มุมพักผ่อนของคนอยากเขียน
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
4 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
เพียงเปิดใจ 16

บทที่ 16


แม่คนใหม่


เวลาผ่านไปหลายอาทิตย์นับจากวันนั้นที่เธอถูกพากลับมาถึงบ้าน และดูเหมือนอะไรๆ ก็เต็มใจให้เขาคนนั้นเสียเหลือเกิน อันเป็นที่รู้ว่าเขานั้นแทบจะเป็นบุคคลคนโปรดของครอบครัวพิวัติรัตนการณ์(อัตราความโปรดเทียบเท่าก้องภพได้เลย) โดยอย่างยิ่งที่ครอบครัวของเธอนั้นอัธยาศัยดีอย่างเหลือเชื่อ และใครก็ตามที่เป็นสนิทกับเธอก็ย่อมเป็นคนสนิทของครอบครัวเธอด้วย นี่อาจคงเป็นการแสดงความเป็นห่วงออกมาในรูปแบบหนึ่งของตระกูลนี้ล่ะมั้ง และในวันนั้นทั้งป๊า หม้า บรรดาเฮียๆ พี่สะใภ้ หลาน สุดยอดสารพัดญาติโกโหติกามารวมตัวกันที่บ้านอย่างกับนัดหมายไว้ ซึ่งมันนัดไว้จริงๆ จากไอ้เพื่อนตัวดีสองตัวที่นั่งหัวโด่ยิ้มหน้าตาแป้นแล้นอยู่ในบ้านหล่อน


    พอครอบครัวเธอเห็นหน้าคนมาส่งเธอเท่านั้นแหละ ดีใจเสียยิ่งกว่าเห็นเธอกลับมาอีก แถมเฮียเอกก็ชวนให้ค้างที่บ้านอีกนั่น เยินยอกันเข้าไปไม่เห็นใส่ใจเธอเลยสักนิด และแม้จะมีต่อว่าเขาบ้างว่ามันเป็นเรื่องไม่สมควรที่พาเธอไปค้างอ้างแรมที่ไหน แต่ดูเหมือนการต่อว่าจะเป็นส่วนบังหน้าเพราะไอ้ประโยคจากคุณแม่สุดที่รักที่ว่า ‘น้องเสียหาย หมออิทธ์ต้องรับผิดชอบนะ’ พร้อมเสียงเฮลั่นราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก ไม่ถามเธอสักคำว่าว่าต้องการไหม... ใช่สิ อินมันหมาหัวเน่าแล้วนิ


    อีกทั้งยังต้องมานั่งอธิบายอะไรต่อมิอะไรให้สองเพื่อนซี้ฟังอีก ทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่ที่ปิดเงียบไว้ก็โดนพวกมันบ่นจนหูแฉะ แล้วแถมคำพูดปริศนาจากปากเขาในตอนท้ายนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกฉงนไม่น้อย เพราะหลังจากเขามาส่งเธอก็แทบไม่ติดต่อกัน ปล่อยให้เธอนั่งคิดมากอยู่คนเดียวหรืออย่างไร... ไม่ใช่รอเขามาจีบหรอกนะ แค่สงสัยเท่านั้นเอง จริงๆ


    ก่อนเมื่อวานต้องไปส่งเพื่อนชายที่สนามบิน แถมโดนสั่งว่าให้ตกลงกับคนนั้นเสียที... เหอะ คงง่ายหรอก แล้วยังได้รู้ตอนหลังจากปากเพื่อนว่ายัยคุณอัญชลียังไม่กำหนดวันกลับ ตอนแรกนึกดีใจคิดว่าคุณเธอโดนเด้ง ทีไหนได้บริษัทแม่ส่งมาให้ดูบริษัทลูกที่เมืองไทยสามเดือน และหากเจ้แกยังนิสัยเหมือนเดิมก็ไม่รู้ว่างานนี้จะเข้าเธอหรือพีร์ธาดากันแน่


    เสียงโทรศัพท์มือถือก็ทำลายความคิดเป็นตุเป็นตะของเธอ อินทิราเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนกดรับกรอกเสียงหวานๆ ลงไปทักทายปลายสาย


    “ว่ายังไงแก งานการไม่มีทำเหรอ”


    “งานนะมี แต่อยากโทรมาถามอะไรแกก่อน” เสียงปลายสายที่แลร้อนรนทำให้อินทิราเริ่มรู้สึกได้ว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล


    “มีอะไร เสียงแกดูไม่ดีเลยไอ้พีช”


    “ปลายอาทิตย์หน้าฉันมีงานเข้ามา แล้วทีนี้นางแบบที่ฉันต้องไปถ่ายชื่อ ปราย อะไรนี่แหละ... คนที่พี่ก้องเคยควงใช่นางแบบชื่อนี้มั้ยแก”


    เท่านั้นแหละ อินทิรารู้เลยว่าไอ้ที่เพื่อนเต้นๆ อยู่นี่เพราะอะไร ก่อนปล่อยเสียงหัวเราะชนิดที่ว่าไม่เกรงใจปลายสาย เรื่องความขี้หึงสุดๆ ของเพื่อนสาวเริ่มเปล่งประกายออกมาให้เห็นเรื่อยๆ ตั้งแต่คบกับก้องภพ นี่ขนาดยังไม่ครบเดือนนะนี่ เพราะรายนั้นดูจะมีนารีเข้ามาหาไม่ขาดสาย แม้ว่าพี่ชายนอกสายเลือดของเธอจะไม่เล่นด้วยก็ตาม... และดูเหมือนเรื่องนี้น่าจะสนุกไม่หยอก


