มุมพักผ่อนของคนอยากเขียน
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
14 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 

เพียงเปิดใจ 22

บทที่ 22


คลินิก





    อินทิราเข้ามาช่วยงานบริษัทของครอบครัวเป็นอาทิตย์ที่สี่แล้ว การดำเนินเรื่องงานแต่งงานของเพื่อนสาวเป็นไปด้วยดีอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเพื่อนสนิทของเธอก็เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว เธอยินดีกับทั้งคู่พร้อมกับเห็นด้วยกับคนอื่นๆ ว่าคู่นี้เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากไม่เพียงแค่รูปร่างภายนอกแต่มันรวมถึงนิสัยใจคอที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี 


    เพราะเหตุที่เพื่อนจะแต่งงานนั่นเองทำเอาเธอใจหายวาบขึ้นมาไม่ได้ เพราะต่อไปจากนี้จะมีเพียงเธอที่อยู่คนเดียวแล้วสิ


    “อิน!”


    เสียงตบโต๊ะดังปลุกเธอตื่นจากภวังค์ หญิงสาวเงยมองหน้าคนตบโต๊ะหน้าตาตื่นๆ เรียกชื่อเธอ “มีอะไร ตกใจหมด”


    “หนุ่มคนนั้นมาหาอีกแล้ว มาแต่เช้าเลย” เปรมมิกาบุ้ยหน้าไปทางโถงรับแขกของบริษัท “แฟนอินเหรอ”


    อินทิราย้อนนึกหน้าหนุ่มคนนั้นของเพื่อนร่วมทำงาน ก่อนร้องอ๋อขึ้นมาเมื่อนึกออก “ไม่ใช่แฟน พี่ชายน่ะ แต่ว่าเปรมจำหน้าเขาได้ด้วยเหรอ” แปดโมงครึ่ง พี่อัทธ์มีอะไรหว่า


    “ได้ดิ หล่อขนาดนั้น”


    “ระริกระรี้เชียวนะเธอ” อินทิราแขวะเล่นพร้อมบอกขอบคุณเพื่อนที่ทำหน้าไม่สะทกสะทานกับคำชมของเธอ เดินไปหาชายหนุ่มคนนั้นตามที่เพื่อนบอก


    เมื่อแรกเห็นเขานั่งหันหลังอินทิราก็นึกจะแกล้งอัทธ์ให้ตกใจเล่น แต่พอเข้าไปใกล้ๆ แล้วหญิงสาวก็ตัวแข็งทื่อเมื่อคนที่พบกลับไม่ใช่หนุ่มคนนั้น แต่กลับเป็นแฝดเขาแทน! ไอ้ครั้นจะเดินหันหลังกลับไปก็ทำไม่ได้เมื่อเขาดั๊นหันมาสบตากันเธอพอดี


    “อิน”


    เอาแล้วไง ยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยก็โผล่มาหาซะอย่างนั้น อินทิราทำการเลิกคิ้วให้เป็นคำตอบกึ่งคำถามว่า ‘มีอะไร’


    “ทำงานเป็นไงบ้างครับ”


    “ก็ดี” หญิงสาวส่งตอบแบบขอไปที


    “ออกไปข้างนอกกับพี่หน่อย พี่มีเรื่องจะพูดด้วย” อิทธ์บอกหญิงสาวเสียงเนือย เพราะเรื่องที่เขาประสบมามันช่างหนักหนาเกินกว่าที่เขาจะคิดไว้


    และดูเหมือนอินทิราก็จับสังเกตได้ว่าคนตรงหน้าดูโทรมและอิดโรยลงไปมาก ทั้งเสียงยังดูเหนื่อยกว่าปกติ นี่เขามีเรื่องอะไรอยู่เหรอนี่... เอาเป็นว่าเธอไม่นึกโกรธแล้วกันที่เขาหายหน้าหายตาไปสามอาทิตย์ได้ “อินบอกหัวหน้าก่อนนะ”


    อิทธ์ตั้งใจจะพาหญิงสาวไปนั่งร้านอาหารร้านเดิมที่เคยพาไปนั่ง แต่ระหว่างทางก็มีโทรศัพท์เข้ามาหา และเรื่องจากปลายสายก็ทำให้เขาเบือนรถออกไปอีกทางทันที พร้อมหันไปบอกอินทิรา “พี่ไปส่งอินกลับบริษัทก่อน พอดีพี่มีธุระด่วน”


    อินทิราเอียงหน้าขมวดคิ้วใส่คนจอมสั่ง “อินลามาแล้ว เรื่องอะไรจะพาอินไปส่งเล่า ไม่พาไปแล้วก็เอาอินไปส่งบ้าน ไม่ก็ทิ้งไว้ที่คอนโดพีชมันก็ได้”


    อิทธ์เริ่มกลุ้มใจนิ้วยาวยกขึ้นมานวดขมับ และเขาก็ตัดสินใจพาเธอไปด้วย “มันคนละทางกัน พี่ไม่ให้อินกลับแท็กซี่แน่ งั้นไปกับพี่นี่แหละ”


    “ก็แค่นั้น”


    ประโยคนั้นประโยคเดียวทำให้อิทธ์ยิ้มให้กับท้องถนนได้เป็นยิ้มแรกในรอบสามอาทิตย์เลยทีเดียว เขาไม่ผิดหวังจริงๆ ที่มาหาอินทิรา เพราะอย่างน้อยดูเธอก็สนใจเขาเหมือนกัน




    นี่มันอะไรกัน!


