|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
4 กุมภาพันธ์ 2551
|
|
|
|
เพราะ..
... ริมน้ำซอง เทือกเขาหินปูนทอดยาว พระอาทิตย์ดวงโต..แก้มแดง คล้อยเคลื่อนเลื่อนต่ำลงหลังเขา เงาสะท้อนในน้ำ...งดงาม ........................................... 1. ฉันกลับมาที่นี่อีกครั้ง
วังเวียง มาคนเดียว จะมากับใครได้ในเมื่อเพื่อนตัวดีมีนัดกับหวานใจ ส่วนพี่สาวคนสวยก็ไม่ต่างกัน มองไปทางไหนเจอแต่คู่รัก เซ็ง! อันที่จริงจะโทษพี่โทษเพื่อนก็คงไม่ได้ ช่วงเวลานี้ใครต่อใครก็อยากอยู่ใกล้แก้วตาหวานใจทั้งนั้นเดือนกุมภาพันธ์ วาเลนไทน์แล้วคนว่างเปล่าอย่างฉันจะอยู่เงียบเหงาเฝ้าห้องทำไม ลาพักร้อน เขียนโน้ตทิ้งไว้ แบกเป้เดินทาง
วังเวียง สปป.ลาว ที่ที่คุ้นเคย ที่เงียบสงบงาม อาจช่วยให้เจ้าวายร้ายที่มีชื่อว่า เหงา จากไป
เก้าอี้ไม้ ระเบียงไม้ คนแปลกหน้า
อากาศค่อนข้างเย็น พระอาทิตย์ดวงโต แก้มแดง กำลังเคลื่อนตัวลงช้าๆ ลับหลังเขาทิ้งประกายส้มเรื่อเรืองให้อาลัยอาวรณ์
สะพานไม้สำหรับข้ามฟาก ยังคงงดงามและคลาสสิก พรุ่งนี้เถอะนะจะข้ามไปทักทายมิสเตอร์โจและวรรณ
ชาอุ่นๆในแก้วช่วยให้มืออุ่นขึ้น ส่วนใจ
.ช่างมันเถอะนะ
2. เก้าอี้ไม้ตัวเดิม มุมเดิม กาแฟร้อน ขนมปัง อาหารเช้าง่ายๆ ชาวบ้านหลายคน นักท่องเที่ยวหลายคน เดินข้ามสะพานไม้ สะพานไม้ที่มีด่านเก็บเงินอยู่ตรงกลางแม่น้ำ บางคนเลือกที่จะเดินลุยน้ำ ช่วงนี้ลำน้ำตื้นเขินคนขายาวก็คงเดินได้ง่ายๆ น่าเห็นใจเหมือนกัน ถ้าต้องข้ามกลับไปกลับมาหลายเที่ยวก็ต้องเสียตังหลายกีบ
ข้ามไปอีกฟากฝั่งของแม่น้ำเพื่อไปเยี่ยมโจและวรรณ ยอมเสียเงินสองพันกีบเพื่อข้ามสะพานไม้ ไม่สิ สี่พันต่างหาก ไป-กลับโจและวรรณถามถึงเขา คงสบายดี คิดว่าเขาคงสบายดี คงตอบมากกว่านี้ไม่ได้เพราะฉันก็ไม่รู้ว่าหลังจากเลิกคบกัน เขา จะเป็นยังไง อยู่คุยกับโจและวรรณเล่นกับเมลินน้อยที่เริ่มโต
เป็นสาวน้อย เกสเฮ้าส์ของโจมีแขกพักเต็ม แต่ทั้งคู่ยินดีจะจัดห้องพักที่บ้านให้แต่ฉันปฏิเสธ เกรงใจ แวะทักบุญแทน พ่อค้า อืม
หรือแม่ค้านะ บุญแทนเจ้าของร้านอาหารเล็กๆที่อยู่ตรงข้ามเกสเฮ้าส์ของโจ เธอ เอ่อ! เขา ดีใจที่เจอฉัน เราคุยกันด้วยเรื่องราวเก่าๆ มิตรภาพระหว่างเรายังอยู่ดี โคล่า ราคาต้นทุน นั่นก็มากมายแล้วสำหรับน้ำจิตน้ำใจ
