สมุดบันทึกผู้หญิงชอบเที่ยว "ภัทรานิตย์" -- www.atourthai.com --

"เที่ยวเมืองไทยด้วยหัวใจ แล้วคุณจะรักเมืองไทยอย่างยั่งยืน"


 
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 มีนาคม 2552
 

มรดกโลกมาเก๊า ตอนที่ 1

สำหรับตอนนี้เราจะพาเพื่อนๆ มารู้จักศูนย์กลางเมืองเก่าของมาเก๊า ซึ่งสถานที่ที่เราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักยูเนสโกได้กำหนดให้ศูนย์กลางเมืองเก่าของมาเก๊าเป็นมรดกโลกลำดับที่ 31 ของประเทศจีนล่ะ

ศูนย์กลางเมืองเก่าของมาเก๊า คือหลักฐานแห่งการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตกที่ดำเนินมากว่า 400 ปี เป็นย่านเมืองเก่าที่เก่าแก่ที่สุดใหญ่ที่สุด และได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในแง่สถาปัตยกรรมทั้งแบบตะวันออกและแบบตะวันตกของประเทศจีน เรามาดูกันสิว่ามรดกโลกของมาเก๊ามีอะไรกันบ้าง

วัดอามา (A-Ma Temple)



วัดเก่าแก่ที่สุดและเก็บรักษาศิลปะวัตถุเก่าแก่ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลไว้มากมาย เป็นอาคารสถาปัตยกรรมที่คงอยู่มาได้ยาวนานที่สุดของมาเก๊า ว่ากันว่า ชาวโปรตุเกสรุ่นแรกมาถึงในศตวรรษที่ 16 ได้ถามถึงชื่อเกาะ ก็ได้รับคำตอบว่า "อามาเกา" คือชื่อวัด ดังนั้นชาวโปรตุเกสจึงเรียกสถานที่นี่ว่า มาเก๊า เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่ 07.00-18.00 สายรถเมล์ที่ผ่านคือ 26, 26A พอข้้ามสะพานจากไทปามาผ่านสถานีจอดรถก็ลงป้ายแรกเลย วัดอามาจะอยู่ทางขวาล่ะ

จตุรัสบาร์รา (Barra Square / Largo da Barra)



จตุรัสนี้อยู่หน้าวัดอามาตรงข้ามท่าเรือใน (Inner Harbour) บริเวณด้านหน้าประดับด้วยกระเบื้องโมเสกของโปรตุเกสที่มีชื่อเสียง ใช้สีเหลืองหม่นและสีถ่านเป็นหลัก โดยจัดวางกระเบื้องเป็นลวดลายคล้ายคลื่น สะท้อนการไหลของแม่น้ำที่อยู่ใกล้เคียง ก่อให้เกิดความรู้สึกถึงการไหลของสายน้ำและให้บรรยากาศริมทะเล

ค่ายทหารชาวมัวร์ (Moorish Barracks / Quartel dos Mauros)



ค่ายแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1874 โดยสถาปนิคชาวอิตาลี ชื่อ คาสซูโต (Cassuto) เดิมใช้เป็นที่พักของกองทหารชาวอินเดียจากเมืองกัว แต่ปัจจุบันกลายเป็นสำนักงานขององค์การบริหารการเดินเรือมาเก๊า (Macau Maritime Administration) ตัวอาคารแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามที่มีต่อการออกแบบ เปิดให้เข้าชมระเบียง 09.00-18.00 น.

คฤหาสน์ขุนนางจีน (Mandarin's House / Maison du Mandarin / Casa do Mandarin)



สร้างในปี 1881 คฤหาสน์หลังนี้เป็นที่พักของ เฉิง กวน ยิง (Zheng Guanying) นักคิดชาวจีนผู้มีชื่อเสียง โดยสร้างตามสไตล์จีนโบราณ เห็นได้จากการใช้หน้าต่างหลากหลายรูปแบบ หลังคา โครงสร้างส่วนบน วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ มีการนำสไตล์ต่างประเทศเข้ามาใช้ร่วมด้วย เห็นได้จากการใช้อิฐสีเทา เพดานที่ออกแบบตามสไตล์อินเดีย ส่วนบนของประตูและหน้าต่างที่เป็นรูปโค้ง ฯลฯ ตั้งอยู่ที่ 10 Antonio da Silva Lane อยู่แถวๆ เซนาโด้แสควร์ล่ะเดินไปเดินมาเดี๋ยวก็เจอล่ะ

จตุรัสลีเลา (Lilau Square / Place Lilau / Largo do Lilau)



