Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
3 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
ไปเวียดนามไม่โดนฟัน แล้วนี่เราไปถึงหรือป่าวว๊า..... #2



14 มกราคม 2550

ตื่นเช้ามา Roommate อารมณ์บ่จอย บ่สนเว้ย ไปกินอาหารเช้าดีกว่าพร้อมชมวิวทิวทัศน์ไปด้วย อาหารส่วนใหญ่เหมือนเมื่อวานแต่ก็มีบางเมนูที่ไม่เหมือน



มองลงมาจากชั้น 11



เก็บกระเป๋า check out แล้วลงไปนั่งรอมะเฟือง



คุณสามีพาเพื่อนๆซื้อล็อตเตอรี่เวียดนามหวังรวยกันถ้วนหน้า



วันนี้อากาศหนาวมากๆ เนื่องจากมีมรสุมเข้าอากาศหนาวและมีละอองน้ำตกลงมาด้วย

สถานที่แรกที่เราไปในวันนี้คือ วัด Quan Thanh Temple เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในฮานอย อยูติดกับทะเลสาบใหญ่ Trac Bach Lake ซึ่งวัดนี้ทัวร์ธรรมดาจะไม่พาไป แต่ Private Tour อย่างพวกเราไม่พลาด



สถาปัตยกรรมวัดเวียดนาม จะคล้ายๆ จีน



พระพุทธรูป ใบหน้ารูปเหลี่ยม ศักดิ์สิทธิ์มาก มะเฟืองบอกให้พวกเราขอพร และบอกให้ Roommate เราขอลูกด้วย เหอๆๆ



ภายในบริเวณวัดมีร้านขายรูปภาพและของที่ระลึก พวกเราไม่พลาดที่จะเข้าไปดูแต่ไม่ซื้อตามระเบียบ



จากนั้นพวกเราเดินเลาะทะเลสาบ Trac Bach Lake ไปเรื่อยๆ ระหว่างทางแวะชมนกชมไม้ทั้ง 2 ข้างทาง จ๊ะเอ๋ร้านนี้ ไอหยา ใครจะไปกินลง



แถวทะเลสาบก็มีร้าน Bakery และ Ice cream ด้วยเหมือนกัน แต่อากาศหนาวแบบนี้ขอบายก่อน



บรรยากาศริมทะเลสาบ





2 คนนี้มีรูปคู่ได้ทุกมุม ขัดหูขัดตาร่มแดงนี่จริงๆ





ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม เพื่อเข้าชม Tran Quoc Pagoda เป็นวัดที่อยู่บนแหลมยื่นไปในทะเลสาบ West Lake





มะเฟืองเป็นไกด์ชั้นดีคอยบริการถ่ายรูปให้พวกเราตลอดเลย





จะมุมไหนๆ ก็ต้องมีรูปคู่ของสองเรา



จะสวีทยังไงก็แพ้คู่นี้



หนุ่มใหญ่กับตัวหนังสือเวียดนาม



ตั้งใจฟังไกด์อธิบายถึงความเป็นมาของสถานที่


หลักฐานความศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนมากราบไหว้



ชายคนนี้มาคนเดียว ไม่มีเมียเพราะเดินหลบเมียทุกครั้งที่มีโอกาส เดินฮัมเพลง เมียมีเมียพี่ต้องมา นี่เมียไม่มาก็เพราะว่าเมียไม่มี



คอยดูนะ คืนนี้จะให้นอนในห้องน้ำซะให้เข็ด เชอะ !



ยืนรอสุดหล่อกับฟอร์ดมารับ



มาแล้วๆ ฟอร์ดมาแล้ว และมุ่งหน้าพาเราสู่จัตุรัสบาดิงห์



Ba Dinh Square อยู่ใกล้กับ Ho Chi Minh's Mausoleum เป็นลานกว้างๆ บริเวณนี้มีสถานที่สำคัญเกี่ยวกับสงคราม และมีสุสานของลุงโฮจิมินห์