3. เก้าอี้ไม้ตัวเดิมถูกจับจองโดยผู้ชายคนหนึ่งดูเหมือนว่าเขากำลังวาดรูป ฉันเลือกนั่งโต๊ะใกล้ๆเขาเยื้องมาด้านหลังอยากเห็นรูปที่เขากำลังวาด เขาเงยหน้าขึ้นมองตอนที่ฉันเลื่อนเก้าอี้เสียงดัง ขอโทษค่ะ
เอ๊ะ! เขาเองก็ชะงักไปเป็นครู่ ก่อนจะยิ้มให้ คุณน่ะเอง มาคนเดียวเหรอคะ ครับ แล้วคุณ
ฉันพยักหน้า มาคนเดียวเหมือนกัน นั่งด้วยได้มั้ยคะ รบกวนหรือเปล่า เชิญครับ ผมกำลังจะหยุด วันนี้แค่ร่างไว้ก่อนพรุ่งนี้จะลงสี ฉันเลื่อนเก้าอี้เก็บ แล้วไปเลื่อนตัวใหม่ที่โต๊ะของเขา เลิกวาดดอกกุหลาบแล้วเหรอคะ เขาคืออาจารย์สอนวาดรูปที่พี่สาวเคยเรียนด้วย จำได้ว่าตอนที่ตามไปดูพี่เรียนวาดรูป เขาให้ลูกศิษย์วาดกุหลาบ ยังจำได้ว่าวันนั้นเขาแย่งกุหลาบและคัดเตอร์ไปจากฉันตอนที่ฉันอาสาจะจัดแจกันให้ ผมจัดเองดีกว่า คงเป็นเพราะท่าทางเก้งก้างทำให้เขาเกะกะตา ตามไปดูสองสามครั้ง ทุกครั้งเขาให้วาด ดอกกุหลาบ จนฉันอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเขาวาดอย่างอื่นเป็นหรือเปล่า
เสียงหัวเราะเบาๆของเขาทำให้ฉันอดที่จะหัวเราะด้วยไม่ได้ คุณคงคิดว่าผมวาดเป็นแต่ดอกกุหลาบกระมัง เขาเก็บอุปกรณ์วาดรูปใส่กระเป๋าหนังใบโต พักที่ไหนคะ ที่นี่ คุณล่ะ อาหารที่เราสั่ง อาหารจานเดียวง่ายๆมาถึงพอดี ขอบใจ ขอบใจ แม่หญิงที่เสริฟยิ้มรับ ยินดี พักที่นี่แหละ บ้านแฝดห้องที่3 ฉันหยุดก่อนทำหน้าประหลาดใจก่อนพูดต่อ อย่าบอกนะว่าคุณพักห้องข้างๆ เพราะเมื่อวานห้องนั้นว่าง เสียใจจริงๆที่ต้องบอกว่าใช่ ผมพักห้องที่4 ติดคุณ เขาว่ายิ้มๆ ก็ดี ฉันยิ้มนิดๆยักไหล่น้อยๆ อะไรที่ว่าก็ดี ก็ดีก็คือก็ดี คุณจะให้เป็นอะไรได้ล่ะ เขามองหน้าฉันทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่พูด บทสนทนาระหว่างอาหารจึงกลายเป็นบทสนทนาที่ไม่มีเสียง เราทานกันเงียบๆ นั่งมองเทือกเขาหินปูนที่พร่าเลือนเพราะไอหมอกและความมืด
