ค่าตั๋ว 25 CNY ต่อคน จบข.เคยนั่งแบบนี้ที่สิงค์โปร์และดูเด็กๆ ไปเลยเมื่อเทียบกับที่นี่หลายสถานีมาก
แถมต้องนั่งห้อยขารองเท้าเนี่ยต้องกระชับเลย เพราะถ้าร่วงไปเนี่ยไม่เก็บนะจ๊ะทิ้งโลด
เอาล่ะพร้อมเดินทางไปกับ จขบ.แล้วหรือยัง ?? พร้อมแล้วไปกันเลยจ้าาาาา
1 2 3 ฮึบ .. กระเช้าค่อยๆ ปล่อยตัวจากสถานี โอ้ว .. เสียวขาเลยตรู วูบๆๆ เลยทีเดียว พร้อมกับนึกในใจสลิงเค้าหนาแน่นคงไม่ขาดหรอกมั้ง
โชคดีที่ตอนนี้ฟ้าเริ่มเคลียบ้างแล้ว ทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามของหุบเขาแห่งนี้
พอถึงจุดเปลี่ยนสถานีทีไร บอกได้คำเดียวเลยว่าเสียวเว้ยยย ถ่ายรูปก็อยากถ่ายกลัวก็กลัว เลยกลับหัวกล้องถ่ายซะเลย
โ
ดูกระเช้านี้สิอายุเยอะแล้วแต่ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเลย ลองเป็นคุณนายแม่อิชั้นสิพูดได้คำเดียวยอมเดินกลับ
ยังไงก็ไม่นั่งหรอกกระเช้าเนี่ย
กระเช้าผ่านกว่า 10 สถานี ต้องบอกว่าวิวสวยมากธรรมชาติสรรค์สร้างจริงๆ แต่คนที่เก่งกว่าคือฝีมือมนุษย์
ขนาดอยู่ในหุบเขาขนาดนี้ยังมีกระเช้าให้พวกเราได้นั่งชมวิวแบบไม่ต้องเดิน มันไม่ได้สร้างง่ายๆ เลยนะนั่น เจ๋งจริงๆ เลยคนสร้างอ่ะ
กว่าจะมาถึงจุดสุดท้ายได้ทำเอาขาสั่นเลยพอลงแล้วอ่ะ ก็พี่เล่นยาวขนาดนี้ไม่ต่างอะไรกับเคเบิ้ลคาร์ตอนมาเลยจะยาวไปไหนเนี่ย
เอาล่ะแอบไปส่องดูรูปพวกเราดีกว่า ว่าจะอุดหนุนซะหน่อยรูปดันไม่สวยซะงั้น ดีเหมือนกันไม่ต้องเสียตังค์ 20 CNY
ตามแผนที่พวกเราวางไว้ต้องไปยังประตูสวรรค์ไฮไลท์สำคัญของการมาหุบเขาเทียนเหมิงซานแห่งนี้ แต่เนื่องจากเวลาที่ค่อนข้างจำกัดถ้าไปต่อมีแววที่จะไม่ทันรถไฟที่จองไว้จะไปอู่ฮั่นแน่ๆ พวกเราเลยตัดสินใจกลับจ้า ในใจก็เสียดายอยู่เหมือนกัน แต่พอมาอ่านข้อมูล "ประตูสวรรค์แห่งนี้เกิดจากภูเขาระเบิดจนกลายเป็นรูต้องนั่งรถประมาณ 99 โค้งแล้วเดินบันไดไปยังประตูสวรรค์อีก 999 ขั้น" ต่อให้พวกเราเสียงไปก็ไม่ทันแน่ๆ เพราะนี่ก็จะบ่ายสามแล้วเดินทางกลับกันดีกว่าจ้า บายๆ น้าประตูสวรรค์ถ้ามีโอกาสชั้นจะมาหาเธอใหม่น้าาาา
ขาลงเอ็มมี่ถึงกับจะเป็นลมเลยทีเดียว สงสัยเดินเยอะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย คริคริ
จากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับมายังตัวเมืองจางเจี้ยเจียโดยเคเบิ้ลคาร์ มีหลายคนกล่าวว่า "มาจางเจี้ยเจียไม่มาเขาเทียนเหมิงซานเหมือนมาไม่ถึงจางเจี้ยเจียล่ะ" ดีนะที่อย่างน้อยๆ เราก็ได้ขึ้นมาบนหุบเขา แต่บอกตามตรงว่าตั้งแต่กลางวันยันเย็นเนี่ยยังไม่ได้กินอะไรเลย คำนวณเวลาแล้วยังเหลือเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง จัดไปร้านเดิมเลย
ร้านนี้แม่ค้าใจดีนุ่นอยากกินผัดผักบุ้งแบบไทยสไตล์ขอปรุงเองเค้าก็จัดให้อ่ะ อาหารร้านเค้ารสชาติโอเคเลยรับรองทานได้แน่นอน แถมราคาก็ไม่แพงด้วยล่ะ คนที่นี่พอบอกว่าเป็นคนไทย เค้าจะประหลาดใจมาก คนไทยเรียกว่า "ไทกัว" เนื่องจากส่วนใหญ่คนไทยมาทัวร์ดังนั้นจึงไม่ค่อยเห็นคนไทยมาแนว Backpack สักเท่าไหร่เลยทำให้พวกเรากลายแลดูประหลาดมีแต่คนมองอ่ะ
เอาล่ะพอทานเสร็จก็ได้เวลากลับไปยังโรงแรมเพื่อเอากระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วไปต่อยังสถานีรถไฟจางเจี้ยเจี้ย โบกแท็กซี่เลยจ้าไปส่งที่โรงแรม แล้วให้ทางโรงแรมเจรจาให้ไปส่งที่สถานีรถไฟ ค่าแท็กซี่ 10 CNY เองล่ะ พวกเราคิดว่าจะแพงกว่านี้ พอเค้าถามว่า "10 CNY ไปไหม" เอ็มมี่ถึงกับดีใจราคาถูกกว่าที่คิดไว้เสียอีก
พอเดินทางมาถึงสถานีรถไฟเอ็มมี่ก็จัดการไปแลกตั๋วที่เคาเตอร์ ซึ่งเอ็มมี่ได้จองตั๋วรถไฟล่วงหน้ามาแล้ว การเดินทางโดยรถไฟต้องจองตั๋วมาล่วงหน้าเพราะรถไฟเค้าเต็มทุกที่นั่ง มาซื้อตั๋วข้างหน้ายากค่ะ ราคาตั๋วจากจางเจี้ยเจียไปอู่ฮั่นก็ 102 CNY พวกเราก็นั่งรอเวลารถไฟเข้าสู่สถานี ระหว่างนั่งรอก็มีการเปลี่ยนที่สองครั้ง ปรากฏว่าครั้งสุดท้ายซื้อน้ำแล้วลืมน้ำไว้ โชคดีที่ไม่หายเหอะ
พอรถไฟมาก็ได้เวลาต้องวิ่งไปหาที่นั่งให้เร็วที่สุด รถไฟขบวน K968 ไม่งั้นได้นั่งกับคนอื่นแน่ๆ ตลอดการเดินทางโดยรถไฟเมืองจีน จะมีการสาธิตสินค้าแล้วขายของบนรถไฟตลอดการเดินทาง สมกับเป็นประเทศค้าขายจริงๆ คือขายได้ตลอดเวลา ก็สนุกไปอีกแบบทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อ ส่วนอาหารและเครื่องดื่มก็มีคนเข็นขายตลอดเวลาเช่นกัน จากจางเจี้ยเจียไปฮู่อั่นใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง ซึ่งพวกเราจะไปถึงเช้าวันใหม่พอดี ขอบอกว่าเมื่อยตูดมาก เหมือนรถไฟชั้นสองบ้านเราเลย แต่สะอาดและกว้างกว่า ติดตามต่อตอนหน้านะจ๊ะ