    “ใช่ คนนี้แหละ พี่ก้องเคยควงด้วยพักนึง พักใหญ่ๆ ด้วยนะแก” อินทิราจงใจยัวะเพื่อนอย่างเห็นได้ชัดจากปลายสายที่โวยวายมาหลังจบประโยคของเธอ คนต้นสายจึงถามคนปลายสายด้วยเสียงกลั้วหัวเราะอย่างสงสัย “แต่เห็นว่าจบกันไม่งามเท่าไหร่ ว่าแต่รู้แล้วจะทำไม จะตามไปตบเขาหรือไง”


    “เปล่า ไม่ได้ไปตบ จะตามไปถ่ายแบบให้... เอออิน เรื่องนี้ไม่ต้องบอกพี่ก้องนะ เดี๋ยวฉันบอกเอง”


    สิ้นสุดคำตอบรับปลายสายก็วางโทรศัพท์ทันทีไม่มีแม้แต่คำบอกลา แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติของเจ้าหล่อนอยู่แล้ว แล้วไอ้ประโยคที่ว่าจะบอกเองนั่นก็ทำให้อินทิราอดคิดไปถึงวันที่เพื่อนเธอได้ฤกษ์บอกแฟนว่าจะไปทำอะไร... ก็คงจะก่อนวันเดินทางแค่วันเดียวนั่นแหละ



    พีร์ธาดาวางโทรศัพท์จากเพื่อนเสร็จก่อนต่อไปอีกเบอร์เพื่อยืนยันว่าเธอสามารถรับงานถ่ายให้กับนางแบบที่ชื่อ ปราย ได้ไม่มีปัญหา หญิงสาวเปิดประตูตู้เสื้อผ้าก่อนหยิบเสื้อกล้ามเข้ารูปสีน้ำตาลกับกางเกงยีนสีซีดห้าส่วนออกมา หลังจากแต่งตัวเสร็จก็โทรหาหมอประจำรถของหล่อนบอกกับคนทางนั้นว่าอีกไม่เกินชั่วโมงเธอจะไปหา


    หญิงสาวมาถึงอู่รถยนต์ที่หน้าร้านมีซากของรถเก่าๆ หลายคัน เดินเลยเข้าไปยังตัวร้านถอดแว่นกันแดดสีชาออกพร้อมมองหาคนที่เธอนิยามว่าเป็น ‘หมอประจำรถ’ แต่ไม่จำเป็นต้องหาเลยเมื่อหมอที่ว่าเดินปรี่เข้ามาหาทันทีที่เห็นเธอด้วยสีหน้าที่เธอคิดว่า ไม่น่ามีเรื่องดีเกิดขึ้น


    “หวัดดีพี่ตฤณ หน้าไม่ดีเลยมีไรเปล่านี่ รถพีชเป็นอะไรมากเหรอ” พีร์ธาดายกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่า ก่อนถามถึงยานพาหนะคันโปรดทั้งที่ใจไม่สู้ดีเท่าไหร่


    “นิดนึงวะ รถแกไม่เป็นอะไรมากหรอก ก็ยังพอวิ่งได้ แต่... พี่ว่าแกมาดูเองเหอะ” ตฤณเดินนำหน้าหญิงรุ่นน้องไปยังมินิออสตินคันเล็กที่ตัวเองเป็นคนโมดิฟายด์ให้เองกับมือ


    พีร์ธาดาขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันอย่างแปลกใจ ก็สภาพเปี๊ยกเปี๊ยกไม่เห็นจะน่ามีปัญหาอะไร แล้วทำไมพี่ตฤณถึงได้พูดน้ำเสียงหง่อยๆ แปลกๆ รถก็ยังอยู่ในสภาพเดิมแถมยังบรรเจิดกว่าตอนอยู่กับเธออีก และคำพูดต่อมาก็ไขข้อข้องใจได้ทั้งหมด


    “คืออย่างนี้พีช สภาพรถภายนอกนะไม่เป็นอะไรหรอก แต่ข้างในนี่สิ... ห้องเครื่องมันเก่ามาก ส่วนอย่างอื่นพี่ก็หาเปลี่ยนให้ได้หมดแล้ว เหลือแค่ห้องเครื่องนี่แหละที่มันไม่ได้ แกก็รู้กว่าจะหามาลงใหม่ได้มันใช้เวลานาน เผลอๆ อาจจะไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”


    ถึงตรงนี้พีร์ธาดาหน้าเริ่มไม่สู้ดี คำพูดของตฤณตอกความเชื่อเธอเสียมิดที่ว่าเธออาจจะได้ลากับเจ้าเปี๊ยกเปี๊ยกนี่แล้วจริงๆ ใช่ไหม รถคันนี้อยู่กับเธอมานาน พาเธอไปไหนมาไหนตลอด คิดถึงตรงนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาโดยสีหน้าที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่าเศร้ามาก


    “ไม่ได้เลยเหรอพี่ตฤณ โมฯใหม่ก็ไม่ได้เหรอ” หญิงสาวยังคงไม่หมดความหวัง โดยหวังว่าจะได้ยินคำตอบแห่งปาฏิหาริย์บ้างไม่มากก็น้อย


