BlogGang.com : : patthanid : PHETCHABUN :: หน้าร้อนนอนเขาค้อ ตอนที่ 4 เที่ยวบ้านหนองหญ้านาดูความเป็นมาแมงกะพรุนน้ำจืดและชมแก่งผีเสื้อ

อาหารเช้าที่นี่ก็มีเป็นเซตค่ะ ไข่ดาว ขนมปัง ไส้กรอก แฮม เบคอนมากันพร้อมหน้า เสริฟ์พร้อมกาแฟหรือโกโก้ค่ะ เช้าๆ แบบนี้ จขบ.ไม่ชอบทานกาแฟสักเท่าไหร่เลยขอเป็นโกโก้ร้อนดีกว่า ขอบอกว่าโกโก้อร่อยอ่ะ เข้มข้นหวานกำลังดีเลยทีเดียว ทำไมชงเองไม่ได้แบบนี้เนี่ย .. พอทานกันเสร็จก็ได้เวลาล้อหมุนไปเที่ยวกันแล้วค๊า

ระหว่างรอความพร้อมพวกเราสามสาวก็ขอโพสท่าถ่ายรูปกับมุมยอดฮิตของที่นี่กันก่อนค่ะ เรียกว่ามุมเดียวกันเป๊ะเลยเหอะ จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกันแล้วค๊า .. ปกติสำหรับเขาค้อแล้วนักท่องเที่ยวจะนิยมมาเที่ยวกันเฉพาะหน้าหนาว มาทริปนี้ จขบ. ขอฉีกแนวเที่ยวเขาค้อหน้าร้อนกันบ้าง โปรแกรมแระพวกเราจะไปล่องเรือชมแมงกระพรุนน้ำจืดแห่งเดียวในประเทศไทยกันที่หนองหญ้านาค่ะ การเดินทางใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงมายังบ้านหนองหญ้านา แก่งบางระจันแล้วล่ะ

ก่อนจะเดินทางไปชมแมงกระพรุนน้ำจืด เรามาทำความรู้จักกับมันกันก่อนนะคะ "แมงกะพรุนน้ำจืด" ที่พวกเราจะไปชมกันนี้เป็นชนิดสายพันธุ์น้ำไหลบนภูเขา วงจรชีวิตช่วงระยะการมองเห็นด้วยตาเปล่า เป็นช่วงระยะของวงจรชีวิตที่ตัวเจริญเต็มวัย (Medusa) หลังจากนั้นก็มีกาสืบพันธุ์ตามธรรมชาติ จะเปลี่ยนวงจรเข้าสู่ระยะเตรียมฟักตัวในรุ่นต่อไป การฟักตัวจะอยู่ใต้น้ำและมีขนาดเล็กจนไม่สามารถมองเห็น แล้วเมือโตเต็มวัยก็จะปรากฏให้เห็นอีกครั้ง โดยวงจรนี้จะมีระยะเวลาประมาณหนึ่งปี มีขนาดตัวประมาณเหรียญห้าบาทหรือเหรียญสิบบาท ชื่อทางวิทยาศาตร์มีชื่อว่า Craspadacusta Sp. ชื่อไทย แมงกะพรุนน้ำจืด ชื่อพื้นบ้าน แม่ยัวะหรือแมงยุ้มวะ ช่วงเวลาที่พบจะเป็นช่วงฤดูร้อนที่อากาศอบอุ่นและน้ำนิ่ง การค้นพบเมื่อเดือนเมษยน พ.ศ 2545 เป็นครั้งแรกในประเทศไทยเป็นประเทศที่ 5 ของโลกที่ค้นพบ ..

แหม.. จากโมเดลจำลองตามรูปที่เห็นเนี่ยดูเหมือนตัวใหญ่ยักษ์มาก แต่จากข้อมูลที่ระบุไว้ตัวเท่าเหรียญห้าต่างกันเยอะนะเนี่ย ไอ้เราก็นึกว่าจะตัวใหญ่เสียอีกเนอะ เอาล่ะก่อนจะไปชมแมงกะพรุนก็ต้องไปเตรียมความพร้อมกันก่อน ด้วยยูนิฟอร์มหนองหญ้านานั่นก็คือ เสื้อชูชีพและหมวกกันร้อนอย่างที่เห็นในรูปเลยค่ะ สำหรับค่าใช้จ่ายในการล่องเรือเค้าคิดเป็นคนค่ะ คนละ 150 บาท เมื่อพร้อมแล้วก็ไปอันซีนแมงกะพรุนน้ำจืดกันเลยค๊า

