Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
11 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 
บทวิจารณ์อันมีค่า

'สังคม' พึง 'ประสงค์'

แสงสลัวประสานท่วงทำนองหวานเศร้าเร่งเร้าให้บรรยากาศโรแมนติกก่อเกิดและหอมหวล คู่รักหลายคู่นั่งนิ่ง
- ระวังการใช้คำว่าโรแมนติกดูนิยามของคำนี้ว่า หมายความได้ทั้ง หวาน และ เศร้า ได้หรือไม่
- ถ้าหวานเศร้าแล้วจะน่าหอมหวนอีกหรือ

เพื่อลิ้มรสห้วงเวลาแห่งไอรักอยู่ตามที่นั่งของตน บ้างอิงแอบ บ้างเกาะกุมมือถ่ายเทความรู้สึกแก่กันและกัน
-ความรู้สึกอะไร
ลึกเลยเข้าไปจากส่วนของบาร์คือบริเวณที่นั่งที่ลูกค้าต้องการความเป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ โซฟาตัวยาวถูกวางชิดผนัง ด้านหน้ามีโต๊ะกลางเป็นแผ่นกระจกใสขนาดสี่สิบคูณแปดสิบเซนติเมตรถูกวางลงบนขาตั้งเหล็กไม่มีลวดลาย บนโต๊ะมีแก้วเหล้าสองแก้วที่พร่องเหลือติดก้นแก้วพร้อมกับแกล้มอีกสองสามอย่าง เสียงเพลงยังคงแว่วมาไม่ขาด
-ภาษาไทยไม่ใช้ PASSIVE VOICE ไม่ควรใช้คำว่าถูก
-บนโต๊ะมีแก้วเหล้าสองแก้วที่พร่องเหลือติดก้นแก้วไม่ใช่ภาษาไทย ไม่สวย

"ขอแก้วด้วยครับ" บริกรเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ พร้อมหยิบแก้วทั้งสองขึ้นมาเพื่อเติมเหล้า เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่เห็นชายสองคนกำลังอิงแอบแนบกาย

แต่เขาทั้งสองไม่ใยดีต่อสายตาและความคิดของใครอีกแล้วในค่ำคืนนี้

ใครจะมัวมาสนใจอะไรอีกในเมื่อค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนแห่งการอำลา พรุ่งนี้แล้วสิที่สังคมคนรักของเขาจะต้องไปรายงานตัวที่ต้นสังกัดเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ที่ปัตตานี มันอันตรายเหลือเกิน เขากลัว...กลัวว่าสังคมจะไม่ได้กลับมาหาเขา ประสงค์หวาดหวั่นหัวใจอยู่ในอ้อมกอดของชายคนรัก

"เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก" สังคมกระชับร่างของประสงค์แอบอกแน่นขึ้น "เรารู้ว่าเธอไม่สบายใจที่เราจะไปที่นั่น แต่เธออย่าเป็นห่วงเรามากไปเลยสามเดือนหกเดือนเขาก็ผลัดเปลี่ยนกำลัง เราก็ได้กลับมาแล้ว ไม่นานหรอก"
- ศึกษาความสัมพันธ์ของ homosexual ในไทยให้มากกว่านี้ ว่าคำ “เธอ” กับ “เรา” ไม่มีใช้ระหว่างคู่รักระหว่างชายและชาย
"จะไม่ห่วงได้ยังไงเธอก็พูดแปลก ที่นั่นทหาร ตำรวจ ถูกยิง ถูกระเบิดตายกันเป็นใบไม้ร่วง" ประสงค์อยากจะตบปากตัวเองเหลือเกินเมื่อพูดจบประโยค เขารู้ว่าสังคมคนรักของเขาก็กังวลในสวัสดิภาพของตัวเองเหมือนกัน
"เราขอโทษ" ประสงค์ครางเมื่อเห็นสีหน้าของสังคมเผือดลง
- คนไม่ คราง
"มันเป็นหน้าที่ เราก็ต้องไป แม้จะเป็นเฟืองเล็กๆเราก็อยากไปทำให้ที่นั่นสงบลงบ้าง" สังคมสบตาประสงค์ก่อนจะเอื้อมมือหยิบแก้วเหล้าขึ้นจิบ
"เราอย่าพูดเรื่องเครียดๆกันเลยดีกว่าคืนนี้ รีบกิน รีบกลับกันเหอะนะ เวลามีน้อย"
"บ้า" ประสงค์ทุบที่อกของสังคมเบาๆก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบด้วยเช่นกัน
"มาทุบเราทำไม พรุ่งนี้เธอต้องไปโรงเรียนแต่เช้าเหมือนกันนี่ เธอคิดอะไรของเธอล่ะ" สังคมกระเซ้า
"บ้า" ประสงค์ต่อว่าแก้อาย