    “เสียใจด้วยจริงๆ วะพีช พี่ลองมาหลายรอบแล้วมันก็ไม่ได้ ถ้าแกเอาไว้วิ่งใกล้ๆ มันก็ยังวิ่งได้อยู่ แต่ถ้าไกลข้ามจังหวัดหรือข้ามฝั่งแบบนี้ก็ต้องจอดพักเป็นระยะๆ นะ เออ แล้วก็อย่าวิ่งเร็วเกินหกสิบล่ะ” ตฤณอยากจะเอื้อมมือไปจับหัวคนหน้าเศร้าโยกปลอบใจ แต่เพราะมือยังเปรอะน้ำมันเครื่องอยู่เลยทำได้แค่ส่งสายตาปลอบใจไปให้แทน


    เสียงถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่พร้อมการเดินเข้าไปหารถสีฟ้าสดลูบมันเบาๆ อย่างอาลัยอาวรณ์ ทำเอาชายหนุ่มรู้สึกแย่ตามเพราะรู้ดีว่าเจ้าของรถรักและผูกพันมากเพียงใด หากแต่ก็พยายามอย่างที่สุดซึ่งผลมันก็ทำให้เขาผิดหวังด้วยไม่ต่างกัน


    “พี่ขอโทษนะพีช” นั่นคงเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในตอนนี้


    พีร์ธาดาเงยหน้าขึ้นมามองของคนที่ขอโทษเธอมา สงสัยอยู่เล็กน้อยว่าเขาขอโทษเธอเรื่องอะไร แต่ข้อข้องใจก็อยู่ได้ไม่นานเมื่อรู้ถึงเหตุผล เธอส่ายหัวเบาๆ ให้เขาก่อนดึงส่ายตาตัวเองลงมาจ่ออยู่กับรถคันโปรดต่อ “พี่ตฤณไม่ต้องขอโทษพีชหรอก พีชรู้ว่ามันถึงที่สุดแล้ว... อันที่จริงพีชต้องขอบคุณพี่มากกว่าด้วยที่สร้างชีวิตให้กับรถคันนี้ และเมื่อถึงเวลามันก็ต้องไป”


    “เอางี้มั้ยพีช พี่พอโมฯรถไว้อยู่อีกคันแต่คนละรุ่นกันนะ พีชเอาไปใช้ก่อนมั้ยล่ะ”


    หญิงสาวส่ายหันแทนคำตอบ เอ่ยความต้องการจริงออกไป “พี่ตฤณเก็บไว้เถอะ พีชไม่ได้กังวลว่าพีชจะไม่มีรถใช้หรอก อีกอย่าง พีชคิดไว้ตลอดแหละว่าถ้าเปี๊ยกเปี๊ยกมันหลับไม่ตื่น พีชก็จะไม่ใช้คันอื่นที่คล้ายๆ กับมัน... พี่ตฤณ พีชขออะไรอย่าง” หญิงสาวรอจนเจ้าของอู่ตอบรับจึงเอ่ยคำที่เหลือออกมา “พีชขอฝากมันไว้ที่นี่นะ แล้วพีชไม่ขอขายคันนี้ให้ใครนะ ถือเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับร้านพี่ไปแล้วกันตฤณตอบรับความต้องการของสาวรุ่นน้องก่อนขอตัวไปจัดการงานที่ค้างคาต่อ ปล่อยให้หญิงสาวได้ร่ำลากับยานพาหนะคู่ใจตามลำพัง


    เธอเปิดประตูด้านคนขับก่อนฝังตัวเองลงไปในเบาะหนังสีครีม มือลูบพวงมาลัยรถไปมาราวกับอยากปลอบใจในความโดดเดี่ยวเมื่อมันต้องอยู่เพียงลำพังตลอดไป รถคันนี้เธอเก็บเงินซื้อเองตั้งแต่สมัยเรียน อาศัยที่ว่ารู้จักกับเจ้าของอู่ซึ่งก็คือรุ่นพี่หลายรุ่นของปู่รหัสที่มหาวิทยาลัย ก็ตามผ่อนมาเรื่อยๆ จนหมดตามราคาที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับรถมือสองทั่วไป และตอนนี้เธอก็อาศัยคอนโดมิเนียมเป็นที่พักถาวรไปแล้วกับการที่จะเอาเปี๊ยกเปี๊ยกไปจอดทิ้งไว้ก็ไม่ใช่เรื่อง ขอฝากมันไว้ที่นี่ก่อนแล้วกัน แล้วเมื่อถึงเวลาที่เธอพร้อมเธอจะเอามันกลับไปยังบ้านของเธอเอง


    ถึงแม้ว่าเธอจะรับงานถ่ายภาพอยู่เรื่อยๆ แม้ค่าตัวที่ได้จะไม่ใช่น้อยๆ แต่เงินเก็บที่มีอยู่ก็คงไม่เพียงพอที่จะไปซื้อรถมือหนึ่งคันใหม่เอี่ยมมาขับแทน เรื่องผ่อนคงต้องคิดดูก่อนอีกที เพราะเธอไม่อยากมีภาระอะไรเข้ามาในตอนนี้