    ประโยคแรกที่เธออุทานออกมาเมื่อเห็นสภาพของคลินิกของหมอหนุ่ม สภาพภายนอกดูคงเดิมไม่มีอะไรเสียหายบานเหล็กยังปิดเหมือนเดิม แต่ข้างในนี่สิสีสเปรย์ที่พ้นตามฝาผนังเป็นคำหยาบคายต่างๆ นาๆ กระจกแตกเป็นเสี่ยง โต๊ะเก้าอี้หักเสียล้มระเนระนาด สรุปได้ว่าไม่มีส่วนไหนที่ไม่ได้รับความเสียหายเลย หญิงสาวหันไปมองหน้าซีดเผือกของเขา นึกเป็นห่วงขึ้นจับใจอยากรู้ว่าเขาไปมีศัตรูที่ไหน แล้วนึกโกรธไปถึงคู่กรณีว่าทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย...โอเค ยอมรับเลยว่าเป็นห่วงอย่างมาก


    “ป้าดวง แจ้งความแล้วเหรอครับ” เสียงที่ดูสิ้นแรงของเขาเอ่ยถามแม่บ้านที่ไถ่ถามได้ว่าเป็นคนเปิดประตูเข้ามาเจอเป็นคนแรก


    แม่บ้านร่างอวบสูงอายุพยักหน้าเป็นคำตอบ “ป้าแจ้งแล้วค่ะหมออิทธ์ พี่ไม่เข้าใจ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้เหรอคะ แล้วคลินิกจะทำยังไงล่ะคะ”


    “เดี๋ยวป้าดวงอยู่รอให้ปากคำกับตำรวจเขาก่อนนะครับค่อยกลับ ส่วนทางนี้เดี๋ยวผมจัดการเอง” อิทธ์เลี่ยงตอบคำถามก้มหยิบเก้าอี้เด็กขึ้นมาวาง นั่งยองๆ กับพื้นจ้องไปยังเครื่องเล่นเด็กขนาดย่อมที่หลุดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย “คลินิก คงต้องปิดตัวสักพัก แล้วยังไงเดี๋ยวผมโทรบอกอีกที ส่วนเรื่องเงินเดือนก็ยังจ่ายให้เหมือนเดิมนะครับ ไม่ต้องห่วง”


    “แต่ป้าไม่ได้มาทำให้หมออิทธ์นะคะ”


    “ไม่เป็นไรครับป้าดวง ถือว่ายังอยู่ในสัญญา อย่าขัดผมเลยนะ” อิทธ์ลุกขึ้นยืนเต็มตัวตบมือเบาๆ ที่บ่าของแม่บ้านเบาๆ สาวค่อนวัยทองพยักหน้ากลับคืนคล้ายกับเป็นการปลอบใจกันและกัน


    มันหนักเกินไปสำหรับเขาหรือเปล่านะ อิทธ์ชักเริ่มไม่แน่ใจกับเรื่องที่เขาทำอยู่ในตอนนี้แล้วว่ามันจะส่งผลดีอะไรให้เขาบ้าง ตลอดระยะเวลาสามอาทิตย์ที่เหน็ดเหนื่อยดูเหมือนจะไปได้ด้วยดีไม่ใช่หรือ แต่กระทั่งวันนี้มาเจอข้อพิสูจน์ที่แท้จริงเข้า... เมื่อคิดได้แค่นั้นหมออิทธ์ก็ทรุดลงไปนั่งกับม้านั่งบีบนวดคลึงขมับเบาๆ การช่วยเหลือใครสักคนสิ่งที่ต้องแลกกลับมามันคุ้มค่าสำหรับเขาแล้วหรือ


    เสียงใสเรียกชื่อเขา เสียงนี้จะทำให้เขามีแรงที่จะต่อสู้กับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ต่อไปได้ เสียงที่เอ่ยขานชื่อของเขาสำหรับเขาแล้วไม่มีใครเรียกได้ไพเราะเท่าเธอ อิทธ์หันไปส่งยิ้มบางให้กับเจ้าของเสียงใสเอื้อนเอ่ย “หนักเนอะ”


    “ไม่ตลกเลยพี่อิทธ์ เกิดอะไรขึ้น”