***

แสงไฟหน้ารถสาดส่องเข้ามากระทบสายตาของหมาพันธุ์ทางที่นอนหมอบอยู่กับพื้นกระเบื้องภายในบ้าน หางของมันกระดิกรัวระริกด้วยความดีใจก่อนจะผุดลุกชูคอเห่าหอน มันพยายามตะกุยประตูไม้บานใหญ่ลายลูกฟักเพื่อหาทางออกไปประจบเจ้าของ

"ไอ้หลง หยุดนะ" มันหูตูบ หางลู่ลงไปหมอบกับพื้นครางงืดๆอยู่หน้าประตู ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก มันกระโจนพันแข้งพันขาเจ้านายของมันเหมือนว่าได้พลัดพรากจากกันมาหลายปี
- หมาครางได้ แต่ไม่น่าคราง งืดๆ เสียงไม่สื่อความหมาย
"ไอ้หลง ไอ้หลง พอได้แล้ว เดี๋ยวล้มกันพอดี" สังคมชักรำคาญ
"นี่เธอบอกหมาเธอให้หยุดล้อมหน้าล้อมหลังเราสักทีเหอะ ชักรำคาญแล้ว" สังคมหันไปบอกประสงค์ที่กำลังหับประตูไม้บานใหญ่เพื่อลงกลอน

"หลงพอได้แล้วลูก" ประสงค์แย้มยิ้มและกล่าวอย่างนิ่มนวล

เจ้าหลงนิ่งมองประสงค์ก่อนจะลงไปหมอบลงแทบเท้าสังคม

"ทองมันแอบหนีไปเที่ยวอีกแล้วใช่ไหมหลง บอกให้ดูน้องให้ดี ทำไมน้องยังหนีออกไปนอกบ้านล่ะ" ประสงค์ถามถึงแมวขนสีทองลายเสือที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน

เจ้าหลงทำท่าไม่รู้ไม่ชี้
มันรู้ว่าพอใกล้รุ่งสางไอ้ทองก็จะกลับมาเอง

***

เจ้าหลงเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ตั้งแต่มันยังเด็กพร้อมกับเจ้าทอง นายประสงค์เก็บมันจากวัดท้ายซอย มันเติบโตพร้อมกับเจ้าทองและความความสงสัยอย่างหนึ่งว่า ทำไมนายประสงค์กับนายสังคมรักกันแต่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ
มันรู้ว่านายสังคมเป็นทหาร
และนายประสงค์เป็นครูโรงเรียนประถม
จนเมื่อไม่นานมานี้เองมันก็ได้คำตอบ เจ้าทองมันแอบได้ยินนายทั้งสองคุยกันจึงเรียกเจ้าหลงมาร่วมแอบฟังด้วย