เรือหนึ่งลำก็สามารถนั่งได้ห้าคน รวมคนขับเรือค่ะ ทุกคนก็เลือกเรือกันเรียบร้อยแล้ว จนมาเหลือลำสุดท้ายตอนนี้ก็เหลือพี่คนขับรถ น้องบี น้องวุฒิ คนขับเรือและ จขบ. เอ่อ .. น้องบีนะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ที่เหลือนี่ดิประเมินจากสายตาแล้วน้ำหนักรวมๆ กันเนี่ยมันดูจะทรมานเรือไปไหมเนี่ย!! เหลือแต่ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น ลงไปนั่งกันเรียบร้อยแล้วแลดูเรือจะจม ต้องจัดตำแหน่งคนใหม่เรือถึงจะออกได้เหอะ จขบ.นึกในใจวันนี้จะได้ใช้เสื้อชูชีพป่ะเนี่ย เอาล่ะเมื่อทุกอย่างลงตัวก็ไปกันเลยค๊า

น้ำที่นี่นิ่งมากอารมณ์เหมือนแม่น้ำไทรโยคจังหวัดกาญจนบุรีเลยอ่ะ แต่ที่นี่ดูวังเวงวิเวกกว่าเรียกว่าธรรมชาติสุดๆ จขบ.นึกในใจจรเข้จะโผล่มาเปล่าฟ่ะน้ำนิ่งเกิ๊น เรือก็ล่องมาเรื่อยๆ เนิบๆ ด้วยอัตราเร่งตามฝีพายของพี่พายเรือ จนมาถึงจุดแรกที่พวกเราจะแวะนั่นก็คือเกาะผีเสื้อ

ผีเสื้อที่พบบริเวณสองข้างทางของลำน้ำเข็กแห่งนี้ จากการสำรวจเริ่มตั้งแต่แก่งบางระจันจนถึงน้ำตกสงกรานต์รวมระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร พบผีเสื้อหายากอย่างน้อย 9 ชนิด คือ ผีเสื้อเหลืองหนามแคว้นฉาน ผีเสื้อจันทรา ผีเสื้อเหลือกำมะถัน ผีเสื้อไกเซอร์ต้า ผีเสื้อลายตลกขีดยุ่ง ผีเสื้อแดงอินเดีย ผีเสื้อเหลืองลีนา ผีเสื้อประกายฟ้า และผีเสื้อไม่ก่อลายหัก รวมทั้งหมด 135 ชนิด เยอะจังอ่ะ .. แต่โปรดอย่าหันกลับมาถาม จขบ. นะว่าตัวไหนเป็นพันธุ์ไหน เพราะจากการค้นข้อมูลแต่ละชื่อเนี่ยมีแยกออกไปอีกหลายวงศ์เลยทีเดียว เอาเป็นว่าดูเพื่อความสวยงามกันดีกว่านะคะ ความรู้โปรดไปหาจากพี่กูเกิ้ลนะคะ

พวกเราใช้เวลาอยู่ที่เกาะผีเสื้อเนี่ยเกือบชั่วโมงเลยทีเดียว กว่าจะได้รูปสวยๆ อย่างที่เห็นเนี่ย .. ไม่มีนะค๊าเลนส์มาโครเทเลมีแต่เลนส์คิสมาโครอัตโนมือเหอะ กว่าจะย่องไปถ่ายใกล้ๆ ได้เนี่ยทุ่มกันสุดตัวเลยทีเดียว วันนี้พวกเราโชคดีได้เห็นผีเสื้อที่เป็นไฮไลท์เกือบทุกตัวเลย โดยเฉพาะเจ้าหายสร้อยเนี่ย สวยเชียวนะ .. สาเหตุที่ผีเสื้อที่นี่เยอะเพราะนอกจากจะเป็นพื้นที่ที่ผีเสื้อชอบแล้ว ชาวบ้านที่นี่เค้าก็ค่อยหยอดน้ำปลาให้ผีเสื้อด้วยล่ะ จขบ.ก็เพิ่งรู้เนี่ยแหละว่าผีเสื้อชอบน้ำปลา ไม่งั้นจะซื้อเมกาเซฟมาหยอดสักขวดเหอะ เผื่อจะถ่ายง่ายๆ หน่อย อิอิ