    “อินเรียกชื่อพี่แล้ว” สิ่งที่เขารอคอยมานานอย่างน้อยในเรื่องร้ายๆ มันก็ยังมีเรื่องดีๆ หลงเหลืออยู่บ้าง “ป้าดวงเป็นแม่บ้านที่นี่ เขาจะเข้ามาทำความสะอาดช่วงเช้ากับช่วงคลินิกเปิด แล้วเมื่อตอนที่พี่ไปรับอินป้าดวงก็โทรเข้ามา แล้วก็บอกพี่นี่แหละ”


    “แล้วใครทำเหรอ พี่อิทธ์รู้เปล่า” ประเด็นนี้เธอสงสัยที่สุด ก็หมอเด็กอย่างอิทธ์จะมีศัตรูร้ายกาจแบบนี้ที่ไหนได้เล่า


    “ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คิดว่ารู้”


    “ใคร”


    “พี่ไม่ขอพูด เดี๋ยวมันจะกลายเป็นปรักปรำเขา หลักฐานพี่ก็ไม่มี” อันที่จริงแม้ไม่มีหลักฐานแต่ตัวคนร้ายเขารู้ชัวร์แน่นอน เพียงแต่เขาไม่อยากให้เธอรู้มากไปกว่านี้ มันก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอเองแม้เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเรื่องนี้จะไม่มีผลกระทบต่อคนรอบกาย


    “อืม เดี๋ยวอินโทรบอกพี่ก้องให้” อินทิราปลีกตัวไปโทรศัพท์หาก้องภพ ไม่สนใจคำร้องห้ามของอิทธ์แต่อย่างใด




    ก้องภพผลุนผลันออกจากห้องทำงานของตนตรงดิ่งไปคว้าแขนแฟนสาวที่นั่งร่างแบบอยู่กับเพื่อนร่วมงาน ก่อนสยบเสียงเอะอะโวยวายดังลั่นของเธอด้วยมือใหญ่พร้อมอธิบายเร็วทันควัน “อินโทรมาบอกว่าคลินิกไอ้หมอโดนยำเละเทะ ผมจะไปหามัน คุณจะไปด้วยหรือเปล่า”


    พีร์ธาดาดึงมือก้องภพที่ปิดปากเธอออก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทวนคำพูดของเขาเมื่อครู่ “โดนยำ คลินิกพี่หมอเนี่ยนะ”


    “ครับ จะไปด้วยกันหรือเปล่า”


    “ไปสิ ขอห้านาที พีชเหลืออีกนิดหน่อย นะ นะ รอนะ” ก้องภพพยักพเยิดหน้าให้เป็นคำตอบ ชูห้านิ้วเน้นให้อีกที เมื่อได้รับคำตกลงจากแฟนหนุ่มก็รีบหันไปเคลียร์ที่ค้างต่ออย่างรวดเร็วครบห้านาทีตามที่บอกเป๊ะ


    ก้องภพและพีร์ธาดาก็มีสภาพช็อกไม่ต่างจากทั้งคู่ก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ต่างช่วยเดินสำรวจความเสียหายไปพลางๆ ระหว่างรออิทธ์ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งคู่ลงความเห็นว่าคลินิกของอิทธ์อาจจะโชคดีอยู่บ้างก็ตรงห้องตรวจและอุปกรณ์การแพทย์ไม่ได้รับความเสียหาย เหมือนคนร้ายจงใจทำลายข้าวของแค่ด้านหน้าเท่านั้น


    เงินสดที่ติดคลินิกไว้หายหมดเกลี้ยง นี่เป็นอีกส่วนหนึ่งจากคำบอกเล่าของหมอหนุ่มที่เขาปลีกตัวมาหาทั้งคู่เมื่อตำรวจกลับไปแล้ว “ตำรวจสันนิษฐานไว้เบื้องต้นว่าเป็นการลักทรัพย์”


    “ลักทรัพย์ จะบ้าเหรอ!” ก้องภพหรี่เสียงลงเมื่อเห็นต้องแย้งจากคำสันนิษฐานของตำรวจ “ก็เห็นกันอยู่ว่านี่มันจงใจทำลายคลินิกเอ็งเลยนะไอ้หมอ”


    “ก็เครื่องมือแพทย์ไม่เสียหาย ที่เสียหายก็ตรงนี้เท่านั้น” อิทธ์กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องรองรับของคลินิก “เงินหายหมด เขาก็เลยลงบันทึกไว้ก่อน”


    “พูดเสียงแบบนี้เหมือนจะไม่เอาเรื่องเลยนะไอ้หมอ” ก้องภพจับพิรุธได้จากน้ำเสียงเรื่อยของเพื่อน “รู้เหรอว่าเป็นใคร... พีชไปช่วยอินมันหน่อยสิ” ก้องภพหันไปบอกแฟนสาวที่ดูตั้งใจฟังเขาคุยกับเพื่อนเป็นพิเศษ


