Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
17 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
Can't get Enough of Japan

11-22 October 2012

ทริปนี้เริ่มจากความกล้าบ้าบิ่น จองตั๋วข้ามปี จองให้ตัวเอง พี่ต้น และน้องๆ อีกสองคน อยากไปมานานแล้วได้แต่จดๆจ้องๆ ถ้าไม่รีบลงมือแล้วเมื่อไหร่จะได้ไป

จองเสร็จ...เสียงหมี่มี้คร่ำครวญจะไปด้วย แต่ครั้งนี้ต้องใจแข็ง ยึดหลักว่าไปเที่ยวบ้านเมืองคนรวย จองตั๋วแบบประหยัดและที่สำคัญไป 10 วันจะไปสบายๆไม่ได้ เพราะต้องขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้ ถ้ามี้ไปจะลำบาก เพราะฉะนั้นมี้อย่ามาอ้อนให้ใจอ่อนรอบนี้ขอขัดใจ

ถึงจะจองตั๋วนานแต่เตรียมตัวไม่นานนักเพราะยังไม่มีวีซ่า ถึงเราจะเป็นราชการวีซ่าญี่ปุ่นไม่เข้าใครออกใคร ดี่ที่ไม่ต้องใช้ bookbank ถ้าเงินเดือนเกิน 20000 บาท ใช้หนังสือรับรองการทำงานก็พอ แต่ยัง...ไม่เสร็จต้องทำเรื่องออกนอกประเทศด้วย เซ็งที่สุด ณ จุดนี้ เลยไปแบบ ลับ ปกปิด มิดชิดไม่ได้

ต่างคนต่างยื่นวีซ่าของตัวเอง อุตส่าห์ไปยื่นที่เชียงใหม่ แต่คุณน้องที่รับยื่นจะโหดไปไหนคะ รูปก็ต้องหน้าเท่ากระด้งถึงจะรับ ให้กลับมาเอาใบลาอีก เฮ้อ...ก็ตอนที่ฉันจะไปมันปิดเทอมไม่ต้องทำงานจะให้ลากะใครล่ะแม่คู๊นนนนนน

กลับมายื่นทางไปรษณีย์ก็ได้ ง่ายจิ๊บๆ

ฝากน้องทิพย์จัดการซื้อ JR Pass แบบ 7 วันที่งานท่องเที่ยวไทยไปทั่วโลก ได้ราคา 10,880 บาท/คน โอ๊วะ...นี่ลดแล้วเหรอ เมืองพี่ยุ่นนี่แพงทุกสิ่งอย่าง





เมื่อวีซ่าพร้อม พาสปอร์ตนักบินพร้อม เงินแลกแล้ว เก็บเสื้อผ้าแล้ว แต่คนมีปัญหา เพื่อนสนิทคนรู้ใจทำแสบไปไม่ทันเครื่องที่เชียงใหม่ ก่อนไปเราโกรธกันจึงไม่ได้โทรหากัน แต่เฮียเค้ารู้ว่าจะไปญี่ปุ่นด้วยกันวีซ่าก็พร้อมแล้ว He เข้าใจว่าไปขึ้นเครื่องที่กรุงเทพ แต่ครั้งนี้เราเปลี่ยนบรรยากาศจะขึ้นเครื่องจากเชียงใหม่ไปกัวลาลัมเปอร์

บทเรียนครั้งนี้เจ็บแสบยิ่งนัก กลายเป็นว่าเสียค่าตั๋วไปฟรีๆ และค่าที่พักที่จองไปแบบสองห้องอีกแทนที่จะพักแบบสามคนต่อห้อง มูลค่าความเสียหายร่วมสามหมื่นบาท เสียดายเงินยังไม่เท่าเสียความรู้สึก

ขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่บ้านมี้นุ้ย เฮียต้อมาส่งขึ้นเครื่องที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ฝนตกหนัก ท้องฟ้ามืดมัว น้ำตาคลอ เสียใจ สะเทือนใจ ทำให้บรรยากาศดูเหงาๆ น้องสองคนที่ไปบอกว่า พี่ต้นไม่ไปพวกหนูสองคนจะดูแลพี่เอง ด้วยสปิริตถ้าเราเศร้าแล้วน้องๆไม่สนุกก็สงสารเค้าที่จะต้องเสียเงินหลายหมื่นให้กับประสบการณ์ที่่เหงาๆ ซังกะตายของหัวหน้าทัวร์ แล้วพวกเค้าจะพึ่งพาใคร ดังนั้นลืมและทิ้งทุกอย่างไว้ ไปเที่ยวให้สนุกดีกว่า

Broading 16.55-20.45 น. ต่อเครื่องไป Kansai เวลา 1.00-8.25 น ในวันที่ 12 ตุลาคม




ระหว่างรอต่อเครื่องนั่งเล่น fb เพลินๆ แปปเดียวก็ถึงเวลา



ก่อนมาจ่ายเงิน 3311.40 บาท ใช้บริการ Optiontown upgrade เป็น Business class ป้าแก่แล้วปล่อยป้าไปเถอะ ต้องนั่งนานถึง 6 ชั่วโมงป้าเพลีย น้องๆ เสียเงินค่าตั๋ว 4 ขา จากเชียงใหม่-กัวลาลัมเปอร์, ตั๋วไปกลับ LCCT-Kansai และ จาก KLIA - BKK ประมาณคนละ 13000 แต่พี่เสียพิเศษหน่อยตามประสาคนเว่อร์ ห้ามลอกเลียนแบบ เป็นความสามารถเฉพาะตัว



พิเศษขึ้นมาตรงที่ เบาะปรับนอนราบได้ ที่นั่งกว้างขวาง มีชุดเครื่องนอน บริการน้ำดื่ม อาหาร และรวมค่าโหลดกระเป๋า



หลับสบายไปจนถึง Kansai



แสงรุ่งอรุณต้อนรับที่หน้าต่าง





ญี่ปุ่นแดนอาทิตย์อุทัย



แตะรันเวย์แล้ว อีกไม่กี่นาทีเราจะได้ย่างก้าวลงบนแผ่นดินญี่ปุ่น ประเทศที่ใครๆ ก็หลงรัก



ต้องต่อรถไฟไป Immigration




ไปตามหากระเป๋า ลุ้นทุกครั้งที่บินกลัวกระเป๋าไม่ได้มาด้วย





เพราะพี่ต้นไม่มาทำหน้าที่ น้องบอกว่าจะดูแลพี่ อ่ะ..งั้นพี่ยกให้



เข็นแล้วตามพี่มาน้องเอ้ย



Welcome to KANSAI



แอบนัดหนุ่มไว้ที่นี่





ไม่ใช่ใครนี่ไหน เรนนี่สุดสวยนี่เอง เรนนี่มากับเพื่อนอีก 3 คน จองตั๋วทันเพราะเรนนี่ไซเรนไปบอกนี่แหละ



เรนนี่และเพื่อนๆ จะอยู่เที่ยวแค่แถบๆ Kansai นี้เท่านั้น ส่วนเราสามคนจะไปโตเกียวก่อนแล้วค่อยกลับมาเที่ยวที่โอซาก้าทีหลัง แล้วทำไมไม่ไปลง Narita ตั้งแต่แรก 555 ด้วยเหตุผล ตั๋วมันไม่ลดนี่นาแต่มาเสียค่า JR pass นี่นะ อิ อิ ฉลาดจริงเชียว เอาน่าไหนก็ไหนแล้ว บอกแล้วไงว่าเตรียมตัวน้อย

ออกจาก Terminal 1 ไปขึ้นรถไฟดีกว่าอย่าบ่นมาก บ่นจะสามีไม่มาด้วยอะ คิดดู



จัดการซื้อ Kansai pass ไว้เรียบร้อย ต่อไปก็เอา JR pass ที่ซื้อมาจากเมืองไทยไปเปิดใช้ ต้องเดินไปที่ห้องของ JR