จากนั้นพี่คนพายเรือก็พาพวกเรามายังบริเวณหน้าวัด ซื้ออาหารปลาให้ปลา จขบ.คิดว่าเค้าพามาให้อาหารปลาเหอะ แต่จริงๆ แล้วเค้าพาเรามาดูแมงกะพรุนน้ำจืด จขบ.ก็มองหาใหญ่เลยมันอยู่ไหนฟ่ะไม่ยักกะเห็นเนี่ยมีแต่ปลาเต็มไปหมดเลย ปลาเยอะขนาดนี้มันไม่กินแมงกะพรุนหมดแล้วเหรอเนี่ย .. แล้วพี่คนพายเรือก็โปรยอาหารให้ปลาแย่งกันกินอะไรเนี่ยจะโปรยเยอะแยะให้น้ำมันกระเด็นทำไมเนี่ย แล้วพี่เค้าก็บอกว่าต้องให้ปลามันขึ้นมาแล้วแมงกะพรุนมันจะขึ้นมาด้วย โห .. โปรยไปเป็นถุงก็ยังไม่มีวี่แววของแมงกะพรุน จขบ.นึกในใจพี่เอาอาหารปลามาสักกระสอบดิ จะได้เห็นเร็วๆ อิอิ

ดูเหมือนวันนี้พวกเราจะได้เห็นยากแล้วล่ะ มองหายังไงก็ไม่เจอแต่พี่คนพายเรือตาดีมากอ่ะ มองเห็นแล้วก็ตักมาให้พวกเราดู กลมๆ ที่เห็นเนี่ยแหละแมงกะพรุนค๊า .. จะเล็กไปไหนเนี่ย แล้วให้ใครถือไม่ถือมาให้ภัทรานิตย์ถือ ป้าด.. แมงกะพรุนร่วง เอ่อ..หายไปไหนฟ่ะ ตัวก็ใสมันอยู่ไหนเนี่ย พอเจอแล้วก็จับไม่ติดตัวมันเล็กมากอ่ะ จนน้องวุฒิจับให้แต่ เอ่อ.. แต่ดูจากน้องจับมันแล้วมันจะกลายเป็นศพไหมเนี่ย? คือแบบต้องจิ๊กมันขึ้นมาอ่ะ ดีนะมันไม่ตายอ่ะ พอลงน้ำได้ว่ายไปเลยท่าจะเข็ด อิอิ

พอได้ดูแมงกะพรุนสมใจแล้วพวกเราก็เดินทางกลับโดยขากลับเค้าจะใช้เส้นทางเรืออีกเส้นหนึ่งล่ะเหมือนมันเป็นวงกลมอ่ะ พอมาถึงพี่ที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ก็ให้ดูหนังสือพันธุ์ผีเสื้อก็ฮือฮากันเลย เอ่อ.. ว่าแต่พี่คะทำไมไม่ให้ดูก่อนไปเนี่ย!! ดูเหมือนวันนี้ผีเสื้อจะเป็นไฮไลท์กว่าแมงกะพรุนซะอีก .. จากนั้นพวกเราก็เดินทางกันต่อค่ะ โดยแวะทานข้าวกันที่ทางเข้าทุ่งสแลงหลวงล่ะ เพราะจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา

ร้านนี้เป็นร้านอาหารตามสั่งธรรมดาอารมณ์เหมือนร้านประจำหมู่บ้านประมาณนี้ล่ะ พวกเรามาถึงก็สั่งกันบานทุ่ง เมนูที่นี่เค้าใช้ผักกระหล่ำทำอ่ะ แต่ความเก๋มันอยู่ที่เห็นร้านแบบนี้แต่มี Free Wifi เหอะ เรียกว่าเช็คอินอัพรูปกันได้สบายๆ เลยล่ะ ไฮโซซะล่ะ แถมเมนูส้มตำที่นี่รสชาติแซ่บมาก พอทุกคนทานกันเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางต่อเพื่อไปยังทุ่งแสลงหลวงค๊า .. ไว้ติดตามต่อตอนหน้านะคะ .. คลิ๊กตอนต่อไปที่นี่ค่ะ

Photo and Story
By Patthanid C.
www.patthanid.bloggang.com
Facebook : Patthanid FC