    “ไล่เลยนะ ไปก็ได้” พีร์ธาดาส่งยิ้มให้กำลังใจอิทธ์ แล้วปลีกตัวไปช่วยแม่บ้านร่างอวบกับอินทิราเอาของเสียหายออกมากองไว้เป็นจุดๆ


    ก้องภพมองหน้าอิทธ์ที่ดูจะจับจ้องแม่สาวตัวเล็กไม่วางตา รอยยิ้มอ่อนๆ อย่างคนหมดแรงของเพื่อนทำเอาเขาไม่สบายใจเลย ปกติเวลาอิทธ์มีปัญหาอะไรเขามักจะเก็บมันไว้คนเดียวเสมอ พยายามแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเองเสมอ พูดง่ายๆ เลยว่ามันชอบแบกโลกเอาไว้ทั้งใบทั้งที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย “ข้าบอกไอ้อัทธ์ให้แล้วนะ อีกวันสองวันมันก็กลับมาแล้ว” ฝาแฝดอีกคนของมันตอนนี้กำลังไปทำงานอยู่ที่เชียงใหม่


    “อืม... ก้อง...กูเหนื่อยว่ะ”


    การที่มันแทนตัวเองว่า ‘กู’ แบบนี้เรื่องมันคงไม่ธรรมดาเอามากๆ แน่นอนแล้ว ก้องภพเลยยิงคำถามเข้าประเด็นทันที “มึงรู้ว่าเป็นใคร”


    “คิดว่ารู้”


    “ใคร” ก้องภพบีบบ่าหนาเพื่อนแน่นเมื่อเห็นว่ามันไม่ตอบคำถามของเขา “มึงไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะไอ้หมอ เลิกแบกอะไรเอาไว้คนเดียวสักทีเถอะ มึงไม่ใช่ฮีโร่”


    “กูเป็นฮีโร่ของเด็กๆ ถ้ามันจะทำให้เด็กคนนึงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ ต่อให้คลินิกกูเจ้ง กูก็ยอม” เขาไม่ใช่วีรบุรุษ เขาไม่มีพลังวิเศษที่จะช่วยเหลือใครๆ แต่เขามีสองมือและความรู้ทางวิชาชีพเพื่อช่วยรักษาเด็กน้อยทั้งหลายให้เติบโตขึ้นไปอย่างมีความสุขได้ เขาก็ควรทำไม่ใช่หรือ


    “ไอ้อิทธ์ เรื่องนี้มึงจะอมพะนำต่อไปไม่ได้แล้วนะ เล่าให้กูฟังได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะถ้าไม่ใช่แค่คลินิกมึงเจ้งล่ะ ถ้ามันเป็นชีวิตมึง” ก้องภพตัดสนทนาเลื่อนสายตานำอิทธ์ไปหยุดตรงหญิงสาวตัวเล็กที่กำลังก้มลงไปหยิบซากเครื่องเล่นเด็ก “มึงจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่คนเดียวได้เหรอ”


    ไม่ได้แน่นอน ไม่มีวันยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน อิทธ์ตะโกนตอบใส่ก้องภพในใจ แต่ก็อดหวั่นเกรงไม่ได้ว่าถ้าเกิดนั่นหมายถึงชีวิตเขารวมไปด้วย คนข้างหลังเขาจะเป็นยังไงต่อไป อิทธ์พยักหน้าให้ก้องภพทั้งสายตายังจับอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น “หาที่คุยกัน ข้ายังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้”


    โดยเฉพาะอินทิรา เพราะแค่นี้ปัญหามันก็สุมตัวเขาจนจะบ้าตายอยู่แล้ว


    ก้องภพหาข้ออ้างบอกผู้หญิงสองคนเพื่อปลีกตัวอิทธ์ออกมาด้านนอกกับเขาสองคน โดยโทรหาเด็กที่ไว้ใจได้ที่บริษัทให้มาช่วยเก็บข้าวของเพิ่ม อีกนัยหนึ่งคือมาช่วยดูแลพวกเธออีกแรง


    “เดี๋ยวพี่พาอิทธ์ไปติดต่อห้องทำคลินิกชั่วคราวก่อนนะ” ก้องภพเป็นฝ่ายเดินเข้าไปบอกหญิงทั้งสองแทน “พีชประเมินให้ผมหน่อย”


    “ที่ไหนอ่ะพี่ก้อง” อินทิราถามขึ้นมาอย่างสงสัย


    “แถวนี้แหละ ไม่ไกลหรอก ถ้าแถวนี้ไม่ได้ก็คงไปที่คลินิกพี่หมอ แต่มันไกลไปพี่ก็อยากพาอิทธ์มันตระเวนดูอยู่แถวนี้ก่อน” นี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ เพราะจากที่คุยกันดูเหมือนอิทธ์จะอยากปิดคลินิกไว้ก่อน และพี่หมอที่ว่าก็เป็นอันรู้กันว่าคือหมอออม พี่ชายแท้ๆ ของยัยอิน


