Can't get Enough of Japan # Osaka & Genting highlands
21-23 October 2012กลับจากนารามาถึง โอซาก้า เหนื่อยและเพลียมากๆ แต่ถ้าวันนี้เราไม่ไป Numba เราจะไม่ได้ของเลยนะ อย่างน้อยต้องไปซื้อกระเป๋า มิเช่นนั้นแล้วดิฉันจะไม่สามารถขนของที่ซื้อมาเกือบ 10 วันกลับบ้านได้หมดว่าแล้วก็ลุยต่อ ใจสู้ซะอย่าง สีสันยามค่ำคืน บวกอากาศเย็นๆ ทำให้น่าเดินเล่นไม่ต้องหลับต้องนอนShin sai bashi คือสวรรค์ของนักช้อป สู้ตายค่ะ เจ๊หนูนะคะ สู้ตาย ได้มาหอบใหญ่ๆ นางบอกว่าในถุง 8 ตัว นางหอบมากองใหญ่แล้วก็หายไปอีก ปล่อยให้น้องทั้งสองมองหนุ่มญี่ปุ่น มองแสงสีอยู่ตามประสา สั่งให้เราสองคนยืนรอที่หน้าร้านปู ตอนแรกคิดว่าจะชวนมากินปูยักษ์ แล้วก็กลับมาพร้อมกับถุงหลายใบ สีหน้ายิ้มกริ่มมีความสุขถ้าปล่อยให้อยู่นานกว่านี้ คงได้มาอีกหลายสิบถุง น้องๆรีบชวนไปร้านกระเป๋า เพราะที่กองอยู่ที่โรงแรมยังไม่รู้จะกลับบ้านได้ยังไง รวมทั้งที่ซื้อมาอีก สรุปว่าได้กระเป๋ามาอีก 2 ใบ เพื่อใส่ของกลับสองคนถามว่า แล้วน้ำหนักจะเกินไหม ขอตอบว่า ไม่ต้องห่วงฉัน ซื้อน้ำหนักเพิ่มมาแล้วจ้า เตรียมพร้อม 30 โลเบย กลับก่อนนะกลูลิโกะ สัญลักษณ์ Namba Osaka เค้าล่ะ ใครมาก็ต้องมาถ่ายรูปแถวนี้ กลับไปโรงแรม เก็บของกว่าจะได้นอนก็ดึก หลับเหมือนโดนทุบหัว22 October 2012ตอนเช้ารีบตื่นแล้วมาใหม่ยังไม่จุใจ 555 มาอีกแว้ววววววก็ชอบนี่ค่ะ ให้อยู่ทั้งวันก็ยอมหาร้าน 100 เยนให้ 2 สาวสักหน่อยหาไม่เจอ เจอแต่ซูชิสายพาน กินก่อนดีกว่า ดี๊ด้าเป็นพิเศษ ระหว่างรอ ได้นั่งแล้ว เตรียมลุยไม่อร่อยเท่าไหร่เลยค่ะ จานสูงแค่นี้เอง พวกเรากินและช้อปกันเพลิดเพลิน มองดูนาฬิกาอีกที ใจหายใจคว่ำ เหลือเวลาไม่มากแล้วต้องรีบกล้บไปเอากระเป๋าที่โรงแรมแล้วไปสนามบิน ไม่อยากจะบอกว่า เข็นกระเป๋าอย่างทุลักทุเล จำนวน 7 ใบ ของดิฉันคนเดียว 4 ใบ ต่อรถไฟสนุกสนาน พอมาถึงสนามบินไม่มีเวลาแม้แต่คืนบัตร Suika รีบโกยไป Check in เจ้าหน้าที่โหลดกระเป๋าละเอียดยิบ ชักช้ามาก ไปถึง Gate ปุ๊ป ก็ Final call เลย เป็นอันว่า โตเกียวบานาน่า และ อีกสารพัดขนมที่อยากได้เป็นอันอด ขึ้นเครื่องปุ๊ปหลับ ปวดท้องมากสงสัยซูชิสายพานจะทำพิษ ไปถึงสนามบิน LCCT ก็ประมาณ 3 ทุ่ม จองโรงแรม Tune ไว้ ท้องเสียเข้าห้องน้ำทั้งคืน โรงแรมประหยัดใกล้สนามบิน ต้องซื้อทุกอย่าง ซื้อแอร์ ซื้อ Amenities แถมไม่ค่อยสะอาดอีกต่างหาก แต่ก็ดีกว่านอนที่สนามบิน23 October 2012 วันนี้จะไปเที่ยวเกนติ้งค่ะ ควักเงิน ริงกิต ออกมาดู มีแค่นี้จะพอมั๊ย ก่อนอื่นเราต้องไปสนามบิน KLIA เพราะขากลับเราจะขึ้นแม่นางลูฟ กลับบ้านไม่นั่ง Airasia ละ เรื่องของเรื่องเราจะเอากระเป๋าไปฝากไว้แล้วจะนั่งรถบัสไป KL sentral เพื่อไปเกนติ้งดูสัมภาระของพวกเราซะก่อน ดีนะที่ Taxi จาก Tune Hotel ไป KLIA ราคาไม่แพง จ่ายไหวและยินดีรับเราไปทั้งที่สัมภาระของเรา 8 ใบค่า Taxi ไม่แพง แต่มาเจอค่าฝากกระเป๋าโหดมาก ฝาก 4 ใบคิด 2 วัน ค่าฝาก 2000 กว่าบาท สุดยอดแพง แต่จำเป็นต้องฝาก ซื้อตั๋วรถไป Sentral เพื่อไปต่อรถไปเกนติ้งที่นั่นท้องเสียหลายรอบมาก จนเริ่มหิวหาขนมรองท้องหน่อยระหว่างนั่งรถไปก็ถ่ายรูปบ้านเมืองของเมืองหลวงมาเลเซียไปสักหน่อย กัวลาลัมเปอร์ ครั้งนี้ครั้งที่ 4 แล้วสิเรา มาเปลี่ยนขึ้นรถบัสไป เกนติ้งไฮแลนด์ที่นี่มาลงที่สถานีกระเช้าแล้วค่ะ จะขึ้นแล้ว อยากนั่งแค่ 3 คนอ่ะ ไม่อยากนั่งรวมกับใครมาแย้ววววสูงอ่ะ และยาวมากด้วยเกนติ้งหนาวเย็นตลอดทั้งปีเป็นครั้งที่ 3 สำหรับเราที่ได้มาเกนติ้ง และครั้งแรกของอ้อกับแตงจะจอดแล้วค่ะ เตรียมตัวลงท้องเสียไปหลายรอบ รู้สึกเพลีย หาอะไรกินก่อนเถอะก่อนมาจองโรงแรม First world ไว้ 2 ห้อง คอยจ้องตอนมันลดราคา ได้มาคืนละพันนิดๆ สีสันของ First world ลายๆสดๆแบบนี้ รับรองไม่หลงCheck in กับเครื่อง Keycard ก็ไหลออกมา แล้วเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ ห้องอ้อกับแตง ไม่มีแอร์นะ เป็นที่รู้กันว่าบนเกนติ้งไม่ต้องใช้แอร์วิวจากห้องนอนห้องน้ำเล็กๆ แต่ก็พักกันอย่างสะดวกสบายพักผ่อนหลับไปสักงีบ แล้วนัดกันลงมาหม่ำไอศครีมเดินเล่นกันพักใหญ่ และก็ยังไม่เลิกช้อป ได้เสื้อผ้ามาอีก 3 ชุดมื้อเย็นจะกินอะไรกันดี กินเสร็จจะได้เข้าคาสิโน ไปเล่นสล็อตแมชชีนกันกินอิ่ม เราเข้าไปจัดการสล็อตแมชชีน