ห้องนี้เลย คนใช้บริการอื้อซ่าส์ต่อแถวอีกไม่ต่ำกว่า 20 นาที โชว์หลักฐานที่ได้ซื้อมาจาก agent ที่เมืองไทยพร้อมแสดงพาสปอร์ต เราก็จะได้บัตรเบ่งนั่งรถไฟแบบบุฟเฟ่ต์ไม่ต้องเสียสตางค์เพิ่มอีก 7 วัน แต่ต้องขึ้นเฉพาะรถไฟของ JR นะ เรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับ Pass ต่างๆ ไปหาอ่านกันเองเถอะมันเข้าใจยากนักแล

ถ้าจะขึ้น shinkansen ก่อนจองก็ดูเวลาเผื่อไว้ล่วงหน้าด้วยก็ดี เพื่อความสะดวกรวดเร็วเจ้าหน้าที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลามากนัก ดิชั้นต่อแถวนานค่ะ เมื่อยนะซิบอกไห่



แล้วจะได้ตั๋วแบบนี้มา นี่เลยเราจะออกจากสนามบินไปที่ Shin Osaka ก่อน แล้วเปลี่ยนเป็น Shinkansen hikari 466 จาก Shin Osaka ไป Tokyo อีกที





ไปโลด เข็นกระเป๋าเข้าไปทุลักทุเล แต่ก็สนุก แบบนี้นี่เองหมี่มี้ถึงมาด้วยไม่ได้ แค่ลำพังตัวเองก็ต้องเอาให้รอดก่อนงานนี้



อ่านหมายเลขขบวนให้ดีนะคะ ถ้าจะให้ดีอ่านหมายเลขตู้ด้วย ไม่งั้นจะเข็นกระเป๋าหาที่นั่งวุ่นวายเหมือนเรา ประสบการณ์สอนให้เก่งและแกร่ง พอได้ที่นั่งแล้วโชว์บัตรเบ่งตอนที่มีพนักงานเดินมาตรวจตั๋ว จะห้อยคอไว้เลยก็อะนะ ยิ่งสวยๆกันอยู่





ได้เห็นบ้านเมืองของโอซาก้าผ่านกระจก ช่างเป็นระเบียบเรียบร้อยซะเหลือเกิน





นั่งมาได้ประมาณ 50 นาทีรีบลงที่ Shin Osaka เปลี่ยนขบวนไป Tokyo ยังพอมีเวลาเหลืออีก 30 นาที นั่งรอแล้วไปหาซื้ออะไรมาหม่ำดีกว่า



ได้ข้าวหน้าปลาไหลมา 1 กล่อง แซนด์วิชอีกนิดหน่อย ขอบอกอาหารแพงได้ใจแต่ก็อร่อยน้ำลายไหลจริงๆ









ขบวนที่เรานั่งไปโตเกียว ว่างมาก นั่งสบายๆ หลับไปได้เลยอีก 3 ชั่วโมงถึง



กว้างและเร็วปานจรวด เมื่องไทยจ๋า เมื่อไหร่จะมีแบบนี้สักที



ขี้นถูกแล้วล่ะไปถึงแน่ๆ ปลายทางโตเกียว



เกือบลงผิดสถานี ไอ้สองคนเดินออกไปแล้ว
เฮ้ย...แก 2 คนจะไปไหน มันไม่ใช่ เรียกกลับเข้ามา เราต้องไปลงที่สถานีโตเกียว นี่มันยังไม่ถึง แล้วต้องไปต่อ JR Yamanote Line ไปลง UENO

ถ้าฉันไม่มีสติกะสตางค์ คืนนี้พวกหล่อนจะไปนอนที่ไหน ก่อนมา 2 เดือนได้จองที่พักยอดฮิตไว้ทัน แม่นาง Cube เราจะพักกับนางเป็นเวลา 4 คืนด้วยกัน