    “อินไปด้วยสิ”


    “เป็นห่วงมันเหรอไง”


    “ใครไม่เป็นห่วงบ้างล่ะ” อินทิราเลี่ยงตอบให้ตรงคำถาม สภาพขนาดนี้ใครไม่ห่วงก็จะใจดำไปหน่อย


    “ไม่ต้องไปหรอก อยู่นี่แหละ” ก้องภพถอนหายใจ เบี่ยงสายตาไปที่แฟนสาวพยักหน้าลงส่งซิกให้เธอ


    พีร์ธาดากลอกตาขึ้น ต้องถึงมือเธออีกแล้ว อันที่จริงเธออยากจะปล่อยให้อินทิราทำตามใจตัวเองมากกว่า เพราะไอ้การซุบซิบกันอยู่สองคนแบบนั้นเธอไม่ชอบเสียเลย ทำไมต้องมีความลับกันด้วยก็ไม่รู้ แต่คิดในอีกมุมนึงเรื่องนี้มันหนักหนาเอาการกับการจะมาพูดกันโต้งๆ ก็คงจะไม่เหมาะนัก และถ้าพวกเขาพร้อมเธอก็จะรู้เรื่องเองนั่นแหละ


    “อิน แกจะปล่อยให้ฉันเก็บของตรงนี้คนเดียวเหรอไง”


    “ฉันเรียกเด็กที่บ้านมาเก็บให้ก็ได้”


    “ย่ะ แม่คุณหนู ทำอะไรเองไม่เป็นเลยนะหล่อน ไม่ต้องโทรเรียกหรอกแกจะไปกับพี่ก้องพี่หมออิทธ์ก็ไปเถอะ ฉันเก็บกับป้าแกสองคนก็ได้ มีมือมีเท้าเหมือนกันแค่นี้ไม่ต้องพึ่งคนที่บ้านแกหรอก ไปเถอะ” พีร์ธาดาโบกมือไล่ส่งเพื่อนที่อ้าปากหวอกับการโต้ตอบของเธอ


    มันพูดขนาดนี้จะไปได้ไงเล่า อินทิราหน้างอหายใจฟึดฟัดใส่ไอ้เพื่อนตัวดี “เออ อินไม่ไปแล้ว รีบไปรีบกลับนะ...พี่ก้องชื่อดูพี่อิทธ์ด้วยนะ”


    “เฮ้อออ แกนี่มันปากแข็งจริงๆ นะไอ้อิน อคติมันใช้ไม่ได้กับหัวใจหรอกนะ” ก้องภพเอื้อมมือขยี้หัวสาวผมยาว “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มีพี่อยู่ทั้งคนใครจะทำอะไรมันได้”


    “ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ช่วยดูให้ด้วย” อินทิราพูดเสียงเบาตามหลังก้องภพที่กำลังเดินไปทางอิทธ์ เธออยากรู้ว่าเรื่องนี้มันเกิดอะไรขึ้น ใครกันที่คิดปองร้ายเขา เท่าที่เธอรู้จักกับอิทธ์มาเขาเป็นคนนิ่งเงียบดูอบอุ่นเวลาอยู่กับเด็กเล็ก ส่วนใหญ่คนรอบข้างต่างให้ความเคารพเขามากกว่าจะตั้งตนเป็นศัตรู เธอหวังอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายไปโดยเร็ว และเขาจะต้องไม่เจ็บตัว




    ก้องภพเลี้ยวรถเข้าร้านกาแฟในปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งไม่ไกลจากคลินิกหมออิทธ์มากนัก ชายหนุ่มเดินนำเพื่อนที่คาดว่ากำลังคุยโทรศัพท์กับทางครอบครัวอยู่ เขาเดินนำไปยังเคาเตอร์ของร้านสั่งกาแฟให้ตัวเองกับเพื่อนก่อนหามุมส่วนตัวนั่ง


    “ไม่ต้องห่วงครับแม่ ผมจัดการได้...ไม่ต้องลงมาครับ เอาไว้ทางนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้วผมขึ้นไปหาพ่อกับแม่เองดีกว่า... เดี๋ยวไว้ผมขึ้นไปเล่าทีเดียวเลยนะครับแม่...ผมปลอดภัยแน่นอนครับ คุยกับก้องมั้ยแม่...โอเคครับ แล้วเอาไว้ผมจะพาทุกคนขึ้นไปเยี่ยมพ่อกับแม่แล้วกัน แค่นี้นะแม่...ครับ...ครับ...ครับ...สวัสดีครับ” อิทธ์วางสายมารดาตัวเอง นึกรู้ว่าที่ผู้ปกครองเขารู้เรื่องนี้ก็เพราะฝาแฝดอีกคน... ให้มันได้อย่างนี้สิ ยิ่งไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่