ตำรวจเวียดนามถีบจักรยาน บริเวณนี้นักท่องเที่ยวมากทุกวัน



สาวเสื้อแดงร่าเริงเป็นพิเศษ



แต่ใครไหนเล่าจะมีความสุขเท่าคู่กัดคู่นี้



หัวใจอ้วนๆ ของเรา



นี่ๆ ลุงๆ ป้าๆ จะฟังไกด์หรือจะกินไกด์กันจ้ะ



ตามผมมาคร๊าบ ผมจะพาทัวร์เอง แล้วจะหลงเสียงเน่อเสน่ห์ของผมกันหัวปักหัวปรำ



เดินชมความยิ่งใหญ่ของลุงโฮ และนี่คือ บ้านลุงโฮ



ทุกวันจันทร์ พิพิธภัณฑ์จะปิด พวกเราได้เดินชมเฉพาะภายนอกเท่านั้น แต่ก็เคยมีบางคนบอกว่าไม่ต้องดูก็ดี เพราะว่าต้องต่อแถวยาวมากเสียเวลาไปครึ่งวันเลยเชียว



มะเฟืองอธิบายประวัติศาสตร์ความเป็นมาก่อนจะมาเป็นแบบทุกวันนี้ได้ก็เพราะท่านโฮจิมินห์



นี่คือรากไม้อย่างหนึ่ง



อ้าว....สาวเวียดนามคนนี้ มาทำอะไรตรงนี้คะ เหมือนจริงๆ นะเจ๊



มีพืชผัก ผลไม้ให้เชยชม ไม่รู้ว่านี่มะม่วงหาว มะนาวโห่ หรือป่าวลักษณะคล้ายส้มโอ



คุณชายตัวดำ คิดลอบปลงพระชนม์พระชายา กะผลักให้ตกน้ำเพื่อหวังประกัน



เดินไปเดินมาก็มาพบกับ One Pillar Pagoda หรือที่เรารู้จักในนาม เจดีย์เสาเดียว





เดินช้อปอยู่พักใหญ่ ได้ของติดไม้ติดมือมาพอสมควร มีขนมถั่วอัดที่ข้างนอกไม่มีขาย ไม่รู้ทริปนี้ผิดปกติอะไร Roommate เราถึงบ้าช้อปนักคราวนี้

จากนั้นมะเฟืองพาไปต่อที่ Temple of Literature และวัด Van Mieu Pagoda



นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ เลย แทบจะเดินชนกัน





วันนี้เด็กๆเวียดนามมาเต็มวัดเลยล่ะ ไม่รู้มาประกอบพิธีกรรมอะไร มีเสียงสวดเป็นภาษาเวียดนามด้วย





ใครจะหล่อล่ำกว่ากัน แต่ไม่บอกก็รู้ว่าปรั่วหนูหล่อลากไส้



กลองใหญ่มั่กๆ เลย







นังคนนี้ลูปหัวเต่า หวังขอโชคลาภ



นังคนนี้เก็กหล่อ แต่ขอโทษหล่อยังไงแกรก็ไม่ได้ครึ่ง Roommate ของช้านได้



ส่วนเด็กคนนี้ action สุดฤทธิ์สุดเดช



และคนละมุมเดียวกัน



มะเฟืองรออยู่ที่หน้าประตู เพื่อจะพาพวกเราไปหม่ำบุฟเฟ่ต์ที่มารีน่า หิวกันทุกคนเพราะว่าจะบ่าย 2 แล้ว ที่หน้าร้านติดราคาไว้ 99,000 ด่ง



ภายในร้านหรูหรา และมีไลน์อาหารให้เลือกหลายอย่าง



ลงมือเลยดีกว่า หิวจะแย่แล้ว



ไม่มีใครสนใจช่วยเราถ่ายรูปเลยมัวแต่สาละวนกับการกิน



มาอีกแล้วจานนี้ ของชอบแต่ว่าที่นี่ใส่ผักมากเกินไป



และจานนี้บริการทำให้ใหม่สดๆ ร้อนๆ



อาหารที่นี่จัดว่าโอเคเลยทีเดียวมีทั้งเวียดนาม seafood Italian นานาชาติ อร่อยและมีให้เลือกหลากหลาย ขนมก็หลายอย่างทั้งขนมหวาน เค้ก ไอคศรีม น้ำดื่มให้เลือกหลายชนิด

พอกินอิ่มก็ได้เวลาที่เราจะไปนั่ง Clyco ชมเมืองกันแล้วค่ะ รถไปจอดที่หน้าทะเลสาบคืนดาบ นั่งคันละคนเพื่อที่จะได้ไม่หนักเกินไป

Clyco คือสามล้อถีบนั่นเอง



นั่งแล้วเป็นแบบนี้ค่ะ



คุณนายมั๊ยฮ้า.....



เค้าจะขี่พาเราเที่ยวย่าน Old Quarter ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งมากมายคล้ายบางลำภู บวกข้าวสาร ซึ่งจะมีถนน 36 สาย เป็นแหล่งช่าง 36 อาชีพ เช่นย่านรองเท้า เสื้อผ้า ขนม สินค้าที่ระลึกของชำร่วย แต่ถนนก็วุ่นวายมากต้องใช้สมาธิสูงในการข้ามถนน ระหว่างที่นั่งอยู่ก็มีลุ้นเป็นระยะว่าจะเอาชีวิตมาทิ้งให้รถชนตายแถวนี้หรือเปล่าว้า....

ชมตลาดไปด้วยกันเลยนะท่านผู้ชม













ตลาดดองซวนค่ะ เป็นตลาดใหญ่ค่ะ ไกด์บอกว่าเป็นตลาดขายส่งค่ะ แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะมาซื้อของกันที่นี่เพราะว่าราคาถูกกว่าที่อื่นๆ



แล้วสามล้อก็มาส่งที่หน้าโรงละครหุ่นกระบอกน้ำ มะเฟืองมารออยู่ที่นี่แล้ว ซื้อบัตรไว้ให้ชมเรียบร้อย



หุ่นกระบอกน้ำแสดงถึงวิถีชีวิตคนเวียดนาม ร้องเพลงเวียดนามกันสดๆ แต่ที่น่าทึ่งคือคนเชิดหุ่นกระบอกน้ำยืนแช่น้ำตลอดจนจบ



แต่พวกเราหลับตลอดเลยค่ะ บรรยากาศน่านอนจริงๆ เลย ไอ้หมาดำยังหลับขนาดว่ามันเป็นคนชอบดูโชว์ที่สุดแล้วนะ



หุ่นกระบอกน้ำจบก็ไปที่พักแห่งใหม่กัน คืนนี้เราพัก Prince Honoi 2



เป็นโรงแรม 3 ดาว ราคา 48 USD อาหารเช้า Incl. แล้ว จองไป 3 ห้องเพราะว่า อิ๊กกับโก๋กลับก่อน

ตามเข้าไปดูห้องพักกันเลยค่ะ ห้องนี้ของเราเองโรงแรม Upgrade เป็น Family room ให้คือมี เตียงใหญ่ 1 เตียง เตียงเล็กอีก 1 เตียง



ส่วนห้องอ้อกับจุ๋ม เป็น ห้อง Deluxe ห้องเล็กกว่า แคบกว่า แต่ว่ามีวิวหน้าต่างมองเห็นถนน



ห้องน้ำคงเหมือนกันทุกห้อง มีอ่างอาบน้ำและมีน้ำอุ่น ไม่ได้เริ่ดหรูอะไรเป็นพิเศษ



ชมที่พักเสร็จแล้วก็ไปเดินช้อปปิ้งที่ถนน 36 สายแต่ไม่ค่อยได้อะไร ได้มาแต่ของที่ระลึก กินข้าวมื้อค่ำร้านเล็กๆ อาหารพอใช้ได้ แต่เราไม่ได้กินรู้สึกอิ่มๆ และไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ จริงแล้วอยากไปกินที่ littel Hanoi แต่หาร้านไม่เจอ



อารมณ์ไม่ค่อยดีหมั่นไส้พ่อตัวแสบ คิดในใจคอยดูนะวันนี้กลับห้องมีเรื่องแน่ๆ กลับมายังจะออกไปข้างนอกอีก กะอีแค่ไปเอา postcard ไปตั้งนานสองนาน ปล่อยให้เรารอ จะอาบน้ำก็อาบไม่ได้กลัวจะเรียกแล้วไม่มีใครเปิดประตู ไม่คิดบ้างเลยหรือไงว่าเราอยากอาบน้ำใจจะขาด เลยประกาศสงคราม สาเหตุใหญ่คือเรื่องเดิมๆ ที่ปกติเวลาไปเที่ยวแล้วชอบใส่ใจคนอื่นแคร์คนอื่นจนลืมนึกถึงเรา เลยหาเรื่องสะยกใหญ่เอาผ้าห่มปิดจมูกกะฆ่าให้ตาย แล้วเค้าก็แกล้งตายจริงๆด้วยนะ ทำเป็นตาเหลือก กั้นลมหายใจ ใจหายเลยอะ แต่ถ้าตายจริงๆเราคงร้องไห้ไม่หยุดเพราะว่าต้องร้องไห้ที่ต้องกลายเป็นฆาตกรข้ามชาติ ติดคุกหัวโต