    คงถึงเวลาที่ต้องมีงานมีการทำที่มั่นคงแล้วล่ะมั้ง



    ก้องภพที่ตอนนี้เป็นสารถีรับส่งหญิงสาวผู้เป็นที่รักตั้งแต่ทราบข่าวที่น่าครื้นเครงสำหรับเขา และน่าเศร้าสำหรับหล่อน ที่ว่าครื้นเครงเพราะต่อไปนี้เวลาไปในมาไหนคุณเธอต้องไปกับเขานะสิ ส่วนเรื่องเศร้า เอาน่าอีกไม่นานก็หาย และตอนนี้ก็กำลังค้านหัวชนฝาเรื่องที่เธอเปรยๆ ว่าจะซื้อรถคันใหม่สักคันเพราะไม่อยากรบกวนเวลาการทำงานของเขา ถ้าไม่อยากรบกวนก็มาทำงานด้วยกันสิ... เออเนอะ ชวนมาทำด้วยกันก็สิ้นเรื่อง


    ชายหนุ่มตัดสินใจจะชวนเธอกลับมาทำงานกับเขาอย่างจริงๆ จังๆ และแลเห็นแล้วว่าเวลามื้อกลางวันน่าจะเหมาะที่สุด ที่จริงมันไม่ต้องรอฤกษ์รอยามอะไรหรอก เพียงแต่อยู่ดีๆ มันก็คิดอยากจะชวนแค่นั้นเอง


    “พีช มาอยู่กับผมแล้วกัน”


    “ฮื้อ! อะไรนะ” พีร์ธาดาแทบสำลักข้าวที่เพิ่งป้อนเข้าปากไป กับคำถามที่เกินความคาดหมายไปเยอะ นี่เขาถามอะไรออกมาเนี่ย อยู่ดีๆ มาชวนไปอยู่ด้วย


    “มาทำงานกับผมไง” ก้องภพตอบหน้าตาย รู้อยู่แล้วว่าเมื่อกี้นี้เขาถามอะไรออกไป ก็แกล้งถามไปงั้นแหละ เผื่อฟลุ๊คขึ้นมาจะได้ให้แม่ไปขอเสียเลย


    “อ้อออ... นึกว่าได้ยินอะไรแปลกๆ ไป”


    “นะ”


    “อืม”


    ก้องภพนึกว่าตัวเองหูฝาดไปจึงถามคำถามเดิมออกไปแล้วคำตอบเดิมก็ตอบกลับมา ทำเอาชายหนุ่มยิ้มดีใจหน้าบาน ไอ้บทจะง่ายก็ง่ายจนเขาไม่ทันตั้งตัว รู้งี้เอาระเบิดไปวางไอ้รถเตี้ยนั่นตั้งแต่แรกให้มันเจ้งๆ ไปตั้งนานแล้ว แล้วเหมือนนึกขึ้นได้ว่าต้องชวนไปไหนอีก ก้องภพจึงเอาช้อนไปสะกิดจานคนตรงหน้าให้เงยมาสนใจเขาต่อ


    “เสาร์นี้ไปบ้านผมนะ แม่อยากเจอ”


    แม่จริงเหรอ... นี่ไม่ใช่จะชวนเธอไปอยู่ด้วยจริงๆ หรอกนะ “ก็ได้... แต่ไม่อยู่ด้วยนะ”


    ถึงตอนนี้ก้องภพเก็บอาการไม่อยู่ เขาหัวเราะทันทีที่แฟนสาวพูดจบ นี่กลัวขนาดนี้เลยเหรอนี่ เพิ่งรู้คนอย่างพีร์ธาดากลัวการแต่งงานขนาดนี้เลย นี่แค่เขาเปรยๆ อย่างหยอกเล่นเจ้าตัวถึงขนาดย้ำแล้วย้ำอีก แล้วถ้าเขาขอจริงๆ เธอจะทำยังไงล่ะนี่... เอาไว้ถึงเวลาก็รู้เองแหละ


    “ไม่ชวนหรอกน่า แม่อยากเจอจริงๆ ... แล้วพีชจะเข้าไปออฟฟิศวันไหน”


    “ขอเป็นอีกสองอาทิตย์นะพี่ก้อง ขอทำงานสุดท้ายทิ้งทวน” พีร์ธาดาเอ่ยตอบหลังใช้เวลาในการตัดสินใจเพียงนิดเดียว แล้วเธอควรบอกเขาดีหรือเปล่าว่าไอ้งานสุดท้ายต้องไปถ่ายใคร และตัดสินใจไม่บอกดีกว่าเพราะว่า... บอกตอนนี้ก็ไม่สนุกสิ



    ในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันนัดพบระหว่างที่พีร์ธาดานั่งรอแฟนหนุ่มมารับที่คอฟฟี่ชอปในห้างสรรพสินค้า พลันสายตาก็ดันกวาดไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เจอเมื่อตอนไปรับเพื่อนชายที่สนามบิน เดินเข้ามาในร้านกาแฟที่เธอนั่งอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง และเขาคือใคร แม้รู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่เรื่องตัวเองแต่ต่อมอยากรู้มันก็ดันทำงานไวกว่าสมองเสียอีก แถมมันยังบังคับขาเธอให้เดินไปยังชุดโต๊ะที่หนุ่มสาวคู่นี้เพิ่งเดินเข้าไปนั่ง