    “แม่ว่าไงบ้าง” ก้องภพถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนวางโทรศัพท์


    “เป็นห่วงนั่นแหละ แม่กับพ่อบอกจะลงมาหา ข้าห้ามไว้มันไม่สะดวกเปล่าๆ ” อิทธ์นั่งเหม่อมองออกนอกหน้าต่าง “โตป่านนี้แล้วยังทำให้พ่อกับแม่ไม่สบายใจอีก”


    ก้องภพรู้โดยพลันว่าอิทธ์หมายถึงเรื่องอะไร ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเก่าๆ ที่มันเคยเกือบเสียผู้เสียคนเพราะหญิงสาวที่ชื่อ ‘อินทิรา’ นั่นน่ะสิ “มันคนละเคสว่ะไอ้หมอ เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันจะเหมือนกันได้ยังไง”


    “มันอาจจะเหมือนกันตรงที่ ข้าทำตัวข้าเองมั้ง”


    ก้องภพชะโงกหน้าเข้าไปหาเพื่อนชาย จ้องเขม็งไปที่ใบหน้าที่เสมองออกนอกหน้าต่าง “เล่ามาได้แล้วครับคุณ”


    “ช่วงเวลาที่ข้าหายหน้าไปเกือบสามอาทิตย์ได้ ข้าไปทำธุระให้คนคนหนึ่ง เธอชื่อทิพย์สุดา ลูกชายของคุณทิพย์ป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ข้ารักษาเด็กคนนี้มาตั้งแต่กลับมาเมืองไทยเกือบๆ สองปีได้” อิทธ์หยุดพูด หันหน้ามาสบตากับเพื่อนชายยิ้มปลงให้เขา “เหลือเชื่อมั้ยไอ้ก้อง ตอนนั้นนนท์อายุแค่สี่ขวบแต่ต้องมาป่วยเป็นโรคที่น่ากลัวขนาดนี้ มันเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็ตรงที่เกือบสองปีที่ผ่านมาน้องนนท์อาการไม่ดีขึ้นเลย”


    “ทำไม”


    “ข้าก็สงสัยแบบเอ็งนี่แหละ ไปถามหมอคมที่รักษาคู่กับข้าเขาก็บอกว่าทำสุดฝีมือแล้ว ต้องไปดูว่าเด็กใช้ชีวิตยังไง พอถึงตรงนี้ข้าก็เลยขอคุยกับคุณทิพย์เรื่องน้องนนท์ ถามจนรู้มาว่าเธอกับอดีตสามีมีปัญหากันแล้วบ่อยครั้งที่น้องนนท์เห็น บางทีผู้หญิงคนใหม่ของอดีตสามีเธอก็ตามมารังควาญทั้งลูกทั้งเธอ เด็กอ่ะมันก็มีหัวใจนะไอ้ก้อง ชีวิตเด็กไม่มีความสุขเลยต้องคอยหลบคอยระวัง แล้วเด็กจะเอากำลังใจที่ไหนมาดูแลตัวเอง คุณทิพย์เองก็พยายามทำในส่วนของเธออย่างเต็มที่แล้ว แต่จิตใจส่วนลึกของเด็กเธอเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”


    “แล้วยังไงต่อ มันเกี่ยวกับร้านเอ็งยังไง”


    “ข้ายื่นมือเข้าไปช่วย” อิทธ์เท้าศอกลงบนโต๊ะใช้นิ้วมือนวดคลึงบริเวณสันจมูก “ข้าหาที่อยู่ใหม่ให้คุณทิพย์ แล้วนัดน้องนนท์มาที่คลินิกบ่อยๆ ข้าหวังว่าเด็กจะรู้สึกดีมากขึ้นกว่าเดิม แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าพ่อของเด็กไม่ยอม ครั้งหนึ่งเขาเคยเข้ามาในคลินิกโวยวายใหญ่หาว่าข้าไปแย่งลูกเมียเขา ขู่ฆ่าข้าด้วยนะ แต่วันนั้นคุณทิพย์โดนคุณทิพย์ต่อว่าไปเขาก็เลยรามือ”


    “พ่อเด็กไม่ยอมปล่อยเลย คุณทิพย์ว่าเขาแค่อยากได้น้องนนท์ไป แต่เธอไม่ให้เพราะไม่คิดว่าเด็กจะได้รับความรักความอบอุ่นที่ดีพอ คุณทิพย์เลยมาปรึกษากับข้าว่าจะพาน้องนนท์ไปรักษาตัวที่เมืองนอก เรื่องนี้ข้าเตือนคุณทิพย์ไปหลายรอบเพราะเธอก็เป็นคนมีฐานะปานกลาง ยิ่งเข้าหาหมอที่เมืองนอกยิ่งแพง คุณทิพย์เธอยืนยันว่าจะไปโดยให้ข้าช่วยประสานหาหมอเฉพาะทางให้กับน้องนนท์ ข้าก็เลยขึ้นไปจัดการให้”