หลังอาหารค่ำ เราเดินกลับห้องด้วยกัน มันช่วยไม่ได้จริงๆที่ต้องเป็นแบบนั้น ช่วยถือมั้ยคะ ฉันเอื้อมมือไปหวังจะช่วยถือขาตั้งสำหรับวาดรูป ไม่เป็นไรขอบคุณ ผมถือเองได้ เก็บมือกอดอกไว้เดินเยื้องจากเขาเล็กน้อย ถึงห้องพัก ไม่มีคำราตรีสวัสดิ์ระหว่างคนเคยพบกันสองคน ฉันแค่มองเขา และเขาก็แค่มองฉัน ยิ้มให้กันนิดหน่อยก่อนจะเปิดเข้าห้องใครห้องมัน .. 4. เสียงกุกกักดังจากห้องข้างๆ เสียงเปิดและปิดประตูเบาๆ เอื้อมมือคว้านาฬิกามาดู หกโมง อืม
หนาวจัง
นอนฟังเสียงห้องข้างๆ มีเพียงเสียงของความเงียบตะโกนตอบ ลุกขึ้นเปิดประตู สายลมเย็นๆพัดเอื่อยปะทะใบหน้า กลับไปเอาผ้าห่มมาคลุมตัว กอดตัวเองไว้บนเก้าอีสีขาวหน้าห้อง เฝ้ามองไอน้ำและสายหมอก ที่ลอยล่องจากแม่น้ำและขุนเขา มีชาวบ้านตักน้ำในแม่น้ำขึ้นมารดผักที่ปลูกไว้บนตลิ่งริมน้ำ บ้างเหวี่ยงแหหาปลา บ้างจูงจักรยานข้ามสะพาน เช้าๆอย่างนี้มีแต่ชาวบ้านร้านถิ่น นักท่องเที่ยว คนผ่านทางยังคงเก็บตัวนิ่งในห้องพัก หอมกลิ่นผักชีจากสวนข้างๆ
กล้องดิจิตอลเล็กๆถูกนำมาบันทึก ความงดงาม
ริมน้ำซอง มองไอน้ำและสายหมอก ภูเขาเบื้องหน้าค่อยๆปรากฏเรือนร่าง
งดงาม
ห้องแฝดติดกันเงียบสนิท คงไม่อยู่
14 กุมภา วาเลนไทน์สินะวันนี้ จะมีใครคิดถึงกันบ้างมั้ยนะ
วันนี้ทั้งวันอยู่กับเก้าอี้ หนังสือและโปสการ์ด เดินไปส่งโปสการ์ดที่ไปรษณีย์
พอสาย นักท่องเที่ยวก็ออกมาเดินถนน หลายเชื้อชาติ คู่รักบางคู่เกาะเกี่ยวเหนียวหนึบ บางคู่ก็นัวเนีย เฮ้อ!ไม่มีเกรงอกเกรงใจเจ้าของบ้านเมืองบ้างเลย เดินผ่านกลุ่มนักท่องเที่ยวหนุ่มสาว คนไทย ช่วงหลังคนไทยมาเที่ยวที่นี่เยอะ มีเสียงเล่าขานและบอกต่อ วังเวียงฝาแฝดเมืองปาย ใครที่เคยไปปายก็คงอยากมาเยือนวังเวียง ฝาแฝดน่ะรึ อืม! แฝดคนละฝา แต่เหมือนกัน ความเปลี่ยนแปลงก็เหมือนกัน ความเปลี่ยนแปลงคือนิรันดร์จริงๆ
เย็นนี้ ดูเหมือนว่าร้านอาหารริมน้ำซองจะเต็มไปด้วยผู้คน หลากเชื้อชาติ แขกเยอะกว่าทุกวันนะคะ แวะคุยกับป้าเจ้าของร้านเล็กน้อยก่อนไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิม เฝ้ามองภาพงดงามเบื้องหน้าไม่รู้เบื่อ กล้องดิจิตอลตัวเล็กกดบันทึก
