ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ <The Best of 2007> #3 : "5 หนัง(โรง)อยากลืม" เป็นที่สุดของผม คือ... ?
ยินดีต้อนรับ ทุกๆท่านเข้าสู่การสรุปทุกความรู้สึกของผม OncE UPoN'-'a MaN ที่มีต่อเรื่องราวของภาพยนตร์ ใน 365 วัน และ 1 รอบปีที่ผ่านมา ...กับ "ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ [ภาคพิเศษ]" ตอน "The Best of 2007" ครับ...
ต่อมายังหนที่ 3 แล้ว สำหรับการสรุปความประทับใจของหนัง(ดูโรง)ในรอบปีหมูที่ผ่านพ้นไป ...สำหรับสองหนก่อนหน้า ผมก็ได้นำเสนอไปถึง... "15 การแสดงยอดเยี่ยมในหนังสุดประทับใจ" ...//www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=07-01-2008&group=9&gblog=10 และ "5 ฉากน่าจดจำในหนังสุดประทับใจ" ...//www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=09-01-2008&group=9&gblog=11
คราวนี้ก็มาถึงคิวของการสรุปเอาความเป็น The Best ในแง่มุมที่ตรงกันข้ามกับคำๆนี้อย่างสิ้นเชิง ...นั่นผมกำลังหมายถึง The Worst of 2007 กับ 5 หนังดูโรง ที่ดูจบแล้ว ก็ทำให้อยากจะลืมว่าเราเคยดูมันมา ...อาจไม่ได้หมายความว่า หนังเหล่านี้เป็นหนังที่แย่ไปซะทุกเรื่อง แต่ที่ผมเอามานำเสนอ ล้วนมีเหตุผลมาจากความรู้สึกไม่ใครปลาบปลื้ม มีจุดตำหนิมากกว่าจุดน่าชม และยังจะเป็นหนังที่น่าผิดหวัง ประเภทที่ ถ้าใครถามว่าน่าดูมั้ย ผมก็บอกได้เลย ว่า "อย่าดูก็น่าจะดีกว่านะ"...แม้กระทั่งเมื่อมันออกมาเป็นวีซีดี ดีวีดี ก็ยังอยากเซย์โน ว่าอย่าลองเช่าหรือซื้อ เลยซะเถอะ ด้วยความปรารถนาดีอันจริงแท้
5 หนัง(โรง)อยากลืม ...เป็นที่สุด ประจำปี 2007
อันดับที่ 5 ...อาจจะมีคนหลายๆคนบอกว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สนุก แม้มันจะออกมาเป็นสูตรสำเร็จ ก็พอมีอะไรให้ดูให้ลุ้นกันเพลินๆ ...แต่เมื่อผมได้ลองไปพิสูจน์กับตาตัวเอง กลับผมว่า มันเป็นหนังที่ดูน่าเบื่อ เดินเรื่องแบบเรื่อยเปื่อย แถมความฉลาดหลักแหลมที่พอจะมี ก็กลายเป็นอะไรทื่อๆไปเสียหมด เพียงเพราะบทหนังที่เต็มไปด้วยปัญหา อันสับสน หรืองงงวยกับการนำเสนอที่ประดักประเดิดระหว่างความเป็นดรามา และฉากแอ๊คชั่นที่อัดมาเท่าไหร่ ก็กลายเป็นลุ้นไม่ขึ้น ...แล้วยิ่งเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงฉากจะจบ ก็กลายเป็นไม่รู้จะให้จบอีท่าไหน กลับปล่อยเลยตามเลย หักมุมแบบมีนๆ และหาวิธีการแบบง่ายๆ ทำให้ชะตากรรมของหนัง มาหยุดลงตรงที่ การตายของตัวการใหญ่ที่ทำได้เหมือนจะฉลาด แต่ก็มักง่ายอย่างเป็นที่สุด
และหนังเรื่องที่ว่านั้นก็คือ... "Shooter"
อันดับที่ 4 ...อีกหนึ่งหนังภาคต่อที่น่าจะพอคาดหวังความสนุกอะไรได้บ้าง ถ้าวัดจากผลงานภาคก่อนๆ แล้วเมื่อรวมการกลับมาอย่างครบทั้งเซ็ตของทั้ง ผู้กำกับคนเดิม และคู่ดารานำซี้เก่า ก็พอทำใจได้ว่า ถ้าเนื้อเรื่องมันเหลว อย่างน้อยๆเขาทั้งสามก็น่าจะช่วยประคองหนังให้ไหลลื่นดูเพลินๆไปได้ทั้งเรื่องเหมือนก่อนๆ ...แต่มันก็ทำได้แค่น่าจะเท่านั้น เพราะเมื่อได้ดูจริงๆ มันก็ยังด้อยกว่าภาคก่อนๆอย่างที่คิด แต่กับความหวังที่มีต่อความสนุก ยักกะเลือนลาง กลายเป็นความรู้สึกเรื่อยๆ ที่ผันแปรเป็นความเอื่อยเฉื่อยที่ไม่ใคร่จะอยากเร่งรีบอารมณ์ลุ้นไปตามชื่อของหนัง ...
