะเข้าใจผิดว่าเราร้องไห้ อยากจะเอามือมาปาดหยดน้ำมี่คลอเบ้าอยู่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง อยากจะเดินให้ไวกว่านี้ก็ทำไม่ได้แข้งขา มือไม้มันอ่อนระโหยไปหมด หัวสมองหมุนติ้วสับสน สุดที่ร่างกายอ่อนแอซ้ำยังไม่ได้พักผ่อนจะทนได้ แม้เจ้าของร่างจะใจแข็งแต่ร่างกายไม่ยักแข็งตาม อัมพิกาเดินยังไม่ทันเข้าหอ ก็รู้สึกว่าตัวเองเบาหวิวราวกับลอยได้ ภาพที่อยู่รอบตัวก็หมุนติ้วไปหมด อนุมานไปเองว่า นี่เราเดินมาถึงเตียงนอนแล้วใช่ไหม ขอล้มตัวลงนอนหน่อยนะ เพลียจัง เพลียทั้งกายทั้งใจ หญิงสาวหลับตาล้มตัวลงนอน แทบไม่ได้ออกแรงอะไรเลยเพราะดูเหมือนแรงโน้นถ่วงยินดีดูดเธอลงมาอยู่แล้ว ก่อนที่จะหลับลึกเพราะถูกพิษไข้รุมเร้า หูแว่วเหมือนมีเสียงทุ้มๆเรียกชื่ออยู่ที่ข้างหู อั้ม ๆ ๆ เสียงใครน่ะคุ้นๆสงสัยจะเป็นพ่อหรือพี่อาร์ทมาปลุก ฮื่อ
.คนจะนอน อัมพิกานึกไปว่าตัวเองกำลังหลับอยู่บนเตียงที่บ้าน มือกอดน้องหมีตุ๊กตาตัวโปรด ถึงจะอ่อนเปลี้ยแต่ก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว แล้วหญิงสาวก็ดิ่งลึกสู่ห้วงนิทรา ไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มที่หวังจะมาเยี่ยมไข้กับ เพื่อนสาวที่แอบดูอยู่ตลอด และ รูมเมตที่เพิ่งมาถึงหออกสั่นขวัญแขวนกันขนาดไหน แต่เพื่อนทั้งสองของเธอก็โล่งอกไปอย่าง ดีนะที่นายนั่น รับแกไว้ได้ก่อนน่ะอั้ม ไม่งั้นมีหวังหัวฟาดพื้นแหงๆ
ขอบคุณทุกท่านที่มาอุดหนุน "care for" แก้วนี้นะคะ แล้วอย่าลืมแวะมาให้กำลังใจนายรุตต์ กะ หนูอั้ม (ชักสงสัย หนูอั้มเราติดหวัด 2009 รึเปล่าหนอ ;) ในตอนหน้านะคะ
Create Date : 28 มิถุนายน 2552
3 comments
Last Update : 28 มิถุนายน 2552 0:20:18 น.
Counter : 385 Pageviews.
โดย: เมย์ IP: 78.69.65.82 28 มิถุนายน 2552 2:18:56 น.
โดย: ต้นอ้อสีม่วง IP: 125.26.169.139 28 มิถุนายน 2552 10:43:42 น.
โดย: pimmy IP: 125.27.233.176 28 มิถุนายน 2552 17:16:17 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
สระอะไรเอ่ย...ยิ้มได้? ก็ สระ "อิ" ไงจ๊ะ นี่แหละค่ะที่มาของชื่อ "พินทุอิ" สระที่มีหน้าตาเหมือนรอยยิ้ม (จริงๆนะ) มาร่วมแบ่งปันรอยยิ้มและความสุขกันนะคะ
หมายเหตุ
งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาต
หากต้องการนำงานเขียนชิ้นใดไปเผยแพร่ กรุณาติดต่อขออนุญาตจากผู้เขียนโดยตรง
ว่าแต่ขอ first kiss สักแก้วได้มั้ยคะ