ดูเหมือนว่าวันนี้ร้านดูแปลกตา เทียนไข แจกันสีขาวดอกกุหลาบสีแดง ดอกกุหลาบ กำลังจะนึกถึงอยู่แล้วเชียว เมื่อเก้าอี้อีกตัวถูกใครบางคนเลื่อนดึงออกมานั่ง ขาตั้ง แผ่นภาพ สีน้ำ ฉันมองเขาเตรียมอุปกรณ์ เริ่มลงสี มือเรียวยาวแต้มสีนั่น เติมสีนี่ นักท่องเที่ยวบางคนเดินมาดูรูปที่เขากำลังลงสี เขาทำงานของเขาเงียบๆ ฉันนั่งเงียบๆมองภาพข้างหน้า จวบจนความมืดเข้าครอบคลุม เทียนไขถูกจุด ดินเนอร์กับคนเคยพบใต้แสงเทียน ระหว่างเรามีเสียงของความเงียบ เราแทบไม่รู้จักกัน ความจริงคือเราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ การที่เคยพบกันสามครั้ง ใช่ๆสามครั้ง ไม่ได้แปลว่าเรารู้จักกัน วันนี้คนไม่รู้จักกัน ดินเนอร์ด้วยกันใต้แสงเทียน ในคืนวาเลนไทน์ ฉันยิ้มกับตัวเอง จู่ๆก็ขำ เขามองหน้า คุณเชื่อโคเปอร์นิคัส ที่บอกว่าโลกกลมมั้ย เพราะโลกกลมเราเลยมาเจอกัน
ที่นี่ ผมนึกว่าอริสโตเติลเป็นคนบอกว่าโลกกลม นั่นก็ใช่แต่โคเปอร์นิคัสต่างหากที่บอกว่าโลกกลมและบอกว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ส่วนอริสโตเติลบอกว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แต่เขาก็บอกว่าโลกกลมเหมือนกัน ฉันรื้อฟื้นความรู้เก่า กาลิเลโอ ก็เชื่ออย่างอย่างนั้น และฉันก็คล้อยตามกาลิเลโอนะที่เขาว่ากฎต่าง ๆ ในธรรมชาติน่าจะเป็นอะไรที่สวยงามและเรียบง่าย นี่อะไร แค่เรามาเจอกันโดยบังเอิญถึงกับยกทฤษฎีโลกกลมมาพูด เขาหัวเราะ ผมเชื่อเรื่องโลกกลมและเอ่อ..คล้อยตามกาลิเลโอที่บอกว่าอะไรนะ
ธรรมชาติสวยงามและเรียบง่าย และ
ผมเชื่อเรื่องโชคชะตา ที่นำเรามาเจอกัน
อีก
ถึงคราวที่ฉันนั่งอึ้งเพราะทฤษฎี โชคชะตา
ฉันจะกลับพรุ่งนี้ คุณล่ะ เห็นว่าเคยรู้จักหรอกนะถึงบอก ผมจะไปหลวงพระบางต่อ
พรุ่งนี้ คำตอบของเขาทำเอาฉันอยากลาพักร้อนต่อ คิดถึงหลวงพระบางขึ้นมาทันทีทีเดียวเชียว
เดินกลับห้องพักด้วยกันเงียบๆ
กลับจากหลวงพระบางเมื่อไหร่ ผมอยากพบคุณอีกจะได้มั้ย เขาว่า ฉันค่อยๆหันกลับไปมองสบตาเขา คุณคงต้องไปตรวจสอบทฤษฎีโชคชะตาว่า จะนำพาให้เราพบกันได้อีกมั้ย ฉันว่ายิ้มๆ ผมเชื่อเรื่องโชคชะตา เขาว่า
คืนนี้ ไม่มีคำราตรีสวัสดิ์ระหว่างคนเคยพบกันสองคน ฉันแค่มองเขา และเขาก็แค่มองฉัน ยิ้มให้กันนิดหน่อยก่อนจะเปิดเข้าห้องใครห้องมัน
ฉันเชื่อเรื่องโลกกลมและ
โชคชะตา .. ..