สาเหตุที่ทำให้นายทั้งสองต้องปิดบังความสัมพันธ์เอาไว้นั้น ก็เพราะหน้าที่การงาน ทั้งสองรับราชการ และคงจะไม่เกิดผลดีกับนายทั้งสองหากคนในหน่วยงานรู้เข้า และก็เป็นอย่างที่นายทั้งสองคาดไว้แววตาแห่งมิตรเปลี่ยนไปกลายเป็นสายตาแห่งความชิงชังรังเกียจฉายจับอยู่ที่นายทั้งสองตลอดเวลาเมื่อมีคนมาเห็นนายทั้งสองอาศัย อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แล้วข่าวเริ่มแพร่สะพัดออกไป รวมทั้งครอบครัวของนายทั้งสองเมื่อรู้ข่าวก็โทรมาสอบถาม นายทั้งสองยอมรับความจริง และนายทั้งสองก็ถูกตัดขาดจากความสัมพันธ์ทั้งหมดที่มี ทั้งครอบครับ เพื่อน

นายสังคมปลอบนายประสงค์ว่าเรื่องอย่างนี้ต้องใช้เวลาให้คนเหล่านั้นเข้าใจ เมื่อพวกเขาเข้าใจ เราก็จะกลับเขาไปอยู่ร่วมในสังคมเดียวกับเขาได้

เจ้าหลงเห็นนายประสงค์ร้องไห้อย่างที่มันไม่เคยเห็น เจ้าทองเป็นอีกตัวที่เข้าไปคลอเคลียปลอบโยนนายประสงค์

***

ตะวันฉายแสงอ่อนอยู่ตรงขอบฟ้า เวลาร่ำลามาถึง
ประสงค์อยู่ในอ้อมกอดของสังคมเนิ่นนาน
"เราไปก่อนนะ เธอรู้แลตัวเอง ไอ้หลง ไอ้ทอง ให้ดีนะ แล้วเราจะกลับมาให้ไวที่สุด" สังคมเอ่ยคำลาก่อนจะก้าวเท้าเดินออกจากบ้าน ประสงค์ยืนมองชายเดินรักเดินไกลห่างออกไปจนลับตา

***

"นายสังคมหายไปไหนวะ นานแล้วไม่เห็นมาเลย" เจ้าทองเอ่ยถามเจ้าหลงหลังจากที่สังคมหายออกจากบ้านไปราวหกเดือน
"คึดถึงรึ?" เจ้าหลงย้อน
"หรือเอ็งไม่คิดถึง" เจ้าทองย้อนกลับ
"นายประสงค์คงคิดถึงนายสังคมมากกว่าเราสองตัวอีกเอ็งว่าไหม?"
"นั่นสิ"
เจ้าหลงไม่อยากบอกให้เจ้าทองรู้ว่า เหตุผลที่ทำให้นายสังคมหายหน้าไปเป็นเพราะนายสังคมต้องการแยกตัวให้อยู่ห่างๆกับนายประสงค์สักระยะหนึ่งก่อน นายสังคมอาสาลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายสังคมอยากให้เรื่องราวของนายทั้งสองคนเงียบเชียบลงสักระยะ เหตุการณ์อาจจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
"เอ็งแปลกใจไหมทำไมคนรักกันอย่างนายประสงค์กับนายสังคมถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้" เจ้าหลงเอ่ยถามเจ้าทอง
"ข้าทั้งแปลกใจและไม่เข้าใจ ว่าทำไม?"
"ข้าว่าคงเพราะนายทั้งสองของเราไม่เหมือนคนอื่น"
"ไม่เหมือนแปลว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้หรือวะ" เจ้าทองสงสัย
"ข้าก็ตอบเอ็งไม่ได้เหมือนกันว่ะ เอ็งกับข้ายังไม่เคดกัดกันเลย ทะเลาะกันสักทีก็ไม่เคย ข้าสงสารนายประสงค์กับนายสังคมจับใจเลยว่ะ" เจ้าหลงรำพึง