    “พ่อเด็กรู้ ก็เลยไม่พอใจส่งคนมาทำลายคลินิกเอ็ง” ก้องภพสันนิษฐานขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวอย่างละเอียดจากปากเพื่อน


    “อืม” อิทธ์ยกกาแฟแก้วร้อนขึ้นมาจิบ “ก่อนหน้านี้ก็มีปู่ของเด็กเข้ามาคุยกับข้า สงสัยจะเข้าใจผิดคิดว่าข้าเป็นอะไรกับคุณทิพย์มั้ง จะเซ็นเช็คให้ข้าด้วยนะ...ดูๆ แล้วปู่ของเด็กน่ากลัวกว่าพ่อของเด็กตั้งเยอะ”


    “แล้วเอ็งจะทำยังไงต่อไป เพราะดูท่านี่คงแค่ขู่ล่ะมั้ง” ก้องภพเอนหลังลงเบาะเก้าอี้จ้องไปที่แก้วกาแฟเพื่อน


    “ไม่ถึงชีวิตหรอก เขาแค่ต้องการตัวเด็ก” พูดตามตรงเขาเองก็มืดแปดด้านเหมือนกัน ไอ้เรื่องจำพวกนี้เคยเจอกับเขาที่ไหนกันเล่า


    “ให้ข้าช่วยคิดนะ ข้าว่าเอ็งต้องส่งเด็กนนท์ไปเมืองนอกให้เร็วที่สุด เผื่อเรื่องมันจะยุติได้ซะที”


    “พ่อเด็กไม่ยอม นี่เรื่องจะขึ้นโรงขึ้นศาลอยู่แล้ว แต่คงไม่ได้หรอกเพราะคุณทิพย์ไม่ได้จดทะเบียน... ข้าก็เห็นด้วยกับเอ็งนะไอ้ก้อง อันที่จริงอาทิตย์หน้าเด็กก็ต้องไปแล้วล่ะ เพราะข้าติดต่อจัดการทุกอย่างไว้ที่อเมริกาเรียบร้อยแล้ว”


    ก้องภพพยักหน้าให้เพื่อนคล้ายว่าเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนทำอยู่ “เอ็งไม่คิดว่ามันหนักไปเหรอวะ”


    “ตอนที่ทำไม่คิดเลยว่ะ แค่ช่วยเด็กคนนึงมันจะหนักหนาอะไร แต่พอมาเจอแบบนี้บอกตามตรง ข้าเองก็กังวลอยู่เยอะไม่คิดว่าเรื่องจะพลิกเป็นแบบนี้” อิทธ์เม้มปากถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างอ่อนล้า “เหนื่อยแทบบ้าเลยว่ะ”


    เสียงโทรศัพท์ของหมอหนุ่มดังขึ้น ทันทีที่เห็นว่าใครเข้ามาอิทธ์ถึงกับสบถคำหยาบคายออกมาเลยทีเดียว “พ่อเด็กโทรมา”


    ก้องภพรีบคว้าสายสมอลทอล์คอีกข้างที่เพื่อนส่งให้เสียบเข้าหูทันทีพร้อมบอก “อัดเสียงไว้ด้วย”


    อิทธ์พยักหน้ากดรับโทรศัพท์กรอกเสียงลงไป “สวัสดีครับคุณต้น”


    “ผมเตือนหมอแล้วนะ ถ้าหมอยังดื้ออีกผมไม่รับประกันความปลอดภัยของหมอนะ” เสียงห้าวปลายสายทำเอาคนทางนี้นั่งตัวแข็ง


    “หมอแค่ทำตามความต้องการของคนไข้ครับคุณต้น เข้าใจหมอด้วย ลูกชายคุณแกป่วยอยู่ทำไมคุณไม่ปล่อยให้แกไปรักษาตัวให้หายล่ะครับ” อิทธ์พูดอธิบายพลางมองหน้าก้องภพพร้อมขยับปากอ่านใจความได้ว่า ‘อีกแล้ว’


    “ที่นี่หมอดีๆ ก็มีเยอะทำไมจะรักษาลูกผมไม่ได้กัน หมอไม่มีฝีมือก็ยอมรับดีกว่า อย่ามายุ่งเรื่องนี้”


    “หมอยังยืนยันคำเดิมนะคุณต้น ว่าหมอทำไปตามความต้องการของคุณทิพย์ อีกอย่างนะครับคุณต้น หมอว่าคุณต้นน่าจะรู้ว่าที่น้องนนท์อาการไม่ดีขึ้นเพราะอะไร”


    “หมออย่ามายุ่ง จะทำไมก็เรื่องของผม หมอหวังจะได้แม่เด็กใช่ไหมล่ะหมอถึงยอมทำแบบนี้”