แต่โกรธกันได้ก็ดีกันได้ ชิมิ คุณพี่ ลิ้นกับฟันทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ทะเลาะกันทีไร ลิ้นเจ็บซะทุกทีสิน่า

15 ม.ค. 51

ตื่นเช้ามาหาเรื่องให้แต่เช้า นี่ละหนา มีลูกกวนตัว มีผัวกวนใจนี่มันจริงๆเลย มีอย่างที่ไหนดั๊นปิดเครื่องทำน้ำอุ่นเค้าใช้แก๊สต้องต้มน้ำให้ร้อนก่อน แล้วนี่เล่นปิดโดยอ้างว่าช่วยเค้าประหยัด คนดีที่น่าเบื่อ เซ็งแต่เช้า กว่าน้ำจะร้อนทำให้เราต้องอาบน้ำเย็น อยากจะจับเอาหัวกดน้ำให้ตายซะรู้แล้วรู้รอด

พวกเราเลยเสร็จช้ากว่าใครวันนี้ คนอื่นๆลงมากินอาหารเช้ากันเสร็จหมดแล้ว

จานนี้ของเราเอง



บังคับให้พี่ต้นกินไข่เจียว เพราะจะได้ไม่เหมือนกันแล้วเอามาแบ่งกันได้



ผลไม้สักนิด ผิวพรรณจะได้สดชื่น



กินอิ่มพอดี มะเฟืองมารับไปทะเลสาบคืนดาบ แต่พวกเราต้องเดินไปนะ อากาศวันนี้ก็ยังหนาวไม่เลิกลา พูดทีควันออกปากเลย

หลังจากที่เกือบฆ่ากันตายเมื่อคืนนี้ เช้านี้คุณสามีเอาใจดีเป็นพิเศษ นี่ละหนากระท้อนลูกนี้ไม่ทุบไม่หวาน แม่บอกแบบนี้ สงสัยต่อไปนี้ต้องทุบทุกวัน ถ้าไม่เอามือทุบ คงต้องเอาไม้หน้า 3 ทุบ ถ้าจะให้ดีต้องเอา ฆ้อนทุบ

เมื่อวานตรงนี้ที่เราขึ้น Clyco



ข้ามถนนไป ไม่รู้หนุ่มเวียดนามที่ไหนวิ่งเข้ามาถ่ายรูปด้วยแล้วก็ตะโกนว่า I love u สงสัยจะบ้า อิ อิ คนเวียดนามก็บ้าเป็นเหมือนกัน



เสือคำรามก่อนที่จะข้ามสะพานเพื่อชมทะเลสาบคืนดาบ Hoan Kiem Lake ค่าเข้าชมคนละ 3000 ด่ง ไกด์เป็นคนเสียให้ค่ะรวมอยู่โปรแกรมทัวร์แล้ว



ทะเลสาบคืนดาบมีตำนาน จะเล่าคร่าวๆ ละกันว่า ได้มีสงครามเกิดขึ้นสมัยไหนจำไม่ได้ เจ้าชายเกิดความท้อใจ ขณะที่เดินอยู่ที่ทะเลสาบนี้ ได้มีเต่าศักดิ์สิทธิ์ได้นำดาบมาส่งให้เพื่อเอาไปไว้ต่อสู้กับข้าศึกในครั้งนั้น เมื่อได้รับชัยชนะมาแล้ว เจ้าชายได้กลับมาที่นี่เพื่อเอาดาบมาคืนให้กับเต่า จึงเป็นที่มาของทะเลสาบคืนดาบ



ที่ทะเลสาบคืนดาบนี้จะมีวัดหง๊อกเซิน หรือที่เรียกว่าวัดเนินหยก Ngoc Son Temple ซึ่งอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบมีสะพานเทฮุก (สะพานพระอาทิตย์) สีแดงเชื่อม