Cube เป็นโรงแรมเล็กๆ (แต่โรงแรมญี่ปุ่นก็เล็กๆทั้งนั้น ถ้าไม่เล็กก็แพงมาก) ทำเลดีใกล้แหล่งช้อปปิ้ง ใกล้สวน UENO ที่เค้ามาดูซากุระกัน เดินไปไหนมาไหนสะดวกใกล้สถานีรถไฟฟ้า สะอาดขั้นเทพ

แต่เหตุไฉน ที่ Front ถึงไม่มีเก้าอี้ให้นั่งเลยสักตัว กว่าจะเช็คอินเสร็จยืนซะเมื่อยเลย เราจองไว้ 2 ห้อง ที่นี่ห้องแบบ Triple ไม่มี ก็แน่ล่ะ ห้องเล็กซะขนาดนี้



ทางเดินก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว เล็กแบบนี้คืนละประมาณ 2500-3000 บาทถ้าเป็น weekend จะแพงกว่า weekday



แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตู้เย็น ทีวี โทรศัพท์



ชักโครกอัตโนมัติ มีที่เป่าผม มีน้ำร้อนน้ำเย็น ที่สำคัญสะอาดหมดจด



ครีมอาบน้ำ กับแชมพูหอมมาก ขวดใหญ่โตไปไหมถ้าขวดเล็กๆกว่านี้ฉันจะเอากลับบ้านแน่ๆ หอม ฟองละเอียดอ่อนนุ่มมือเป็นที่สุด



เหนื่อยมากเดินทางมาทั้งคืนทั้งวัน ขออาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวช่วงค่ำๆ ออกไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันและเดินเล่นคงจะมีความสุขไม่น้อย

ไอ้สองคนเล่าว่า ห้องแคบมาก ถ้าอีกคนเดินอยู่ อีกคนต้องนอนบนเตียงไม่เช่นนั้นแล้ว เดินไม่ได้ 555 ดีนะที่สะมะแอไม่ได้มาด้วย ไม่งั้นต้องทะเลาะกันลั่นห้อง เพราะพ่อคนนั้นชอบทำตัวเกะกะขวางที่ขวางทางเป็นที่สุด



ลืมบอกว่าโรงแรมที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่มีน้ำดื่มในห้องให้นะคะ ต้องซื้อดื่มเอง หรือจะไขน้ำก็อกก็ได้ น้ำประปาของเขาสะอาดดื่มได้ แต่โรงแรม Cube มีน้ำดื่ม น้ำส้ม ชา กาแฟ ไว้บริการข้างล่างค่ะ

เดินเข้าก็ดื่ม เดินออกก็ดื่ม ประหยัดเงิน



6 โมงเย็นเรานัดกันออกไปข้างนอก โรงแรมของเราเดินออกมานิดเดียวก็เป็นแหล่งช้อปปิ้งเลย







หิวแล้วล่ะ หาอะไรกินก่อนไหม



เห็นอาหารแล้วหน้าตาค่อยยิ้มแย้ม อิ่มเอิบหน่อย



ใกล้ๆ เข้าไปอีกหน่อย ขอบอกว่าอร่อยมากๆ



ถ้วยใหญ่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ



และแพงมาก



รับประทานแบบมีความสุข



เช็คบิลมาหายสุข คูณ 0.40 เข้าไปกรี๊ดสลบ ถ้าหม่ำแบบนี้ทุกมื้อ 10 วัน คงต้องกลับไปกินแกลบ



อิ่มแล้วอารมณ์ดี





บ้านเมืองนี้เต็มไปด้วยของเล่น ตุ๊กตา มองไปทางไหนก็น่ารัก เจริญหูเจริญตาสะอาดสะอ้านไปหมด