เพราะ..(จบ)
1. เป็นเพราะโลกร้อนแน่ๆที่ทำให้ฉันต้องมานั่งอยู่ที่นี่ หลังเลิกงานเย็นวันศุกร์ ขณะที่ฉันยืนรอรถเมล์ จู่ๆฟ้าก็ครึ้มและฝนก็ตกลงมา ปลายเดือนมีนาคมที่อบอ้าว ฉันไม่อยากยืนตัวลีบหลบฝนที่ป้ายรถเมล์ จึงเลือกที่จะวิ่งเข้าร้านกาแฟที่อยู่มุมถนนแทน ยืนเล็งไว้ก่อนที่ฝนจะตก ร้านน่ารักดี หน้าร้านมีเก้าอี้ยาวสีขาวไว้นั่งเล่น กระถางต้นโมกที่ออกดอกเต็มต้นส่งกลิ่นหอมจรุงใจ กระจกใสของร้านทำให้มองทะลุเข้าไปเห็นด้านใน เก้าอี้ไม้สี่เหลี่ยมหลากสี เขียว เหลือง แดง ฟ้า ขาวและน้ำตาล คล้ายสีลูกกวาด ตู้ขนมเค้กขนาดย่อม ร้านกาแฟกับขนมเค้กเป็นของคู่กัน และเป็นของโปรดของฉันซะด้วย
สายฝนขับไล่อากาศร้อนอบอ้าวทั้งวันหายไป
ฉันเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่มุมหนึ่งของร้าน ฉันชอบนั่งตามมุม อาจเป็นเพราะมุมห้องทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น อาจเป็นเพราะมุมห้องทำให้ได้มองเห็นสิ่งต่างๆรอบๆโดยไม่ต้องระวังว่าด้านข้างหรือด้านหลังจะมีใครจ้องมองเราอยู่
ฉันสั่งคาปูชิโนร้อนและstrawberry-kiwi shot cake ขณะรอก็มองสำรวจรอบร้าน ชั้นวางหนังสือและโปสการ์ดทำมือ เจ้าของคงชอบเดินทางน่าดู เพราะมีหนังสือบันทึกการเดินทาง และโปสการ์ดสถานที่ต่างๆมากพอสมควร บนฝาผนังของร้านประดับด้วยภาพวาดสีน้ำ ร้านกาแฟ ขนมเค้ก หนังสือและงานศิลปะ ถูกจับมาอยู่รวมกัน
กาแฟและเค้กที่ฉันสั่งถูกยกมาให้ กลิ่นของชินนามอนที่โรยมาบนฟองนมหอมสดชื่น
แล้วฉันก็นั่งยิ้มคนเดียวเมื่อคิดถึงเรื่องกาแฟกับผู้หญิง ความจริงคือเมนูของร้านกาแฟแห่งหนึ่ง มีคนนำไปลงในอินเตอร์เน็ต ฉันเปิดไปเจอเมื่อหลายวันก่อน เป็นร้านกาแฟสด จำได้ไม่กี่ชื่อ อย่างคาปูชิโน เขาเขียนว่า ผู้หญิงบอบบาง มอคค่าก็จะเป็นผู้หญิงสองใจ บลูเมาเท่นเป็นผู้หญิงลึกลับ และอะไรอีกจำไม่ได้แล้ว เข้าใจคิด
กาแฟเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมกับชีวิตผู้คนในยุคนี้มากเหลือเกิน ธุรกิจเกี่ยวกับกาแฟผุดขึ้นยังกะดอกเห็ดหน้าฝน ฉันเองบางครั้งยังแอบฝันอยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง แต่ฝันทีไรก็ตื่นจากฝันง่ายๆทุกที มีฝันแต่ไม่มีไฟ
ข้างนอกร้านสายฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่องแม้จะเบาลงบ้างแล้ว คาปูชิโนถูกยกขึ้นมาดื่มก่อนที่กลิ่นหอมจะจางหาย ฉันยังไม่ได้วางถ้วยกาแฟลงด้วยซ้ำตอนที่ เขา ผลักประตูร้านเข้ามาในร้าน ผู้ชายคุ้นตาที่หอบของเต็มอ้อมแขน ห่อของรูปทรงสี่เหลี่ยมน่าจะเป็นกรอบรูป ควรจะเป็นกรอบรูปก็ เขา เคยเป็นอาจารย์สอนวาดรูปให้แก่พี่สาวของฉันน่ะสิ