    “สวัสดีค่ะคุณอัญชลี บังเอิญจังนะคะ”


    อัญชลีหันขวับไปยังต้นเสียงทันที หากนี่เป็นเรื่องบังเอิญสำหรับพีร์ธาดานี่คงเป็นเรื่องซวยสำหรับเธอเลยทีเดียว ทำไมต้องมาเจอคนที่ไม่อยากเจอด้วย และถ้าเรื่องนี้เหมือนในละครตัวร้ายอย่างเธอต้องเป็นฝ่ายออกโรงถามไม่ใช่หรือไง พลันนึกได้ว่าเธอไม่ใช่ตัวร้ายสำหรับผู้หญิงคนนี้ แต่ถ้าเป็นเพื่อนหล่อนล่ะก็ ไม่แน่


    อัญชลีปั้นหน้ายิ้มตอบ เอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกับเธอ “โลกกลมนะ ทำงานแถวนี้เหรอค่ะ”


    “คะ เพิ่งทำงานเสร็จ” แม้ประโยคจะดูเหมือนถามอะไรเรื่อยเปื่อย หากแต่คนสองคนต่างก็รู้ดีว่านี่คือการเก็บข้อมูลของกันและกันอยู่แน่


    พีร์ธาดาเอียงคอสบตายิ้มเล็กน้อยกับผู้ชายอีกคนก่อนสบตาเลิกคิ้วกับผู้หญิงอีกคน นั่นทำให้อัญชลีรู้ได้เลยว่าการกระทำนี้คือสิ่งใด แม้ไม่อยากแนะนำคนที่มาด้วยให้รู้จักเพราะอาจมีผลต่ออนาคตของเธอ หากแต่ไอ้สายตาที่เทียวไปเทียวมาระหว่างเธอกับเขายังคงแสดงให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ถ้าวันนี้ไม่ได้คำตอบหล่อนคงไม่ไปจากตรงนี้แน่นอน ถึงจะไม่พอใจกับการละลาบละล้วงแบบไม่เกรงใจนั่นก็จำเป็นต้องบอกออกไปอย่างเสียไม่ได้


    “นี่คุณวิฑูรย์... คุณวิฑูรย์ค่ะ นี่พีร์ธาดาคะ... ลูกค้าฉันนะ” อัญชลีจำเป็นต้องต่อสถานะให้หญิงสาวฟัง เพื่อกันไม่ให้เจ้าหล่อนเข้าใจผิดไปมากกว่านี้


    และเป็นพีร์ธาดาเองที่เริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไรที่ไม่สมควรอยู่ อันที่จริงคงต้องบอกว่าพอเธอรู้ว่าคนสองคนนี้เป็นอะไรกันแล้วสมองก็เริ่มคิดได้ และดูเหมือนหากว่าเธอจะขอตัวไปตอนนี้คงจะเป็นเรื่องที่น่าเกลียดน่าดู แต่เธอในตอนนี้ทำได้เพียงพูดว่า ‘อ๋อ ค่ะ’ แล้วยืนยิ้มแห้งๆ ส่งไปให้ พยายามส่งกระแสจิตให้คนที่รออยู่โทรมาหาเสียที เพียงภายในเสี้ยววินาทีพีร์ธาดาก็โล่งอกอย่างยิ่งเมื่อโทรศัพท์เธอดังขึ้นมา ก่อนขอตัวบุคคลทั้งสองออกไป


    “ตลกดีนะ คนรู้จักเหรอครับ” วิฑูรย์ถามขึ้นเมื่อลับหลังหญิงสาว เขาสะดุดตาตั้งแต่เข้ามาในร้านนี่แล้ว ผู้หญิงผมสั้นหน้าขาวในชุดเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์ครึ่งตัวดูทะมัดทะแมงนั่งหันหน้าออกนอกคอฟฟี่ชอป สิ่งที่เตะตาเขามากที่สุดดูเหมือนจะเป็นเรียวขายาวขาวที่ไขว้กันอยู่นั่น


    “ไม่เชิงค่ะ... แต่ถ้าคุณวินสนใจลีก็พอช่วยได้คะ” อัญชลีชักไม่สบอารมณ์กับคำถามของคนตรงหน้า ทำไมผู้ชายหลายคนที่เธอเกี่ยวข้องด้วยจะต้องทำท่าสนใจยัยเด็กบ้านั่นเสมอ แต่ถ้าเธอแนะนำคนนี้ให้รู้จักกับพีร์ธาดาได้เรื่องระหว่างเธอกับก้องภพก็อาจจะรีเทิร์นก็ได้ แม้เปอร์เซ็นต์ที่ได้จะยากแต่ก็น่าลองดูสักตั้ง


    วิฑูรย์ยิ้มคืนไม่ตอบรับไมตรีของคนหวังดี ก่อนดึงความสนใจของเธอด้วยการวกเข้าเรื่องงานที่ค้างกันอยู่ เขาไม่สนใจผู้หญิงคนนั้นในเชิงชู้สาวหรอก ก็แค่ความประทับใจของผู้ชายคนหนึ่งเวลาเจออะไรสวยๆ งามๆ แค่นั้นเอง ขายหนุ่มมองไปยังไปใบหน้าอิ่มของสาวผมยาวตรงหน้า... ผู้หญิงคนที่เขาสนใจ เช่นนั้นแล้วเธอจะช่วยเขาได้หรือเปล่าล่ะ



