จากอัมเตอร์ดัมใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็เดินทางมาถึงเมืองโวแลนดัม "ไข่มุกแห่งซุยเดอร์ซี"
(The Pearl of The Zuiderzee) ห่างจากอัมเตอร์ดัมประมาณ 20 กิโลเมตรค่ะ
มาถึงเค้าจะมีที่สำหรับจอดรถบัสเลยล่ะ มีห้องน้ำไว้คอยบริการห้องน้ำที่นี่ไม่ฟรีนะคะเสียเงิน ราคาก็มีตั้งแต่ 20 - 50 Cent แต่สิ่งสำคัญที่ต้องระวังโปรดสังเกตุจากป้ายให้ระวังการล้วงกระเป๋า มาต่างบ้านต่างเมืองก็ต้องระวัง จากนั้นพวกเราก็เดินข้ามสะพานเพื่อเข้าสู่จุดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ
ระหว่างทางก็เดินถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ เมืองเค้าสวยมากบ้านทุกบ้านมีจัดสวนเล็กๆ ไว้หน้าบ้านเพื่อนั่งชมวิวทะเลฟินเลยอ่ะ
ด้วยความที่แวะกันไปเรื่อยๆ ไกด์เลยบอกมาก่อนค่ะมากินข้าวกันก่อนค่อยถ่าย ทริปนี้ยังกะจับปูใส่กระด้งอ่ะ
โปรแกรมแรกของพวกเราคือทานอาหารพื้นเมืองกันที่ภัตตาคาร De Koe จขบ.เดินเข้าไปในร้านก็กวาดสายตามองอาหารโต๊ะอื่นก่อนเลย
เอาแล้วไงคนที่นี่กินมังสาวิรัชกันเหรอวะ ทำไมมีแต่ผักทั้งนั้นเลยอ่ะ ลางสังหรณ์มาพูดเลย !!
พอได้โต๊ะนั่งก็เสริฟ์เลยจ้ารวดเร็วมากวางปึ้งตรงหน้ามันคืออะไร น้ำใสๆ มีเศษเส้นลอยอยู่คือนี่เรียกออเดิฟหรา
จขบ.ลองทานดูเอ่อน้ำต้มมาม่าชัดๆ ซุปค๊าสำหรับเมนูแรกทานหมดถึงจะเสริฟ์เมนูสอง
เมนูสองวางเอ่อมันคืออัลไล?? สลัดผัดรสชาติเปรี้ยวๆ ค่ะ คุณพระคุณเจ้าอยู่เมืองไทยอิช้านเนี่ยไม่แลเลยนะสลัดเนี่ย
แต่เอาวะเค้าให้มาชิมอาหารพื้นเมืองมันก็ต้องลองเดี๋ยวมาไม่ถึง ลุ้นเมนูต่อไปดีกว่า
มันคือ?? .. มันฝรั่งทอดค่ะเค็มๆ หน่อยทานร้อนๆ ก็พอไหวอยู่ เอ่อนี่คือยังมีอีกใช่ม๊ะ คือสิ่งที่วางต่อมาดูแล้วถึงกับช็อค
กรี๊ดนี่มันคืออัลไล .. ผักต้มกินไงฟ่ะเปล่าๆ เนี่ยอ่ะนะ หลังจากทุกคนช็อกกับอาหารไปชั่วขณะก็ปรับตัวกินผัก
ประหนึ่งว่าเป็นไดโนเสาร์ยุคกินผักเป็นอาหาร
แล้วความหวังใหม่ก็มาพร้อมป้าคนนี้ นางก็คีบไก่อบซอสให้คนละชิ้น มันต้องงี้ดิอาหารอ่ะโปรตีนต้องมา เกลือแร่วิตามินพอก่อน
จขบ.ก็เลยลองกินทุกอย่างด้วยกันเออมันก็อร่อยดีนะ ขณะที่กำลังพยายามฟินอยู่นั้นเมนูใหม่ก็ถูกเสริฟ์