    “ผมว่าเราคุยเรื่องนี้กันหลายรอบแล้วนะครับคุณต้น ถ้าคุณต้นไม่อยากให้น้องนนท์ไปรบกวนไปคุยกับคุณทิพย์ดีกว่าครับ เพราะผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ครับ” อิทธ์พูดจบก็ตัดสายทิ้งทันที ดึงสายสมอลทอล์คออกจากหูยิ้มเหนื่อยให้เพื่อนพร้อมบอก “แบบนี้แหละ อาทิตย์นี้ครั้งที่สามแล้ว”


    “แล้วนี่เอ็งจะทำยังไง”


    อิทธ์หยุดคิดเล็กน้อย ประมวลความสามารถของตนที่พอจะทำได้ เมื่อเจอทางออกเขาจึงตอบคำถามของเพื่อนหนุ่ม “ข้าจะส่งน้องนนท์ไปภายในสองวันนี้เลย” พร้อมกดตัดสายจากเจ้าเดิมที่ดังขึ้นมาอย่างอ่อนใจ


    “มีอะไรให้ข้าช่วยมั้ยวะ”


    อิทธ์หัวเราะขึ้นทันทีที่ก้องภพถามขึ้น ก็เพราะเรื่องที่เขาจะฝากไปนี่มันคงหนักเอาการสำหรับตัวเพื่อน “ฝากกันอินให้ห่างจากข้าที”


    “อื้อหือ ให้กูไปรับมือรับเท้าแทนมึงยังง่ายกว่าเลย” ก้องภพกลอกตาขึ้นข้างบน...เอ่อ สงสัยเขาจะติดไอ้การกลอกตานี่จากแฟนสาวแน่เลย “ทำยังกับจะห้ามมันได้”


    อิทธ์หัวเราะตบท้ายอีกที เสมองออกนอกหน้าตาเพ่งสายตาไปยังรถหลายคันที่วนเวียนเข้ามาเติมน้ำมันในปั้ม นี่เขามีภาระเพิ่มมาอีกหนึ่งแล้วล่ะสินะ อุตส่าห์เลี่ยงมาได้ตั้งหลายอาทิตย์ดันมาแจ็คพ็อตเจอเรื่องรุนแรงแบบนี้ตรงกับวันที่เขาได้มาเจอเธออีก... เฮ้อออ




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2553
2 comments
Last Update : 14 ธันวาคม 2553 11:51:01 น.
Counter : 541 Pageviews.

 

@คุณเอิงเอย - จะบัวแล้งน้ำรึเปล่าคงต้องคอยดูค่ะ แต่คงเดาได้อยู่แล้วว่าก้องกับพีชจะจบยังไง ประเด็นจริงอยากให้โฟกัสที่อัญชลีว่าเธอจะมาไม้ไหน เป็นยังไง

@ คุณแม่สายบัว - ขอบคุณค่ะ น้อมรับคำแนะนำและจัดการปรับปรุงตั้งแต่เห็นคอมเม้นท์ของคุณแม่สายบัวทันทีเลยค่ะ
---
บล็อคใช้การไม่ได้ไป 2 วัน เมื่อวานตอนเปิดเข้ามาดูว่าใช้ได้หรือยังก็เกือบตีหนึ่งแล้ว หมดแรงลง ฮ่าๆ

วันนี้เลยจัดการลงให้โดยเร็วค่ะ

 

โดย: ตุยเหมี่ย 14 ธันวาคม 2553 11:56:26 น.  

 

เฮ้อออออออ่านเรื่องหนักๆ ของหมออิทธ์ แล้วอึ้งๆ หนักๆ ยังไงก็เอาใจช่วยค่ะ // ขอให้อินเข้าใจในสิ่งที่หมออิทธ์กำลังทำอยู่นะค่ะ (เพราะตัวเราเองแอบไม่เข้าใจว่าหมอต้องทำเช่นนั้นเลยเหรอ) // และก็จะรอดูว่า 'อัญชลี' จะแผลงฤทธิ์ด้วยวิธีไหน แล้ว 'ก้อง-พีช' จะรับมือได้อย่างไรน้อ

รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ

 

โดย: เอิงเอย IP: 118.172.59.4 14 ธันวาคม 2553 17:27:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ตุยเหมี่ย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




"ดากร" ... ณ ตอนนี้ขอเปลี่ยนนามปากกาเป็นชื่อนี้แล้วนะคะ

นามปากกานี้เป็นการดึงชื่อจริงของตัวเองออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (ว่าเข้าไปนั่น)

เหตุที่เปลี่ยนก็เพราะว่า รู้สึกแปลกเล็กน้อยที่เอานางเอกของเรื่องมาทำเป็นนามปากกา มันเขินบวกรู้สึกชาที่หน้าแบบบอกไม่ถูกยังไงไม่รู้

ดากร ... จำไม่ยากหรอกค่ะ ดากร
< /embed>

Friends' blogs
[Add ตุยเหมี่ย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.