แล้วเมื่อพูดถึง ทีมงานคนเก่าที่น่าไว้ใจ ก็กลายเป็นว่า พวกเขากลับช่วยอะไรให้หนังไม่ได้เลย ผลงานแต่ละคนออกจะด้อยกว่ามาตรฐานเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะพระเอกตัวจริง ที่ความชราพลัดพรากความพริ้วไหวไปเสียเยอะ , พระรองตัวขโมยซีน ก็ดูจะกวนโอ๊ยยักไม่รุนแรงเท่าเคย (แอบเสียดายเงินค่าตัวพี่แกที่เสียไปเยอะ แต่ได้อะไรมาน้อยมาก) หรือกระทั่งตัวผู้กำกับที่โดยปกติแล้ว ไม่เคยมีเครดิตที่ดีเยี่ยม แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องไหนที่ไม่สนุก (ก่อนหน้ากับหนังซูเปอร์ฮีโร่พันธุ์เอ๊กซ์ ภาคที่ด้อยที่สุด แต่ก็พอมีอะไรมันส์ๆให้ไม่น่าเบื่อซะเท่าไหร่) เมื่อกลับมากำกับหนังที่ตนเองคุ้นเคยเป็นครั้งที่ 3 ก็เหมือนกับว่าเขาหลงลืมเลอะเลือนไม่ได้มีความรู้จักกับหนังเรื่องนี้ไปซะแล้ว
เพราะฉะนั้น ...ถ้าเกิดยังดันทุรัง มีภาคต่อ คลอดตามมาอีก ผมก็คงจะต้องขอจบความรู้สึกต้องดูลงตรงที่ ภาคล่าสุด เป็นภาคสุดท้ายก็แล้วกัน
และหนังเรื่องที่ว่านั้นก็คือ... "Rush Hours 3"
"Rush Hour 3" ... ฟัดอย่างฝืดๆ อืดแบบเซ็งๆ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=23-08-2007&group=2&gblog=84
อันดับที่ 3 ...หนังไทยที่ทำท่าจะฟอร์มดีมาตั้งแต่ต้น ทั้งจากหน้าหนัง เครดิตงานก่อนๆของผู้กำกับ การรวมดาวดัง ไปจนถึงหนังตัวอย่างที่มีคนหลายคนก็บอกกันว่า "มันเป็นตัวอย่างหนังไทยที่น่าดูที่สุดในรอบปี" มิเช่นนั้น มันจึงเป็นโอกาสและความแปลกครั้งใหม่ของวงการหนังไทยที่น่าจะพอมีอะไรให้ได้คาดหวังอยู่...แต่เมื่อได้ดูตัวหนังจริงๆ มันกลับเป็นหนังที่สามารถรวบรวมความน่าผิดหวังเอาไว้มาอยู่ในเรื่องเดียวกันอย่างอัศจรรย์ซะอย่างงั้น
จากหน้าหนัง ที่ดูดี เอาคำสอนศาสนามาเชื่อมโยงเป็นเรื่องของความบันเทิง... กลายเป็นเรื่องราวของการตามล่า ตามไล่ ตามฆ่า ของตัวละครชายทั้ง 7 กับก็หาหนทางหักมุมจากตัวละครหญิงหนึ่งเดียว ที่ดูสมเหตุสมผลแบบเสี่ยวๆอย่างรุนแรง จากเครดิตงานก่อนๆของผู้กำกับ ที่เคยว่าน่าเป็นอีกหนึ่งความหวังของวงการหนังไทย... ก็กลับกลายเป็น งานที่เขาหมายหมั่นปั่นมือชิ้นนี้ ได้ย้อนรอยมาทำลายความดีที่สะสมมา อย่างน่าเสียดาย จากความพยายามรวมดาวดังมีชื่อและหลากฝีมือมาเจอกัน ... ก็ดันเป็น อีกหนึ่งความพยายามที่แป้ก เนื่องด้วยบทหนังที่อ่อนด้อยรายละเอียด กลับไม่สามารถส่งฝีมือคนเล่นให้ดูเด่นได้ดังที่ควรเป็นไป