ชัดๆ อีกสักครั้ง สะพานนี้นี่แหละที่ละคร ฮอยอันฉันรักเธอ มาถ่ายทำ ตอนที่เราข้ามไปก็มีดารามาถ่ายหนังด้วย ไม่แน่เราอาจจะติดไปในหนังของเวียดนาม เย้ๆ ไปเวียดนามครั้งนี้ได้เป็นดาราด้วย (ดาราประกอบเดินผ่านกล้อง)



เปลี่ยนใจแล้วเป็นพระเอกนางเอกของเรื่องดีกว่า



ส่วนที่เหลือเป็นตัวประกอบ




ข้ามสะพานไปแล้วจะพบกับวัดเนินหยก





ขำหมาดำ มีคนมาตื้อให้มันซื้อตั๊กแตนถัก คงเห็นว่าดำเป็นเด็กอะคงชอบเล่นของเล่น ขนาดมะเฟืองยังคิดว่ามันเป็นเด็กเลย กร๊ากๆ



ฝนตกไม่อยากเดินตากฝน จึงเรียก Taxi ไป Hanoi Opera House อยู่ทางทิศตะวันตกของทะเลสาบ สร้างขึ้นเมื่อปี 1911 รัฐบาลเวียดนามบูรณะใหม่ซะสวยเลย ย่านนี้จะเป็นย่านที่ดินแพง และเป็นธุรกิจใหญ่ของเวียดนาม มีโรงแรม Hilton Opera House คืนละ 110 USD จ๊ากกก แพงกว่าค่าทัวร์เราอีกนะนั่น

พ่อ แม่ พาลูก มาเที่ยว



ข้างหลังคือ Shop เสื้อผ้า Brandname ทั้งนั้น





เสียดายไม่ได้ไป St. Joseph Cathedral เป็นโบสถ์คริสต์ที่สวยงามมาก ซึ่งเป็นหนึ่งใน Location ของละครเรื่อง ฮอยอันฉันรักเธอ ตอนที่พระเอกนางเอกบอกรักกัน

แล้วมะเฟืองก็เรียกพวกเราก็ขึ้น Taxi กลับที่พักรอพี่สุดหล่อ กับฟอร์ดมารับไปส่งสนามบินนอยไบ และระหว่างที่อยู่ในรถก็จ่ายค่าทัวร์คนละ 65 ดอลล่าร์ให้กับมะเฟือง และทิปให้มะเฟือง 500 บาท และสุดหล่อ 300 บาท

ถึงสนามบินจัดการ Check in ตั๋วไม่มีปัญหา ลุ้นตั้งพักใหญ่ๆ กลัว 4 คนไม่ได้กลับเพราะเปลี่ยนเที่ยวบิน แต่แล้วลุง Xoom ก็ดูแลเราเป็นอย่างดี ไม่ทำให้สุพัตรา เสียชื่อที่พาเพื่อนๆมาทัวร์แล้วไม่ได้กลับ ขอบคุณลุงซูมมากๆค่ะ ที่เห็นหนูเป็นลูกค้า VIP





บ๊าย บายนะ มะเฟืองที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ร่ำลามะเฟืองเป็นที่เรียบร้อยก็เข้าไปเพื่อนผ่านกระบวนการตรวจคนออกจากเมือง ต่อคิวตั้งนาน ตายแล้วลืมแรกเงินด่งเป็นเงินไทย ดีนะที่จุ๋มมันเดินมาถาม ไม่งั้นมีหวังต้องเอาเงินด่งกลับบ้านมาเป็นหมื่นเป็นแสนแน่ๆเลย

เสร็จสิ้นกระบวนการไปรอที่ Gate คราวนี้ก็ช้อปสิคะ ของ DutyFree นี่เราชอบ อยู่เวียดนามมา 4 วันสินค้าเวียดนามไม่เคยได้ฟันเงินเราเป็นเรื่องเป็นราว มาเสียที่ Duty Free นี่ล้า 2 อย่างเล่นเอาตัวเบาวิว



หลักฐานการบาดเจ็บ



เหิรฟ้ากลับประเทศเรา ลาก่อนฮานอย



มื้อกลางวันสุดหรู บนความสูงเท่าไหร่ต้องถามพี่ต้น ขานั้นจำแม่นว่าสูงกี่ร้อยกี่พัน Feet แถมยังใจดีซื้อเสื้อสีดำ Air asia ให้เมียใส่ด้วย