และลองไฮโลด้วยนิดหน่อย สนุกๆ เสียเงินพอหอมปากหอมคอ อิ อิ อย่าฟ้องแม่น้า ขอร้องนอนคนเดียวรู้สึกกลัวเหมือนกัน อยู่ญีปุ่นไม่เคยกลัวเลย แต่นอนที่มาเลเซีย มาตราฐานโรงแรม แค่ 3 ดาว แถมคนล้านเจ็ด เช็คอินเองแบบนี้ รู้สึกไม่อุ่นใจเช้าตื่นขึ้นมารีบหม่ำอาหารเช้า ค่าที่พักไม่รวมอาหารเช้า ต้องหาซื้หม่ำเองขนมหน้าตาดูดี ลองดูหน่อยอิ่มแล้วขึ้นไปเก็บกระเป๋า เตรียมไปสถานีกระเช้า กลับไปสนามบินเย้ๆ กลับบ้านเรา คิดถึงบ้านแล้วระหว่างรอขึ้นเครื่อง เทกระเป๋าใช้เงินริงกิตให้หมด ไปซื้อ KFC หม่ำกันดีกว่าระหว่างนั่งเครื่องกลับ นั่งมองมือตัวเอง อ้าว...แหวนหาย เที่ยวมากจนผอมลงแหวนหลุดหายไม่รู้ตัว ไพลินล้อมเพชรของฉันตกหายไปตอนไหน เป็นการเที่ยวที่แพงที่สุดเลย มาถึงสนามบิน มี้นุ้ยให้น้ำหวานมารอรับ ส่วนตัวเองรออยู่ที่บ้าน เพราะว่าโทรคุยกันแล้วบอกว่ากระเป๋าหลายใบมาก แตงและอ้อ นอนที่โรงแรมใกล้สุวรรณภูมิต่ออีกคืน แล้วตอนเช้านั่งรถทัวร์กลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัยส่วนเรานั้น นอนบ้านมี้นุ้ย แล้วมี้ก็ยังรับไปแพร่และเลยไปเชียงใหม่เพื่อกลับไปรับรถและทำธุระเรื่องคอนโดที่ซื้อไว้ มีเรื่องไม่สบายใจ มีเหตุที่คนอื่นกระทำให้ทุกข์ กว่าจะถึงบ้านก็อีก 2 วัน พอมาถึงบ้าน อั่งเปาตาเจ็บมาก ต้องพาไปผ่าตัด เพราะตาเริ่มเป็นหนองแล้ว ไม่ผ่าจะบอด เปิดกระเป๋าที่บ้าซื้อมาจากญี่ปุ่น และไปซื้อขนมเพิ่มมาจากอิเซตันด้วย เสื้อผ้าหลายตัว ขนมหลายกล่อง มี้นุ้ยแบ่งไปพอสมควร เหลือมาบ้านเพียงเท่านี้ถุงเท้า ถุงน่อง และรองเท้าบู๊ทของ Mujiกระเป๋าล้อลาก ที่ซื้อเพิ่มขนมจากดิสนีแลนด์และกล้องถ่ายรูป S10 ที่เหมือนจะมีคนฝากซื้อแล้วเปลี่ยนใจไม่เอา แต่ไม่เป็นไร มันดีมากเก็บไว้เองดีกว่ายังมีเสื้อผ้าอีกหลายตัว ขนมอีกหลายกล่อง ที่ไม่สามารถถ่ายรูปได้ เพราะว่าเป็นของฝากไปซะแล้ว เป็นอันว่าจบทริปญี่ปุ่น การไปเที่ยวครั้งนี้ ชีวิตแข็งแกร่งขึ้นเยอะเลย ตอนเที่ยวมีสุข ก่อนไปมีทุกข์ กลับมาแล้วทุกข์ใจหลายอย่าง ช่วงนั้นราหูเข้าพระเสาร์แทรก กว่าจะผ่านมาได้ หัวใจต้องเสริมใยเหล็ก เป็นบทเรียนราคาแพง