แม้โดยภาพรวมของหนัง อาจจะยังพอดูได้ด้วยแง่มุมทางศาสนาที่หนังนำมาสอดใส่ ...แต่ถ้าตัดประเด็นนี้ออกไป มันก็แทบไม่หลงเหลืออะไรให้น่าจดจำอีกเลย สำหรับหนังที่เหมือนจะดีเรื่องนี้
และหนังเรื่องที่ว่านั้นก็คือ... "โอปปาติก : เกิดอมตะ"
"โอปปาติก : เกิดอมตะ" ... ความพยายามครั้งใหม่ของหนังไทย ที่แลกมาด้วยความล้มเหลว //www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=27-10-2007&group=2&gblog=95
อันดับที่ 2 ...แม้จะได้ดูไม่เสียสตางค์ เพราะมีตั๋วฟรีของเมเจอร์มาช่วยลดความคาดหวังเอาไว้ก่อนหน้า ...แต่ผมจะทำยังไงได้ในเมื่อหนังทำออกมาได้เพียงเท่านี้ และที่่ถือว่าดีที่สุดของผู้กำกับ มันก็ไม่น่าจะเรียกว่าดีได้เสียเลย
ด้วยหน้าหนังที่น่าสนใจ จากประวัติศาสตร์เหตุการณ์จริง 3 เรื่อง 3 หมอ ถูกโยงมาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน และก็ทำให้มันมาเกี่่ยวเนื่องด้วยสถานที่แห่งหนึ่ง ที่เป็นโจทย์กำหนดความระทึกของตัวหนังโดยรวม ...แต่แล้ว เมื่อพลอตเรื่องที่ดูดี ได้มาตกอยู่ในมือของผู้กำกับที่ใช้ประโยชน์ของมันไม่เป็น ก็คือเหตุผลที่ต้องผิดหวัง ...และที่ยังจะหนักไปกว่านั้นอีก ก็คือ ความพยายามที่จะเล่นกับของที่ตัวเองคิดว่าถนัด (ซีจี) แต่พยายามสู้อุตส่าห์ทำมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ล้วนผิดความน่าเชื่อถือมันซะทุกครั้งเรื่อยไป
นี่ยังไม่รวมไปถึงช่วงเวลาที่ยิ่งหนังเข้าใกล้ฉากจบอีก ...ที่ยิ่งพยายามจะหาที่ทางเดินไปให้ถึงซักเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะออกทะเลมันเรื่อยไป จนสุดท้ายก็ยากจะหาทางกู่มันได้กลับ
อย่างเดียวที่พอจะเรียกว่าหนังเรื่องนี้มีดีได้ ก็คือ การแสดงของ "ทราย เจริญปุระ" ที่พอจะทดแทนความน่าเชื่อถือของหนังที่หาไม่ได้จาก บทหนัง ที่ยิ่งเล่าก็ยิ่งหลงทาง ...หลงมันอยู่ในบ้านที่ไม่สามารถหาทางให้ผีออกมาได้
และหนังเรื่องที่ว่านั้นก็คือ... "บ้านผีสิง"
"บ้านผีสิง" ... หลอนก็งั้นๆ ตัวหนังก็งั้นๆ ดูจบแล้วก็งั้นๆ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=08-09-2007&group=2&gblog=87
อันดับที่ 1 ...หนังหนึ่งเดียวในอันดับสูงสุด ที่ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า มันเป็นหนังที่แย่ และขอสั่งห้ามให้ทุกคนได้โปรดอย่าดูกันเลย จากความหวังดีของผม เพื่อความสุขใจของคุณๆ
และหนังเรื่องที่ว่านั้นก็คือ... "บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2"