ลีเล่า แปลว่า "น้ำพุบนภูเขา" แต่เดิมที่นี่คือแหล่งน้ำหลักของมาเก๊า เนื่องจาอยู่ใกล้ท่าเรือใน ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวโปรตุเกสรุ่นแรกได้มาอาศัยอยู่บริเวณนี้แลมีภาษิตภาษาโปรตุเกสว่า "ผู้ใดได้ดื่มน้ำจากลีเลาแล้วจะไม่มีวันลืมมาเก๊า หากไม่ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่นี่ ก็จะต้องกลับมาอีกครั้งอยู่ดี" แสดงถึงความผูกพันของชาวท้องถิ่นที่มีต่อจตุรัสได้เป็นอย่างดี อาคารรอบจตุรัสลีเลาส่วนใหญ่เป็นอพาร์ตเมนต์ ที่ออกแบบและตกแต่งสไตล์โปรตุเกสให้บรรยากาศแบบยุโรปทางใต้

โบสถ์เซนต์ลอเรนซ์ (St. Lawrence's Church / Eglise St-Laurent / Igreja de S. Lourenco)



โบถส์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 16 และเป็นหนึ่งในสามโบสถ์เก่าแก่ที่สุดของมาเก๊า แต่โบสถ์ เซนต์ ลอเรนซ์ที่เห็นในปัจจุบันมาจากการบูรณะในปี 1846 บริเวณรอบๆ โบสถ์เคยเป็นย่านคนร่ำรวย เห็นได้จากตัวอาคารที่หรูหรา ส่วนภายนอกอาคารนั้นอยู่ในสไตล์นีโอคลาสสิคเจือด้วยสไตล์บารอก ตั้งอยู่ที่ Rua de Sao Lourenco เปิดให้เข้าชม 10.00 - 16.00 น.

โรงเรียนนักธรรมและโบสถ์เซนต์โยเซฟ (St. Joseph's Seminary and Church / Seminario e Igreja de S.Jose)



โรงเรียนแห่งนี้มีบุคคลสำคัญหลายคนที่มีบทบาทในงานมิชชันนารีในประเทศจีนและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ได้จบการศึกษาจากโรงเรียนนักธรรมแห่งนี้ ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1728 ตัวโบสถ์สร้างขึ้นภายหลังในปี 1758 ให้มีหลายส่วนคล้ายคลีงกับโบสถ์เซนต์ปอล ในสไตล์บารอก เช่น เส้นโค้งบนทับหลังซึ่งไม่ค่อยเห็นนักในมาเก๊า นอกจากนั้นภายในโบสถ์ยังมีศาสนวัตถุจากมิชชันนารีกลุ่มแรกที่เข้ามาในเอเชียตะวันออกด้วย ต้้งอยู่ที่ Rua do Seminario เปิดให้เข้าชม 10.00 - 17.00 น.

จตุรัสเซนต์เอากุสติน (St.Augustine's Square / Place St-Augusin / Largo de Santo Agostinho)



แม้จตุรัสนี้จะไม่ใหญ่นัก แต่จตุรัสแห่งนี้ก็ให้ความรู้สึกสงบ อาคารโดยรอบล้วนเป็นอาคารสำคัญ เช่น โบสถ์เซนต์เอากุสติน โรงละครดอมเปโตรที่ห้า และห้องสมุดเซอร์โรเบิรต์โฮทุง ถนนซึ่งปูด้วยก้อนหินทำให้ชวนนึกถึงถนนแบบเดียวกันในโปรตุเกส

โบสถ์เซนต์เอากุสติน (St. Agustine's Church / Eglise St-Augustin / Igreja de Santo Agostinho)



โบสถ์นี้ถูกสร้างขึ้นมาในปี 1586 นักบวชคณะเอากุสตินจากประเทศสเปนกลุ่มหนึ่งได้สร้างโบสถ์นี้ขึ้นโดยใช้ไม้เป็นวัสดุก่อสร้าง ต่อมาโบสถ์ถูกย้ายไปที่ จตุรัสซานโตอะกอสทินโย ในปี 1591 ในสมัยนั้นเมื่อฝนตกพวกบาทหลวงจะใช้ใบต้นปาล์มพัดวางคลุมหลังคาโบสถ์ซึ่งใบต้นปาล์มเมื่อโบกไปมาในสายลมแล้วดูเหมือนหนวดมังกร ทำให้โบสถ์นี้มีชื่อเรียกอีกแบบว่า "ลองชองมิว" หรือวัดมังกรหนวดยาว (Temple of the Long whiskered Dragon) ด้านหน้าของโบสถ์แบ่งเป็นสองระดับและส่วนบนประดับหน้าจั่ว ประตูทางเข้ามีเสาหินแกรนิตอยู่ข้างละต้น เสาภายในรองรับหลังคาโค้งและแบ่งโบสถ์ออกเป็นสามส่วนซึ่งดูเรียบง่ายและคลาสสิค โบสถ์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นหลังใหม่ที่สร้างในปี 1874 และเป็นโบสถ์แรกในมาเก๊าที่มีการเทศน์เป็นภาษาอังกฤษ ตั้งอยู่ Santo Agostinho Square อยู่ตรงข้ามเซนาโด้แสควร์เลย เดินเข้าซอยตรงข้ามไปก็เจอแล้วล่ะ

โรงละครดอมเปโตรที่ห้า (Dom Pedro V Theatre / Theatre Dom Pedro V)