    “ดีนะนี่ที่ได้พี่ก้องช่วยไว้ ไม่งั้นพีชแย่แน่เลย” พอเธอเปิดประตูเข้ามาในรถได้ปุ๊ปก็พูดประโยคที่ทำให้ก้องภพงงได้ปั๊ป ผู้หญิงคนนี้ความสามารถพิเศษเหลือล้นจริงๆ


    “ผมช่วยอะไรพีชเหรอ” ก้องภพหันไปถามสาวคนรักอย่างอดแปลกใจไม่ได้


    พีร์ธาดาก็เล่าถึงวีรกรรมตัวเองเมื่อตอนรอเขามารับ เรื่องนั้นทำเอาก้องภพนึกทึ่งในตัวของหญิงสาวมากกว่า รู้ว่าระหว่างแฟนสาวกับอัญชลีจะชอบหาเรื่องกันแต่ก็รู้อยู่ว่าทั้งคู่ไม่ได้ผูกใจเจ็บอะไรกันขนาดนั้น แต่ถึงขนาดลงทุนไปถามถึงที่ นี่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ชายหนุ่มนึกรู้ถึงความตั้งใจจริงของแฟนสาว “เสียดายไหมที่เขาไม่ใช่แฟนกัน”


    “ก็... นิดหน่อย” เธอตอบคืนเสียงอ่อย เกลียดจริงๆ คนรู้ทัน


    “ผมมีพีชคนเดียว ผู้หญิงอื่นผมไม่สนหรอก วางใจได้” ก้องภพเอื้อมมือไปขยี้ผมสั้นๆ อย่างมันเขี้ยว แล้วต้องขยี้แรงขึ้นกับประโยคถัดไปของสาวเจ้า เขาไม่เกรงกลัวกับคำขู่นั่นหรอกเพราะเขาไม่เคยคิดจะนอกใจเธอเลยแม้แต่นิดเดียว


    “อ๊ะ มันก็ต้องอย่างนั้น พีชเป็นใคร คนอื่นเป็นใคร เทียบชั้นกันไม่ด๊ายยย... แล้วอย่าคิดนอกใจพีชล่ะ แม่จะจับตอนให้เป็ดกินเลย”



    ก้องภพขับรถพาหญิงสาวเข้าสู่อาณาเขตบ้านตัวเอง วันนี้เป็นวันที่เขานัดหล่อนไว้เพื่อมาทานข้าวและพูดคุยกับมารดาของเขา ดูเหมือนเธอจะตื่นเต้นนิดหน่อยสังเกตได้จากการเอาหน้าแนบกระจกปากก็พูด ‘ไม่เปลี่ยนเลย’ อยู่นั่น ก่อนเจ้าหล่อนจะเปิดประตูรถออกไปแล้วตรงดิ่งไปดูสวนที่เขาเพิ่งจะจัดใหม่ไปเมื่อหลายวันก่อน


    “สวยไหม ผมจัดเองกับมือเลยนะ” ก้องภพเบ่งเสียงถามแฟนสาวที่กำลังก้มดูปลาคราฟในบ่อที่เพิ่งขุดเพิ่มตกแต่งสวน


    “สวย ปลาเยอะจัง” พีร์ธาดาเบ่งเสียงตอบกลับมา ก่อนหันไปยังเสียงประตูบ้านเลื่อนเปิดเมื่อเห็นร่างของมารดาของก้องภพ เธอยกมือไหว้ยิ้มกว้างเห็นฟันทุกซี่ปรี่เข้าไปหาพร้อมกอดไว้แน่นหอมแก้มนุ่มของสาวใหญ่ “ป้านิศา คิดถึงจัง”


    “คิดถึงแต่ไม่มาหา” นิศายิ้มหวานกอดตอบคืน พร้อมดึงตัวหญิงสาวเพื่อสำรวจถึงความเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ดูตัวเมื่อหลายเดือนก่อนนู้นก็ไม่มีโอกาสได้เจอผู้หญิงที่อัพเกรดเป็นแฟนลูกชาย และอีกหน่อยคงมาเป็นลูกสะใภ้... ถ้าลูกชายเธอมีฝีพอนะ


    “กลัวลูกชายป้านิศาแหละค่ะ... วันนี้ทำอะไรต้อนรับพีชมั่ง”


    “อะไร เจอแม่ผมแล้วถามหาของกินเลยนะ... แม่ครับ คิดถึงจัง” ก้องภพแสร้งพูดประจบเดินเข้าไปยีหัวแฟนตัวเองที่ยังอยู่ในอ้อมกอดแม่เขาเบาๆ บอกคิดถึงแม่พร้อมก้มหน้าลงไปหอมแก้มมารดา แล้วหันหน้ามาทางพีร์ธาดาดันลมไว้ข้างแก้มก่อนยื่นแก้มอูมๆ ให้เธอมั่งคล้ายต้องการบอกว่า ‘หอมผมมั่งสิ’ แล้วค้างตัวเองไว้ ซึ่งในตอนนี้พีร์ธาดาเขินหน้าแดงไปเรียบร้อยแล้ว ได้แต่ส่งเสียง ‘ฮื้อ’ บอกปัดปฏิเสธแทน ร้อนถึงนิศาที่ต้องห้ามความขี้เล่นของลูกชายตัวเอง