หลังจากที่เจอเขาที่วังเวียง แล้วฉันก็กลับมา ในขณะที่เขาไปหลวงพระบางต่อหลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้เจอเขาอีก ปล่อยให้วันเวลาผ่านไป ปล่อยให้โลกหมุนไป แม้แกนโลกจะเอียง โลกก็ยังหมุนรอบตัวเอง โลกกลมๆหมุนรอบตัวเอง เราหมุนไปกับโลก ใครบางคนหมุนไปกับโลกและ หมุนมาเจอกันในที่สุด
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักกับพนักงานในร้าน ฉันเห็นพนักงานคนนั้นเดินไปด้านหลังร้านและต่อมามีผู้หญิงเดินออกมาจากด้านหลังของร้าน และทันทีที่เธอเห็นเขา และเขาเห็นเธอ ทั้งคู่ต่างโอบกอดกัน ฉันไม่ได้ยินว่าเขาคุยกันเรื่องอะไร ความจริงเป็นเพราะไม่สนใจจะฟังมากกว่า ฉันไม่เห็นอะไรอีกเพราะทันทีที่เธอเข้าสู่อ้อมแขนของเขา ฉันก็เบือนหน้ากลับมาสนใจกาแฟและขนมเค้กที่อยู่ข้างหน้า
มองถ้วยกาแฟ มองออกนอกร้าน เมื่อไหร่นะฝนจะหยุดตก อาจบางทีฉันจะกลับก่อนที่ฝนจะหยุด ขนมและกาแฟกำลังจะหมด ฉันไม่มีเหตุให้ต้องนั่งแช่ ไม่มีกลิ่นหอมของกาแฟ ไม่มีรสละมุนนุ่มลิ้นของฟองนม หลังหมดฟองนมกาแฟก็มีรสชาติขมคออยู่ดี กาแฟยังไงก็คงเป็นกาแฟ
หอมและขม .. 2. เสียงริงโทนมือถือดังเบาๆโทรศัพท์สั่นเป็นเจ้าเข้าในกระเป๋าสะพาย เดี๋ยวจะกลับแล้วค่ะ รอฝนซาสักพัก ค่ะ
ค่ะ สวัสดีค่ะ เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า มีเงาของใครบางคนยืนอยู่ข้างๆ เขา เป็นเขาน่ะเอง ไม่แปลกใจสักนิดที่เขาจะเห็นฉันก็ร้านกาแฟออกจะโล่งโปร่งและไม่ได้กว้างใหญ่อะไร สวัสดีครับ นั่งด้วยได้มั้ย ฉันพยักหน้า ยิ้มให้เขานิดหนึ่ง ผมไม่อยากจะแปลกใจเท่าไหร่นัก ที่เราพบกันอีก เพราะคุณอาจจะบอกผมว่าเพราะโลกกลม และ
ผมอาจจะบอกคุณอีกว่าเพราะโชคชะตา ประโยคนั่นเขาหมายความว่าเขาไม่แปลกใจที่เจอฉันอย่างนั้นหรือเปล่านะ สวัสดีค่ะ หลวงพระบางเป็นอย่างไงบ้าง คนเคยพบกันควรจะคุยกัน ฉันคิดว่าอย่างนั้น เพราะน้ำเสียงหรือท่าทางอันเรียบเฉยของฉันหรือเปล่านะที่ทำให้เขาทำหน้าแปลกๆ สวยมาก เรียบง่าย สงบ งาม กลับจากหลวงพระบางผมยุ่งมาก เพราะต้องเตรียมจัดนิทรรศการภาพสีน้ำต่อทำให้ผมไม่ได้ติดต่อไปหาคุณเลย ตั้งใจว่าจะติดต่อไปหาคุณในวันสองวันนี้ ให้บังเอิญหรือจะเป็นโชคชะตาที่ทำให้ผมมาเจอคุณที่นี่ ร้านกาแฟของน้องสาวผม นั่นเขากำลังจะบอกฉันถึงเหตุผลที่เขาไม่ติดต่อฉันหลังจากที่เขาเคยบอกว่าอยากพบฉันอีก ใช่มั้ย นิทรรศการ ร้านของน้องสาว แล้ว