ชาวโปรตุเกสสร้างโรงละครแห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงกษัตริย์เปโดรที่ห้า โดยเริ่มจากสร้างเฉพาะส่วนหลักของโรงละคร จนปี 1873 ได้มีการสร้างเพิ่มส่วนหน้าที่ออกแบบตามสไตล์นีโอคลาสสิค เป็นโรงละครตามแบบตะวันตกแห่งแรกในประเทศจีน แต่เดิมชุมชนโปรตุเกสใช้เป็นที่จัดงานสำคัญต่างๆ ปัจจุบันใช้เป็นที่สำหรับแสดงละครและคอนเสริต์ ตั้งอยู่ที่ Santo Agostinho Square เปิดให้เข้าชม 10.00-23.00 น.

ห้องสมุดเซอร์โรเบิรต์โฮทุง (Sir Robert Ho Tung Library / Bibliotheque Sir Robert Ho Tung)



ห้องสมุดแห่งนี้สร้างขึ้นก่อนปี 1894 เดิมเป็นที่พักของดอนนา คาโรลินา คุณญ่า เซอร์โรเบิรต์ โฮ ทุง พ่อค้าผู้ร่ำรวยจากฮ่องกงได้ซื้อต่อมาในปี 1918 และใช้เป็นบ้านพักตากอากาศฤดุร้อน เมื่อเซอร์ โรเบิรต์ โฮ ทุง เสียชีวิตในปี 1955 ได้ทำพินัยกรรมยกให้แก่รัฐบาลมาเก๊าเพื่อเป็นห้องสมุดสาธารณะและห้องสมุดเปิดให้บริการแก่สาธารณชนในปี 1958 ตั้งอยู่ที่ Santo Agotinho Square เปิดให้เข้าชม 10.00-23.00 ปิดวันอาทิตย์

ตึกลีอัลเซนาโด (Leal Senado Building / Batiment Leal Senado)



สร้างขึ้นในปี 1784 ให้เป็นสำนักงานเทศบาลของมาเก๊า และผ่านการปรับปรุงหลายครั้ง ตึกที่เห็นปัจจุบันสร้างและปรับปรุงในปี 1874 ด้วยสถาบปัตยกรรมตามสไตล์ยุโรปใต้อันโดดเด่น ห้องสมุดชั้น 1 เปิดในปี 1929 ตามแบบ บิบลิโอเทคา โด คอนเวทโท เดอ มาฟรา มีหนังสือโบราณหลายเล่ม รวมทั้งเอกสารสำคัญจากต่างประเทศตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ถึงทศวรรษ 1950 โดยเฉพาะเอกสารทีบันทึกบทบาทของโปรตุเกสในทวีปแอฟริกา และกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออก ห้องสมุดยังมีสำเนาของ "อา อาเบล่า ดะ ชีนา" ภาษาโปรตุเกส ฉบับแรกในประเทศจีนด้วย ตั้งอยู่ที่ San Ma Lo เปิดให้เข้าชม 09.00 - 21.00 (ปิดวันจันทร์)

สำหรับตอนนี้เราได้รู้จักมรดกโลกของมาเก๊ามาเกือบครึ่่งแล้วล่ะ ตอนหน้าเรามาดูต่ออีกครึ่่งหนึ่งล่ะกันนะ และเช่นเคยขอขอบคุณข้อมูลจากการท่องเที่ยวมาเก๊าสำหรับข้อมูลค่ะ


Create Date : 30 มีนาคม 2552
Last Update : 30 มีนาคม 2552 0:22:48 น. 3 comments
Counter : 2442 Pageviews.  
 
 
 
 
สวยมาก ๆ เลยอ่ะค่ะ ยิ่งเห็นก็ยิ่งชอบ ยิ่งอยากไปเยือน
 
 

โดย: Picike วันที่: 30 มีนาคม 2552 เวลา:4:03:08 น.  

 
 
 
ยังไม่เคยไปมาเก๊าเลยค่ะ
รูปสวยมากๆ ขอบคุณที่แบ่งกันชมนะคะ
 
 

โดย: koipotter วันที่: 30 มีนาคม 2552 เวลา:16:37:15 น.  

 
 
 

แวะมาเที่ยวมาเก๊าด้วยคนนะคะ
 
 

โดย: อุ้มสี วันที่: 30 มีนาคม 2552 เวลา:20:47:59 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

patthanid
 
Location :
ราชบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]




: การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ
: คืออีกก้าวของประสบการณ์
: ทุกๆ ก้าวที่ก้าวเดิน
: มีจุดหมายที่อยากสัมผัส
: โลกใบกลมๆ ใบนี้

ติดต่อผู้เขียน
Email :: patthanids@hotmail.com
Line :: @atourthai
Facebook :: Patthanid Cheang
Fanpage :: โสดเที่ยวสนุก

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิดโดยนำภาพถ่าย
รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึง
ข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้
ไปใช้ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัว
หรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น
ลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
New Comments
[Add patthanid's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com