    “ตาก้อง เล่นอะไรเนี่ย ดูน้องเขินหน้าแดงหมดแล้ว ไปๆ ล้างไม้ล้างมือแล้วไปกินข้าวกัน แม่เตรียมไว้แล้ว” นิศาตีแขนล่ำของลูกชายดังเพี้ยะ จัดการดันตัวชายหนุ่มเข้าบ้านแล้วส่ายหัวกับการหยอกล้อของเจ้าลูกชายตัวดี แล้วโอบเอวพาคนหน้าแดงเข้าบ้าน “วันนี้ป้าทำกุ้งกระเทียมพริกไทยเตรียมไว้ให้หนูพีชโดยเฉพาะ เข้าบ้านกันดีกว่า”


    บนโต๊ะอาหารประกอบด้วยกุ้งกระเทียมพริกไทย ผัดเห็ดเข็มทองเต้าหู้ไข่กุ้ง แกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง ไข่เจียวกุ้งฟู เมนูทุกอย่างล้วนมีกุ้งทำเอาพีร์ธาดาเคลิบเคลิ้มเพลินปากตัดอันนู้นทีตักอันนี้ทีไม่พูดไม่จาสักแอะเดียว และการขอข้าวเพิ่มก็เป็นตัวการันตีดีว่าอาหารรสชาตเป็นอย่างไร นั่นทำเอาคนทำอาหารและคนจัดหาวัตถุดิบยิ้มหน้าบาน เหมือนว่าแค่มองหล่อนกินก็อิ่มไปหลายชาติแล้ว


    “อิ่มกันแล้วเหรอค่ะ”


    นั่น ยังอุตส่าห์เงยหน้ามาถามเขากับแม่อีก ก้องภพส่ายหัวยิ้มน้อยๆ ดูเหมือนประโยคที่เป็นห่วงเป็นใยนั่นจะเป็นเพียงการถามเพื่อมารยาท เพราะจบประโยคเจ้าหล่อนก็จัดการกุ้งตัวโตที่อยู่ในจานต่อ


    “แค่มองพีชกิน ผมกับแม่ก็อิ่มแล้ว”


    “นี่ว่าพีชตะกละเหรอ” เธอปล่อยช้อนส้อมที่ถือไว้ทันที จ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง ดีนะที่อิ่มแล้ว ไม่งั้นไม่ตอบด้วย


    “ป้าอิ่มแล้วจ๊ะ... คนแก่ก็อย่างนี้แหละ กินมากไม่ได้อ้วนง่าย” นิศาหันไปทำหน้าดุให้ลูกหนึ่งที “ท่าทางฝีมือป้าจะเข้าขั้นนะ พีชกินเรียบเลย”


    “อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ แต่พีชต้องอิ่มแล้ว กินมากแล้วเดี๋ยวอ้วนยิ่งขี้เกียจฟิตเนสอยู่” เสียงอ่อยคล้ายจะสารภาพความจริง ก็ที่จริงเธอยังไม่อิ่มหรอก ให้กินได้เรื่อยๆ ยังทำได้เลย อร่อยมากขนาดนี้อยากจะขอเก็บไปกินต่อที่คอนโดก็กลัวจะเสียงมารยาทไปหน่อย


    ก้องภพพยายามไม่สนใจความจำเป็นที่ต้องอิ่มของหญิงสาว เอื้อมมือใต้โต๊ะไปสะกิดแม่ตัวเองยิกๆ หลายที แต่ก็โดนปัดจากแม่แล้วแถมทำหน้าดุใส่เขาอีก การที่เขาพาแฟนตัวเองมาก็เพื่อให้แม่เขากดดันเจ้าหล่อนมากขึ้นเท่านั้นอีก เผื่อเวลาขอให้มา ‘อยู่’ ด้วยจะได้ไม่เป็นอุปสรรคอะไรมาก เขาจ้องแม่ตัวเองนิ่งพอแม่จ้องกลับมาเมื่อเห็นจากหางตาว่าเป้าหมายไม่ได้สนใจเขาก็รีบพูดแบบไม่มีเสียงออกมาเร่งรัดมารดา ‘สะใภ้ ไม่เอาเหรอ’


    “หนูพีช”


    “ค่ะ”


    เอาล่ะ เธอต้องจัดการอะไรสักอย่างให้ลูกชายเสียที ปล่อยมันป่วนอยู่อย่างนี้ถ้าวันนี้ไม่พูดมันคงไม่ให้เธอนอนเป็นแน่ แต่ตอนนี้หลังจากที่เธอเรียกชื่อเป้าหมายก็ต้องเงียบไว้ก่อนเผื่อให้เป้าหมายตกหลุมที่เธอขุดไว้


    “ป้านิศา มีอะไรเหรอ”


    เข้าล็อค! เริ่มการหว่านล้อม “ไม่ใช่ป้าจ๊ะ แม่”


    “อะไรนะค่ะ” โชคดีที่เธอกินน้ำหมดแล้วไม่งั้นได้มีสำลักแน่นอน นี่มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่นอนอยู่ดีๆ ป้านิศาจะให้เธอเรียกว่าแม่ หญิงสาวหันไปสบตาไม่รู้เรื่องของก้องภพ... อย่าคิดว่าไม่เห็นนะว่ายิ้มอยู่!