ไอศกรีม .. เอาแล้วไงตรูคาวยังไม่หมดหวานรอแล้วแถมเป็นไอติมละลายเร็วอีก กินไอติมก่อนเลยเดี๋ยวค่อยมาคาวต่อ ซึ่งไอศกรีมเค้าอร่อยมากไอ้ลูกเดียวเนี่ยห้ามพลาดอยากจะขอสักสองลูกเหอะ ทานหมดก็กินผักกินหญ้าต่อค่ะ แต่ยังไม่ทันจะหมดเลยนางเก็บแล้ว เอ้ยกะลังฟินเลยอ่ะพยายามกินจนมันอร่อยให้วางช้อนแล้ว แล้วพี่ไกด์ก็บอกว่า "ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการถ่ายรูปและซื้อของ" วงแตกกันเลยทีเดียวต่างคนต่างไป Way ใคร Way มันกันเลย
จขบ.เดินไปตามเส้นทางตลอดสองข้างทางก็มีของที่ระลึกขาย ราคาก็ไม่แพงมากแต่กะว่าตอนเดินกลับค่อยมาแวะดีกว่า
จขบ.เดินมาจนเจอร้านนี้ชะโงกหน้าเข้าไปดูสินค้าในตู้ อัยยะ Herring มันเป็นอาหารของคนที่นี่ในรีวิวบอกว่าให้ลองทานดู
กวาดสายตาทั้งตู้มาสะดุดปลาแฮร์ริ่งสดเนี่ย มันต้องจัดมาแล้วเดี๋ยวจะไม่ซึมซาบวัฒนธรรมการกินของเค้า
จัดไปหนึ่งชิ้นพร้อมแซลมอนสติ๊ก งั่มๆ ไม่ผิดหวังแฮะคือรสชาติปลาเนี่ยรู้เลยว่าปลาสด หมดนี่ก็ 3 ยูโร ร้อยกว่าบาทจัดไป เนื้อปลาแฮร์ริ่งมันมันๆ ดีอ่ะคืออารมณ์เหมือนเนื้อแซลมอนเลย ตามรีวิวบอกว่าถ้าปลาไม่สดเนี่ยกินไม่ได้เลยเหอะ ส่วนเพื่อนลองแบบทอดนี่ก็อร่อยนะมาแล้วก็ต้องลองอุตส่าห์นั่งเครื่องข้ามน้ำข้ามทะเลเดินทางมามันต้องถึงถิ่น
ด้วยความที่เมืองนี้เป็นเมืองท่าจึงไม่แปลกใจที่จะเห็นเรือจอดกันเต็มไปหมด ลำนี้สังสรรค์กันบนเรือเลยแลดูสนุกสนานมาก
ระหว่างการเดินชมเมืองเนี่ยที่นี่เค้าก็มีพร็อปให้ถ่ายกันไปตลอดทาง อากาศตอนนี้เห็นดูแดดๆ แบบนี้ลมแรงแล้วเย็นมาก
ต้องใส่เสื้อหนาวเดินริมทะเลกันเลย ชอบอากาศแบบนี้จังร้อนแต่ไม่ร้อน
สิ่งหนึ่งที่สังเกตุเหตุเมืองนี้จะเห็นคนสูงอายุชายหญิงเดินจูงมือถ่ายรูปกันน่ารักมาก ด้วยความที่คุณภาพชีวิตคนที่นี่ดีมากคนสูงอายุที่นี่จึงใช้ชีวิตแบบสบายมาก ต่างกับบ้านเราเนอะที่คนสูงอายุยังต้องทำงานกันอยู่เลยอ่ะ ดังนั้นอยากเป็นผู้สูงอายุแบบมีคุณภาพก็ต้องทำงานเก็บเงินกันนะจะได้สบายตอนแก่
ระหว่างที่พวกเราเดินฟินกันอยู่นั้นสัญญานเริ่มไม่ดีแฮะแลดูเหมือนพวกเราจะเป็นกลุ่มสุดท้าย งานเข้าต้องจ้ำกันแล้วจ้า
สำหรับเมืองนี้เป็นเมืองไม่ใหญ่มากเดินเที่ยวได้เพลินๆ ถ้าเดินทางมาหน้าหนาวอากาศก็จะเย็นสบายมีแดดนะแต่ไม่ร้อน เหมาะแก่การมาโรแมนติกเป็นที่สุด มโนก่อนเผื่อมีใครสักคนมาเดินข้างกัน อิอิ เอาล่ะก็ผ่านไปหนึ่งเมือง ตอนหน้าจะพาไปเที่ยวเมืองจำลองที่ชื่อว่า มาดูโรดัม ไม่อยากเที่ยวไกลๆ มาที่นี่ที่เดียวเหมือนเที่ยวทั่วเนเธอร์แลนด์ค่ะ ติดตามต่อตอนหน้านะจ๊ะ
เมืองเขาสวยนะคะ....ชอบจัง
เก็บตกบรรยากาศมาฝากสวยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ
ตัดริบบิ้นดูเป็นคนแรก