***

ประสงค์นั่งจับจ้องที่หน้าจอโทรทัศน์ ทั้งร่างสั่นเทิ้ม
- สั่นเทิ้ม ?
ในจอโทรทัศน์ผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี
ประสงค์จับใจความอะไรเลยเมื่อได้ยินผู้เสียชีวิต
- งง"ร้อยโทสังคม กลมกลืน"
ประสงค์รู้เพียงว่าคนรักของเขาถูกกระสุนของฝ่ายผู้ก่อการไม่สงบได้รับบาดเจ็บและไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
น้ำตาไหลออกมาโดยที่ประสงค์ไม่รู้ตัว ร่างของเขาชา และหมดสติไป

***

น้ำตายังคงรินไหลออกมาไม่ขาดแม้จะหมดสติไป ประสงค์ได้สติขึ้นมาเขาภาวนาว่าตะกี้เขาหลับและฝันไป จริงๆแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคนรักของเขา สังคมยังมีชีวิตอยู่ ประสงค์ปาดน้ำตาเพื่อรับรู้ความจริงที่จะกลืนกินชีวิตของเขาไปชั่วนิรันดร์
-ตะกี้ ภาษาปาก

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ประสงค์เอื้อมมือไปคว้ายกกระบอกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู
"แฟนเธอน่ะ โดนยิง ตายแล้วที่ปัตตานี" ปลายเสียงแว่วเข้ามาโดยไม่มีการทักทาย

หัวใจของประสงค์หลุดลอย ไม่ได้ยินสรรพเสียงใดอีกต่อไป

***

ผืนไตรรงค์ห่อคลุมร่างอันไร้วิญญาณของ ร้อยโทสังคม กลมกลืน
เสียงร่ำไห้คร่ำครวญดังแว่วเข้าโสตประสาทของประสงค์ เขามาถึงวัดที่จะวัดที่จัดพิธีรดน้ำศพของสังคมนานแล้ว เขาเฝ้ามองคนรักถูกแบกขึ้นไปบนศาลาวัดด้วยหัวใจที่แตกสลาย เขาไม่สามารถเข้าไปได้ เขาเข้าใกล้คนรักของเขาไม่ได้มากกว่านี้

สังคมต้องสละชีพแบบชายชาติทหาร ไม่ใช่ชายชาติทหารเกย์

ประสงค์พนมมือไหว้ศพคนรักของเขาในรถด้วยน้ำตานองหน้า

***

"นายประสงค์พาเรามาทำไมที่นี่วะ" เจ้าทองเอ่ยถาม
"นายประสงค์พาเรามาเคารพศพนายสังคม" เจ้าหลงตอบเสียงเศร้า
"นายประสงค์ตายแล้ว!" เจ้าทองตะลึง "นายสังคมเป็นอะไรตาย"
"นายสังคมถูกยิงตายที่ปัตตานี"
"ใครยิง ใครยิงนายประสงค์" เจ้าทองละล่ำละลัก
"ไม่รู้ว่าใคร"
"แล้วเขามาฆ่านายสังคมทำไม นายสังคมเป็นคนดี"
"เขาไม่รู้หรอกว่านายสังคมเป็นคนดี เขารู้แค่นายสังคมไม่ใช่พวกเดียวกับเขา"
"ไม่ใช่พวกเดียวต้องฆ่ากันด้วยหรือ"
"ข้าไม่รู้"
"ถ้าสังคมยอมรับคู่รักแบบนายสังคมกับนายประสงค์ นายสังคมก็คงไม่พาตัวเองไปตาย และถ้าหากที่ที่นายสังคมไปตายไม่แบ่งพรรคแบ่งพวกนายสังคมก็ยังมีชีวิตกลับมาหาพวกเรา นี่มันอะไรกันวะไอ้หลง" เจ้าทองกล่าวด้วยเสียงอันสั่นเครือ
"ข้าไม่รู้"
"ข้าเป็นแมวเอ็งเป็นหมา ยังรักกันได้ ทำไมคนด้วยกันถึงรักกันไม่ได้วะ"
"ข้าไม่รู้..."