มีของขายของกินมากมาย ทั้งของสด ของแห้ง





ผลไม้อร่อยหวานฉ่ำ แต่แพงจังเลยง่ะ ไม้ละ 40 บาท



จักรยานเยอะนะ และจอดเป็นระเบียบเรียบร้อยคนละเรื่องกะจีนเลย



มัวแต่เพลิดเพลินจำเริญใจ รีบไปสวนสาธารณะ Ueno ก่อนดีกว่า ยิ่งดึกจะยิ่งอากาศเย็น อิ่มแบบนี้ไปเดินเล่นก่อน แล้วกลับมาช้อปก็น่าจะทัน



Ueno park ถ้ามาช่วงเดือนเมษา จะเต็มไปด้วยซากุระ คนส่วนใหญ่มาฮานามิ ชมความงามของดอกไม้ สีชมพูไปทั้งสวน แต่เรามาเดือนตุลาแบบนี้ไม่มีอะไรให้น่าประทับใจ

เดินข้ามถนนนี้ไป



ต้องเดินขึ้นบันได ขี้นเนินให้ได้เหนื่อยเล็กน้อยถึงปานกลาง



ผ่านร้านไอติมให้น้ำลายไหล



ถึงแล้ว Ueno park กำลังจัดงานอะไรอยู่สักอย่าง





สวนก็กว้างใช้ได้เลย แต่เนื่องจากเรามาตอนกลางคืนถ่ายรูปอะไรก็ไม่สวย เดินเล่นสักพักก็ชวนกันกลับ มีฝาท่อระบายน้ำมาฝาก



เดินผ่านสถานีรถไฟ JR เพื่อนรัก อิอิ เราต้องอยู่แถวๆ นี้อีก 4 คืน คงได้เดินกันจนพรุนล่ะ แถวนี้



กลับไปที่ถนนช้อปปิ้ง Ameyoko คงจะลั้นลากว่า ณ เพลานี้



ประเดิมด้วย Uniqlo ก่อนเลย



เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ พยายามหักห้ามใจไม่เข้าไปเดินในห้าง ไว้ใกล้ๆ วันกลับก่อน







ผู้คนยังเดินกันขวักไขว่ แค่ดูคนก็เพลินแล้ว





เดินไปเดินมาเริ่มหิวน้ำ



สุดท้ายก็ฝังตัวเองอยู่ร้านนี้ เลือกนานเกือบชั่วโมง จนนังสองคนชะเง้อมองหาว่าหายไปไหน นี่ขนาดเจ๊แกเศร้านะ ยังมีเรงช้อปได้แบบนี้



แหม ๆ ๆ หล่อนสองคนอย่ามาใส่ร้ายฉันนะยะ ได้มาแค่นี้เองสำหรับคืนแรก เบาะๆ



สำหรับคืนแรกหลับสลบปานตาย เดินทางมาสองวันหนึ่งคืนเต็มๆ ขอพักเอาแรงให้หายเหนื่อย แล้วจะพาไปเที่ยว Nikko ในวันต่อไปนะคะ


Create Date : 17 มิถุนายน 2556
Last Update : 20 มิถุนายน 2556 20:18:37 น. 2 comments
Counter : 2086 Pageviews.

 
เห็นแล้ว อยากไปมั่งจัง


โดย: นกน้อย (melonamelon ) วันที่: 17 มิถุนายน 2556 เวลา:1:52:03 น.  

 
รู้แล้ว...ไม่ต้องซื้อตั๋วไปเอง...มีคนเที่ยวแทน เห็นทุกอย่างแทน...โอ๊ย...สุขโดยไม่ต้องเสียตังค์...ขอบคุณนะคะ...ทั้งสวย อิ่ม สนุกมากมาย..


โดย: ครูป๋อง IP: 110.77.152.179 วันที่: 20 มิถุนายน 2556 เวลา:12:21:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

p_pat_p
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]









Friends' blogs
[Add p_pat_p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.