ถึงแล้วจ้า สุวรรณภูมิสนามบินที่ดูแล้วเหมือนสร้างไม่เสร็จของบ้านเรา



รอรับกระเป๋าอยู่นานพวกเราก็เข็นกระเป๋าจับ Taxi ไปส่งที่โรงแรมวาบัวร์ ลอร์ด ลาดพร้าว 87 เป็นห้องคอนเน็คชั่นเปิดทะลุถึงกันได้ ราคาห้องละ 490 บาท 2 ห้องก็ 980 บาทถูกกว่าเวียดนามอีก





เปิดประตูนี้ไปก็จะทะลุถึงอีกห้อง



ห้องน้ำก็ธรรมดาๆ เหมือน apartment ปกติ



ไปเวียดนาม 4 วันได้ลิ้มรสอาหารจืดๆ กลับมาถึง ทั้งนังจุ๋ม นังอ้อ อยากกินอะไรแซบๆ เลยต้องพาเอาปากไปกระแทกโต๊ะแล้วกินที่ จุ่ม แซบ ฮัท ที่ The mall บางกะปิ สนนราคาไป คนละร้อยกว่าบาท แล้วไปดับความร้อนความเผ็ดจากปากที่ Swensen กิน Topless อีก 5 ก้อนแย่งกันกิน อีกถ้วยละ 179 บาทแต่ได้ลด 10 ปูเซ็น จึงหายซ่าส์

แล้วไปต่อกันที่หน้าราม เดินดูของทรมานไอ้อ้อที่หูมันยังอื้อ แถมไข้ขึ้นอีกด้วย เดินได้ไม่นานก็ลากสังขารกลับมาซุกหัวนอนที่โรงแรม ก่อนลงทะเลาะกับ Taxi แม่งมันพาวน คิดว่าตรูไม่รู้เรอะ ไอ้เลววววววว

กว่าจะถึงบ้านได้ก็อีกวันเต็มๆ ถึงบ้าน 1 ทุ่ม พร้อมกับหอบกระเป๋าเสื้อผ้ากลับมาซักอื้อซ่าส์ แกะกระเป๋าออกมา ได้ของจากเวียดนามมาเท่านี้ ช้อปน้อยเป็นประวัติการ สมควรขึ้นกินเนสบุ๊คในหัวข้อ ทำไมเราช้อปน้อย



สรุปค่าใช้จ่ายในการไปครั้งนี้

ค่ารถตู้จากบ้าน - กทม. 563*2 = 1,126
ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ Airasia ของตัวเอง 2750 Nokair ของพี่ต้น 3172.67
ค่าที่พัก Anise คืนละ 1900*2 = 3,800
ค่าที่พัก Prince Hanoi 2 คืนละ 1,691.66
ค่าที่พัก วาบัวร์ลอร์ด 490 บาท
ค่าทัวร์ที่เวียดนาม 65 USD คิดเป็นเงินไทย 2210*2
พี่ต้นแลกเงิน ดอลล่าร์ 10200 บาท เหลือกลับมาพร้อมหักค่าทัวร์ 4000 บาท ใช้ไป 3200 บาท
ค่า Taxi 400 บาท
ค่ารถทัวร์กลับบ้าน 380 + ของพี่ต้น 200 = 580 บาท
ค่าอาหารที่ กท.และอื่นๆ 1000

รวมเป็นเงิน ประมาณ 22,630 บาท คิดต่อคน คนละ 11,315 บาท

ปล. ไป 4 คืน 5 วัน ค่าใช้จ่ายคร่าวๆต่อคน 11,500 บาท แต่นี่ไปด้วยความบ้าบิ่น (ถ่างตาจองตั๋ว) เตรียมตัวนานมีชัยไปกว่าครึ่งถือว่าถูกมากๆ แล้วจ้า

ทำรีวิวไว้ใน link นี้ด้วยจ๊ะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6271219/E6271219.html

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6267310/E6267310.html#87






Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 25 มีนาคม 2554 22:50:23 น. 0 comments
Counter : 4608 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

p_pat_p
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]









Friends' blogs
[Add p_pat_p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.