-เนื้อหา
oตอนจบชัดเจนมากเกินไป อุบายการใช้ผู้เล่าเรื่องผ่าน หมากับแมว (ซึ่งเป็นสัตว์ต่างชนิดกัน แต่ก็อยู่ด้วยกันได้อย่างปรองดอง) น่าสนใจดี ทำให้ผู้อ่านเกิดการเปรียบเทียบ ระหว่างการดำเนินชีวิตของสิ่งที่ชีวิตสองกลุ่ม คือ คนกับสัตว์ ว่าใครฉลาดในการดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุขสงบกว่ากัน ประเด็นคือ ชัดเจนมากเกินไป การใช้กลวิธีดำเนินเรื่องผ่านสัตว์ซึ่งนำมาเป็นสิ่งเปรียบเทียบจึงดูด้อยค่า มีความสำคัญลงน้อยลงไปอย่างชัดเจน การใช้สัตว์เป็นผู้ดำเนินเรื่อง ย่อมทำให้ผู้อ่านตระหนักถึง สาระสำคัญ ในเรื่องมากเป็นพิเศษอยู่แล้วเพราะผู้ดำเนินเรื่องไม่ใช่คนธรรมดา

oการสะท้อนปัญหาสังคมทั้งสองเรื่อง คือ เรื่องการรักเพศเดียวกันและเรื่องการก่อความไม่สงบในภาคใต้ ถือว่าดี เพราะสามารถหาลักษณะร่วมของทั้งสองปัญหา คือ การกีดกัน ไม่ยอมรับความแตกต่างของสมาชิกในสังคม จึงทำให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยก ร้าวฉาน ในสังคม และนำมาซึ่งผลเสียร้ายแรงดังกล่าวในเรื่อง แต่ ปัญหาทั้งสองปัญหานี้ดูยิ่งใหญ่มากทั้งยังมีความซับซ้อนจึงเป็นการยากที่จะแก้ไข เพราะขึ้นอยู่ความคิดของแต่ละบุคคลว่าจะ รับได้ในความแตกต่าง หรือ ไม่ยอมรับ ดังนั้นปัญหาทั้งสองนี้จึงละเอียดอ่อนมาก และต้องอาศัยหลายๆองค์ประกอบมาช่วยแก้ไข การเสนอความคิดเห็นที่ว่า “ก็ทำใจรับความแตกต่างในสังคมให้ได้สิ” จึงดูเป็นความคิดที่ดีมาก แต่อาจจะเป็นเพียงแค่ความคิดในอุดมคติก็ได้ เพราะใครจะสามารถเปลี่ยนความคิดเห็นของคนอื่นได้ง่ายๆ ประเด็นคือ ยังไม่ลุ่มลึกพอ ลองคิดหาไอเดียที่คนน่าจะทำได้จริงในสังคมมาเสนอ จะทำให้เรื่องดูมีคุณค่า และทำหน้าที่รับใช้สังคมอย่างแท้จริง และถ้าอยากสะท้อนความเป็นไปทางสังคม ควรอ่าน ปรัชญา ให้เยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆกว่านี้ แนวคิดต่างๆ เช่น มาร์กซิสึม โครงสร้างนิยม หรืออะไรต่างๆ จะช่วยทำให้เห็นแนวความคิดที่จะนำมาพัฒนางานเขียนให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น

-ภาษา
oภาษายังลักลั่นอยู่มาก แต่อันนี้ไม่ขอพูดอะไรมากเพราะ อาจถือเป็นแนวหรือ style ภาษาของตัวเองได้ แต่ต้องระวังให้มากเพราะนักอ่านที่อ่านจริงและอ่านเป็น จำเป็นจะต้องจับคำพูดทุกคำพูดมาตีความ และเขาจะดูออกทันที ถ้าคำๆใดถูกบรรจุลงในเรื่องด้วยความไม่รู้ภาษาไทยที่ดีพอของผู้เขียน ซึ่งย่อมทำให้งานเขียนถูกประเมินค่าในเชิงลบ


Create Date : 11 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2549 10:25:22 น. 7 comments
Counter : 506 Pageviews.