    “ก็ หนูพีชเป็นแฟนตาก้องแล้ว แม่ก็อยากให้พีชเรียกว่าแม่เหมือนตาก้อง อันที่จริงป้าอยากให้พีชเป็น ‘ลูก’ ป้าอีกคนมาตั้งนานแล้วนะ... เรียกว่าแม่เถอะจ๊ะ”


    นี่ถ้าเป็นเกมฟุตบอลล่ะก็ แม่เขาต้องชนะขาดลอยแน่นอนยิงเข้าทุกลูก ก้องภพไม่พูดจาแทรกแซงการเจรจาของแม่ เป็นผู้ฟังที่ดีแต่หากหญิงสาวไม่ยอมด้วยเขาก็ต้องช่วยแม่อีกแรง


    “แต่ว่า... ” พีร์ธาดายังอิดออดที่จะทำตามอยู่ ก็ถ้าเรียกว่าแม่เมื่อไหร่ชีวิตนางสาวของเธอก็สั้นลงเท่านั้นสิ!


    “แม่ผมเสียใจนะพีช”


    “แม่ไม่เสียใจหรอกตาก้อง แต่ถ้าหนูพีชไม่อยากเรียกก็ไม่เป็นไรจ๊ะ เรียกป้าเหมือนเดิมก็ได้”


    หญิงสาวอ้าปากหวอโดนคำพูดตัดรอนของทั้งเขาและป้านิศา กดดันเก่งทั้งแม่ลูกเลยนะ เธอหันไปทางแม่เขาทีแฟนหนุ่มทีเมื่อเห็นสายตาของบุคคลที่เธอเคารพรักเป็นญาติผู้ใหญ่ก็ได้แต่ปลงตก นี่คงเล่นตัวต่อไปคงไม่ได้แล้ว “พีชเรียกแม่ได้ค่ะ... แต่พีชยังไม่แต่งนะ” หญิงสาวส่งยิ้มแหยเพิ่มไปให้


    “แม่ไม่ได้ขอหนูให้ตาก้องซะหน่อย แม่แค่อยากให้หนูเรียกแม่ว่า ‘แม่’ เท่านั้นเอง... โอเคตามนี้แล้ว งั้นแม่ขอตัวก่อนเลยแล้วกัน” ขณะที่นิศากำลังจะเก็บจานเพื่อไปล้างก็ต้องหยุดการกระทำเมื่อได้ยินเสียงร้องห้ามจากปากอิ่มสวยของลูกสาวคนใหม่ ว่าเจ้าหล่อนจะให้พี่ก้องจัดการเอง เธอทิ้งสัมภาระในมือหันมาบอกลูกชายก่อนเดินไปยังห้องหนังสือ “ฝากด้วยนะตาก้อง”




Create Date : 04 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2553 16:34:26 น. 4 comments
Counter : 658 Pageviews.

 
หายไปเกือบอาทิตย์ สำนึกผิดเล็กน้อย ฮา

พอดีว่าตอนนี้ขอเน็ตเจ้าใหม่อยู่ เขาบอกอีกไม่เกินสองอาทิตย์จะมาติดให้ นี่เพิ่งจะผ่านไปอาทิตย์เดียวเอง หอบโน้ตบุ๊คมาอศัยเน็ตชาวบ้านเขาเล่น

พอกันอีกทีขอเป็นประมาณวันพุธแล้วกันค่ะ แต่หากเน็ตได้เร็วก็จะเอาลงอีกตอนฉลองเลย เย่


โดย: ตุยเหมี่ย วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:37:01 น.  

 
ถึงจะหายไปเป็นอาทิตย์ แต่แฟนนิยายคนนี้ก็ไม่หายไปไหนค่ะ ตามมาอ่านอยู่เสมอ...

หนาวแล้ว นอนห่มผ้าด้วยนะค่ะ


โดย: เอิงเอย IP: 12.184.166.218 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:31:03 น.  

 
เพิ่งตามมาอ่านค่ะ นิยายสนุกดีนะคะ แต่ใช้คำผิด "คะ" "ค่ะ" สลับกันเยอะมากๆ ตรวจทานนิดนึงนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: monster IP: 123.90.144.71 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:52:36 น.  

 
อ้อ ค่ะ ... ขอสารภาพว่าเพิ่งแยกออกว่าอันไหนแยกเสียงยังไงก็ตอนเขียนเรื่องนี้ไปได้สักพักแล้ว ฮา

หลังจากนี้จะไม่พิมพ์สลับกันแล้วจ้าา

ขอบคุณสำหรับเมนท์ค่ะ


โดย: ตุยเหมี่ย วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:46:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตุยเหมี่ย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




"ดากร" ... ณ ตอนนี้ขอเปลี่ยนนามปากกาเป็นชื่อนี้แล้วนะคะ

นามปากกานี้เป็นการดึงชื่อจริงของตัวเองออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด (ว่าเข้าไปนั่น)

เหตุที่เปลี่ยนก็เพราะว่า รู้สึกแปลกเล็กน้อยที่เอานางเอกของเรื่องมาทำเป็นนามปากกา มันเขินบวกรู้สึกชาที่หน้าแบบบอกไม่ถูกยังไงไม่รู้

ดากร ... จำไม่ยากหรอกค่ะ ดากร
< /embed>

Friends' blogs
[Add ตุยเหมี่ย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.