จากภาคแรกที่ยังรู้สึกสนุกดี ขำขำใช้ได้ ...มาภาคสอง มันไม่ได้หลงเหลือเสน่ห์ หรือความใช้ได้อะไรที่ภาคแรกพอเคยมีเอาไว้ช่วยอะไรได้เลย ...มันกลายเป็นหนังมุขต่อมุข ที่เหมือนมีเรื่องมากำหนดจุดการปล่อยมุขไปเรื่อยเปื่อย โดยไม่สนถึงความเหมาะสมทางจังหวะ หรือกระทั่งความสมควรที่จะเล่น
ถ้าตัดความอคติที่มีต่อหนังมุขต่อมุขทิ้งไป ...ชั้นถัดไป ที่ว่ากันถึงเรื่องของความตลก ก็ล้วนอุดมไปด้วยความแป้ก ระรัวแต่มุขที่ดูจะฝืดและเฝือ หรือกระทั่งบางครั้ง ก็ไปหยิบเอามุขเก่าๆเอามาเล่นฆ่าเวลาอีกสักที (ยกตัวอย่าง "ชาร้อนมั้ยค่ะ...ก็ลองเอานิ้วจุ่มดูสิ")
ถ้าลองตัดเรื่องของความตลกทิ้งไปอีกสักหนึ่ง ...ก็จะเหลือเพียงชั้นสุดท้าย ความเป็นหนังแอ๊คชั่น ที่ต้องวัดกันจากความมันส์ ชวนให้น่าติดตาม ...แต่เนื่องในเมื่อ หนังมันดันอุตส่าห์เละเทะเลอะเทอะมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว ก็ไม่หลงเหลือความรู้สึกอยากจะรับชมอะไรมันส์ๆ เพลินๆ อีกต่อไป
แม้หนังเรื่องนี้อาจจะยังไม่สามารถไล่ตะเพิดให้ผมต้องออกจากโรงก่อนที่หนังเรื่องนี้จะจบลงจนได้ ...แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่สามารถจบกับหนังเรื่องนี้ได้ง่ายๆก็คือ ความรู้สึกอคติ ที่จะตีตราหราบอกว่า หนังเรื่องนี้ เคยเป็นหนังที่ผมอยากลืมมากที่สุด แห่งปี 2007
ทั้งหมดทั้งมวล ทั้ง 5 เรื่อง ...คือ บทสรุปความประทับใจแห่งปีที่ไม่น่าจดจำ ของสาขา 5 หนัง(โรง)อยากลืม เป็นที่สุด ของผม
...แล้วของคุณล่ะครับ มีหนังเรื่องไหนบ้างที่ทำให้คุณรู้สึกกระสับกระส่าย เหนื่อยหน่ายความงุ้นง่าน และทำให้เดือดพล่านไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด จนเมื่อหนังจบ สิ่งเดียวที่คิดออกก็คือ อยากจะลืมมัน ...อยากจะรู้ว่าคุณและผม คิดเหมือนกันหรือเปล่า ?
แล้วพบกันอีกที กับ The Best of 2007 ในสาขา "5 หนังดูที่บ้าน ...ที่สุดแห่งความประทับใจ" ...คิดกันมาล่วงหน้า แล้วอย่าลืมกลับมาแลกเปลี่ยนความเห็นกันอีก นะครับ
ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 10 มกราคม 2551 |
|
7 comments |
Last Update : 10 มกราคม 2551 0:04:21 น. |
Counter : 2693 Pageviews. |
|
|
|
ตั๊ด สู้ ฟุด
เท่งโหน่ง คนมาหาเฮีย
บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2
บ้านผีสิง
ผีเลี้ยงลูกคน
วิดิโอคลิป
สวยลากไส้
อีส้มสมหวัง
โอปปาติก : เกิดอมตะ
200 Pounds Beauty (แต่มีคนชอบเรื่องนี้เยอะ)
Captivity
Hannibal Rising
Hostel 2
I know who killed me
Rush Hour 3
The Black Dahlia
The Golden Compass
Vacancy
แต่เรากลับชอบ Shooter นะคะ