ที่ยุ่งๆเรียบร้อยหมดแล้ว ? ฉันได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของตัวเอง ไม่ยักห้วนเหมือนประโยคสั้นๆนั่น เรียบร้อย หมายถึงเราเตรียมงานเรียบร้อยอีกสองวันจะเปิดให้เข้าชม มีศิลปินหลายท่านเข้าร่วม รายได้ส่วนหนึ่งจากการขายภาพเราจะมอบให้องค์กรเพื่อสาธารณกุศล ผมตั้งใจจะติดต่อหาคุณเพื่อชวนไปชมนิทรรศการ อยากให้คุณไป มีบางภาพที่ผมอยากให้คุณได้เห็น มีความอ่อนโยนในแววตาของเขา ฉันถามเขาถึงวันเวลาสถานที่ พี่สาวของฉันคงไม่พลาดถ้ารู้เรื่องนี้ คิดอีกทีพี่น่าจะรู้ก่อนฉันด้วยซ้ำ แล้วฉันจะไป ฉันบอกเขายิ้มๆ ตอนที่เขายิ้มตอบมันทำให้ฉันรู้สึกใจสั่นนิดๆ จนต้องมองออกนอกร้าน
ฝนซาเม็ดแล้ว และก็มืดมากแล้วฉันควรต้องกลับเสียที ฉันคงต้องกลับแล้ว พี่จะเป็นห่วง ฉันบอกเขาและหันไปมองหาพนักงานของร้าน ไม่ต้องหรอก มื้อนี้ผมเลี้ยง มาเถอะผมจะไปส่ง รถของผมจอดอยู่เยื้องร้านไปไม่ไกล รอผมเดี๋ยวนะ เขาลุกเดินไปด้านหลังของร้านและกลับออกมาพร้อมผู้หญิงคนนั้น คนที่เขาบอกว่าเป็นน้องสาว เขาแนะนำให้เรารู้จักกัน และบอกลากันในครั้งเดียว .. ระหว่างทางจากร้านกาแฟมาถึงบ้าน เราพูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น ไม่อยากเป็นเพียงคนเคยพบ เคยรู้จัก ผมเชื่อเรื่องโลกกลมและโชคชะตา ที่ทำให้เราได้พบกัน แต่ต่อจากวันนี้ผมจะไม่ปล่อยให้โชคชะตากำหนด ผมจะกำหนดโชคชะตาและเรื่องราวระหว่างเราเอง เขาว่าอย่างนั้น และฉันจะว่าอย่างอื่นอย่างไรได้ในเมื่อฉันดันเชื่อในเรื่องเดียวกันกับเขานี่นา
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2551 |
|
2 comments |
Last Update : 20 มีนาคม 2551 4:26:19 น. |
Counter : 727 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: Camille IP: 159.53.110.141 13 พฤศจิกายน 2553 0:53:59 น. |
|
|
|
| |
|
|
สิงห์อมบ๊วย |
|
|
|
เรื่องสำคัญ ทำความเข้าใจกันก่อนงานเขียนใน "บล็อกสิงห์อมบ๊วย"
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน แม้ผลงานจะห่วย ก็เป็นสิทธิ์ของผู้เขียนนะคะ
ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลง เผยแพร่
โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นอาจมีความผิด ตาม
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
................................
|
|
|