 
อา...ท่านป๋า ข้าพเจ้าดื่มให้ท่านโหลนึง เอาให้เมาฟุบไปเลย!!
นี่ล่ะที่ตามหา!!

ขอบพระคุณประกายความคิดของท่านที่ ตัดสินใจแบ่งปันมิตรภาพอันชัดเจนเปี่ยมค่าชิ้นนี้(และอีกหลายชิ้นต่อไป)ออกมา

ขอบพระคุณท่านผู้หยิบยื่นมิตรภาพงดงามชิ้นนี้ให้ท่านป๋า

คารวะ


โดย: ธุลีดิน IP: 203.146.63.187 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:12:22:42 น.  

 
ได้ความรู้มากๆ


โดย: สายลมอิสระ วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:12:25:21 น.  

 
แหมนะ ตัวเองก็ ใช่ ธรรมดา ที่ไหนกัน
แล้ว มาให้เรา วิจารณ์ งาน ซะงั้น...

เค้าเรียกว่าเอามะพร้าวไปขายสวนละมั้งเนี่ย ดาริฯ


โดย: ดาริ (ดาริกามณี ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:30:17 น.  

 
ป๋าครับ ดีมากครับที่เอามาแบ่งกันอ่าน

ใครเป็นผู้วิจารณ์งานเขียนชิ้นนี้ของป๋าครับ? ผมคุ้นๆกับสำนวนยังไม่รู้


โดย: ป๋าเอง IP: 58.10.33.186 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:35:38 น.  

 
แถมหน่อย...

เรื่อง passive voice นี่ผมสับสนมาก ผู้รู้ท่านมักจะบอกว่าภาษาไทยไม่มี แต่นักเขียนแม้ระดับแนวหน้าก็ยังแพลมไอ้พาสสีฟ ว้อย บ้าบอคอแตกนี้ให้เห็นอยู่เสมอ ไปๆมาๆเหล่านักอยากเขียนอย่างเราๆก็เลยถูกทำให้มึนด้วยสาเหตุเพราะภาษาสองภาษามาปนกันนี่แหละ ฮาๆ


โดย: ศิษเหลนของศิษย์ทวดซึ่งเป็นสหายของป๋า IP: 58.10.33.186 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:41:26 น.  

 
เย้...

ขอบคุณป๋าอีกครั้งนะครับที่เอามากันอ่าน ได้ประโยชน์เยอะเลย ขอบคุณท่านผู้วิจารณืด้วยนะครับ ขอบคุณครับ


โดย: คนเดียวกันกับสองความเห็นข้างบน IP: 58.10.33.186 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:44:26 น.  

 

อ้า! ฉ่ำชื่นหัวใจดีแท้ๆ ขอรับ .. ท่านไอซ์


เป็นมุมมองที่สร้างความกระจ่าง ให้ได้อีกมากโขเชียว ..
นั่นคือ รวมถึง ผู้ที่ผ่านสายตาเข้ามาอ่านผลงาน และ การวิจารณ์ผลงาน ในครั้งนี้ด้วยนะ ขอรับ ..

ชัดเจน และ รุนแรง ในความคิดเห็น โดยไม่ต้องมีอะไรให้เกรงใจกันและกันเลยสักนิด ...


ขอบคุณ ที่นำมาแบ่งปันกันซี๊ดดดดดดด! ขอรับท่านฯ




โดย: ข้าพเจ้าเอง IP: 61.7.182.246 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:35:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

parchya
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Friends' blogs
[Add parchya's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.